กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-05-2024, 21:46
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,900 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-05-2024, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพ พร้อมด้วยพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์ กนฺตวณฺโณ น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) พี่มุกดา (นางสาวมุกดา เพชรชื่นสกุล) พร้อมด้วยพลขับ ซึ่งร่วมเดินทางด้วยครั้งนี้ก็คือคุณปิง (นายณัฐภาคย์ องค์วรวิทย์) วิ่งออกจากที่พัก คือวัดอุทยาน ตรงไปยังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ

ด้วยความที่เกรงว่า ถ้ารถติดจะไปไม่ทันนัดตอน ๒ โมงเช้า แต่ปรากฏว่าทำไมรถถึงไม่ติดก็ไม่รู้ ? ไปถึงเพิ่งจะ ๖ โมงครึ่ง เสียเวลาวนหาที่จอดรถหลาย ๑๐ นาที เนื่องเพราะว่าจะต้องฝากรถเอาไว้ที่นี่ จนกระทั่งถึงวันกลับเลย เมื่อได้ที่จอดรถแล้ว ก็ยังต้องถ่ายรูปเอาไว้ เพื่อที่จะได้จำได้ว่าเราจอดรถไว้ตรงไหน แล้วก็เดินเข้าไปรวมกันยังสถานที่นัดหมาย

ปรากฏว่าในคณะมีหลายคนมาถึงแล้ว สักครู่หนึ่งน้องการ์ตูน (นางสาวศรัณย์พร บุรินทรโกษฐ์) ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าทัวร์ในครั้งนี้ก็มารายงานตัว ตามด้วยน้องหนึ่ง (ณิชชารีย์) เมื่อเห็นว่าพวกเราพร้อมแล้ว ก็พาไปเช็คอิน ซึ่งกระผม/อาตมภาพมีกระเป๋าถืออยู่ใบเดียว น้ำหนัก ๓.๒ กิโลกรัมเท่านั้น..! เท่ากับว่าไม่มีกระเป๋าเลย จึงต้องเฉลี่ยน้ำหนักทั้งหมดให้กับทางน้องการ์ตูน ที่ขนเสบียงไปเผื่อพวกเราเกือบ ๒ กระสอบ..!

เสร็จสรรพเรียบร้อย ออกมาก็เจอคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ พร้อมกับคุณเอ (ฉัตตริน เพียรธรรม) กรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็นซีทัวร์ ซึ่งคุณเอนั้นมาส่ง แต่คุณนวลจันทร์นั้นปวารณาไว้แล้วว่า "หลวงพ่อเล็กไปไหน โยมนวลขอไปด้วย แม้จะจ่ายเงินเองก็ยอม" ก็เลยกลายเป็นว่ามีลูกทัวร์กิตติมศักดิ์ ที่เป็นประธานกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์เดินทางไปด้วย

คุณนวลจันทร์พากระผม/อาตมภาพ ผศ.ดร.พระครูโรจน์ แล้วก็ท่านต้นไม้ (พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์) ไปด้วยกัน เพื่อเข้าไปยังช่อง Fast Track ซึ่งสามารถผ่านไปด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง

ปรากฏว่าของเราเมื่อเช็คอินนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ออกประตูขึ้นเครื่องให้ เนื่องจากว่าพวกเรามาเร็วก่อนเวลา จึงต้อง "งมโข่ง" เข้าไปทางด้านใน อาศัยความจำของคุณปิงที่ว่า การบินไทยของเรามักจะอยู่ทางด้านโซน C เมื่อเข้าไปใกล้จะถึง ก็เห็นว่าเขาออกประตูขึ้นเครื่องให้แล้ว คือประตู C8
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2024 เมื่อ 04:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-05-2024, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงไปนั่งอ่านหนังสือรอ ขณะที่ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหากว่าไม่ไปรับประทานอาหารเช้า ก็จะไปซื้อของหรือว่าไปช็อปปิ้ง ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าซื้อฝากเอาไว้ หรือว่าหมายตาเอาไว้ซื้อตอนกลับก็ไม่รู้ ? สักครู่หนึ่ง ผศ.ดร.พระครูโรจน์ก็นำเอาขนมมาถวาย บอกว่าให้รองท้องไปก่อน เพราะว่าอาหารเช้าจะอยู่บนเครื่อง

เจ้าหน้าที่ของการบินไทยบริการดีมาก มีการมาตรวจบัตรขึ้นเครื่องให้กับพระก่อน พอได้ที่เรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาก็นิมนต์พระเข้าไป แต่ปรากฏว่าเข้าไปเร็วเกิน บนเครื่องยังทำความสะอาดและจัดเก็บสถานที่ไม่เสร็จ จึงต้องไปยืนรออยู่พักหนึ่ง

หลังจากนั้นก็ทยอยกันมาขึ้นเครื่อง กระผม/อาตมภาพน้อมใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ที่ดูแลรักษาตั้งแต่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตลอดเส้นทาง ทั้งในน้ำ บนบก บนอากาศ ไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติเฉิงตูเทียนฝู่ของประเทศจีน

ปรากฏว่าเจ้าที่ซึ่งแสดงตัวออกมานั้น ก็คือคนคุ้นเคยเก่าแก่ คือท่านสุ่ยหลง ที่มาในชุดงิ้วหลงโรง รูปร่างสูง ๘ ศอก ถือง้าวมังกรเขียวมาด้วย ถ้าหากว่าทาหน้าสีแดงเสียหน่อย ก็จะคิดว่าเป็น "เจ้าพ่อกวนอู" กระผม/อาตมภาพยังแซวว่า "ในความเป็นจริงนั้น ขุนศึกของเมืองจีนสมัยโบราณ ไม่มีใครใช้ง้าวเป็นอาวุธเลย แล้วทำไมถึงได้ถือง้าวมา ?" ท่านก็ตอบเล่นเป็นสนุกว่า "เห็นรูปท่านกวนอูถือง้าวแล้วเท่ดี กระผมก็เลยขอยืมมาใช้บ้างครับ"

ส่วนอีกท่านหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพน้อมใจนึกถึง แล้วท่านก็มาทันใจเลยก็คือหลวงพ่อไห่ทง ผู้ปรารภสร้างหลวงพ่อโตเล่อซาน ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ มีฉัพพรรณรังสี ๒ สีแล้ว ก็คือสีเหลืองกับสีเขียว กระผม/อาตมภาพก็น้อมขอบารมีท่าน ขอความสะดวกให้กับทางคณะด้วย

หลังจากนั้นแล้วก็นั่งภาวนาบ้าง อ่านหนังสือบ้าง จนกระทั่งเขานำเอาอาหารเช้ามาถวาย ปรากฏว่ามีให้เลือกได้ด้วยว่าจะเอาแกงเขียวหวานหรือว่าปลาทอด กระผม/อาตมภาพและทุกคนก็เลือกปลาทอดกัน เพราะเกรงใจว่าถ้าเป็นแกงเขียวหวาน กลิ่นอาจจะไปรบกวนคนรอบด้าน เมื่อจัดการทำลายล้างจนไม่เหลือหลักฐานอะไรแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นั่งอ่านหนังสือที่ถือติดมือมาด้วย พร้อมกับภาวนาฆ่าเวลาไปพลาง ๆ

จนกระทั่งทางด้านกัปตันประกาศว่าให้รัดเข็มขัด เพื่อที่จะลดระดับลงสู่สนามบินนานาชาติเฉิงตูเทียนฝู่ พร้อมกับบอกว่ามาถึงเร็วกว่าปกติ ๓๑ นาที กระผม/อาตมภาพก็ยังดีใจว่ามีเวลา แต่ที่ไหนได้..เมื่อมาเจอการตรวจคนเข้าเมือง ที่ต้องบอกว่าแม้ไม่ต้องมีวีซ่า แต่ก็ตรวจกันละเอียดเหลือเกิน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-05-2024, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะ "คุณละเอียด" นั้น นอกจากตรวจชื่อของกระผม/อาตมภาพทีละตัวอักษร จนครบ ๒๘ ตัวอักษร ก็คือตรวจทั้งในหนังสือเดินทาง ตรวจทั้งข้อมูลที่อยู่ในเครื่องของตนเอง ตรวจทั้งในใบผ่านแดนที่เขียนมา วนไปวนมาอยู่ ๔ รอบด้วยกัน พร้อมกับซักถามว่ามาจากไหน ? มากี่วัน ? พักอยู่ที่ใดบ้าง ? แล้วภาษาอังกฤษของพ่อเจ้าประคุณก็ฟังยากเสียด้วย กว่าที่กระผม/อาตมภาพจะตีความได้สำเร็จ ปรากฏว่า ผศ.ดร.พระครูโรจน์บอกว่ากระผม/อาตมภาพพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ไปเรียบร้อยแล้ว..!

เมื่อหลุดออกมาข้างนอกก็ยังต้องรอกันอยู่พักใหญ่ เพราะว่าลูกเหมียว (นางนิภา ศิริวรดล) นั้น ต้องบอกว่างานนี้ "ดวงแตก" จริง ๆ ก็คือขนเอายารักษาโรคประจำตัวมามากเป็นพิเศษ ก็เลยโดนทางเจ้าหน้าที่สงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หรือเปล่า ? พาตัวไปตรวจเชื้อไวรัสแล้วยังไม่พอ ยังลืมกระเป๋าไว้อีกต่างหาก จนต้องวนกลับไปรับกระเป๋าอีก ๑ รอบ ทำเอาเวลาที่กำไรมา ๓๐ กว่านาที ก็กลายเป็นขาดทุนไปเกือบหนึ่งชั่วโมง..!

เมื่อออกมาทางด้านนอก เจอมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ซึ่งบอกว่าชื่อ "ไวครับ" ชื่อจริงชื่อไวยากรณ์ เป็นคนไทยใหญ่เกิดในยูนนาน พูดไทยได้ค่อนข้างชัดทีเดียว กระผมก็เลยเรียกว่า "อาจือ" เพราะถือ
ว่ามาจากคำว่า "ไวยากรณ์"

พวกเราขึ้นรถที่เขานำมารับ เป็นรถบัส แต่ว่าไม่ทราบว่าติดไฟดิสโก้มาด้วยเหตุอะไร มีการสลับสีไปมาให้ปวดตาด้วย วิ่งออกจากสนามบินนานาชาติเฉิงตูเทียนฝู่ มุ่งตรงไปยังเมืองเอ๋อเหมย หรือที่บ้านเราคุ้นเคยในสำเนียงแต้จิ๋วว่า "ง้อไบ๊" ใช้เวลาในการเดินทางถึง ๒ ชั่วโมงครึ่ง เพราะว่ารถโดนจำกัดความเร็ว ผ่านทุ่งนาป่าเขา ลอดอุโมงค์เป็นว่าเล่น

ทางด้านคุณไวก็บรรยายว่า มณฑลเสฉวนนั้น ภูมิประเทศเป็นภูเขา ทำให้เป็นเมืองที่ตั้งรับง่าย เข้าตียาก ตั้งแต่สมัยเจงกิสข่านนำทัพมาบุกตี ปรากฏว่าชาวเมืองถงชวนของเสฉวนนั้น ต่อต้านกองทัพเจงกิสข่านอยู่ ๑๒ ปีเต็ม ๆ กว่าที่จะตีได้ เมื่อตีได้เจงกิสข่านจึงสั่งล้างเมือง ฆ่าทิ้งไม่เหลือแม้แต่หมาแมวสักตัว..! ครั้นมาถึงสมัยราชวงศ์ชิง ทัพของมองโกลก็เข้ามาตีอีก กว่าที่จะยึดได้ จากประชากรหลายล้านคน ก็โดนฆ่าล้างเมืองจนแทบจะไม่เหลืออีกเหมือนกัน เพราะว่าโกรธที่กว่าจะตีได้ยากเย็นหนักหนา

จนกระทั่งมาถึงยุคกองทัพญี่ปุ่นที่เข้ามาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ชาวเมืองเสฉวนก็รวมตัวกันต่อต้าน จากประชากร ๓ ล้านกว่าคน เสียชีวิตเหลือแค่ประมาณ ๑ ล้านคน แต่ว่าไม่เสียเมืองเสฉวนให้กับญี่ปุ่น เท่านี้เราก็จะเห็นว่าเมืองเสฉวนนั้น ภูมิประเทศเข้าตีนั้นลำบากขนาดไหน ?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-05-2024, 01:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จนกระทั่งมีการแยกออกมาเป็นเมืองเฉิงตู ยกให้เป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน แล้วก็มีเมืองเศรษฐกิจก็คือเมืองฉงชิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นเมืองเดียวกัน แต่แยกออกมาเป็นเฉิงตู ที่ใหญ่ประมาณประเทศไทย แต่ว่ามีประชากรถึง ๘๐ กว่าล้านคน แล้วก็เมืองฉงชิ่งที่มีประชากรอยู่ประมาณ ๓๐ ล้านคน

ที่นี่มีทิวทัศน์สวยงาม ผู้หญิงสวยงาม อาหารอร่อย แต่ว่าผู้ชาย ถ้าหากว่าต้องการที่จะมาเป็นเขยที่นี่ ต้องผ่านภูเขามหึมา ๓ ลูกให้ได้ก่อน ลูกที่ ๑ ก็คือต้องทำครัวเป็น ลูกที่ ๒ ก็คือต้องทำความสะอาดบ้าน ถูบ้านเป็น ลูกที่ ๓ ต้องซักผ้าเป็น ไม่เช่นนั้นแล้วก็เป็นเขยเสฉวนไม่ได้..!

พวกเราใช้เวลาเดินทาง ๒ ชั่วโมงครึ่ง ผ่านทุ่งนาป่าเขา ที่มีฝนพรำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณไวบอกว่า เสฉวนนั้นภูมิอากาศอึมครึมอย่างนี้อยู่ตลอด ความชื้นสูงมาก ชาวบ้านจึงต้องนิยมกินอาหารเผ็ด ๆ เพื่อที่จะเข้าไปไล่ความชื้น ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นโรคปวดข้อปวดกระดูกตั้งแต่อายุยังไม่ทันจะ ๔๐ ปี

โดยเฉพาะสุกี้เสฉวนที่ว่าอร่อยนักอร่อยหนา เพราะว่าต้มแล้วต้มอีกนั้น ก็เกิดจากสมัยก่อนที่ต้องนั่งเรือทวนน้ำขึ้นมาถึง ก็ยากลำบาก ต้องอาศัยกุลีช่วยกันลากทวนน้ำขึ้นมา เมื่อบรรดากุลีลากเรือขึ้นมาถึง ก็ไปต้มบะหมี่เพื่อที่จะกินแก้หิว ปรากฏว่าต้มยังไม่ทันจะเสร็จ เรือลำใหม่ก็มาอีกแล้ว เมื่อถึงเวลาลากเรือเข้าที่ กลับมาบะหมี่ก็เย็นหมด ต้องมาต้มใหม่ ก็เลยกลายเป็นว่าสุกี้เสฉวนที่โด่งดังนักหนานั้น เกิดจากการที่ต้มแล้วต้มอีกของอาหารเก่านั่นเอง..!

พวกเรามาถึงที่วัดเอ๋อเหมยต้าฝอ เมื่อจอดรถลงมาแล้ว ก็ต้องรีบเข้าไปตีตั๋ว เพื่อเข้าชมละครเปลี่ยนหน้ากาก ในระยะแรกนั้นคิดว่ามีแต่คณะของเราคณะเดียว ที่ไหนได้..พอใกล้เวลาเท่านั้นเอง ก็มีผู้คนพรึ่บเข้ามาจนเต็มไปหมด แน่นขนัดไปทุกที่นั่ง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 12-05-2024, 01:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เปิดตัวด้วยพิธีกรสาวที่มาแนะนำการเขียนลายมือด้วยพู่กันจีน แถมยังมีการประมูลอีกด้วย ซึ่งทางเราก็ไม่ทราบว่ามีการประมูล จึงไม่มีใครยกมือให้ราคา เพราะว่าเขานับแค่ "อี๋ เอ้อ ซัน (หนึ่ง สอง สาม)" เท่านั้นเอง ใครยกมือก่อนก็ได้ไป แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการแสดงกายกรรมและวิทยายุทธต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งชีวิตชาวบ้านสมัยก่อน ที่ประกอบไปด้วยอาชีพต่าง ๆ ๑๘ อาชีพด้วยกัน ตลกเฮฮาสนุกสนานมาก

จนกระทั่งมาถึงการเปลี่ยนหน้ากาก ที่เขาลงมาเปลี่ยนให้ดูใกล้ ๆ เลย แต่ก็ไม่มีใครจับได้ไล่ทัน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ หุ่นเชิดที่เขาเชิดอยู่ ก็สามารถที่จะเปลี่ยนหน้ากากได้ด้วย..! หลังจากนั้นก็เป็นการแสดงอุปรากรจีน ไม่ว่าจะเป็นการร่ายรำ หรือว่าหุ่นชัก ตลอดจนกระทั่งท้ายที่สุด ก็เป็นชุดสักการะพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ เมื่อถึงเวลาท่านมาอำนวยอวยพรให้เป็นการปิดการแสดง

พวกเราเดินออกมาหารถ แต่ปรากฏว่าด้วยความที่บางคนมัวแต่ซื้อของที่ระลึกอยู่ ก็เลยมีการหลงทาง ยังดีที่มีไลน์กลุ่มและโทรศัพท์ให้ติดต่อกันได้ พวกเรามาถึงที่พักในเวลาประมาณ ๓ ทุ่มของเมืองจีน ก็ราว ๆ ๒ ทุ่มของเมืองไทย

กระผม/อาตมภาพจึงต้องมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในที่พักของตนเอง พรุ่งนี้ทางคณะทัวร์นัดว่าจะปลุกตั้งแต่ตี ๕ ครึ่ง ก็คงจะเป็นเวลาตี ๔ ครึ่งของเมืองไทย เพราะว่าต้องเดินทางไปยังจิ่วไจ้โกวที่ค่อนข้างจะไกลเป็นพิเศษ ถ้าหากว่ามีอะไร กระผม/อาตมภาพจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมคร่าว ๆ
เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 04:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
ใบลานเปล่า

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว