#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย พวกเราลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์กันแล้ว แต่ว่าส่วนหนึ่งก็ติดงาน จึงต้องฝากฉันทะให้กับพระรูปอื่นลงพระปาฏิโมกข์แทน
กระผม/อาตมภาพก็ต้องไปนำญาติโยมสวดมนต์ ทำวัตร เจริญพระกรรมฐานที่พุทธมณฑล ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาถูกใจอะไร อยากจะนิมนต์ทุกวันพระ..ต้องขออภัย เพราะว่าภารกิจเยอะมาก ไม่สามารถที่จะไปได้บ่อยอย่างที่เขาต้องการ คงต้องปล่อยให้ครูบาอาจารย์ท่านผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในวันพระอื่น ๆ ความจริงโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง และควรที่จะมีมานานแล้ว เพราะว่าพุทธมณฑลของเราต้องบอกว่าทำได้ยิ่งใหญ่มาก แต่การใช้งานไม่ได้คุ้มค่าเลย โดยเฉพาะชาวต่างชาติ เขายอมรับว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ก็คือประเทศอื่น ๆ ๑๓๕ ประเทศ ร่วมกันลงนามยกให้ไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ความจริงแล้วประเทศจีนก็ต้องการที่จะเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ถึงขนาดสร้าง Buddhist Palace ที่เมืองอู๋ซีเตรียมไว้รองรับ แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลา มีการนำเอาจำนวนประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนายกขึ้นมาเทียบกันแล้ว เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ประเทศไทยมีมากกว่าหลายเท่า ประเทศจีน ประชากร ๑,๔๐๐ ล้านคน มีผู้นับถือพุทธศาสนาแค่ ๒๐๐ ล้านคน เปอร์เซ็นต์ต่ำมาก ประเทศไทยของเรามีประชากร ปัจจุบันนี้อยู่ที่ ๖๘ ล้านคน เปอร์เซ็นต์ในการนับถือพระพุทธศาสนาอยู่ที่ ๙๘ เปอร์เซ็นต์เศษ แม้ว่าจะเป็นการนับถือตามทะเบียนบ้านบ้างก็มากกว่าหลายเท่า จึงทำให้นานาชาติลงมติให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก แต่เมื่อเป็นศูนย์กลางแล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือสถานที่ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือต้องเป็นพุทธมณฑลเท่านั้น ความจริงพุทธมณฑลจะสร้างยิ่งใหญ่กว่านี้มาก โดยเฉพาะองค์พระศรีศากยทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ตอนแรกศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ออกแบบไว้ ก็คือความสูง ๒,๕๐๐ นิ้ว เพื่อฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ก็คือ ๒,๕๐๐ ปีของพระพุทธศาสนา แต่ว่าเมื่อมาสร้างจริงแล้ว ต้องใช้งบประมาณมหึมามโหฬารมาก เพราะว่าต้องหล่อด้วยโลหะ จึงมีการลดขนาดลงมา เหลือเพียง ๒,๕๐๐ กระเบียด คือลดลงมา ๘ เท่า เหลือแค่องค์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2023 เมื่อ 01:10 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แต่พุทธมณฑลใช้เวลานานมากจึงสร้างเสร็จเรียบร้อย มีดำริที่จะทำตั้งแต่ก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ มาเสร็จเรียบร้อยเอาตอนพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี พูดง่าย ๆ ว่าเกิน ๒๕ ปี เสร็จแล้วก็ไม่ได้ใช้งานให้สมกับคุณค่าเลย บรรดาหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบสถานที่แต่ละแห่งก็ไม่ได้มีการดูแลต่อเนื่อง จึงทำให้มีความชำรุดทรุดโทรมเกิดขึ้น
อย่างวันนี้ที่กระผม/อาตมภาพไปนำญาติโยมทำวัตร และเจริญพระกรรมฐาน ที่มหาวิหารพระไตรปิฎกหินอ่อน ซึ่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ ป.ธ.๙) อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้เป็นเจ้าภาพสร้างเอาไว้ ปัจจุบันนี้กระเบื้องหลังคามีหลุด มีรั่ว เกือบจะทั่วไปหมด คราวนี้ในเมื่อไม่ได้ใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพอย่างหนึ่ง ไม่ได้รับงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างหนึ่ง เมื่อมีโครงการนี้ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขึ้นมา กระผม/อาตมภาพก็ดีใจมาก เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ก็จะได้เพิ่มความสำคัญของพุทธมณฑล ที่ต้องถือว่าเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ได้ใช้งานอย่างน้อย ๆ ก็มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนอีกประการหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพตั้งความหวังไว้ แต่ไม่ทราบว่าจะสำเร็จเมื่อไร ก็คือไม่ว่าพระมหาเถระรูปใด ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ควรที่จะไปพำนักอยู่ประจำที่ตำหนักสมเด็จพระสังฆราชในพุทธมณฑล เพราะว่าทุกวันนี้ สมเด็จพระสังฆราชเหมือนอย่างกับว่าลดคุณค่าลง เพราะว่าแม้แต่ชาวบ้านก็จะบอกว่า สมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธ สมเด็จพระสังฆราช วัดสุทัศน์ สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ เหมือนกับลดราคาพระองค์ท่านลงไปเหลือแค่ระดับวัดเท่านั้น แต่ถ้าไปประทับอยู่ที่พุทธมณฑลเท่ากับว่าเป็นการยกคุณค่าของพระองค์ท่านขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะว่านั่นคือศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก จะได้สมกับพระเกียรติยศที่ได้รับการสถาปนาขึ้นไปในคำว่า สกลมหาสังฆปริณายก ดังนั้น..ในเรื่องของพุทธมณฑลจึงเป็นเรื่องที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขกันอีกมาก โดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำอย่างไรที่จะประสานให้บรรดาหน่วยงานต่าง ๆ ที่เคยรับผิดชอบในสมัย "ป๋าเปรม" มาดูแลพื้นที่ซึ่งตนเองได้เคยดูแลมาก่อน ถ้าไม่มีอะไรจะทำ ก็อย่างน้อย ๆ เดือนหนึ่งเข้าไปทำความสะอาดสักครั้งสองครั้งก็ยังดี ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นที่น่าเสียดายอย่างมาก เพราะว่าเราไม่มีศูนย์กลางพระพุทธศาสนาที่เหมาะสม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2023 เมื่อ 01:14 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
อย่างสมัยก่อนมีวัดพระธรรมกายที่คลอง ๓ ปทุมธานี ถึงเวลาจัดงานทีหนึ่ง มีคนไปกันเป็นแสน ๆ ทำอย่างไรที่พุทธมณฑลของเรา ไม่ต้องถึงระดับแสน เอาแค่หลายพันก็พอ คืออย่างน้อย ๆ เดินเข้าไปแล้วไม่รู้สึกว่ากว้างใหญ่ไพศาล ยิ่งถ้าเห็นอุบาสกอุบาสิกาในชุดขาว สวดมนต์ไหว้พระบ้าง เดินจงกรมบ้าง นั่งภาวนาบ้าง ก็จะเป็นเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกว่าสมกับเป็นเมืองพุทธ
ไม่เช่นนั้นแล้วอย่างทุกวันนี้ บ้านเราเมืองเราต้องบอกว่า มีพระพุทธศาสนาเป็น Soft Power ที่มีพลังน้อยมาก ๆ ถ้าเอาเรื่องของหลักธรรม ศรีลังกาเหนือกว่าเรามาก เพราะว่าพวกเขาฝึกตรรกวิภาษ ก็คือการโต้วาทีทางพระพุทธศาสนาเอาไว้ ใครข้องใจไปสอบถาม สามารถตอบได้ทุกแง่ทุกมุม ถ้าหากว่าเกี่ยวกับเรื่องของสมาธิสมาบัติ คนก็จะรู้จักแต่สายวัชรยานของทิเบตเสียมากกว่า ถ้าจะเอาเรื่องของคนเข้าวัด เราก็สู้ศรีลังกาและพม่าไม่ได้ เนื่องเพราะว่าศรีลังกานั้น จะแต่งชุดขาวไปวัดกันทุกคน แม้กระทั่งนักเรียนก็ใส่ชุดขาวไปโรงเรียน ทางพม่านั้น คนเข้าวัดเหมือนบ้านเราแย่งกันไปเดินห้างที่เปิดใหม่ แม้กระทั่งประเทศลาว ก็ยังมี Soft Power อย่างเช่นว่าเมืองหลวงพระบาง มีการใส่บาตรพระภิกษุสามเณร ๑๕ วัด ซึ่งพระภิกษุสามเณรเป็นร้อย ๆ รูป จะมารวมกันให้บรรดานักท่องเที่ยวได้ใส่บาตร เอ่ยมาถึงแค่นี้ เราก็เห็นแล้วว่า ถ้าหากจะยกประเทศไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกจริง ๆ ยังต้องเหนื่อยอีกมาก ทำอย่างไรจะให้ทุกคนเข้าวัดในวันพระโดยพร้อมเพรียงกัน ? ไม่ต้องแต่งชุดขาวก็ได้ หรือ ทำอย่างไรจะให้นักท่องเที่ยวไปใส่บาตรกันทุกวัน ? ทำอย่างไรที่ใครมีข้อข้องใจในแนวการปฏิบัติธรรม หรือว่าเนื้อหาในพระไตรปิฎกแล้ว เรามีพระเถระ หรือว่าพระภิกษุสงฆ์ทั่วไปที่สามารถแก้ไขและตอบปัญหาได้ทุกเรื่อง ? ไม่อย่างนั้นแล้ว ก็เสียทีที่ประเทศไทยของเราได้รับการยกย่องเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2023 เมื่อ 01:17 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ทุกวันนี้บางคนก็ยังเข้าใจผิด คิดว่าศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกคือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพราะว่าตอนนั้น พระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต ท่านเป็นองค์อธิการบดี ดูแลมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยอยู่ แล้วก็เป็นประธานในการจัดงานวันวิสาขบูชาโลกเป็นประจำ จนคนหลงเข้าใจผิด คิดว่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยคือศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก
แล้วก็ยังมีญาติโยมส่วนหนึ่งที่เข้าใจผิด คิดว่าวัดพระธรรมกายเป็นศูนย์กลาง เนื่องเพราะว่าวัดพระธรรมกายมีสาขาทั่วโลกจริง ๆ แม้กระทั่งแอฟริกาหรือตะวันออกกลางก็มี ดังนั้น..ปัญหาเหล่านี้ แม้จะเกินกำลังของพวกเรา แต่กระผม/อาตมภาพก็อยากจะฝากถึงบรรดาท่านผู้มีอำนาจในแผ่นดินไว้ว่า ในบ้านเรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะประชากรส่วนใหญ่ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาพุทธ จึงขอฝากการบ้านให้ท่านทั้งหลายดูตัวอย่างประเทศศรีลังกา ประเทศพม่า หรือว่าประเทศลาว แม้กระทั่งประเทศจีน ในส่วนของเขตปกครองตนเองทิเบต ว่าสามารถใช้พระพุทธศาสนาเป็น Soft Power ได้อย่างไร ? ก็ได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลาย นอกจากจะพินิจพิจารณามองเห็นหนทางแล้ว ยังจะมีแก่ใจในการช่วยกันทำให้ประเทศไทยของเราสมกับเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกอย่างแท้จริง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2023 เมื่อ 01:19 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|