#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๖
|
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ถึงแม้ว่าทางคณะจะอนุญาตให้ตื่นตอน ๗ โมงเช้า แต่กระผม/อาตมภาพก็ยังคงตื่นตี ๒ ของเมืองไทยอยู่ดี จึงได้ทำงานต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำผ่านโทรศัพท์มือถือได้เป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นแล้วก็เจริญภาวนาตามความเคยชินของตนเอง
เพียงแต่สงสัยว่าทำไมเสียงนกเสียงกาถึงได้มากมายนัก จึงเปิดประตูระเบียงออกไปดูข้างนอก แล้วก็ตะลึงไปเล็กน้อย เพราะว่าทางด้านนอกระเบียงนั้น คือป่าดี ๆ นี่เอง มิน่าเล่าว่าทำไมสรรพสัตว์ต่าง ๆ ถึงได้ส่งเสียงกันคึกคักครึกครื้นไปหมด จนกระทั่งภาวนาครบชุดทุกอย่างแล้ว ก็มาส่งงานทางไลน์ เพื่อที่ญาติโยมซึ่งติดตามทางด้านเฟซบุ๊ก หรือว่าเว็บเพจของวัดท่าขนุนอยู่ จะได้รู้ว่าในขณะปัจจุบันนี้กระผม/อาตมภาพทำอะไร ? อยู่ที่ไหนบ้าง ? ครั้นได้เวลาประมาณตี ๕ ก็วางมือจากงานไปสรงน้ำ ซึ่งโรงแรม Aliiya Resort & Spa นี้ต้องบอกว่าน้ำร้อนนั้น ร้อนถึงขนาดเดือดชงกาแฟได้สบายเลย..! เมื่อเปิดน้ำร้อนใส่อ่าง และเปิดน้ำเย็นผสมได้พอดี แล้วลงไปแช่ ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพเอาแขนไปเฉี่ยวถูกท่อน้ำร้อนเข้า ถึงขนาดไหม้เหมือนอย่างกับไฟลวกเลย..! แสดงว่าน้ำที่ออกมานั้น ถ้าไม่ถึงขนาด ๑๐๐ องศาเซลเซียส ก็อาจจะถึง ๑๑๐ องศาเซลเซียสทีเดียว..! ครั้นแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาทางด้านนอก พร้อมกับกระเป๋าที่เก็บข้าวของทุกอย่างพร้อมมูลแล้ว เพื่อไปเดินดูว่ารีสอร์ตแห่งนี้หน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง ปรากฏว่ารอบข้างนั้นล้วนแล้วแต่เป็นป่า มีหมู่วิหคนกกาเต็มไปหมด โดยเฉพาะส่วนหนึ่งนั้นมีบ้านทาร์ซานที่สร้างอยู่บนต้นไม้ และบ้านดินลักษณะคล้าย ๆ กระต๊อบของชนเผ่าซูลูในประเทศแอฟริกาด้วย เมื่อถ่ายรูปไปจนพอใจแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินขึ้นไปยังชั้นสอง ซึ่งตัวอาคารเป็นล็อบบี้ ไปถึงปรากฏว่าพบท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองน้ำขุ่น รักษาการเจ้าคณะอำเภอเขาชะเมา และท่านพระครูบูรพาวัชราภรณ์รออยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าเป็นเวลา ๖ โมงครึ่ง ตรงกับที่เปิดห้องอาหารพอดี จึงได้เข้าไปหาอาหารที่ตนเองชอบใจหรือว่าถนัดมาฉันเป็นอาหารเช้า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2023 เมื่อ 05:02 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ครั้นเห็นตัวกระเล็น หรือบางคนเรียกว่ากระถิก หรือบางคนก็อาจจะเรียกว่ากระรอกน้อยหลังลาย วิ่งมาตามระเบียง กระผม/อาตมภาพก็แบ่งสับปะรดเป็นชิ้นเล็กวางไว้ให้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าใกล้ แต่เจ้ากระรอกก็ปราดเปรียวไม่ไว้วางใจ ถึงขนาดไม่ยอมเข้ามาเลย สักพักหนึ่งก็วิ่งหนีหายไป แต่ปรากฏว่าอีแกมาถึงก็โฉบไปรับประทานแทน บริกรที่ดูแลอยู่เดินเข้ามาบอกว่า อย่าได้ให้อาหารพวกนกพวกสัตว์แบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะลามปามเข้ามาจนถึงโต๊ะอาหารได้..!
กระผม/อาตมภาพขอโทษแล้วก็ฉันจนอิ่ม จากนั้นก็ขอตัวกลับไปบนห้องเพื่อพักผ่อน แต่ความจริงแล้ว ไม่ได้พักผ่อน หากแต่ว่าไปตรวจสอบปัจจัยของตนเอง ทั้งเงินไทย เงินหยวน เงินดอลลาร์อเมริกัน เงินรูปีอินเดีย และเงินรูปีศรีลังกา เมื่อรวบรวมออกมาได้เป็นจำนวน ๓๑๔,๑๒๐ รูปี กระผม/อาตมภาพก็เตรียมใส่ซองไว้ แล้วก็หิ้วกระเป๋ากลับออกไปพบปะกับเพื่อนฝูง ที่เพิ่งจะออกมาฉันเช้ากันเป็นส่วนใหญ่ มอบปัจจัย ๓๐๐,๐๐๐ กว่ารูปีนี้ ให้แก่ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม ไว้เป็นกองผ้าป่า ในการสร้างพระพุทธรูปสูง ๑๒๐ ฟุต ซึ่งวันก่อนประผม/อาตมภาพเข้าใจผิด คิดว่าสร้างที่วัดศักติธรรม แต่ว่าวัดนั้นเป็นวัดของท่านอริยรัตนะ วัดที่สร้างพระใหญ่นั้นเป็นอีกวัดหนึ่ง จึงต้องหาปัจจัยมาร่วมกองผ้าป่ากับเขา แล้วก็ไปคืนกุญแจและนั่งคุยกัน รอเวลาอยู่ที่ล็อบบี้ จนกระทั่งรถบัสของคณะเรามาถึง ก็ได้ทำการยืนยันกระเป๋าของแต่ละคน แล้วเขายกขึ้นรถให้ เมื่อพร้อมแล้วก็ออกเดินทาง วันนี้หลวงพ่อวัดป่าประดู่ - พระครูโสภิตปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกโร) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง เป็นผู้นำในการสวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำให้กระผม/อาตมภาพสามารถถ่ายรูปตอนที่ทุกคนสวดมนต์ได้ เนื่องเพราะว่าวันอื่น ๆ นั้นเป็นผู้นำสวดเอง ไม่สามารถที่จะถ่ายมาให้ทุกคนอนุโมทนาได้ พวกเราวิ่งไปยังวัดดัมบุลละ หรือว่าวัดถ้ำดัมบุลละ เพื่อที่จะเข้าไปชมบรรดาถ้ำ ซึ่งเป็นพุทธสถานต่าง ๆ ปรากฏว่าระหว่างที่วิ่งไป ก็มีฝนพรำลงมาเป็นปกติ จนกระทั่งไปถึงด้านหลังวัดซึ่งเป็นทางขึ้นแล้ว ฝนก็ยังพรำอยู่ ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดจึงตัดสินใจให้วนรถไปทางด้านหน้าวัด ปรากฏว่าเมื่อวนรถไปถึง ฝนก็หยุดจริง ๆ พวกเราจึงเดินเข้าทางด้านหน้าวัด ซึ่งย้อนทางกับนักท่องเที่ยวทั้งหมด ที่ต้องซื้อตั๋วเข้าชมทางด้านหลังวัด เดินเข้าไปชมถ้ำแล้วก็ลงมาทางด้านหน้าวัด เพื่อชมพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนาต่อไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2023 เมื่อ 05:05 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
พวกเราถ่ายรูปหมู่กันหน้าพิพิธภัณฑ์ แล้วก็รอให้ท่านอริยรัตนะติดต่อในเรื่องการซื้อตั๋วเข้าชม แต่ปรากฏว่าเสียเวลาไประยะหนึ่ง จนกระผม/อาตมภาพเที่ยวถ่ายรูปบรรดาสวาวานรแถวนั้นมาหลายตัว แล้วก็เพิ่งจะสังเกตว่าลิงแถวนี้ "พั้งก์" ใช้ได้เลย แต่ละตัวล้วนแล้วแต่มีทรงผมต่าง ๆ กันไป เหมือนอย่างกับคนแกล้งไปตัดเอาไว้ให้ จนกระผม/อาตมภาพเรียกว่า "Monkey Salon"
ครั้นรอจนเบื่อ ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดจึงบอกว่า ให้พวกเราเดินล่วงหน้าขึ้นไปก่อน ท่านเองจะรอตั๋วอยู่ทางด้านนี้ กระผม/อาตมภาพจึงเดินขึ้นไปตามทางที่ครั้งก่อนเดินลงมากับคณะของเอ็นซีทัวร์ โดยมีน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ตามไปไม่ห่าง และบรรดาพระต่าง ๆ ซึ่งร่วมทางไปด้วยกัน แต่ว่าทุกคนก็โดนทิ้งห่างออกไปเรื่อย ๆ กระผม/อาตมภาพแวะถ่ายรูปร้านแม่ค้าต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ขายมะม่วง มีขายผลไม้อย่างอื่นเล็กน้อย แต่มีร้านหนึ่งที่แปลกออกไป คือขายหินต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก กระผม/อาตมภาพเข้าไปยืนดูแล้วก็สั่นหัว เนื่องเพราะว่าถ้าซื้อมาก็ต้องขนของหนักกลับเมืองไทย จึงได้แต่ถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิว แล้วก็เดินขึ้นไปจนถึงบริเวณที่ฝากรองเท้า ผูกมิตรกับบรรดาหมาที่นอนอยู่แถวนั้น ขออาศัยนั่งพัก เมื่อน้องเล็กตามมาถึงก็ผูกมิตรด้วย แต่ไม่มีอะไรที่จะเลี้ยงหมา มีแต่ท็อฟฟี่รสมะขามที่ติดกระเป๋ามาอมแก้เจ็บคอเท่านั้น แต่เมื่อน้องเล็กเอาท็อฟฟี่ให้ ปรากฏว่าบรรดาหมาดันกินกันอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่งท้ายสุด ก็ไม่เหลือสักเม็ด..! ครั้นพวกเรามาจนถึงเรียบร้อยแล้ว ก็นำรองเท้าไปฝาก แล้วท่านอริยรัตนะให้พระทั้งหลายเดินเข้าไปก่อน พวกเราเข้าไปนั่งรออยู่ด้านใน กลายเป็นเป้าถ่ายรูปของบรรดานักท่องเที่ยวฝรั่งหลายสิบราย รอจนเบื่อแล้วเบื่ออีก ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเข้าชมถ้ำกันก่อน มารู้ทีหลังว่า ความจริงแล้วเราต้องซื้อตั๋วทางด้านหลัง แล้วเดินขึ้นมาชมถ้ำ หลังจากนั้นก็ลงทางด้านหน้า ทางด้านหน้านั้นไม่มีตั๋วขาย ดังนั้น..ทางเจ้าหน้าที่ทัวร์ที่รับผิดชอบทางศรีลังกา จึงต้องเดินอ้อมภูเขาไปซื้อตั๋วทางด้านหลัง ทำให้ญาติโยมเข้ามาช้ามาก กระผม/อาตมภาพชมไปถึงถ้ำสุดท้ายแล้วเดินย้อนมา จึงได้เจอกับน้องเล็กที่ถ้ำมหาอวิรุทธ์ หรือว่าถ้ำที่ ๒ จึงได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน โดยที่มีบรรดาสัปปุรุษหรือเจ้าหน้าที่ศรีลังกา คอยดุบรรดานักท่องเที่ยวที่หันหลังให้กับพระพุทธรูปแล้วถ่าย ทุกคนจึงได้เข้าใจว่า ความเคารพพระของคนศรีลังกานั้นมีมาก จนกระทั่งการหันหลังให้พระพุทธรูปก็ถือว่าเป็นเรื่องของเดียรถีย์เท่านั้นที่จะทำกันแบบนั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-12-2023 เมื่อ 08:30 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เมื่อชมถ้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินย้อนกลับไปทางด้านหลังที่ขายตั๋ว เพราะว่ารถยนต์ไปจอดรออยู่ที่นั่น เมื่อขึ้นรถแล้ว จึงวิ่งอ้อมวัดไปร้านอาหารกลางวัน ไปถึงเวลาประมาณเที่ยงของประเทศศรีลังกา ร้านนี้ชื่อว่า Tropical Village หรือว่าหมู่บ้านในเขตร้อน
พอเข้าไปถึง ข้าวปลาอาหารทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมแล้ว ยกเว้นน้ำผลไม้สดปั่น ถ้าใครอยากได้ ต้องจ่ายเพิ่มถ้วยละ ๘๐๐ รูปี แล้วท่านอาจารย์พระมหาสมคิดยังนำเอาปลาช่อนแดดเดียว ปลาสลิดแดดเดียว ที่ทอดมาแล้วอย่างดีไปให้พ่อครัวเขาอุ่น ตามมาด้วยหมูหวาน น้ำพริกนรก น้ำพริกตาแดง น้ำพริกกุ้งเสียบอีกมากมาย พวกเราฉันเพลกันจนอิ่มแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ออกมานั่งส่งงานให้กับญาติโยมทางกรุงเทพฯ โดยมีนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหญ่เดินสวนเข้าไปยังห้องอาหาร ส่งงานยังไม่ทันจะเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ออกมาขึ้นรถ ซึ่งรถบัสนั้นมาจอดเทียบจนติดประตูทางเข้า พวกเราไม่มีโอกาสแม้แต่จะเอาเท้าแตะพื้น ก้าวลงจากประตูของร้าน Tropical Village ก็ขึ้นสู่รถของเราเลย..! หลังจากนั้นก็ออกรถวิ่งไปยังเมืองแคนดี้ ซึ่งการมาพักอยู่แถวใกล้ ๆ เมืองดัมบุลละนี้ก็เป็นความดีอย่างหนึ่ง คือเท่ากับเราวิ่งจากอนุราธปุระมาแล้วครึ่งทาง ทำให้การไปยังเมืองแคนดี้ไม่ไกลนัก แต่พวกเราก็มาแวะที่สวนสมุนไพร Ranweli ซึ่งคราวที่แล้วนั้น ควักกระเป๋าของ "หม่าม้า" (นางสาวไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) ซึ่งมากับกระผม/อาตมภาพไปหลายเงิน แต่ว่าครั้งนี้ พวกเรามีเป้าหมายใหญ่ก็คือแวะมาเข้าห้องน้ำเท่านั้น ขนาดนั้นเมื่อเดินเข้าไปปุ๊บ เจ้าหน้าที่ก็พูดภาษาไทยทันทีว่า "ยาหม่องครับ ยาหม่อง..!" โดยเฉพาะในจุดจำหน่ายยาสมุนไพรต่าง ๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของสวนสมุนไพรแห่งนี้ กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้เห็นประโยชน์อะไรในเรื่องของข้าวของประเภทนี้ แล้วเรื่องของสมุนไพรก็ศึกษาเอาไว้จนเต็มหัวแล้ว จึงขี้เกียจที่จะไปฟังซ้ำของเก่า แม้ว่าฟังซ้ำแล้วจะช่วยให้จำแม่นขึ้นก็ตาม จึงมาส่งงานอยู่บนรถ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-12-2023 เมื่อ 23:04 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
จนกระทั่งทุกคนกลับขึ้นมาหมด พวกเราก็วิ่งตรงมายังเมืองแคนดี้ เมื่อมาถึงปรากฏว่ารถติดเอาเรื่อง แถมยังต้องจอดรออยู่ที่ตีนเขา เพราะว่ารถบัสใหญ่ไม่สามารถขึ้นไปตามทางแคบ ๆ ได้ รอให้ทางด้านโรงแรม The Grand Kandyan ส่งรถตู้มารับ
เมื่อพวกเราเข้ามาถึงโรงแรม ก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าสถานที่ต้อนรับ ตลอดจนล็อบบี้โอ่โถงใหญ่โต บรรดาเจ้าพนักงานก็ก้มมาแตะเท้า แล้วเอาไปแตะศีรษะตนเอง พวกเราก็อวยพรให้ว่า "อายุบวร" ตามระเบียบ ครั้นได้กุญแจมาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้ามายังห้องพัก แล้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เนื่องเพราะว่าโรงแรมระดับ ๕ ดาว แต่รู้สึกว่าห้องพักจะคับแคบไปหน่อย โดยเฉพาะบางจุด อย่างเช่นจุดบริการกาแฟ ไม่มีไฟแสงสว่างให้เสียด้วย เมื่อทำการสรงน้ำ เปลี่ยนผ้าใหม่ และเตรียมทองคำที่จะไปถวายพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนให้ญาติโยมทั้งหลายได้ฟังก่อน เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลา ๑๗.๐๐ น. ของประเทศศรีลังกาแล้ว ถ้าหากว่าช้า ญาติโยมอาจจะได้ฟังกันดึกไปเลย สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2023 เมื่อ 05:15 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|