กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-12-2023, 19:13
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,645 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (ช่วงบ่าย)

ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (ช่วงบ่าย)



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-12-2023 เมื่อ 00:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-12-2023, 23:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,941 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖



วันนี้เท่ากับว่าเป็นวันเดียวที่เราปฏิบัติธรรมเต็มวัน เพราะว่าพรุ่งนี้ วันที่ ๔ ช่วงเช้าเราก็ภาวนาพระคาถาเงินล้านแทน ส่วนวันที่ ๕ ไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าเป็นพระก็ยุ่งตั้งแต่เช้ามืด พรุ่งนี้ตอนบิณฑบาตก็ต้องแจ้งงด เนื่องเพราะว่าทางที่ว่าการอำเภอฯ ส่วนใหญ่จะเริ่มงานไม่เกิน ๐๗.๓๐ น. ถ้าเรามัวแต่บิณฑบาตอยู่ก็จะไปไม่ทัน เพราะฉะนั้น..พรุ่งนี้ก็กินฟรีแบบถูกกฎหมายหนึ่งวัน ไม่ต้องบิณฑบาต

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่พวกเราปฏิบัติแล้วรักษาอารมณ์ไม่เป็น ทำเสร็จพอลุกขึ้นก็โยนกองไว้ตรงนั้นแหละ ไม่ได้ห่วงหาอาลัยในสิ่งที่ทำมาเลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น..โอกาสที่เราจะก้าวหน้าก็แทบจะเป็นไปไม่ได้

เนื่องเพราะว่าการปฏิบัติธรรมเป็นการสวนกระแสกับทางโลก เหมือนกับคนว่ายทวนน้ำ กระแสโลกเขาไหลลง เราต้องพยายามตะเกียกตะกายขึ้น คราวนี้เราพยายามว่ายน้ำเต็มที่..แล้วก็ปล่อยทิ้ง ถ้าในสภาพความเป็นจริงจะเกิดอะไรขึ้น ?..ก็ไหลตามน้ำไป

วันรุ่งขึ้นเอาใหม่..ว่ายอีก ทำครบตามเวลาที่กำหนดไว้..แล้วก็ปล่อยทิ้ง ไหลตามน้ำไปอีก โอกาสจะได้เยอะกว่าเมื่อวานมีไหม ? ไม่มีเลย..! แล้วถ้าเกิดว่าวันนี้เราก็ว่ายทวนน้ำใหม่อีก แต่วันนี้เหนื่อยด้วย เพลียด้วย ว่ายได้ไม่ไกลเท่าเมื่อวาน..แล้วก็ปล่อยทิ้ง
คราวนี้ไหลกลับไกลกว่าเดิมอีก..!

ตอนนี้รู้หรือยังว่าทำไมเราปฏิบัติธรรมมาแล้ว เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า หาความก้าวหน้าไม่ได้เลย ? ก็เพราะว่าปฏิบัติไปแล้วเราไม่ได้รักษาอารมณ์ใจนั้นเอาไว้ ปล่อยให้ไหลตามน้ำไปทุกครั้งที่เลิกการปฏิบัติ

เราก็จะเป็นคนที่ขยันมาก นั่งกรรมฐานทุกวัน แต่ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย กิเลสมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะดันไปคิดว่า "กูเป็นคนดี กูนั่งกรรมฐานทุกวัน" เฮ้อ..บ่นไปได้ทุกครั้งนะ เมื่อไรจะเบื่อสักทีก็ไม่รู้..!

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-12-2023, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,941 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเรานั่งกรรมฐานแล้ว ถึงเวลาลุกขึ้นอย่าทิ้งหมด อย่างน้อย ๆ ก็ต้องรักษาอารมณ์ใจนั้นให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แรก ๆ อย่างเก่งได้ ๑-๒ นาทีก็พังแล้ว เพราะไม่เคยชิน พอนาน ๆ ไปเราก็จะรักษาเวลาได้มากขึ้น ๓ นาที ๔ นาที ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ๒๐ นาที ครึ่งชั่วโมง โอ้โห..เก่งสุด ๆ ..(หัวเราะ)..แล้วก็ไหลตามน้ำไป แต่เราได้กำไรมาครึ่งชั่วโมง ก็แปลว่าระยะทางที่ควรได้เพิ่มมาหน่อยหนึ่ง

มาพรุ่งนี้เราว่ายยาวเท่าเดิม ต่อให้ไหลกลับมาก็ยังได้ระยะนั้นอยู่ ถ้าเราไม่ปล่อยทีเดียว รักษาต่อ ก็ยังได้เพิ่มอีกหน่อยหนึ่ง ถ้าทำแบบนี้ถึงจะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติขึ้นมาได้ ไม่ใช่พอลุกแล้วก็ไม่เอาอะไรเลย "โอ๊ย ดีใจแทบตาย เลิกสักที เมื่อยจะแย่อยู่แล้ว" แล้วจะมาทำทำไมวะ..?!

เพราะฉะนั้น..จะสังเกตว่าอย่างในช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพบอกกับพวกเราว่า "กำหนดกำลังใจให้แน่วนิ่งอยู่จุดใดจุดหนึ่งก่อนแล้วค่อยขยับ" ไม่อย่างนั้นแล้วสมาธิหลุดตั้งแต่ตรงนั้นแหละ เนื่องเพราะว่า..เราคลายสมาธิออกมาทีเดียว

บางคนคลายเร็วเกินไป หัวใจเต้นระทึก เพราะว่าร่างกายต้องรีบปรับสภาพคืนสู่ในระดับที่เราจะใช้งาน คราวนี้เราคลายออกมาเร็วร่างกายก็ต้องรีบปรับ บางคนหัวใจเต้น ๒๐๐ ครั้ง/นาทีก็มี เพื่อที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายให้ทันกับที่เราจะใช้งาน แล้วก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ เราก็เหนื่อยกะทันหัน ? นั่นเพราะเราทำตัวเราเอง ให้ค่อย ๆ คลายสมาธิออกมาจะไม่มีปัญหา

ที่ว่ามาทั้งหมดน่ะอาตมาทำมาเองแล้วทั้งนั้น พอทำมาเองแล้วรู้ตัว โอ้โห..โง่อยู่ตั้งนาน..! ว่าแล้วก็เปลี่ยนใหม่

การปฏิบัติธรรมจึงต้องมีการทบทวนอยู่เสมอ ๆ จำได้ไหมว่าพระพุทธเจ้าท่านให้เราทบทวนก่อน ไม่เคยได้ยินใช่ไหม ? ที่ไม่เคยได้ยินเพราะพระพุทธเจ้าท่านบอกเป็นภาษาของท่าน เราไม่สามารถที่จะมาทำเป็นภาษาของเรา ท่านบอกว่า อิทธิบาทเป็นเครื่องนำเราไปสู่ความสำเร็จ ประกอบไปด้วย
๑. ฉันทะ พอใจ เต็มใจ อยากที่จะทำอย่างนั้น
๒. วิริยะ พากเพียรทำไปเต็มกำลังของตน ไม่ใช่ออมแรงไว้ครึ่งหนึ่ง
๓. จิตตะ กำลังใจจดจ่อปักมั่น ไม่สำเร็จไม่เลิกเด็ดขาด
๔. วิมังสา ไตร่ตรองทบทวนไว้เสมอ ๆ

แล้วทบทวนอะไร ? ทบทวนว่าเราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ทำไปถึงไหน ? ยังห่างไกลต่อเป้าหมายเท่าไร ? ยังตรงต่อเป้าหมายที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ? ยังต้องทำอีกมากน้อยเท่าไรถึงจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ ?

แล้วทำไมคนอื่นเขาไม่แปลอิทธิบาทให้ฟังอย่างนี้ ?..ก็เพราะทำไม่ถึง ในเมื่อทำไม่ถึงก็แปลไม่ถึงเหมือนกัน เรื่องของบาลีจะแปลถึงเท่าไรก็คือทำได้เท่านั้น ส่วนที่เหลือได้แต่คิดว่า คาดว่า เดาเอาทั้งนั้น เดาถูกก็ดีไป เดาผิดก็เตลิดเปิดเปิงหลงทางไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-12-2023 เมื่อ 23:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-12-2023, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,941 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฟังแล้วเหนื่อยไหม ? ความเหนื่อยคือความทุกข์ ถ้าเบื่อที่จะเหนื่อย เบื่อที่จะทุกข์ ก็เลิกคิดที่จะเกิด ถ้าเราไม่เกิดทุกอย่างก็จบหมดแล้ว ที่ต้องเกิดไม่รู้จักแล้วไม่รู้จักเลิกก็เพราะเรายังไม่เบื่อ หรือเบื่อ ๆ อยาก ๆ

ป่วยพะงาบ ๆ "โอ๊ย...ไม่ไหวแล้วร่างกายนี้ ออกจากโรงพยาบาลเราจะต้องรีบเร่งปฏิบัติธรรมให้เต็มที่เลย" รุ่งขึ้นได้หมอได้ยา อาการดีขึ้นมาหน่อย "เดี๋ยววันนี้ถ้าออกจากโรงพยาบาลได้ เราจะไปเดินไอคอนสยาม" อย่างนั้นต้องตีให้ตายคาเตียงพยาบาลเลย..! นั่นคือความกลับกลอกของกิเลสในใจของเรา

เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย ทุบให้ตายคามือไปเลย ไม่ใช่พอถึงเวลาปฏิบัติไปแล้วร่างกายมัน "โอย ไม่ไหวแล้ว พักหน่อยเถอะ"..แล้วเราก็เชื่อ แล้วจะเหลืออะไรล่ะครับ..?! กิเลสไม่เคยปล่อยให้เรารอดมือไปได้แม่แต่ครั้งเดียว ส่วนเราเองใจอ่อน เชื่อทุกที "ไม่ไหวแล้วพักหน่อยเถอะ" "ไม่ไหวแล้วไปหาอะไรสักนิดนึงกินก่อน" "ไม่ไหวแล้วไปเข้าห้องน้ำดีกว่า"

ลองอั้นดูสิว่าจะตายไหม ? เราปฏิบัติธรรมช่วงเช้า-ช่วงบ่าย เต็ม ๆ ก็ไม่เกิน ๒ ชั่วโมง นอนกลางคืน ๖-๘ ชั่วโมงไม่เห็นต้องลุกไปฉี่เลย แต่นี่ ๒ ชั่วโมงไปตั้ง ๔ รอบ อะไรจะกระเพาะเล็กขนาดนั้น..! นั่นเป็นขันธมาร ร่างกายก่อกวน อย่าไปเชื่อ บอกไปเลยว่า "จะเดินจงกรมให้ฉี่ราดอยู่ตรงนี้แหละ แน่จริงฉี่ไปเลย..!" เชื่อเถอะเดี๋ยวพอลุกขึ้นเดินจงกรมมีไปห้องน้ำเยอะกว่านี้อีก..!

รู้ทันแล้วเราต้องหลอกมารด้วย ในเมื่อมารตั้งใจหลอกเรา เราก็แกล้งให้มารหลอก พอถึงเวลาเราจะได้หลอกมารกลับบ้าง..รอไปเถอะ ยังไม่เคยเจอใครหลอกมารได้เลย...! (หัวเราะ) อาตมานั่งหัวเราะ โยมบางคนหาว่าอาตมาหัวเราะเยาะ

ใครเคยไปวัดบ้านค่าย จังหวัดระยองบ้าง ? ครูบาอาจารย์ของอาตมภาพท่านหนึ่งอยู่ที่นั่น คือหลวงพ่อกัสสปมุนี วัดบ้านค่าย ชื่อเพราะ ๆ ก็ วัดปิปผลิวนาราม อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง

สมัยที่อาตมภาพยังเดินทางวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ สมัยนั้นมีหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดบ้านค่าย ย้อนกลับมาก็หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม ไม่ค่อยได้ไปขออรรถขอธรรมอะไรหรอก ไปขอเหรียญ น่าตีให้ตายคาวัด..! ตอนนั้นเกี่ยงแค่ว่าพระกริ่งชินบัญชรบรรจุผงพรายกุมารองค์ละตั้ง ๕๐๐ บาทไม่เอา ไปเอาหนุมานดีกว่า ตอนนี้พระกริ่งชินบัญชรองค์ละเป็นล้าน สมน้ำหน้ามัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-12-2023, 23:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,941 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงข้ามที่หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านนั่งรับแขกจะมีกระดานเขียวอยู่ ไม่ใช่กระดานดำนะ เป็นกรีนบอร์ด ไม่ใช่แบล็คบอร์ด ไม่ใช่ไวท์บอร์ดแบบสมัยนี้ ลายมือท่านสวยมากท่านเขียนเอาไว้ว่า

เราเนาว์สราญสุข.............นิรทุกข์เกษมศานต์
เฉกเช่นลดาวัลย์.........................สะพรั่งติด ณ แผ่นผา
ความครุ่นและกำหนัด...............ก็สลัดไม่นำพา
วิเวกและเอกา...............................ดุจทิพย์ที่ลอยลม
ผิว์แม้จักลอยล่อง..................ก็มิต้องอาลัยสม
บ่คิด บ่ปรารมภ์............................บ่มิห่วง อาลัยมี
สถิตย์เหนือ ณ อาสน์เอี่ยม..........กระจ่างเยี่ยมจรัสศรี
ครั้นรัตติกาลมี...............................ศสิส่อง ณ แนวไพร
แม้พาหิรชน..........................จลาจลและบรรลัย
เรามั่นสถิตย์ใน...............................สุขธรรม บ่มิคลอน
แม้นใครมาพบเรา.....................ก็จุ่งเนาว์จะสั่งสอน
ชี้ทางอันบวร.............................เสถียรสุขนิรันดร์เทอญ

ท่านนั่งหัวเราะของท่านได้ เพราะท่านเห็นทุกข์อย่างชัดเจนแล้วว่าไร้สาระ ส่วนพวกเรายังเห็นไม่ชัดเจน เราก็นั่งเครียดนั่งกลุ้ม พอถึงเวลาเครียดมาก ๆ ก็มะเร็งรับประทาน โยน ๆ ทิ้งไปบ้างอย่าเครียดบ่อย

ทำอะไรก็อย่าเอาจริงเอาจัง แต่อย่าเลิก คำว่าเอาจริงเอาจังก็คือทำเกิน เลิกก็คือทิ้ง..ทำขาด พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "เราไม่เพียร เราไม่พัก จึงจะถึงฝั่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 20-12-2023, 00:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,941 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คำว่าเพียรคือมากเกินไปแบบพระโสณโกฬิวิสะเถระ เดินจงกรมจนเท้าแตกก็เดินไม่เลิก เท้าแตกจนเดินไม่ได้ เลือดนองพื้น ก็คุกเข่าคลานไป ไม่บรรลุให้มันรู้ไป..!

พระพุทธเจ้าต้องไปตรัสว่า "ดูก่อน โสณโกฬิวิสะ เธอจงลดความเพียรลงสักหน่อย" เป็นท่านเดียวในพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าบอกว่าทำให้น้อยลง ที่เหลือทำไม่พอสักราย เพราะว่าถ้าทำพอดีก็บรรลุ อย่างท่านทำเกิน..ต้องลดลงมาหน่อยจะได้พอดี คนอื่นที่เหลือทำขาด..ก็รอไปก่อน พวกทำพอดีเขาไปกันหมดแล้ว

นั่งหัวเราะแบบหลวงพ่อกัสสปมุนี "เราเนาว์สราญสุข นิรทุกข์เกษมศานต์ฯ" กูไม่ทุกข์กับมึงหรอก กูเห็นชัดแล้ว ธรรมดาของมันเป็นอย่างนั้น ทำอย่างไรที่เราจะเห็นธรรมดานี้ได้ ?

ธรรมดาการเกิดมาต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ธรรมดาการอยู่ในโลกต้องเป็นแบบนี้ ธรรมดาการมีร่างกายต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างนี้ ธรรมดาของพระแต่ละระดับไม่เท่ากัน

ปุถุชนคนหนาด้วยกิเลส ถ้าธรรมดาได้ก็ระดับของเขา "ธรรมดา ซื้อหวยแล้วไม่ถูก งวดหน้าซื้อใหม่"

กัลยาณชนธรรมดาของท่านก็เป็นธรรมดาของกัลยาณชน "ศีลขาดแล้ว ไม่เป็นไรเดี๋ยวเริ่มต้นรักษาใหม่ ต้องเอาให้ได้"

แต่สำหรับอริยชน ธรรมดาของท่านนี่เริ่มเห็นแล้ว "ไอ้ร่างกายนี่มันไร้สาระ อยากจะตายก็ตาย อยากจะพังก็พัง อยู่ก็รักษากันไปตามเพลง อาศัยมันปฏิบัติธรรม อยู่ไม่ได้ก็ดี ร่างกายใหม่สวยกว่านี้ตั้งเยอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 20-12-2023, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,941 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..ถ้าหาคำว่าธรรมดาเจอนี่หากินได้ทั้งชาติเลย ชาตินี้ด้วย ถ้าเกิดใหม่ก็หากินชาติหน้าด้วย ถ้ายังเกิดอีกก็ชาติต่อ ๆ ไปด้วย

ฟังดูแล้วการปฏิบัติธรรมไม่น่าจะยากใช่ไหม ? ไม่มีอะไรยากนี่
๑. เคารพพระพุทธเจ้าจริง ๆ
๒. เคารพพระธรรมจริง ๆ
๓. เคารพพระสงฆ์จริง ๆ
ต้องเสียเงินเสียทองอะไรไหม ?..ไม่มี คำว่าจริง ๆ ในที่นี้ก็คือ เคารพออกมาจากใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๔. รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ถ้าถึงระดับตัวตายดีกว่าศีลขาดจะยิ่งดีมาก
๕. รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ถ้าตายแล้วเราจะไปพระนิพพาน


ห้าข้อเอง ง่ายไหม ? ถ้าบอกว่าเยอะไป ตั้งห้าข้อ พอดีนิ้วขาดไปหนึ่งนิ้ว นับไม่ครบ ต้องใช้อีกมือหนึ่งช่วย ถ้าอย่างนั้นลดให้ เอาสามข้อก็แล้วกัน

๑. เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถือว่าเราเคารพพระรัตนตรัย รวบเป็นหนึ่งข้อ
๒. รักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกสิกขาบท
๓. รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ถ้าตายแล้วเราจะไปพระนิพพาน


สามข้อ เยอะไปไหม ? ไม่ได้อีก ถ้าชูสามนิ้วเดี๋ยวเขาจะว่าเอา..! ถ้าอย่างนั้นเหลือข้อเดียวก็แล้วกันนะ

๑. เรารักษาศีลเพราะเราเคารพพระรัตนตรัย เรารักษาศีลเพราะเราจะไปพระนิพพาน

เหลือข้อเดียว ไม่ยากแล้วใช่ไหม ? ไม่ยากแล้วก็เริ่มทำ สมาทานพระกรรมฐานกัน


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ
ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว