กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-10-2023, 16:53
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 349
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,020 ครั้ง ใน 827 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-10-2023, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,704 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดประเสริฐสุทธาวาส เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานครตั้งแต่เช้า เพื่อปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับหลวงพ่อหมู (พระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดประเสริฐสุทธาวาส

เมื่อทำการบวงสรวง อัญเชิญบารมีครูบาอาจารย์ลงมาช่วย ซึ่งถ้าในเขตนั้น อันดับแรกเลยก็ต้องเป็นหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ซึ่งหลวงปู่พริ้งนั้น นอกจากท่านจะเป็นเจ้าของเบญจภาคีลูกอมเมืองไทย ก็คือลูกอมผงธูปสะท้านแผ่นดินแล้ว ท่านยังเป็นครูบาอาจารย์ ที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ถึงกับให้บรรดาท่านชายซึ่งเป็นบุตรของท่าน มาบวชอยู่กับหลวงปู่พริ้งที่วัดบางปะกอกด้วย

อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญจนลืมไม่ได้เลยก็คือ หลวงปู่พริ้งท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่สอนอสุภกรรมฐานให้กับหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ซึ่งหลวงปู่ปานท่านนำมาเล่าให้ลูกศิษย์ คือหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงฟัง ในลักษณะที่ว่า "เรียนอสุภกรรมฐานกับหลวงพ่อพริ้งแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเข้าป่าช้า หลวงพ่อท่านสามารถที่จะเสกอสุภกรรมฐานแต่ละประเภทขึ้นมาเป็นตัว ๆ อยู่ตรงหน้าได้เลย มาถึงพร้อมทั้งสีทั้งกลิ่น เหมือนกับซากศพจริง ๆ..!"

ซึ่งหลวงปู่พริ้งเมื่อได้รับคำถามจากลูกศิษย์ว่า "หลวงพ่อปาน วัดบางนมโคบอกว่ามาเรียนวิชากับท่าน ทำไมพวกผมถึงไม่เห็น ?" หลวงปู่พริ้งท่านก็ยังหัวเราะ บอกว่า "ท่านไม่ได้โง่เหมือนกับพวกแกนี่ ท่านมาเรียนกับข้าอยู่แค่คืนเดียว วิชา "ยันกัน" ทุกอย่างแล้วท่านก็ลากลับไป"

ในเมื่ออาราธนาหลวงปู่พริ้งมาแล้วก็อาราธนาหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคด้วย ต่อด้วยพระเถระองค์สำคัญในเขตนั้นก็คือหลวงพ่อโอภาสี แต่ว่าหลวงพ่อโอภาสีท่านบอกว่า "ฉันหล่อสู้ท่านพริ้งกับท่านปานไม่ได้ แกนิมนต์แต่ท่านพริ้งกับท่านปานก็พอแล้ว..!"

กระผม/อาตมภาพจึงได้แต่หัวเราะ กราบลาแล้วกลับลงมา เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อโอภาสีนั้น ถ้าจะว่าไปแล้วท่านก็มาคนละสายกัน แม้ว่าจะเป็นพระเถระองค์สำคัญองค์หนึ่งของเมืองไทย แต่ว่าท่านเองในเมื่อมาคนละสาย ก็ควรให้ครูบาอาจารย์ที่เป็นสายตรงรับหน้าที่ไปมากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2023 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-10-2023, 01:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,704 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเสร็จสรรพจากการปลุกเสกแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ลาหลวงพ่อหมู ไปให้ท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิ์ลังกาซ่อมสุขภาพ ในระหว่างที่เดินทาง ก็มีบุคคลส่งคำถามเข้ามาว่า "ตนเองเป็นผู้หญิง ในงานเลี้ยงบุฟเฟต์ของบริษัทที่ผ่านมานั้น สังเกตเห็นว่ามีผู้ร่วมงานชายคนหนึ่ง ซึ่งมีปลัดขิกอันไม่ใหญ่นัก ห้อยอยู่ที่ข้อมือตัวเอง กับพวกสายสิญจน์หรือว่าเชือกถักบางประเภท แต่ว่าบุคคลนี้พยายามที่จะเดินเบียดเข้าไปใกล้เพื่อนผู้หญิงร่วมงานที่อยู่ข้างหน้า แล้วใช้ปลัดขิกนั้นถู ๆ ไถ ๆ ที่ง่ามก้นของเพื่อนหญิงร่วมงานด้วย เขาทำในลักษณะนั้น เป็นการทำเสน่ห์หรือเปล่า ?

มั่นใจว่าเขาตั้งใจทำ ไม่ใช่บังเอิญ เนื่องเพราะว่าปลัดขิกนั้นอยู่กับเชือกถักที่ข้อมือ แต่ว่าบุคคลนี้ใช้สองนิ้วคีบเอาไว้แล้วก็นำไปถูไถ โดยที่ถือจานอาหารตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่นึกว่าตนซึ่งอยู่ข้างหลังจะเห็น ทำให้รู้สึกหวาดกลัวว่าถ้าเป็นการทำเสน่ห์ ตนเองจะโดนเข้าไปเมื่อไรก็ไม่รู้..?!"

ปัญหานี้จะว่าไปแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องตกใจ เนื่องเพราะว่าในเรื่องของปลัดขิกนั้น แต่ดั้งแต่เดิมของเรา ได้รับการสืบทอดวิชามาจากบรรดาพราหมณ์ต่าง ๆ ซึ่งเดินทางมาเผยแผ่ศาสนาฮินดูในประเทศของเรา แล้วก็สั่งสอนสืบ ๆ กันมา ในเรื่องของค่านิยมในการเคารพศิวลึงค์และอุมาโยนี ซึ่งถือว่าเป็นต้นกำเนิดของสรรพชีวิต สิ่งที่สามารถถึงขนาดบันดาลให้เกิดชีวิตใหม่ได้นั้น เขามีความเข้าใจในเรื่องของพลังงานที่มหาศาลอย่างยิ่งตรงนั้น จึงนำมาเป็นเคล็ดลับในการสร้างศิวลึงค์หรือว่าอุมาโยนีขึ้นมาเพื่อเคารพนับถือ

เมื่อมาถึงเมืองไทย ครูบาอาจารย์ของเราก็ดัดแปลงมาเข้ากับความเชื่อถือทางสายบ้านของเรา รายแรก ๆ เลยก็คือสร้างปลัดขึ้นมาก็คือหลวงพ่อขริก วัดสาวชะโงก ซึ่งเราได้ยินแค่ชื่อวัดสาวชะโงกก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อแล้ว หลวงพ่อขริกท่านได้สร้างขึ้นมา ซึ่งจากปลัดขิกแต่ดั้งเดิมนั้นยังไม่มีชื่อแบบนี้ บางคนเรียกว่าเจ้าจำปีบ้าง เนื่องจากว่าของเด็ก ๆ นั้นก็จะเป็นอวัยวะเพศเล็ก ๆ เหมือนอย่างกับดอกจำปี เป็นที่น่ารักน่าเอ็นดู

หรือบางคนก็เรียกในลักษณะเคารพนับถือ เรียกว่าขุนเพชร ขุนพัด บ้าง ในลักษณะของการยกย่อง เมื่อหลวงพ่อขิกท่านสร้างขึ้นมา แทนที่จะเรียกท่านปลัด ท่านขุนเพชร ก็กลายเป็นเรียกว่าปลัดขิกไปเลย

อันดับแรกเลย ในประเทศไทยของเรา ถ้าโด่งดังที่สุดก็ต้องเป็นหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ซึ่งบางท่านที่มีประสบการณ์วัตถุมงคลในเรื่องของปลัดขิก มักจะยกให้หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ก็เป็นอันว่าทั้งสองสำนักนี้ "กินกันไม่ลง" ในเรื่องของความขลังของปลัดขิก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2023 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-10-2023, 01:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,704 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นแล้ว รุ่นถัด ๆ มาก็จะมีหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ซึ่งไปเรียนกับหลวงปู่เหลือมา แล้วท่านไปถามหลวงปู่เหลือว่า "ท่านพี่..เสกปลัดขิกอย่างไรให้ดิ้นได้ บินได้ ?" หลวงปู่เหลือท่านก็ตอบอย่างเดียวว่า "ทำใจให้นิ่งเข้าไว้" กว่าที่หลวงปู่ทิมท่านจะเข้าใจคำว่า "ใจนิ่ง" นั้น ต้องถึงระดับฌาน ๔ ใช้งาน ก็เกือบจะสิ้นความพยายาม เมื่อท่านสร้างขึ้นมาก็จะมีปลัดขิกทั้งโค้ดศาลาและปลัดขิกโค้ดเลขสาม

ถัดจากนั้นมาแล้ว ที่ฝีมือเหลือร้ายเลยก็คือหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส กับหลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ ตลอดจนกระทั่งหลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส สามสำนักนี้ ถ้าหากว่าใครมีเอาไว้ ต้องระมัดระวังให้ดี..!

โดยเฉพาะปลัดขิกนางครวญ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากว่าผู้หญิงเดินข้ามปลัดขิกของท่าน เขาเล่ากันว่า ปลัดขิกถึงขนาดวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไปเลย เป็นมหาเสน่ห์รุนแรงมาก ถ้าหากว่าพระเณรมีติดตัวเอาไว้ ส่วนใหญ่ก็จะไม่สามารถคงความเป็นพระเป็นเณรได้..!

อีกส่วนหนึ่งก็คือท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ซึ่งทำปลัดขิกได้ขลังมาก ในฐานะที่ท่านรู้ตัวว่าถ้าเป็นพระแล้ว จะทรงสมณเพศไว้ได้ยาก ท่านจึงสึกมาเป็นฆราวาสร้อนวิชา ลอยเรือไปตามท่าน้ำต่าง ๆ อยู่ที่โน่นที่นี่บ้าง แล้วก็สร้างวัตถุมงคลจนโด่งดังขึ้นมา ทั้งผ้ายันต์ต่าง ๆ มียันต์พรหมสี่หน้า เป็นต้น สำหรับรายถัดมาที่เรียนวิชานี้แล้วขลัง ก็ยังมีหลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เป็นต้น

อีกสำนักหนึ่งที่เป็นปลัดขิก แต่ว่าส่วนใหญ่เอาไว้ตีกับชาวบ้านมากกว่า ในเรื่องของมหาเสน่ห์นั้นถือว่าเป็นผลข้างเคียง ก็คือหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก ซึ่งหนุ่มเพชรบุรีสมัยนั้นมีคติประจำตัวว่า "พระขรรค์เล่ม ปลัดขิกอัน ผ้ายันต์ผืน ลุยได้ทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ..!"

คำว่าพระขรรค์เล่มก็คือพระขรรค์เขาควายเผือกฟ้าผ่าตายของหลวงพ่อโสก ซึ่งลงอาถรรพ์ในการถอนคุณถอนของทุกประการจนหมดสิ้น โดยเฉพาะบรรดาไสยศาสตร์อิสลามต่าง ๆ นั้น แค่ใช้พระขรรค์ของหลวงพ่อโสกแตะลงไป ก็สลายตัวหมดแล้ว..!

ในปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่าเป็นรุ่นหลัง ๆ ที่ทำปลัดขิกแล้วขลัง ก็มีหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ซึ่งมาภายหลังก็ถ่ายทอดต่อให้กับลูกศิษย์ คือหลวงปู่นนท์ สำนักสงฆ์เขาพรานธูป เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2023 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-10-2023, 01:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,704 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเป็นรุ่นที่เก่าหน่อยอย่างของหลวงพ่อผินะนั้น ท่านลงยันต์อกแตกเอาไว้ด้วย ซึ่งถ้าหากว่าใช้ได้ถูกต้อง ปลัดขิกหัวชะมดลิ้นทองของท่านที่มียันต์อกแตก ก็ถือว่ามีอานุภาพมหาเสน่ห์รุนแรงทีเดียว..!

คราวนี้เมื่อทราบที่มาที่ไปและสำนักต่าง ๆ ที่สร้างปลัดขิกในเมืองไทยของเราได้ขลังแล้ว ในส่วนที่ผู้ชายคนนั้นเอาปลัดขิกไปถูไถแถวง่ามก้นของเพื่อนผู้หญิงนั้น คาดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะถูแค่นั้น แต่อยากได้มากกว่านั้นอีกด้วย..! เนื่องเพราะว่ามีปลัดขิกครูบาอาจารย์บางสำนัก ท่านสั่งเอาไว้ ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่ขอบอกว่าสำนักไหน เพราะอาจจะมีการทำวิตถารกันได้ "ปลัดขิกของข้า ถ้าหากว่าได้สัมผัสอวัยวะเพศหญิง หรือว่าได้อยู่ใกล้เคียง ได้กลิ่นได้ไอบ้าง แล้วจะขลังเป็นพิเศษ" ซึ่งถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะนี้ คาดว่าจะเป็นสำนักเดียวกับที่เพื่อนร่วมงานชายของผู้นั้นเล่ามา ก็แปลว่าพยายามที่จะให้อยู่ใกล้ผู้หญิง

แต่กระผม/อาตมภาพก็สงสัยว่า ในเมื่อตัวคุณเป็นผู้ชายแล้วพกของขลังประเภทนี้ ทำไมไม่เป็นเที่ยวโสเภณีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ถ้าหากว่าตนเองต้องการแบบไหนก็บอกไป คาดว่าผู้หญิงเหล่านั้นก็คงไม่รังเกียจที่จะให้สัมผัสกับอวัยวะเพศของตน หรืออาจจะมีการขอเพิ่มเงินสักเล็กน้อย ก็สิ้นปัญหาไปแล้ว ไม่ต้องไปทำอะไรให้อยู่ในลักษณะที่เรียกว่าล่อแหลม ถ้าหากว่าโดนเพื่อนหญิงจับได้ ก็อาจจะต้องอับอายขายหน้า พอ ๆ กับการไปถ่ายรูปใต้กระโปรงของผู้หญิงนั่นเอง..!

แต่ว่าในเรื่องเหล่านี้อาจจะเป็นไปได้ว่า เกรงว่าในความเป็นมหาเสน่ห์นั้นจะทำให้ผู้หญิงโสเภณี "ติด" ตัวเอง จนกระทั่งติดตามไม่ยอมละทิ้ง สร้างปัญหาให้ก็เป็นได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องระวังความเดือดร้อนที่จะมาถึงภายหลัง เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลาย เมื่อไปทำในลักษณะอย่างนั้น ถ้าเขาจับไม่ได้ก็ดีไป แต่ถ้าหากว่ามีเพื่อนฝูงบอกกล่าว แล้วเพื่อนหญิงเหล่านั้นระมัดระวังตัว คุณก็หมดโอกาสไปโดยปริยาย

อีกส่วนหนึ่งที่อยากเตือนไว้ก็คือว่า บรรดาพระภิกษุสามเณรของเรา ถ้ากำลังใจยังไม่ทรงตัวมั่นคงแล้ว อย่าพยายามที่จะใช้ปลัดขิกเป็นอันขาด เนื่องเพราะว่าปลัดขิกนั้นจะมีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามโดยอัตโนมัติ แม้ว่าในส่วนที่ลงในตัวปลัดขิกนั้นจะเป็นคาถาหัวใจมหาโจรมากกว่า ก็คือคาถา "กัณหะ เนหะ" แต่ว่าหลายท่านก็ลง "หัวใจอกแตก" ลงไปด้วย ซึ่งถ้าอยู่ในลักษณะแบบนั้น ก็มีหวังดึงดูดเพศตรงข้ามเข้ามา แล้วท่านทั้งหลาย ถ้าไม่ใช่เดือดร้อนไม่รู้จบ ก็อาจจะต้องสึกหาลาเพศออกไปเลย จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะได้กระทำในลักษณะเช่นนั้น

ถ้าไม่มั่นใจว่าตบะตัวเองจะมั่นคงแล้ว ในเรื่องของพวกนี้ เราไปใช้ของมีเสน่ห์สำหรับผู้ใหญ่ทางด้านอื่นดีกว่า อย่างเช่นว่าพระปิดตามหาเสน่ห์ หรือว่าพระขุนแผนสำนักใดสำนักหนึ่งก็ได้ เรื่องทั้งหลายเหล่านั้นจะช่วยในเรื่องความเมตตาของผู้ใหญ่ได้มากกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องไปใช้ปลัดขิก ซึ่งมีผลข้างเคียงให้เราเดือดร้อนทีหลัง..!

สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2023 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว