กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน

Notices

ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #681  
เก่า 28-09-2023, 21:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บุญประทายข้าวเปลือก

องค์ท่านกล่าวถึงความเป็นมาของงานบุญประทายข้าวเปลือกที่วัดป่าบ้านตาดไว้ว่า

"..แต่ก่อนเราไม่ค่อยสนใจนะ เพราะบ้านนี้เขาทำบุญประทายข้าวเปลือกมาเป็นประจำ เราเกิดมาเห็นอย่างนั้น ไม่มากก็น้อย เขาทำของเขาทุกปี พอทำนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาทำบุญประทายข้าวเปลือก ถ้าสมมติว่าไม่มีพระอยู่ในวัด วัดบางทีมีร้างมีอะไร เขาก็ไปหานิมนต์พระที่อื่นมาทำบุญ เสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ยกข้าวถวายท่านเลย อย่างนั้นประจำ.."

เรามาสร้างวัดนี้เขาก็ทำ ว่าอะไรเขาก็ว่า "เคยมาอย่างนี้เป็นประจำ มาเลย"

ที่เขาทำนี้ พอเราเกิดมาก็เห็นแล้วนะ ไม่ทราบเขาทำมานานเท่าไร เป็นประจำทุกปี ๆ ได้มากได้น้อยเขาก็ทำของเขาอย่างนั้น มีพระอยู่ในนั้นเขาก็ทำถวายพระในนั้น ถ้าไม่มีพระบางทีวัดร้างก็มี เขาก็ไปนิมนต์เอาวัดอื่นมา

พอทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยกข้าวถวายวัดไปเลยเป็นประจำ รู้สึกจะฝังจริง ๆ ฝังนิสัยของเขาหมู่บ้านนี้ นอกนั้นเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว แต่บ้านนี้รู้ชัด ๆ เพราะเราเกิดมาเห็นอย่างนั้นแล้ว ไม่ทราบว่าใครเป็นคนพาทำแต่เริ่มแรก เขาทำของเขาอยู่อย่างนั้น เรียกว่าฝังเป็นนิสัย เป็นประเพณีของบ้านนะ

เราจำได้ตอนที่เรามาบวชแล้วมาอยู่ที่นี่ มีปีเดียวเท่านั้น ดูเหมือนปี ๒๕๐๗ เรายังจำได้นะ ที่เราบังคับเอาเลย บอกเขาว่า "ไม่ให้ทำ" ดุด้วยบังคับด้วย ห้ามเด็ดขาดเลย ยกเหตุผลให้ต่อหน้าต่อตา

ปีนั้นเกือบจะไม่ได้ทำนากัน แต่เขาก็จะทำบุญข้าวเปลือก เราจึง "ห้ามอย่างเด็ดขาดเลย" มีงดปีนั้นเท่านั้น นอกนั้น่เขาก็ทำของเขา ปีนั้นเอาเด็ดขาดเลยนะ เขาจึงหยุดนะ รู้สึกเขาจะเสียดายอยู่เหมือนกันนะ เพราะบางคนพูด แต่ไม่กล้ามาพูดต่อหน้าเราเขาพูดนอก ๆ ว่า

"โอ๊ย..เรื่องความมีความจน ก็มีก็จนเป็นธรรมดาแหละ แต่การทำบุญให้ทานก็เป็นสิ่งที่ชาวบ้านเขาฝังลึก เขาอยากทำบุญให้ทานข้าวเปลือก"

อ้าว..ทีนี้เราก็แก้ไปใหม่นะ "ทำบุญข้าวเปลือกไม่ได้ก็ให้เอาข้าวสุก พระไปบิณฑบาตให้ใส่บาตรนั่นนะ"

เขาก็แก้อีก "อู๊ย..อันนี้ก็เป็นอันดับหนึ่ง อันนั้นก็เป็นอย่างหนึ่ง ก็อยากทำบุญ"

แต่พอเราพูดด้วยเหตุด้วยผล "ข้าวก็จะไม่มี ผู้จนก็จนอยู่นี้ จะพักบ้างก็ได้นี่นา เพราะไม่ใช่เราเป็นคนใจจืดใจดำ มีลดหย่อนผ่อนผันไปตามกาลตามเวลา หรือหยุดตามเหตุการณ์"

นี่ก็เราเป็นคนสั่งเอง เราดูเอง พันธุ์ข้าวก็จะไม่ได้ ปีนั้นคือฟ้าฝนไม่มี เราจำได้ว่ามีปีนั้นแหละ..แทบจะไม่ได้พันธุ์ข้าวนะ ฟ้าฝนไม่มี ได้ก็เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ลุ่ม ๆ ก็พอได้บ้าง ถ้าธรรมดาแทบจะไม่ได้ ถ้าเป็นนาดอนนาสูงไม่ได้เลย ไม่ได้ทำ เวลาเป็นปรกติเราก็ไม่ว่า ก็ให้ทำตามเรื่องของเขา.."

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2023 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #682  
เก่า 28-09-2023, 21:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ กล่าวถึงงานบุญนี้ แรกเริ่มทีเดียวจัดที่โรงเรียนบ้านตาด ก่อนจะย้ายมาจัดที่วัด ดังนี้

"จะเริ่มปฏิบัติกันมาตั้งแต่เมื่อใดนั้นก็ไม่ทราบ แต่มีความเป็นมาจากบุญคูณลาน ซึ่งเดิมชาวบ้านตาดจัดงานที่โรงเรียนบ้านตาด โดยนำข้าวเปลือกมากองรวมกัน แล้วนิมนต์องค์หลวงตาพร้อมพระไปเจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหาร ต่อมาจึงมีการจัดที่วัดป่าบ้านตาด โดยชาวบ้านนำข้าวเปลือกมารวมกันที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งในเบื้องต้นมีเฉพาะชาวบ้านตาดกับชาวบ้านกกสะทอน ที่นำข้าวเปลือกมารวมกัน หลังจากนั้นได้มีการปฏิบัติสืบต่อกันมา"

คำว่า ประทาย นอกจากจะใช้เรียกชื่อการทำบุญที่มีชาวบ้านหลาย ๆ คนนำข้าวเปลือกมากองรวมกันแล้ว ในแถบจังหวัดอุบลราชธานีมีการใช้คำนี้ในการทำบุญก่อเจดีย์ทรายด้วย โดยจะใช้คำว่า ตบประทาย ซึ่งหมายถึง การที่ชาวบ้านแต่ละคนนำทรายมากองรวมกัน แล้วก่อเป็นเจดีย์ทรายขึ้น จากนั้นมีการนิมนต์พระมาสวดมนต์ และทำบุญอุทิศคล้ายกับทำบุญประทายข้าวเปลือก

ประทายข้าวเปลือก จึงหมายถึงกองข้าวเปลือก ที่เกิดจากบุคคลหลายคน นำข้าวเปลือกมากองรวมกันเพื่อการทำบุญ ซึ่งเป็นประเพณีความเชื่อที่มีมาแต่นมนานแล้ว ชาวบ้านเขาทำนาได้ข้าว เขาก็จะเอาข้าวเปลือกมาทำบุญ ส่วนการทำน้ำพระพุทธมนต์ เป็นสิ่งมงคลที่ชาวบ้านได้ไปแล้ว จะนำไปรดสรงทั้งคนในครอบครัว เรือกสวนไร่นา ตลอดจนสิ่งของอย่างอื่น เช่น บ้านเรือน ยุ้งข้าว เกวียน รถ เป็นต้น เพื่อให้เกิดความอยู่เย็นเป็นสุข

ในระยะแรกข้าวเปลือกที่นำมาบริจาคในงานบุญประทายข้าวเปลือกเป็นของหมู่บ้านตาด ต่อมาหมู่บ้านแถบนั้นก็มาร่วมด้วย และเริ่มกระจายออกกว้างมากขึ้น ๆ จนไม่ถือเป็นงานบุญของหมู่บ้านหรือจังหวัดอุดรธานีอีกต่อไป องค์หลวงตาท่านจะนำข้าวเปลือกเหล่านี้ไปขาย เพื่อนำเงินมาสงเคราะห์ช่วยเหลือ กระจายออกเป็นประโยชน์ทั้งรายย่อยและสาธารณะตลอดมา ต่อมาเมื่อบ้านเมืองประสบวิกฤตเศรษฐกิจปลายปี พ.ศ.๒๕๔๐ องค์ท่านจึงเริ่มขอรับการบริจาคช่วยชาติ แต่ก็ยังไม่กว้างขวางนัก

จนกระทั่งวันเสาร์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ เป็นวันทำบุญประทายข้าวเปลือก ซึ่งอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ในวันนั้นประชาชนจากทุกสารทิศเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ท่านจึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า จะนำเงินที่ได้จากการขายข้าวเปลือกในครั้งนี้ "บริจาคช่วยชาติ"

อันเป็นการริเริ่มเปิดตัวการรับบริจาคช่วยชาติ ให้ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนได้รับรู้อย่างกว้างขวาง แต่ไม่เป็นทางการเป็นครั้งแรก และถือปฏิบัติด้วยการบริจาคช่วยชาติเช่นนั้นตลอด ๗ ปีในโครงการผ้าป่าช่วยชาติฯ จากนั้นก็เป็นการบริจาคสงเคราะห์โลกตลอดมา องค์ท่านกล่าวในเรื่องนี้ไว้ดังนี้...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2023 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #683  
เก่า 28-09-2023, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"..ระยะนี้ข้าวเปลือกก็เป็นจริงเป็นจัง เป็นเนื้อเป็นหนังจริง ๆ เพื่อชาติของเรา มาจริงจังหนักแน่นตอนที่เราช่วยชาติ แต่ก่อนเราไม่สนใจ เขาทำของเขาเอง ตอนนี้เลยเอาอันนี้เข้าเพิ่ม เพื่อช่วยชาติเราก็ส่งเสริมไปเลย เราไม่ได้มีอะไร เราไม่ได้เป็นเศรษฐี เรามีอะไรเราก็ทาน จะรอให้เป็นเศรษฐีแล้วค่อยทานมันตายทิ้งเปล่า ๆ ไม่เห็นใครเกิดมาเป็นเศรษฐี เอาเศรษฐีมาอ้างแล้วจึงทำบุญ มันตายกันหมดนั่นแหละ ไม่ได้ทำบุญ เรามีเท่าไรเราก็ทำของเรา อันนี้ก็เหมือนกัน เราไม่มีสมบัติเงินทองข้าวของอย่างอื่น เรามีข้าวก็เอา ก็ไปนั้นอีก จึงได้ทำ

เห็นไหมล่ะ..งานนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑) ดูคนซิ วัดป่าบ้านตาดเนื้อที่ตั้งเกือบ ๖๐๐ ไร่ คนมาแน่นวัด เพราะอะไรคนถึงมามากมายก่ายกอง ? เพราะวัดนี้ทำบุญช่วยโลก ช่วยทั่วประเทศไทยเรา เพราะฉะนั้น..คนจึงมามากมาย มาทั่วประเทศไทยเหมือนกัน งานทั้งหมดเรียกว่างานเพื่อโลก สงเคราะห์โลก

วันนี้ทำบุญข้าวเปลือกช่วยโลก ข้าวเปลือกมีมากขนาดไหนนำออกช่วยโลกทั้งหมด จึงเรียกว่างานเพื่อโลก งานสงเคราะห์โลก ทำเพื่อโลกทั้งนั้นแหละ งานบุญวัดป่าบ้านตาดเรานี้ก็เป็นงานบุญเพื่อช่วยโลกนะ เราทำทั่วประเทศไทยช่วยโลกทั้งนั้น...

ปัจจัยทั้งหลายที่มาเหล่านี้ออกช่วยโลกทั้งนั้นนะ สำหรับวัดนี้ไม่เอา มีเท่าไร ๆ ออกสร้างนั้นสร้างนี้ โรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่ง โรงพยาบาลทุกภาคทั่วประเทศไทย ขัดข้องขาดเขินอะไรก็วิ่งเข้ามาหาเรา เราก็ช่วยเหลือตามที่เกิดที่มี หลวงตาพาพี่น้องทั้งหลายนำสมบัติเข้าส่วนรวมนะ หลวงตาไม่เคยแตะต้องสมบัติของส่วนรวม มีแต่ช่วยส่วนรวมตลอดมา...

บรรดาพี่น้องทั้งหลาย..ที่หลวงตาพาทำบุญข้าวเปลือกวันนี้ก็ทำบุญเพื่อโลกของเรา ผู้ขัดสนจนใจมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า ได้อันนี้ออกไปแล้วก็เฉลี่ยเผื่อแผ่ไปทั่วถึงกันหมด จึงว่าทำบุญสงเคราะห์โลก เราทำอย่างนั้นจริง ๆ นี่ดูซิ..ข้าวกองพะเนินนี่จะออกช่วยโลกทั้งนั้น ออกช่วยโลกทั้งหมด เราไปไหนก็ไปช่วยโลก อยู่ก็อยู่ช่วยโลก เราไม่เอาอะไร ไปนี้ก็ไปช่วยโลก ช่วยไปหมดทุกแห่งทุกหน กระจายออกไปสู่ที่ขาดแคลนกันดาร ที่ไหนเราก็ออกช่วยทั้งนั้น...

สำหรับเรา เราไม่เอา กรุณาทราบไว้ตามนี้ เราพอแล้ว สมควรที่ว่าเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลายออกทางด้านวัตถุ และด้านนามธรรม แนะนำสั่งสอนโลกทั่ว ๆ ไป ทั้งวัตถุเข้าสู่ส่วนรวม.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2023 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #684  
เก่า 11-10-2023, 23:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คุ้นเคยวัดบวรฯ วัดในกรุงเทพฯ

ในอดีตหากมีกิจธุระที่กรุงเทพมหานคร องค์หลวงตามักจะมาพำนักที่วัดบวรนิเวศวิหารเป็นประจำ เนื่องจากเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ สมัยทรงดำรงสมศักดิ์ที่พระสาสนโศภณกับองค์หลวงตา ต่างก็นับถือกันเป็นสหธรรมิก มีความสนิทสนมและห่วงใยซึ่งกันและกัน ด้วยความที่มีอายุและพรรษาใกล้เคียงกัน แม้เจ้าพระคุณเองก็ทรงไปพักภาวนาทีวัดป่าบ้านตาดหลายครั้ง ครั้งละเป็นอาทิตย์ทีเดียว

ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ณ วัดเทวสังฆาราม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี องค์หลวงตายังได้ไปร่วมงานศพพระชนนีของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระสาสนโศภณอีกด้วย องค์หลวงตากล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ในอดีตว่า

"เมืองกาญจน์นี้วัดอะไรอยู่ทางด้านทิศเหนือโน้น นี่ก็สงัดเหมือนกัน ตอนนั้นไปกับสมเด็จพระสังฆราช คือท่านพักอยู่วัดเหนือ เป็นวัดเดิมของท่าน ท่านนิมนต์เราไปในงานเผาศพโยมมารดาท่าน แล้วนิมนต์เราเป็นองค์แสดงธรรมด้วย เราถึงได้ไป ไปพักอยู่หลายคืนเหมือนกัน ท่านทรงเป็นเจ้าภาพมารดาของท่าน คนเคารพนับถือมาก งานจึงเป็นไปหลายวัน นั่นละ..ตอนเรามีโอกาสไปงานของท่าน งานของเราอยู่ในป่า จึงได้สนุกเที่ยวดูป่าแถวนั้น โฮ้..ภาวนาดี เราไม่ได้มาหาท่านแหละ ไปสักแต่ว่าไป ถึงเวลาแล้วก็ลงมาเท่านั้นแหละ มาเทศน์มาอะไร

มีสองครั้งสามครั้งที่เรามาเกี่ยวข้อง นอกนั้นเราไม่มา ก็เป็นภาระของท่านเอง ธุระของท่านเอง เราไม่ยุ่งท่าน ถึงได้สนุกภาวนา วัดนี้เป็นฐานหนึ่งของที่ภาวนา สะดวกสบาย เข้าไปในป่านี้สบายไปหมดเลยนะ นี่หมายถึงเมืองกาญจน์ เป็นป่าเป็นเขา ตัวเองจริง ๆ ห่างไกลกันอยู่ นั่นละ..ที่มันสงัดวิเวกดี ตอนที่เรามีโอกาสบ้างก็ตอนตามเสด็จสมเด็จพระสังฆราช ตอนนั้นท่านยังไม่ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช

วัดบวรฯ จะเรียกว่าวัดเราก็ถูก กุฏิคอยท่าปราโมชเป็นกุฏิที่สมเด็จพระสังฆราชประทับอยู่ที่นั่นแต่ก่อน ระยะหลังก็คงจะอยู่ที่นั่นกระมัง เราไปพักวัดบวรฯ แรก ๆ ก็ไปพักกุฏิท่าน ท่านนิมนต์ให้พักกุฏิท่าน ให้อยู่ชั้นบนเลย ท่านนิมนต์เราขึ้นชั้นบน เราไม่ขึ้น เราบอกท่านจะพักอยู่ข้างล่าง จากนั้นเลยขอท่านพักกับเจ้าคุณยนต์ (พระเทพสารเวที) นี่แหละ แต่ก่อนท่านให้พักกับท่านทั้งนั้นแหละ พักกุฏิท่าน พักกุฏิหลังนี้ ท่านให้เลือกเอาตามชอบใจสองหลังนี้ ครั้นต่อมาเราก็เลยไปพักอยู่กับกฏิเจ้าคุณยนต์ เวลาสำคัญ ๆ ท่านจะพูดกับเราโดยเฉพาะ ปรึกษาปรารภอะไรลึกลับซับซ้อน แปลก ๆ ต่าง ๆ ท่านจะปรึกษาโดยเฉพาะ ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2023 เมื่อ 19:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #685  
เก่า 12-10-2023, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โห..เวลาคุยธรรมะนี้ท่านเอาจริงเอาจังมาก เฉพาะกับเราคุยกันสองต่อสอง เรื่องจิตภาวนา ท่านสนพระทัยทางด้านอานาปานสติ ท่านก็ภาวนาเต็มที่ของท่าน เวลาคุยกันโดยเฉพาะ ก็คุยธรรมะจิตภาวนาล้วน ๆ ท่านก็ทราบเรื่องราวทราบได้ดี ทราบจนวิถีจิตวิถีธรรม การพิจารณาอะไร ๆ เพื่อจะเป็นแนวทางให้ท่านพิจารณาต่อไป ความหมายว่าแบบนั้น สอนสังฆราชต้องสอนอย่างนั้นซิ ต้องหาอุบายวิธีพูดสอนไปในตัว ท่านสนพระทัยมากกับการภาวนา เวลามีปัญหาสำคัญ ๆ ท่านจะปรึกษากับเรา ท่านไม่ให้ใครมายุ่ง ปรึกษาธรรมะธัมโมอะไรต่ออะไร ท่านทำอานาปานสติ คุยกันสนุกดีนะ สองต่อสอง

สมเด็จพระสังฆราชเรา ท่านไม่ค่อยชอบพูดแหละ ท่านเป็นนิสัยอย่างนั้น เวลาท่านเทศน์ ท่านเทศน์ตามนิสัยของท่าน คือท่านเทศน์ช้ามากนะ พูดขึ้นประโยคหนึ่งแล้ว กว่าจะขึ้นอีกประโยคหนึ่งนาน เหมือนว่าคิดประโยคหน้าเสียก่อนแล้วค่อยพูด ประโยคจบเหมือนว่าคิดเสียก่อนแล้วค่อยพูด เป็นประโยค ๆ ช้ามาก เวลาท่านฟังเทศน์เรา ท่านก็คงจะคิดอันหนึ่งเหมือนกันนะ ท่านไปนั่งด้วยกัน เวลาให้เราเทศน์ บางวันที่ท่านว่างท่านก็ไปด้วย แต่ให้เราเทศน์ ทีนี้เวลาเราเทศน์กับท่านเทศน์มันต่างกัน ท่านเทศน์ช้ามากเชียว แต่เราพอเริ่มแล้วมันยำเลย ท่านก็ฟัง เราเทศน์ก็เป็นเรื่องของเรา ยำเลย ของท่านฟัดเสียโป้ก แล้วก็ไปหาผักหาหญ้ามาแล้วเอามาวาง ค่อยโป้ก..แล้วไปหาเนื้อหาปลามา แล้วก็โป้กอีกทีหนึ่ง เป็นอย่างนั้น เรานี้ยำเลย มันต่างกัน

ที่สำคัญก็คือ พอเวลาเราก้าวเข้าวัดบวรฯ นี้ ภาระท่านปลดเปลื้องมาเลยเทียว เหมือนว่าท่านไว้ใจเลย มอบให้เราหมด เทศน์อบรมประชาชน พวกอุบาสกอุบาสิกา ที่เขาไปฟังเทศน์วันพระวันอะไรต่ออะไรตอนเย็น วันพระท่านทิ้งให้เราเลย ไปเทศน์อบรมกรรมฐานตอนเช้า ท่านก็ทำตามพิธีของท่าน ท่านจะไปเทศน์แต่ตอนเช้าเท่านั้น ตอนเย็นเราจะเป็นผู้อบรมประชาชน ท่านเปลื้องภาระการเทศน์ได้เยอะ ถ้าไปทีไร ท่านมอบให้เลยนะ ท่านเทศน์มักจะเทศน์เรื่องกรรมฐาน พอดีเราไปนั้นเราเป็นกรรมฐานใหญ่ เข้าใจไหม ? ท่านก็โยนตูมให้

มีนิทาน คือผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในป่า ไปจ๊ะเอ๋กันกับหมี คือธรรมดาหมีนี่มันไม่ค่อยวิ่งหนี ถ้าเจอใกล้ ๆ จะโดดเข้ามากัดคน ทำคนให้เสียท่าเสียก่อนมันค่อยไป พอหนุ่มคนนั้นเดินไปนั้นไปจ๊ะเอ๋กับหมี หมีก็โดดมา ทางนี้ก็เข้าต้นไม้มันก็ตะปบมา ต้นไม้อยู่ตรงกลาง คนอยู่ทางนั้นมันก็ตะปบสองขา แล้วคนนั้นก็จับได้ทั้งสองขาเลย จับหมีตัวนั้นได้ทั้งสองขา

ทีนี้พอจับหมีได้ หมีก็โดดจะออก หัวคนก็ชนต้นไม้ คนจะตาย คนจับขาหมีดึง หัวหมีก็ชนต้นไม้ ชนอยู่อย่างนั้น ต้นไม้อยู่ตรงกลาง คนเจ็บหัวซิ พอหมีโดด คนจับขามันอยู่ หัวคนชนต้นไม้ เขาก็จับขาหมีไว้ หัวหมีก็ชนต้นไม้นั่นละ เอากันอยู่ปึงปัง ๆ พอดีอีกคนหนึ่งมา "ทำอะไรนั่น ?" "นี่กำลังจับขาหมี" "มา..ช่วย" คนนั้นเห็นจับขาหมี หัวหมีกับหัวคนชนต้นไม้ต้นเดียวกัน ทางนี้ก็ตะโกนเรียก "โอ๊ย..ทำอะไรนั่น ?" ทางนี่ก็ "จับขาหมี..มาช่วยกัน" คนนั้นก็ปุ๊บปั๊บจับขาหมีได้ คนนี้ก็เปิดเลย คนนั้นก็เลยชนต้นเสาอยู่กับหมีตัวนั้นแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2023 เมื่อ 19:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #686  
เก่า 12-10-2023, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราไปวัดบวรฯ ก็แบบเดียวกัน คือสมเด็จพระสังฆราชท่านจับขาหมีอยู่ ซัดกันปึ้ง ๆ ปั้ง ๆ พอเห็นเราไปท่านก็ว่ามาช่วยหน่อย พอเราจับขาหมีได้ท่านเปิดหนีเลย ปล่อยขาหมีให้เรา เรากับหมีเลยซัดกันปึ้ง ๆ ปั้ง ๆ ป่านนี้ยังคงไม่หยุดละมั้ง ? ไปทีไรเป็นอย่างนั้นละ นั่นละ..นิทานย่อ ๆ รับกัน เข้าท่าดี มันมีในนิทานเหมือนกัน คือหมีนี่เวลาไปเจอใกล้ ๆ มันไม่ได้วิ่งหนีนะ ส่วนมากมันจะวิ่งมาหาคน ตะปบหรือกัดคนเสียก่อน บางทีเจ็บมากด้วยมันถึงจะไป เรามาวัดบวรฯ มีแต่มาจับขาหมี ท่านเลยปล่อยให้เราเทศน์ ตั้งแต่มาพักที่นี่แล้วก็เลยไม่ได้ไป

ไปทีไรท่านก็โยนภาระให้เราละ สำคัญตรงนี้ ไปทีไรหนักนะ ถ้าไปวัดบวรฯ หนักมาก เทศน์อบรมประชาชน ตอนเย็นละไปเทศน์กรรมฐานที่ตึกมหามกุฏฯ หรือตึกอะไรที่รวมใหญ่นั่นละ เราไปที่นั่น เขาก็มาฟังที่นั่นฟังเทศน์ เทศน์อบรมเขาทางด้านภาวนา

ท่านภาระหนักมาก เราไปทีไรรู้สึกว่าท่านเบาลงมาก เราก็หนักมากเหมือนกัน ตั้งแต่เราสร้างวัดที่สวนแสงธรรมแล้วก็ไม่ได้ไปอีกเลย จึงไม่ค่อยได้พบได้สนทนาปราศรัยกันกับท่าน แต่ก่อนรถราก็จอดได้สะดวกสบาย ทุกวันนี้แน่นหมด แม้แต่กลางวัดบวรฯ ที่เป็นสนามก็ดูว่าเป็นตึกเป็นอะไรขึ้นแล้ว ทุกวันนี้หาที่จอดรถไม่ได้เลย ก็พอดีเรามีสวนแสงธรรม สถานที่จอดรถกว้างขวางเหมาะกัน ตั้งแต่นั้นมาเราเลยไม่ได้เข้าวัดบวรฯ ไม่ได้เข้าอีกเลย ไปก็บึ่งไปนู้นเลย ไปสวนแสงธรรมพักที่นั่นเลย

วัดไหนก็ไม่ไปพักในกรุงเทพฯ ตั้งแต่สร้างสวนแสงธรรมแล้ว ไปสวนแสงธรรมทีเดียวเลย แต่ก่อนเราเป็นพระหลายวัด ถ้ามีธุระเกี่ยวข้องใกล้กับวัดใดก็ไปพักวัดนั้น ๆ ทำธุระวัดไหนก็พักหมดแหละ เพื่อนฝูงมีเยอะในกรุงเทพฯ วัดบวรฯ วัดเทพศิรินทร์ วัดนรนาถฯ วัดบรมนิวาส วัดสัมพันธวงศ์ วัดไหนไปหมดนั่นแหละ พักวัดไหนก็พักได้ เพื่อนฝูงมีเยอะ ตั้งแต่มาสร้างสวนแสงธรรมแล้วนี้จึงไม่ไปวัดไหนเลย ไปสวนแสงธรรม คนก็ไปรวมที่นั่น สะดวกสบาย เรื่องรถราจอดได้สะดวกหมด วัดบวรฯ ทุกวันนี้ไม่มีที่จอดรถนะ เพราะแน่นไปหมดเลย

เดี๋ยวนี้ไม่รู้จักกับใครเลยวัดบวรฯ พระที่เฒ่าที่แก่ก็ล่วงไปหมดแล้วแหละ ดูมองไม่เห็นใครนะ ผู้ใหญ่ ๆ ที่เป็นเพื่อนฝูงกันแต่ก่อน ปรากฏว่าล่วงลับไปหมดแล้ว คงยังเหลือแต่พระหนุ่มน้อยที่ได้สมณศักดิ์สูงขึ้นไปเป็นขั้นเป็นภูมิไป ส่วนพระที่เคยเป็นเพื่อนเป็นฝูงกันแต่ก่อนดูเหมือนหมดแล้วนะ วัดบวรฯ หมด พอดีเราก็เลยมาอยู่ที่นี่ สุดท้ายเรียกว่าหมดจริง ๆ ก็ไม่ผิด ยังเหลือแต่สมเด็จฯ กับเจ้าคุณยนต์ นอกนั้นมองไม่เห็นองค์ไหนนะ

ตั้งแต่ท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว (ปี พ.ศ. ๒๕๓๒) เรายังไม่มีโอกาสจะเข้ากราบนมัสการท่านเลยจนกระทั่งป่านนี้ ท่านยังเป็นฝ่ายมา เป็นผู้ใหญ่กว่าเรามาที่นี่ ประกอบกับสร้างวัดสวนแสงธรรมก็เป็นระยะเดียวกัน แต่ก่อนเราไปพักวัดบวรฯ เป็นประจำ พอไปพักที่สวนแสงธรรมก็เลยไม่ได้เข้ามาวัดบวรฯ อีก ทีนี้วัดบวรฯ ก็เลยไม่ได้ไปอีกทีนี้นะ ไปได้ที่นู่นแล้วก็ไม่ได้มากราบนมัสการท่านเลย

ถ้าหากว่าพูดตามทางโลกแล้วเรียกว่าเรานี้ถือเนื้อถือตัว เย่อหยิ่งจองหอง แต่ภายในใจของเราแล้วไม่มี เราเคารพท่านตลอดมา ที่ไม่ไปก็เพราะว่าปรกติท่านมีพระภาระมากมายอยู่แล้ว แม้เราเพียงตัวเท่าหนู งานของเราก็ไม่เคยว่าง ไหนอาจารย์มหาบัวจะมาเยี่ยมแล้วจะยุ่งใหญ่ใช่ไหมล่ะ ? เพราะไปหาท่าน ไม่ไปกราบเรียนท่าน ปุบปับเข้าไปเลยก็ไม่เหมาะ ก็เสียอีกทางหนึ่ง ถ้าจะกราบเรียนท่านแล้วค่อยเข้าไปก็เสียอีกทางหนึ่ง.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2023 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #687  
เก่า 15-10-2023, 17:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เข้ากราบสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์)

ในช่วงที่องค์หลวงตามีธุระที่กรุงเทพฯ และไปพักที่วัดบวรนิเวศวิหาร คราวหนึ่งท่านหาโอกาสเข้ากราบสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชสมัยนั้น โดยปกติจะไม่มีผู้ใดเข้ากราบสมเด็จฯ แบบเดี่ยว ๆ แต่ในครั้งนั้นท่านเข้าไปกราบสนทนาด้วยเพียงองค์เดียวเท่านั้น ยังความประหลาดใจแก่บรรดาพระเณรภายในวัดไม่น้อยทีเดียว ดังนี้

"ตอนขบขันมากก็คือ เราขึ้นไปเฝ้าสมเด็จสังฆราช กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จสังฆราชองค์นี้ คือธรรมดาใครจะขึ้นเฝ้าท่าน โหย..มีคนตามหน้าตามหลังรุมเลย เป็นอย่างนั้นเป็นประจำ ก็มีพระป่าองค์เดียวนี้แหละแหวกแนว เวลาจะไป ดูไม่มีคน..ปั๊บขึ้นเลยเชียว

โอ๊ย..ท่านเมตตามากอยู่นะกับเรา ท่านคงเห็นว่าพระองค์นี้มันมาจากไหน มันกล้าหาญเหลือเกิน คงว่างั้น ใส่ปุ๊บเลยคุยกัน ท่านซักนั้นซักนี้ เรากราบทูลท่านเรื่อย ๆ มาประมาณสัก ๑๐ นาทีเราก็ลง ท่านทรงยิ้มตลอดนะ เพราะท่านไม่เคยเห็นพระขี้ดื้ออย่างนี้ ท่านยิ้ม ๆ เพราะท่านไม่เคยเห็นที่ไหน ท่านมองดูเราแล้วยิ้ม ๆ อยู่ตลอด แต่เราเฉย คือพระองค์ไหนก็ตามที่จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชนี้ ต้องมีผู้นำขึ้นไป ๆ ทุก ๆ องค์

พอตอนเช้ามา มาเล่าให้สมเด็จพระสังฆราชองค์นี้ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) ฟัง โอ๋ย..ท่านซักใหญ่เลย "ท่านอาจารย์ไปยังไง ?"

"อุ๊ย..จะยากอะไร กรรมฐานไป" เราว่างี้ เวลาเราตอบเราตอบอย่างนั้น กรรมฐานไม่ได้ยากนะ มันยากแต่ไม่ใช่กรรมฐาน แห่หน้าแห่หลัง ท่านมองดูหน้าเรา บทเวลาจะเอา เอาอย่างนั้นนะ ขึ้นหาท่านเลย ท่านทรงเมตตามากอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2023 เมื่อ 19:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #688  
เก่า 15-10-2023, 18:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เวลากลางคืนเงียบ ๆ เราก็สอบถามพระ "สมเด็จพระสังฆราชวชิรญาณวงศ์ ท่านรับแขกเวลาเท่าไร ?" ถามพระผู้ใกล้ชิดเวลาที่ท่านว่าง..ว่างั้น ท่านบอกเวลาเท่านั้น เราก็จับเวลาเอาไว้แล้วไปองค์เดียวนะ ไปแบบขโมย ด้อม ๆ ไปถามพระ ท่านนั่งอยู่เหมือนกับว่าอยู่บนธรรมาสน์สูงอยู่นะ

พอเห็นเราไป เราก็สังเกตพระด้วย สังเกตทุกอย่างเพราะเราไปแบบปลอม ๆ แปลก ๆ ไม่มีใครทำอย่างนั้นแต่เราทำ มีพระเฝ้าท่านอยู่ ๓ องค์ เราขึ้นไปองค์เดียว พอไปถึงพระก็รีบทูลท่าน "นี่อาจารย์มหาบัว"

ท่านยิ้มเลย เข้าใกล้ ๆ เลย ท่านนั่งอยู่โน้นเรานั่งอยู่นี้ ไม่นาน..ดูเหมือนไม่เลย ๑๐ นาที ท่านทรงยิ้มตลอดนะ อย่างหนึ่งก็คือว่าเห็นพระป่าพระเขาไป ไม่รู้จักขนบประเพณีธรรมเนียมอะไร ปุบปับขึ้น เหมือนพระป่าว่างั้นเถอะ ท่านยิ้มนะ ทรงยิ้มตลอด เราสังเกตดู เราเป็นพระบ้านนอก พระอยู่ในป่าในเขาขึ้นไปหาท่าน ท่านถาม "มหาบัวหรือ ? อยู่อุดรหรือ ? เอ้อ..อยู่อุดรรู้จักพระยาอุดรไหม ?"
"รู้จักบ้างครับกระผม" เราก็ว่าอย่างนั้น
"พระยาอุดรแต่ก่อนอยู่วัดบวรฯ มหาจิต จากนั้นมาแล้วก็มาอยู่เป็นผู้ว่าที่นี่ แล้วพระยาอุดรมีลูกกี่คน ?" ท่านทรงรับสั่งด้วยดี ยิ้ม ๆ ตลอด ท่านรับสั่งถาม
"ข้าพระองค์ไม่รู้ว่าท่านมีลูกกี่คน"

แล้วก็ถามอะไรต่ออะไร เราก็ทูลท่านเฉพาะ ๆ จากนั้นไม่นานเราก็กลับ กราบท่านแล้วลง ทีนี้ตอนเช้าพอฉันจังหันเสร็จแล้ว ตอนนั้นท่านเป็นพระธรรมวราภรณ์ สมเด็จสังฆราชองค์ปัจจุบัน อยู่กุฏิถัดเราไป เวลาเราทำอย่างนั้นท่านก็งงเหมือนกันว่า
"เมื่อคืนได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช"
ท่านว่า "เหอ ๆ แล้วไปเมื่อไร ?" "ตอนเท่านั้นทุ่มเท่านี้ทุ่ม"
โอ๊ย..จ้อเราเลยนะ "แล้วไปกี่องค์ ?" "ไปองค์เดียว"
ว่างั้น..ท่านยิ่งจ้อใหญ่เลย "แล้วท่านรับสั่งอะไรบ้าง ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2023 เมื่อ 20:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #689  
เก่า 15-10-2023, 18:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราก็กราบเรียนท่านว่ารับสั่งอย่างนั้น ๆ แล้วก็ลงมา ท่านดูเราด้วยนะ ดูด้วยความสนใจ ภาษาของเราก็ว่า "พระผีบ้า..ไปขึ้นได้ยังไง ?" ประเทศไทยไม่มีใครขึ้นอย่างนั้น ท่านขบขัน ดูเราแล้วยิ้มตลอดนะ เพราะไม่มีใครทำอย่างนั้น เราไปตามประสาของเรา ถ้าไปแบบทั้งหลายเขาไปมันก็ไม่ใช่พระป่า..เข้าใจไหม ? ต้องไปแบบพระป่า เซ่อ ๆ ซ่า ๆ แบบนั้น ขบขันดีนะ

โอ๊ย..ท่านรับสั่งยิ้ม ๆ สมเด็จสังฆราชวชิรญาณวงศ์ ท่านรับสั่งดีทุกอย่าง ยิ้มตลอด เราขึ้นไปนึกว่าท่านจะมีพระพักตร์ยังไง ๆ ไม่มีนะ มีแต่ยิ้มตลอดเลย เราก็ไม่ให้เสียเวลา ขึ้นไปเล็กน้อยแล้วเราก็ลงมา นั่นละ..ตอนเช้ามาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จสังฆราชองค์ปัจจุบัน ตอนนั้นท่านเป็นธรรมวราภรณ์ เป็นขั้นธรรม โอ๋ย..ท่านซักใหญ่เลยเทียวนะ

ตามธรรมดาท่านไม่ค่อยชอบพูดแหละ แต่เวลาเราเกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราชขึ้นไปองค์เดียวปลอม ๆ นี่ โอ๋ย..ท่านซักใหญ่เลย จ้องตลอดนะ ทั้งยิ้มทั้งจ้องทั้งซัก เราก็ธรรมดา ท่านจ้องท่านซักเราทุกอย่าง ท่านรับสั่งอะไรบ้างยังไงบ้าง ท่านไม่เคยเห็นนิสัยอย่างนี้ เราก็ธรรมดา มันใช้ได้ทุกแบบนี่ว่าไง ก็โลกสมมติ เวลาจะออกใช้พลิกทางนี้ปั๊บ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ พูดให้มันชัดเจนเสียว่ามันไม่ได้ติดอะไรนี่ ถ้าติดเขาติดเรา อย่า..ถ้าลงติดเขาติดเราแล้วไปไม่รอด ถ้าไม่ติดเขาติดเราเสียอย่างเดียวเท่านั้นไปได้หมด ทะลุหมดเลย

ทีนี้เวลาจะนำมาใช้ก็ใช้ตามกาลเวลาที่เหมาะสม จะใช้แบบนี้ก็ปุ๊บ ใส่แบบนี้ปิ๊งเข้าไปเลย จะใช้แบบไหนใช้แบบนั้นเลย ใช้แล้วหายเงียบไปเลยไม่มีอะไร ใครจะเป็นบ้าอะไรก็ช่างใคร เราไม่เป็นกับใคร เฉยเลย.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2023 เมื่อ 20:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #690  
เก่า 02-02-2024, 19:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เทศน์อย่างนี้ก็เป็น ?

มีเรื่องขบขันระหว่างท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ กับองค์หลวงตาเกี่ยวกับการเทศน์กล่าว คือหากมีเหตุให้ท่านไปแสดงธรรมที่วัดโพธิสมภรณ์คราวใด พอขึ้นธรรมมาสน์แล้ว ก่อนการแสดงธรรมท่านเจ้าคุณมักจะเดินไปบริเวณรอบ ๆ และประกาศว่า

"ใครอย่าพูดนะ เราจะฟังเทศน์มหาบัวนะ เราจะฟังเทศน์มหาบัวนะ ใครอย่าพูดเป็นอันขาดนะ"

ในบริเวณนั้นจึงเงียบหมด จากนั้นท่านเจ้าคุณก็กลับมาประจำที่และตั้งใจฟังเทศน์แบบกรรมฐาน คือ หลับตาฟังด้วยความเคารพในธรรม โดยไม่ถือตัวว่าเป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านมาก่อนแต่อย่างใดเลย มิหนำซ้ำถ้าอยู่กันสองต่อสอง ท่านเจ้าคุณจะซักถามแหลก บางครั้งก็นั่งมองดูหน้ากันเฉย ๆ ดูหน้า จ้อง แล้วก็ว่า

"ข้อยพูดตามจริงนะบัว เราฟังเทศน์มาทั่วประเทศไทย ฟังมาแล้วไม่มีใครเทศน์เหมือนเธอ เธอเทศน์ใส่ตรงไหนขาดสะบั้น..ขาดสะบั้น แหม..! มันถึงใจข้อยเหลือเกิน ว่าไม่อึ๊ไม่อ๊ะ..ไหลไปเลย

ถ้าหากไม่มีปัญหาเรื่องเทศน์ ข้อยยกให้เจ้านะบัว แต่ถ้ามีปัญหาแล้ว การตอบปัญหาเจ้าเป็นที่หนึ่ง มันถึงใจข้อยเหลือเกินนะบัว..ตอบปัญหารรวดเร็วที่สุด..ปั๊บเลย ใส่ปั๊บ ๆ เลย แหม..! เรานี้อยากถามทั้งวัน แต่ไม่มีปัญหาจะมาถาม"


บางครั้งท่านเจ้าคุณยังถามอีกด้วยว่า "บัว ๆ เวลามีคนมาถามปัญหาเธอน่ะ เธอได้คิดไว้ไหม ?" และมีอยู่ครั้งหนึ่งในขณะที่อยู่กันสองต่อสองกับท่านเจ้าคุณ คราวนั้นท่านเจ้าคุณมองดูหน้าท่านด้วยแววตาที่ใสแจ๋วแล้วกล่าวว่า

"บางทีนะบัว ข้อยพูดตามความจริงนะบัว เจ้าเทศน์นี้ข้อยว่าหาตัวจับยากนะบัว ต่อไปนี้เจ้าจะเป็นเจ้าคุณอุบาลีน้อยนะบัว เจ้าเทศน์ แหม..! มันถึงใจข้อยเหลือเกิน"

ทราบกันว่าท่านเจ้าคุณเคยฟังเทศน์ของท่านแต่แบบกรรมฐานเท่านั้น ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าท่านจะเทศน์ธรรมะแบบขบขันได้ด้วย เช่นในคราวที่พระอุปัชฌาย์เอาตัวท่านไปเทศน์ที่จังหวัดนครพนม ทำให้ท่านต้องได้เทศน์หลายแบบตามลักษณะผู้ฟัง ดังนี้

"..ขึ้นเบื้องต้นด้วยขึ้นนครพนมก่อน อันนี้เทศน์ไปธรรมดาเรื่อย ๆ เขามาฟังก็มีเมียผู้ใหญ่ เมียอธิบดีศาลมาฟังเทศน์เรา พอเทศน์จบลงแล้ว ปุ๊บปั๊บคลานเข้ามาหาคุณวรรณดี ที่เป็นนายกพุทธสมาคม นิมนต์เราไปเทศน์งานฉลองตั้งรากตั้งฐานพุทธสมาคมที่นครพนม พอค่ำคนมามาก

พอเจ้าคุณไปคนก็มามาก เขานิมนต์เราขึ้นเทศน์ ก็ท่านเจ้าคุณนั่นแหละให้เทศน์ ไปไหนมีแต่ท่านแหละให้เราเทศน์ ท่านไม่เทศน์ ถ้าเราไปท่านไม่เทศน์เลย มีแต่เรานั่นแหละเทศน์ เขามานิมนต์เทศน์ พอเทศน์จบลงแล้ว ยังไม่ลืมนะ เทศน์ชั่วโมงกับหนึ่งนาที เทศน์นี้ไหลไปเลย ไม่เหมือนธาตุขันธ์ทุกวันนี้

พอเทศน์จบลงแล้ว คุณนายอธิบดีศาลคลานเข้ามาหานายกสมาคม มากระซิบถาม "เอ๊ะ ท่านองค์นี้มาจากไหน ๆ เทศน์ทำไมแปลกเหลือเกิน ฟังแล้วทำไมมันเพลิน ๆ ตลอด เราฟังเทศน์มหาเปรียญ ๘ ประโยค ๙ ประโยค เคยฟังมาก็ธรรมดา ๆ แต่อาจารย์องค์นี้มาจากไหน ทำไมเทศน์ถึงแปลกเอาเหลือเกิน จบแล้วก็ยังไม่อยากให้จบ นี่ท่านจบเสียก่อน วันพรุ่งนี้จะมานิมนต์ท่านเทศน์อีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2024 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #691  
เก่า 02-02-2024, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ว่างั้นนะ แล้วถาม "เป็นใคร ?" "อาจารย์มหาบัว"

"อาจารย์มหาบัวอย่างนี้ แต่ก่อนได้ยินแต่ชื่อท่าน นี่ได้เห็นองค์แล้ว โอ๋..ท่านเทศน์อย่างนี้"

พอพรุ่งนี้เช้าฉันเสร็จนิมนต์อีก ไปขอท่านเจ้าคุณนิมนต์ท่านอาจารย์มหาบัวเทศน์อีก เจ้าคุณก็ว่า "โอ๋ย..ไม่ได้ ๆ วันนี้จะเอามหาบัวไปเทศน์ที่(อำเภอ) ท่าอุเทน ไม่ได้ ๆ วันนี้จะเอามหาบัวไปเทศน์ท่าอุเทน"

ตกลงไม่ให้จริง ๆ นะวันนั้นไม่ให้เลย นี่ละทีนี้จะไปท่าอุเทน ท่านก็อยู่อำเภอท่าอุเทน ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์นี่ ท่านเป็นคนท่าอุเทน ตอนนั้นกำลังบ้าบัตรบ้าเบอร์กัน อู๊ย..ไปที่ไหนบ้าบัตรบ้าเบอร์เต็มแผ่นดิน ไปวันนั้นมีแต่นักบัตรนักเบอร์เต็ม

คุณวรรณดี ตั้งตรงจิต นี่แหละที่เป็นนายกพุทธสมาคม เป็นคนขับรถให้ ไปถึงแล้วพอถึงเวลาเทศน์ คุณวรรณดีเคยฟังธรรมะขั้นสูงของเรานี่นะ เคยฟังมาพอแล้ว วันนั้นแกจ้องคอยจะฟังธรรมะขั้นสูง ทางนั้นก็ไปอยู่ตามป่าไม้เรี่ยราดอยู่นี้ ไปเทศน์ให้คนหัวเราะเสียจนจะตาย ฟังเสียหัวเราะแตกลั่น ๆ อยู่ที่ศาลา เทศน์มีแบบตลกขบขันมีข้อเปรียบเทียบมีอะไร หัวเราะกันลั่น พวกนั้นเลยเพลินด้วยการหัวเราะ เทศน์ไปไหนก็ไม่ไป

อะไรก็ไม่ขบขันเหมือนเอาเราไปเทศน์ที่ท่าอุเทนนั่นแหละ...ตั้งแต่นั้นมาพอท่านเจอหน้าเราทีไร ท่านจะต้องเอาเรื่องนั้นขึ้นทักทายก่อน เพราะท่านไม่เคยได้ยินเราเทศน์อย่างนั้น เทศน์เริ่มตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีอะไร เทศน์ให้ขบให้ขัน พวกนี้หัวเราะกันลั่นตลอดกัณฑ์เลย ท่านเจ้าคุณฯ นี้หัวเราะจนแทบล้มแทบตายจริง ๆ นะ เราจบเทศน์แล้วเขาก็ขอร้อง

"โอ๊ย..อย่าด่วนจบ ๆ..!"

ท่านเจ้าคุณอุปัชฌาย์นี้ก็หัวเราะเป็นบ้าอยู่ข้างหลังเรา ท่านนั่งข้างหลัง เราเทศน์ข้างหน้าทางโน้นก็หัวเราะ ท่านเจ้าคุณก็หัวเราะ หัวเราะจนจะเป็นจะตายจริง ๆ น้ำตาไหล..หัวเราะตลอดเลย เราไม่ลืมนะ ๔๕ นาที เราก็เริ่มจะลง เขาบอกว่าขอฟังเทศน์อีกอย่าด่วนลง..อย่าด่วนจบ กำลังสนุกดี เราก็เริ่มลงของเรา พอจบลงแล้วลงมาพวกนั้นยังหัวเราะกันลั่น ตั้งแต่ต้นเทศน์จนกระทั่งจบเทศน์มีแต่เรื่องตลกขบขันให้หัวเราะ คนหัวเราะกันลั่น

พอลงมาจากธรรมาสน์แล้ว ลงมาแล้วมากราบพระประธานเสร็จแล้ว มองดูท่านเจ้าคุณยังหลับตาหัวเราะคิกแค็ก ๆ อยู่นั้น ยังหัว..ดิ้นล้มดิ้นตายอยู่ซิ ยังไม่ลืมตา ยังหัวเราะลั่น พอจบแล้วก็มานั่ง

พอลืมตาก็
"เอ๊..มหาบัว เจ้าเทศน์อย่างนี้ก็เป็นหรือ ? มหาบัว ๆ ข้อยบ่เคยได้ยินเจ้าเทศน์อย่างนี้"

แล้วหัวเราะอยู่ตลอด มาในรถหัวเราะมาตามทางนะ
"มหาบัวเทศน์อย่างนี้ก็เป็น" ท่านไม่เคยได้ยินเราเทศน์แบบนั้น ก็เทศน์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป ในสถานที่นั่นเป็นยังไง ๆ ท่านก็ไม่รู้เรื่องของเราอีก..ใช่ไหมล่ะ ? เวลาเทศน์มันก็ออกแบบนั้นหัวร่อแทบล้มแทบตาย ตั้งแต่นั้นมาเจอเราทีไร

"มหาบัวเทศน์อย่างนี้ก็เป็น ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2024 เมื่อ 18:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #692  
เก่า 02-02-2024, 19:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หัวเราะกิ๊ก ๆ พวกนี้มันชอบบัตรชอบเบอร์ เล่นบัตรเล่นเบอร์ เราก็เทศน์เรื่องบัตรเรื่องเบอร์ เทศน์มีตลกขบขันจนกระทั่งจากกัน เจอหน้าเป็นต้องว่าละซี "มหาบัวเทศน์อย่างนี้ก็เป็น ๆ" อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งท่านจากไป นี่เราพูดถึงเรื่องเทศน์มันเอาแน่ไม่ได้นะ มันเป็นของมันนั่นแหละ เอาแน่ไม่ได้"

การที่ท่านเจ้าคุณฯ มอบความไว้วางใจให้ท่านเป็นผู้แสดงธรรมทางภาคปฏิบัติอยู่เนือง ๆ นั้น ท่านบอกเหตุผลไว้เช่นกันว่า

"ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์เป็นอุปัชฌาย์ของเรา พูดตรง ๆ พูดตามอรรถตามธรรม ไม่ดูถูกเหยียดหยาม ไม่เย่อหยิ่งจองหอง ท่านบอกว่าท่านลงเราสุดขีดเลย ในเรื่องทางกรรมฐานท่านเจ้าคุณท่านเก่งมากนะ ท่านฟังเราตอบปัญหามามากต่อมากแล้ว ท่านหาอุบายให้เขาถามปัญหา เวลาเขาถามมาปั๊บ

"เอ้า..บัวตอบ"

ท่านจะแอบฟัง ท่านว่าอย่างนั้น ท่านถามไม่ถอย คุยไม่ถอย เราจะตายหลังจากนั่งสนทนากับท่าน ด้วยความพอใจของท่าน ท่านเอาจริง สนใจภาคปฏิบัติ สนใจมากทีเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2024 เมื่อ 18:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #693  
เก่า 07-04-2024, 08:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไปภาคใต้ พบพ่อลูกที่นราธิวาส

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ องค์หลวงตารับนิมนต์กระทรวงมหาดไทยไปทางใต้ เพื่อร่วมงานบุญฉลองวัดเขากง จังหวัดนราธิวาส โดยพำนักอยู่วัดประชาภิรมย์ การไปงานนิมนต์ในครั้งนี้ ถึงกับทำให้ข้าราชการนายหนึ่งร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้มปีติ ที่ไม่มีโอกาสได้ไปกราบ แต่กลายเป็นท่านบินฑบาตมาโปรดถึงที่อยู่ด้วยองค์ท่านเอง ดังนี้

"เราก็เดินไปคนเดียวไปบิณฑบาต เราได้รับคำยกยอคราวนั้นละ เราอยู่เมืองไทยมากี่ปีกี่เดือนไม่เคยได้รบคำยกยอ วันนั้นได้รับยกยอ พ่อกับลูกสาวยืนรอใส่บาตร พ่อเลยบอกลูกสาวว่า

"นี่ลูกดูซิ ดูพระองค์นี้ทำไมสง่างามมาก เดินอย่างสง่าผ่าเผยองค์เดียวมา ดูท่าทางการเดินการไปการมา ความสำรวมระวังเรียบไปเลย พ่อก็ไม่เคยเห็น ดูซิลูก..สวยงามมากนะ พระองค์นี้จะไม่ใช่พระอยู่แถวนี้นะลูก พระองค์นี้ต้องอยู่ในป่า อยู่แถวไหนค่อยทราบ"

พ่อกระซิบบอกลูกสาวอยู่อย่างนั้นให้ดู ดูซิลูก ๆ พระองค์นี้แปลกอยู่นะ กระซิบบอกลูกเรื่อย ดูซิลูก ๆ เรื่อย เราก็เดินเข้ามา ๆ เขาเป็นหัวหน้า ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) เขาพูดกับลูกสาว ลูกสาวรอใส่บาตร วันนั้นพ่อมาใส่บาตรด้วย พ่ออยากใส่บาตรเป็นกำลัง พอเดินเข้ามาจนกระทั่งถึงที่รับบาตร

พอมาถึงก็นิมนต์เราเข้าไปรับบาตร พอเรารับบาตร ก็ขันเท ๆ หรืออะไร ใส่ขันหนึ่งแล้ว เราขยับออกปุ๊บปั๊บใส่อีก เราก็เลยรับอีก พอรับที่สองแล้วยังจะเอาอีก ใส่อีก ถึงสองแล้วเราบอก
"ให้รอให้องค์อื่นรับบ้าง พระท่านก็บิณฑบาตด้วยกัน มาแถวนี้แหละ ให้ท่านบ้าง"

"โอ๊ย..ผมมีเยอะอยูข้างบน" ว่าอย่างนั้นนะ

จัดบาตรอยู่ข้างบน ฟาดใส่นี่ เทหมดเลย เลยพาลูกใส่หมดเลย ที่ยกไปนั่นน่ะ เทใส่บาตรเราเต็มหมดเลย บอกเท่าไรไม่ฟังเลย ไม่สนใจมีแต่จะรุกเรื่อย พอใส่บาตรเสร็จแล้ว อ้าว..มันก็เต็มบาตรจะไปไหนนี่ ? ก็มันเต็มบาตรแล้วนี่ จะไปข้างหน้าไม่ได้แล้ว ก็มีบ้านหนึ่งอยู่ข้างหน้าเขารออยู่ ไปรับกันเสียก่อน เขาก็เตรียมปุ๊บปั๊บลงไป เขาไปเอากะละมังของเขาลงมารอเทบาตรเรา

พอใส่บาตรลงปั๊บ แกก็เอารถแก แกเป็นหัวหน้า ตม. แกมีรถ ปุ๊บปั๊บเอาบาตรเรามาเทเสร็จเรียบร้อยเต็มนะ เทหมดเราจะกลับ อ้าว..ทางนู้นก็รุมจะคอยรอใส่บาตรเรา ฟาดทีเดียวเต็มหมดเลยวันนั้นกลับมา นั่นละที่ว่า"ผมได้ยินชื่อเสียงท่านอาจารย์มานานแล้ว ผมจนหมดหวังแล้ว นี่ที่ผมดีใจมาก ทีแรกผมอยู่ ตม.หนองคาย ครั้นมาตอนนั้นถ้าหน้าฝนก็เลอะไปด้วยขี้ตมขี้โคลน..เข้าไม่ได้ ถ้าหน้าแล้งก็เต็มไปด้วยทราย รถเข้าไม่ได้ จากนั้นก็เลยย้ายไปทางอุบล จนกระทั่งย้ายมาทางนี้ หมดหวังว่าจะมากราบท่านอาจารย์ที่นี่ ไม่เคยมีวาสนา วันนี้ผมมีวาสนามาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2024 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #694  
เก่า 07-04-2024, 08:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พูดน้ำตาร่วงนะ ไม่ใช่ธรรมดา ผมหมดหวังแล้ว กลับมาเจอตอนที่หมดหวังแล้ว อยู่หนองคายจะมาหาท่านอาจารย์ก็มาไม่ได้ แล้วย้ายไปอยู่อุบลฯ ย้ายจากอุบลฯ ก็ไปนราธิวาส นั่นละ..มาเจอกันที่นั่น

ทีนี้พอมาใส่บาตรหมดแล้ว วันนั้นตามทั้งวันเลย ตม.คนนี้ งานการไม่สนใจ เอารถของแกนั่นแหละ พาเราไปเที่ยวนู้นเที่ยวนี้ เฝ้าเราทั้งวัน บริการทั้งวัน บอกให้ไปทำงาน "ไม่เป็นไร..ผมมีลูกน้อง ผมสั่งลูกน้องแล้ว" ว่าอย่างนั้นนะ บริการเราทั้งวันเลยในวันนั้น ชื่อพันตำรวจโทวีระ เราเลยจำได้ แกพอใจพูดขึ้นน้ำตาร่วง ๆ นะ ครั้งสุดท้ายละที่นี่

พอเสร็จงานแล้วแกก็มารออยู่ที่ห้องเราพัก ไม่ไปทำงานที่ไหนเลย เฝ้ากลางวันก็พาไปเที่ยวทางโน้นทางนี้ ซอกแซกซิกแซ็กไปหมด บอกให้ไปทำงานก็ไม่ยอมไป
"ผมพอใจแล้ว ผมมุ่งใส่ท่านอาจารย์มาตั้งแต่อยู่หนองคาย หมดหวัง ฟาดไปอุบลฯ ยิ่งหมดหวัง นี้ฟาดลงมาทางนี้แล้วหมดหวังใหญ่ ทำมาเจอเอาอย่างนี้"

แกดีใจ พูดน้ำตาร่วงเลย ทีนี้พอไปรับอะไรเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว ในงานเขาถวายมากมายของกองพะเนินเทินทึก มาวัดประชาภิรมย์ละ เราถามเขา "พระในวัดนี้มีกี่คณะ ? ให้ไปถามดู..มีกี่คณะ ?"

ถามแล้วเราก็จัดเอาของทั้งหมดที่เขาถวายเรา เอาไปแจกพระตามคณะต่าง ๆ หมดเลย เราไม่เอาอะไรเลย "อ้าว..ท่านไม่เอาอะไรเลยเหรอ ?"

"เอาแล้ว..เอาบุญแล้ว" เราว่าอย่างนั้น

แกเห็นว่าอะไร ๆ ก็ตาม พอมาในงานนิมนต์ ๆ แทนที่จะเอาอะไรตามเขาถวาย ไม่เอาเลย ให้ไปแจกคณะนั้น ๆ กี่คณะเราให้เอาไปแจกหมดเลย เพราะของมากต่อมาก

ทีนี้บทเวลาเราจะจากแกมา ก้มหน้าน้ำตาร่วง ๆ "หมดหวังแล้วทีนี้ผม แต่ก็ยังมีหวังที่ได้พบท่านอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนี้ไปจะไม่ได้พบท่านอาจารย์อีกแล้ว"

ว่าอย่างนั้นนะ ก้มหน้าน้ำตาร่วง ผู้ชายน้ำตาร่วง เราก็เลยขึ้นรถ จากแกมาก็นั่งรถยนต์มาขึ้นเครื่องบินที่ปัตตานีหรือนราธิวาสที่ไหนลืมแล้ว ขึ้นเครื่องบินกลับ ตั้งแต่นั้นมาก็เลยไม่ได้พบกันอีกเลยจนป่านนี้แหละ แกคงเกษียณแล้วนานแล้วนะ

ขบขันดีอยู่นะ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ไปอีก นราธิวาสไม่ได้ไปอีกเลย นี้ไปในงานเขานิมนต์กระทรวงมหาดไทย ตอนนั้นใครเป็นผู้ใหญ่ในกระทรวง นั่นละ..เขานิมนต์เราไป แล้วไม่ได้ไปอีกเลยจนกระทั่งป่านนี้ละ นราธิวาสไม่ได้ไปอีกเลย ปัตตานีเหล่านี้ไม่ได้ไป สงขลา หาดใหญ่ ไปบ่อย แต่เป็นที่ว่าผ่าน ๆ ไม่ได้ไปซอกแซกซิกแซ็กก็คือทางภาคใต้เรา ภาคอื่นภาคไหนไปหมดแหละ ไม่มีอะไรก็ไปละ.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2024 เมื่อ 18:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #695  
เก่า 03-05-2024, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลูกบุญธรรม..เฆี่ยนตีได้

องค์หลวงตาได้เกี่ยวข้องกับพระ เณร ประชาชน หลากหลายลักษณะ ซึ่งท่านก็มีวิธีปฏิบัติกับแต่ละบุคคลแต่ละคณะแตกต่างกันไป สำหรับความเกี่ยวข้องในลักษณะความเป็น "บุตรบุญธรรม" ขององค์หลวงตานั้น ส่วนหนึ่งของการแสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๓ และ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๐ กล่าวไว้ ดังนี้

"อาหารที่มาใส่บาตรทุกวันนี้ อาหารประชา (พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก) เรานี่นะ ประชานี่ลูกบุญธรรมหลวงตานะ ลูกโปรดคนหนึ่งนะ ตีได้ ฆ่าได้ เฆี่ยนได้ ลูกคนนี้ มอบภาระให้ผู้กำกับการตำรวจอุดรฯ มาถวายจังหันแทน ปิ่นโตนี้เท่าต้นเสานี่ของง่ายหรือ ?

"อ้าว มันใหญ่ก็บอกว่าใหญ่ซี ใหญ่ไปว่าเล็กมันขัดกัน"

ปิ่นโตนี้เป็นชั้น ๆ เมื่อเช้ามาก็เห็นตั้งอยู่ มาประจำหลายแล้วนะ เราก็ดูเห็นเขียนชื่อเจ้าของไว้บนปิ่นโต มาตั้งกึ๊กนี้ เราเป็นหัวหน้าก็ต้องเอาก่อนใครล่ะซี แล้วก็แจก..มาถวายตัวเป็นลูกบุญธรรม โอ๊ย นานแล้ว ตั้ง ๓๐ ปี

ฟ้าหญิงฯ ท่านมาเหมือนกัน ฟ้าหญิงฯ นิมนต์ เราไปเยี่ยม ไม่นานก็ถวายตัวเป็นลูกศิษย์ พออันดับที่สองถวายตัวเป็นลูก ฟ้าหญิงเล็กนะ ถวายอยู่ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธละมั้ง ("ครับ ใช่ครับ")

นิมนต์เราไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ นี่ละอำนาจของธรรม ความคิดถึงครูบาอาจารย์นี้เป็นสำคัญมาก พวกเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลรักษาท่านเวลาท่านป่วย อยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ชื่อโรงพยาบาลก็เป็นโรงพยาบาลกรุงเทพ อยู่ในกรุงเทพฯ นั่นแหละ พูดคำไหนออกมาก็คิดถึงท่านพ่อ คืออยู่ในโรงพยาบาล

"คิดถึงท่านพ่อ อยากไปเยี่ยมท่านพ่อ" อยู่อย่างนั้น

จนกระทั่งพวกรักษาอยู่นี้น้อยใจ เสมือนหนึ่งว่าพวกหมอเหล่านี้ไม่มีความหมายเลย พูดคำไหนออกมาก็ท่านพ่อ"


สำหรับที่มาของคำว่า "ลูกบุญธรรม" ขององค์หลวงตานั้น องค์หลวงตาเล่าให้พระเณรฟังประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ถึงเหตุการณ์ในราวปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ซึ่งเป็นจุดเริ่มแรกที่ท่านเมตตารับคุณพรสวรรค์ คูสกุล มาเป็นลูกบุญธรรม พระวัดป่าบ้านตาดรูปหนึ่งได้ยินคำกล่าวขององค์ท่านในวันนั้นว่า

"
โยมพรสวรรค์ตอนเด็ก ๆ ป่วย พ่อแม่ก็เลยพามายกให้เป็นลูกองค์หลวงตา ท่านก็เลยรับไว้ ในสมัยนั้นทางพระเรายังไม่ได้เรียกลูกบุญธรรม องค์หลวงตายังกล่าวให้พระเณรฟังอีกด้วยว่า "เรารับใครก็รับจริงจัง ไม่ได้รับสักแต่ว่าเป็นพิธี"

เมื่อองค์หลวงตาเมตตารับเป็นลูก ไม่นานปรากฏว่าโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่กลับดีขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2024 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (04-05-2024), ชุณหพงศ์ (08-05-2024), ต้นบุญ (04-05-2024), ปราโมทย์ (05-05-2024), ปลากะพง (04-05-2024), พี่เสือ (11-05-2024), พุทธภูมิ (03-05-2024), มารวย๙ (04-05-2024), ศุภชัยรู้แผน (16-05-2024), สุธรรม (04-05-2024)
  #696  
เก่า 05-05-2024, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สงเคราะห์หน่วยงานราชการ

องค์หลวงตาให้ความอนุเคราะห์ ช่วยเหลือหน่วยราชการหลายหน่วยในด้านต่าง ๆ กัน เพราะท่านเห็นว่าเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงในการให้ความสะดวก ให้บริการช่วยเหลือแนะนำในการประกอบอาชีพ สารทุกข์สุกดิบบำบัดทุกข์บำรุงสุข รวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ แก่ประชาชนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

เมื่อหน่วยราชการต่าง ๆ มาขอความช่วยเหลือ หากเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและสมเหตุสมผล ท่านก็เมตตาอนุเคราะห์ให้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน เครื่องอุปโภคบริโภค รถยนต์ รถตู้ รถบัส เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ในการทำงาน

สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในหน่วยราชการ ซื้อที่ดิน สร้างถนน ห้องอาบน้ำ สุขาหน่วยราชการ ทำฝนเทียม เงินว่าจ้างเจ้าหน้าที่ฯ เจาะบาดาล ติดตั้งไฟฟ้า สมทบสร้างอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

นอกจากนี้ยังมีในรูปของกองทุน เช่น ตั้งมูลนิธิพระราชญาณวิสุทธิโสภณฯ เพื่อสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๔ ด้วยทุนเริ่มต้น ๑๒ ล้านบาท เพื่อนำดอกผลไปช่วยเหลือด้านสวัสดิการต่าง ๆ ทั้งแก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำ ตลอดทั้งครอบครัวรวมถึงเป็นทุนการศึกษาแก่ลูกหลานอีกด้วย

หากไม่นับสถานพยาบาลและสถานศึกษา หน่วยราชการที่ท่านให้ความช่วยเหลืออื่นมีอยู่หลายจังหวัดในทุกภาคทั่วประเทศ ได้แก่ หน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลายจังหวัด หน่วยงานทหารหลายกรมกอง สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมราชทัณฑ์ กรมป่าไม้ โครงการในพระราชดำริ ที่ทำการจังหวัดหลายจังหวัด ฯลฯ

การสงเคราะห์ช่วยเหลือขององค์หลวงตานั้น ส่วนใหญ่ท่านจะดูแลด้วยองค์ท่านเอง แต่ถ้าเป็นสถานที่ไกลออกไป ท่านก็มอบหมายให้พระหรือฆราวาสที่ท่านไว้ใจ ให้รับผิดชอบดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์แทนท่าน ขอยกตัวอย่างการแสดงธรรมเกี่ยวกับการสงเคราะห์ช่วยเหลือหน่วยราชการเพียงเล็กน้อย พอให้มองเห็นภาพรวมในเมตตาธรรมของท่านต่อหน่วยราชการ ดังนี้

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2024 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (06-05-2024), ชุณหพงศ์ (08-05-2024), ต้นบุญ (07-05-2024), ปราโมทย์ (05-05-2024), ปลากะพง (05-05-2024), พี่เสือ (11-05-2024), พุทธภูมิ (05-05-2024), มารวย๙ (06-05-2024), ศุภชัยรู้แผน (16-05-2024), สุธรรม (06-05-2024)
  #697  
เก่า 05-05-2024, 22:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"..จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่สถานสงเคราะห์ โรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาล ที่ราชการต่าง ๆ ทั่วไปหมด เวลานี้เรือนจำก็มีอยู่สองโรงหรือสามโรง ที่ช่วยอยู่เวลานี้ อุดรฯ เวลานี้กำลังปลูกสร้างหลังหนึ่ง แล้วสว่างแดนดินนั้นก็กำลังจ่ายเป็นงวด ๆ ลาดยาวนี้สองหลัง รวมแล้วอย่างน้อย ๓๐ ล้าน ขึ้นแล้วหลังหนึ่งถึงชั้นสามแล้ว หลังที่สองกำลังเทคาน ระยะนี้มีสาม หนองบัวลำภูผ่านมาแล้ว นี่ก็เรือนจำ

ทางด่านไปน้ำหนาวเราก็สร้างให้เขาเยอะเหมือนกันนะ พวกบ้านพักตำรวจ เจาะน้ำบาดาล เอาไฟฟ้าแรงสูงมา โอ๊ย..หลายอย่างนี่ก็ให้ท่านชิต ท่านชิตอยู่ที่น้ำหนาว น้ำหนาวกับอันนี้มันติดกัน สั่งท่านชิตไปเลย ให้ท่านชิตมาทำหน้าที่แทนเราเหมือนกัน เดี๋ยวนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านชิตบ้านท่านอยู่เพชรบุรี แต่ท่านเป็นพระวัดป่าบ้านตาด อยู่นี้ตั้งสิบกว่าปีนะ แล้วไปอยู่น้ำหนาว

นี่ละ..เวลาจำเป็นก็อย่างนี้ละ ต้องสั่งมอบให้ลูกศิษย์คนนั้น ๆ เพราะเจ้าของไปดูไม่ได้ อยู่ที่ไหนก็ตาม ใกล้ชิดกับลูกศิษย์คนไหน ๆ มอบให้ลูกศิษย์คนนั้นทำหน้าที่แทน อย่างที่ให้ท่านชิตทำแทนที่ด่านฯ แล้วให้ท่านคลาดทำแทนที่พังงา ที่อื่นก็เหมือนกัน แบบเดียวกันแหละ เพราะเราไปไม่ทั่วถึง มันไกล..ลำบาก ลูกศิษย์มากก็ดีอย่างหนึ่ง เวลาจำเป็นที่ไหนมอบให้คนนั้นทำแทน มอบทางโน้น มอบทางนี้เรื่อย ทุกแห่งนะ มอบไปเรื่อย ๆ อย่างนี้

เพราะงานเรามันกว้างขวางมาก การช่วยชาติเรียกว่าทุกภาคเสมอกันหมดเลย ความจำเป็นมากน้อยเพียงไรนี้ถือเป็นสำคัญ ช่วยมาตลอดอย่างนี้ แล้วที่เกี่ยวข้องกับลูกศิษย์ ก็มอบให้ลูกศิษย์ทำแทน ถ้าสงสัยอะไรให้ถามมา นี่..เรียกว่าทางวงราชการ เราก็ช่วยอย่างนี้.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2024 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (06-05-2024), ชุณหพงศ์ (08-05-2024), ต้นบุญ (07-05-2024), ปราโมทย์ (05-05-2024), ปลากะพง (05-05-2024), พี่เสือ (11-05-2024), พุทธภูมิ (05-05-2024), มารวย๙ (06-05-2024), ศุภชัยรู้แผน (16-05-2024), สุธรรม (06-05-2024)
  #698  
เก่า 10-05-2024, 22:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ด้านธรรมะสำหรับชีวิตและการงาน

ท่านเมตตาให้ธรรมะเป็นข้อคิดเตือนใจแก่คณะผู้ใหญ่ผู้น้อยของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มากราบเยี่ยมท่านเสมอ ๆ ให้รู้จักนำศีลนำธรรรมมาเป็นหลักยึดเหนี่ยวในจิตใจ ไม่ให้เผลอเพลินลืมเนื้อลืมตัว

อย่าบ้า...ลาภยศสรรเสริญ

คราวหนึ่งท่านแสดงธรรมอย่างเป็นกันเองแบบลูกหลาน โปรดคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมกับนักธุรกิจจำนวนเกือบ ๕๐ คน ดังนี้

"นี่มาจากทางไหนกันบ้างนี่ ?"
"มาจาก...มาดูงานทางภาคอีสาน ก็เลยมากราบครับ"

"เหรอ..มาดูงานเหรอ ? เคยมาวัดป่านบ้านตาดคนเดียวยังล่ะ ? เหล่านี้เคยมาแล้วยัง ?"
"ครั้งแรก..ไม่เคยมาเลยครับ"

"ไม่เคยมา แต่โรงลิเกละคร ระบำรำโป๊ พวกบ้า ๆ นั่นไปทั้งนั้นใช่ไหม ? ..หือ ?"

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเลวที่สุดนะ มองไม่ทัน ถ้าเป็นหมา จับหางดึงไว้ หางขาดยังบืน (คืบคลาน) ไปได้นะ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ถ้าเป็นเรื่องศีลเรื่องธรรม นี่ก็เอาไสเข้าไปเท่าไรก็ไม่ยอมไปนะ เวลานี้โลกกำลังสกปรกมาก สกปรกจริง ๆ สายตาของธรรมดูไม่ได้นะเวลานี้ แต่กิเลสมัน แหม..มันเพลิน มันไม่รู้จักเป็นจักตายนะ..

เรื่องมั่วสุมกับกิเลส ความโกรธ ราคะ ตัณหา นี่ตัวสำคัญ สกปรก รกรุงรัง ก่อฟืนก่อไฟเผาไหม้โลกคือตัวเหล่านี้เอง แต่โลกชอบกันมาก สุดที่จะแยกออก ไปเพื่อศีลเพื่อธรรม มันไม่อยากแยกนะ มันดีดมันดิ้นอยู่นี่

พระพุทธเจ้ากี่พระองค์มาตรัสรู้ ลากไปเท่าไรมันไม่ยอมไป มันสู้ส้วมสู้ถานไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้นนะ สวรรค์นิพพานไม่ได้เลิศเลอยิ่งกว่าส้วมกว่าถาน เวลานี้กิเลสมันดึงลงไปขนาดนั้นนะ ให้เพลินในส้วมในถานไป มันไม่ค่อยเห็นเรื่องมรรคเรื่องผล เรื่องคุณงามความดีที่เลิศเลอยิ่งกว่านี้ ขนาดไหนมันไม่ยอมให้เห็นนะ..กิเลส เราไม่ได้ตำหนิใครนะ กิเลสมันอยู่ในหัวใจคน เราก็ตำหนิเข้าไป มันก็ต้องโดนคนจนได้นั่นแหละ จะว่ายังไง ?"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2024 เมื่อ 23:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (11-05-2024), ชุณหพงศ์ (11-05-2024), ต้นบุญ (11-05-2024), ปราโมทย์ (11-05-2024), ปลากะพง (16-05-2024), พี่เสือ (11-05-2024), มารวย๙ (11-05-2024), ศุภชัยรู้แผน (16-05-2024), สุธรรม (10-05-2024)
  #699  
เก่า 10-05-2024, 22:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ทรงปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า นานขนาดไหน..? เพราะเกิดยากแสนยากที่สุด ท่านมาสั่งสอนสัตว์โลก เมื่อเวลาได้บรรลุธรรมถึงขั้นพระอรหัตภูมิเต็มตัวแล้ว เป็นศาสดาเต็มองค์แล้ว มองสัตว์โลก..ทั้ง ๆ ที่ปรารถนาเพื่อสั่งสอนสัตว์โลก ตรัสรู้เพื่อสั่งสอนสัตว์โลก

พอตรัสรู้เรียบร้อยแล้ว มองดูสัตว์โลกแล้ว มืดแปดทิศแปดด้าน ทรงท้อพระทัย จะสั่งสอนไปได้ยังไง เมื่อมันเป็นอย่างนี้แล้ว ?

เห็นไหม..? ขนาดนั้นแหละ ท่านดูพวกเรา เรายังมัวเมาเกาหมัดกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ลืมหูลืมตา รื่นเริงบันเทิงกับมูตรกับคูถตลอดเวลา มันน่าสลดสังเวชไหม ?

เวลานี้ยังโอ่อ่าฟู่ฟ่าอยู่นะ เป็นบ้ากับยศกับลาภ กับสรรเสริญเยินยอ ให้เขานับหน้าถือตา อวดมั่งอวดมีอวดดีอวดเด่น อ๊วดด..ไปอย่างไม่มี ลม ๆ แล้ง ๆ หาเหตุหาผล หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ คือ กิเลสหลอกคนให้เป็นบ้ากับอันนี้ มันไม่มองดูธรรมนะ ธรรมเป็นของจริง เลิศเลอขนาดนี้กี่เท่าพันทวี สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอย่างที่เราดูฝูงหนอนมันอยู่ในส้วมนั่นล่ะ เพียงเราดูลงไปเท่านั้น มันเป็นยังไง..วิสัยหนอนกับเรา ?

ทีนี้วิสัยแห่งธรรมกับวิสัยของกิเลส ที่สกปรกสุดยอด วิสัยแห่งธรรมที่สะอาดสุดยอด ดูกัน..เป็นยังไง ? ก็เห็นกันอย่างงั้นชัดเจน..นั่นล่ะ..

นี่..โลกมันถึงไม่อยากมองดูนั้น มันมัวดูแต่ส้วมแต่ถานตลอดเวลา ไม่ว่าเขาว่าเรานะ อย่าไปตำหนิใครนะ หมายถึงหัวใจแต่ละดวง ๆ มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา ถ้ากิริยาท่าทางออกมาแสดงประดับร้านว่าสวยว่างาม ว่าโอ่อ่าฟู่ฟ่า มีบ้านมีเรือน มีสมบัติเงินทองข้าวของมากน้อย มีบริษัทบริวารมาก นี่..เอามาโอ่อ่าฟู่ฟ่าประดับร้าน แต่ภายในหัวใจเป็นไฟด้วยกันหมด..ฟังซิน่ะ..

เอาธรรมจับเข้าไปมันก็เห็นนะสิ ดูหัวใจดวงใดมันมีแต่ฟืนแต่ไฟ ด้วยความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา ความตระหนี่ถี่เหนียว ความเห็นแก่ตัว ความรีดความไถ ความเอารัดเอาเปรียบ มันเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตลอดเวลา.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2024 เมื่อ 23:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (11-05-2024), ชุณหพงศ์ (11-05-2024), ต้นบุญ (11-05-2024), ปราโมทย์ (11-05-2024), ปลากะพง (16-05-2024), พี่เสือ (11-05-2024), พุทธภูมิ (10-05-2024), มารวย๙ (11-05-2024), ศุภชัยรู้แผน (11-05-2024), สุธรรม (10-05-2024)
  #700  
เก่า 13-05-2024, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความเสียสละ

"การเสียสละนี้เป็นบุญเป็นกุศล เป็นคุณแก่ตนเอง ให้ไปโน้น..ย้อนกลับมาหาเจ้าของ เหมือนเราเปิดประตู อากาศเข้ากับอากาศออกประสานกันทันที การให้ไปกับการได้มาประสานกันทันที นี่แหละการเสียสละ เปิดออก..เปิดประตูเสียสละ เปิดออกกว้างก็ออกได้กว้าง เข้าก็เข้าได้มาก เวลาเราเปิด เปิดแคบ ออกก็ออกได้น้อย เข้าก็เข้าได้น้อย

สมมติว่าอากาศก็ดี น้ำก็ดี ถ้าเปิดประตูน้ำเป็นส่วนน้อยก็เข้าน้อยออกน้อย เปิดมากก็เข้ามากออกมาก ปิดเลยไม่ให้มันออก ทีนี้มันเลยไม่เข้า..!

คนเป็นนักเสียสละ คนมีแก่ใจ ไปไหนเย็น มีเพื่อนมีฝูงก็มาก มีคนเคารพนับถือ ถ้าเป็นเด็กก็เป็นเด็กน่ารัก เป็นผู้ใหญ่ก็น่าเคารพบูชา น่าคบค้าสมาคม ความใจกว้าง ไปที่ไหนเป็นอย่างนี้ ถ้าคับแคบปิดตัน ไปที่ไหนตีบตันอั้นตู้ไปหมด เวลาจะตายก็ไม่มีใครไปกุสลามาติกาในงานศพให้ เห็นแต่หมาเดินด็อก ๆ แด็ก ๆ ในงานศพ มันมาหากินเศษอาหาร ไม่ได้กินข้าว หมาจวนจะตายเพราะความตระหนี่ของคน ถ้าตระหนี่ถี่เหนียว ตายแล้วไม่มีใครไปเผาศพ หมาจะมากินเศษอาหารก็ไม่ได้กิน ทุกข์ทั้งหมาทุกข์ทั้งคน..!

คนใจคอกว้างขวางไปไหน เพื่อนฝูงก็มาก เวลาตายนี่คนเต็มไปหมดในงานศพ บอกอย่างชัดเจนว่าคนมีอัธยาศัยกว้างขวาง ใครก็มาด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยความเคารพนับถือ ด้วยความรักความสนิทสนมกัน ความเสียดาย ไม่เหมือนคนตระหนี่ถี่เหนียวตายนะ คนไม่มีในงานศพ หมาเลยหิว อย่าทำนะแบบหมาหิว เข้าใจไหม ?"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 08:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (13-05-2024), ต้นบุญ (13-05-2024), ปราโมทย์ (13-05-2024), ปลากะพง (16-05-2024), พี่เสือ (28-05-2024), มารวย๙ (13-05-2024), ศุภชัยรู้แผน (16-05-2024), สุธรรม (17-05-2024)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว