|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ต้องบอกว่าวันนี้ทั้งวันเข้าแต่ Zoom เพื่อประชุม คราวนี้ในส่วนของการประชุมนั้นจะมีอยู่ส่วนหนึ่ง ก็คือการที่พยายามให้มีหลักสูตรต่อต้านการทุจริตขึ้นมา
ในเรื่องของหลักสูตรต่อต้านการทุจริตนั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก สำคัญอยู่ตรงที่ว่า รัฐบาลควรที่จะเป็นเจ้าภาพ แล้วก็ระดมเอาสรรพกำลังทุกหน่วยงานมารวมกัน เพื่อที่จะได้ทำการแก้ไข การที่เรามีความตื่นตัวในการแก้ไขเรื่องของการทุจริตก็เป็นเรื่องดี แต่กว่าจะเห็นผลนั้น เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก อย่างประเทศญี่ปุ่นใช้เวลาประมาณ ๔๐ ปี ในการที่สร้างเด็กให้มีคุณธรรม จริยธรรม แต่ว่าทำได้แล้วก็คุ้มค่า เพราะว่าปัจจุบันเด็กรุ่นนั้นก็คือรุ่นพ่อรุ่นแม่ ดีไม่ดีก็เป็นปู่ย่าตาทวดไปแล้ว แต่ว่าในเรื่องพวกนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับการเข้มงวดจริงจังของครูบาอาจารย์ด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว ต่อให้หลักสูตรดีขนาดไหนก็ตาม ถ้าเด็กไม่เอาด้วยก็ไปไม่รอด เพราะว่าเด็กสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วขาดหลักธรรมประจำใจ ถ้าหากว่าเด็กไม่มีฉันทะ ย่อมไม่สามารถที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จได้ หลายท่านที่ดูกระผม/อาตมภาพว่าวัน ๆ มีแต่อบรม วัน ๆ มีแต่สัมมนา ทนอยู่ได้อย่างไร ? ก็ต้องบอกว่า ฉันทะต่างกัน วิริยะต่างกัน จิตตะต่างกัน วิมังสาต่างกัน เพราะว่าถ้าเรายินดีและพอใจที่จะทำ เห็นการเรียนเป็นเรื่องสนุก เป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเอง ก็จะไม่เกี่ยง ถ้าหากว่าเรามีความพอใจที่จะทำ ลงมือพากเพียรทำไป กำลังใจปักมั่นอยู่กับงานตรงนั้น คอยพิจารณาไตร่ตรองทบทวนอยู่ว่าทำอะไร ? ทำไปถึงไหน ? ต่อไปจะทำอย่างไร ? ถ้าในลักษณะอย่างนี้เราก็สามารถที่จะทำงานทุกอย่างให้สำเร็จเสร็จสิ้นลงไปได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2021 เมื่อ 03:13 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ในการปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ที่กระผม/อาตมภาพเคยว่าหลายคนไปว่า ปฏิบัติธรรมเหมือนกับแก้บน ก็คือทำแบบไม่จริงไม่จัง ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ถ้าเราไม่จริงจัง โอกาสที่จะสำเร็จไม่มีเลย เพราะว่าเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องควบคุมทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจของเราให้อยู่ในกรอบ ใหม่ ๆ ก็ต้องยึดกรอบอย่างแน่นหนา ภายหลังเมื่อสามารถทำไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะค่อย ๆ ปล่อย ค่อย ๆ ละ ค่อย ๆ วาง
ดังนั้น...ตอนแรกเราต้องยึดก่อน คนเราถ้าหากว่าไม่ยึดเกาะ ก็ไม่มีอะไรให้ปล่อย แต่ว่าเป็นการยึดในด้านที่ดี พัฒนากาย วาจา ใจ ของเราไปในด้านที่ดี จนกระทั่งดีถึงที่สุดก็จบกิจ พ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบุคคลที่เขามีหน้าที่ในการที่จะทำ ในการที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ตัวเราเองแค่ดูแลตัวเองให้ดี พัฒนากาย วาจา ใจ ของเราให้ดี เมื่อถึงเวลาทำแล้ว เกิดผลดีขึ้นมา ก็จะมีคนเลียนแบบทำตาม เมื่อถึงเวลานั้น ท่านพาเขาไปทางไหน คนก็ยินดีที่จะตามไป เพราะว่าเราทำจนสำเร็จ เป็นตัวอย่าง ทำให้บอกอะไรไปคนอื่นก็เชื่อ เพราะว่าตัวเราเองทำสำเร็จมาแล้ว ดังนั้น...ในเรื่องของทางโลก หรือว่าเรื่องของทางธรรม ถ้าต้องการประสบความสำเร็จ ขาดอิทธิบาท ๔ ไม่ได้เลย ขาดเมื่อไร เราก็ไปไม่ถึงเป้าหมายเมื่อนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2021 เมื่อ 03:15 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในวันนี้เมื่อเข้า Zoom ไปประชุมสัมมนาสองแห่งสามแห่ง มีแต่การต่อต้านทุจริต ทำให้รู้สึกว่าสถานะของบ้านเราย่ำแย่ จนกระทั่งคนส่วนมากเห็นแล้วว่ามีการทุจริต อยู่ในอาการที่เริ่มรับไม่ได้แล้ว ถึงทำให้เกิดมีการประชุมสัมมนา หรือว่าอบรมในโครงการต่อต้านทุจริตทั้งหลายเหล่านี้ขึ้น
แต่ถ้าหากว่าเราพิจารณาถึงหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ก็จะเห็นว่า ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็เสื่อมสลายไป ของเราเองตอนนี้ต้องบอกว่าอยู่ในข้างเสื่อม ก็คือบุคคลไม่ค่อยเอาศีลเอาธรรม กำลังใจตกต่ำ ในเมื่อรุ่นนี้เป็นเช่นนี้ รุ่นลูก รุ่นหลาน รุ่นเหลน ต่อไปก็จะเป็นหนักยิ่ง ๆ ขึ้นไป เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นข้อสังเกตอย่างหนึ่งเท่านั้น วันนี้ที่มากล่าวถึงเรื่องพวกนี้ก็เพราะว่า ในส่วนของพวกเราทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า ตัวของเราเองนั้นสำคัญที่สุด ทำอย่างไรที่เราจะพัฒนากาย พัฒนาวาจา พัฒนาใจของเรา ไปในด้านดีให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วันนี้ก็ขอฝากข้อคิดเอาไว้สำหรับพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2021 เมื่อ 03:16 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|