กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-07-2021, 20:27
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,650
ได้ให้อนุโมทนา: 219,539
ได้รับอนุโมทนา 768,681 ครั้ง ใน 37,593 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-07-2021, 22:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,461
ได้ให้อนุโมทนา: 154,379
ได้รับอนุโมทนา 4,446,246 ครั้ง ใน 35,066 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ มีบางเรื่องที่อยากจะพูดเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน พระพุทธเจ้าของเราแบ่งบุคคลออกเป็น ๓ จำพวก ๔ ประเภท คำว่า ๓ จำพวก ก็คือ ดอกบัวพ้นน้ำ ดอกบัวปริ่มน้ำ และดอกบัวใต้น้ำ

ส่วนบุคคล ๔ ประเภทก็คือ อุคฆฏิตัญญู เป็นผู้ที่ฉลาดมาก ฟังแค่หัวข้อธรรมก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

วิปจิตัญญู เป็นบุคคลที่ฟังหัวข้อธรรมแล้ว ต้องขบคิดต่อถึงจะเข้าใจแจ่มแจ้งได้

เนยยะ เป็นพวกที่ต้องเคี่ยวเข็ญ จ้ำชี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะอยู่ทุกวัน

ส่วนประเภทสุดท้าย ท่านเรียก ปทปรมะ เป็นพวกฉลาดเกินไป ไม่ยอมรับความคิดคนอื่น ก็เลยทำให้ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ ถ้าหากว่าเป็นทางนิกายเซนของญี่ปุ่น เขาเรียกว่าพวก "น้ำชาล้นถ้วย" เติมอะไรไม่ลง

แต่คราวนี้ทางด้านการทหาร เขาแบ่งบุคคลออกเป็นพวกฉลาดแล้วขยัน ฉลาดแล้วขี้เกียจ โง่แล้วขยัน กับ โง่แล้วขี้เกียจ

เขาสอนต่อ ๆ กันมาเลยว่า ถ้าพวกโง่แล้วขี้เกียจให้เอาไปอยู่แนวหน้ากับพวกฉลาดแล้วขยัน พวกฉลาดแล้วขยันจะลากถูลู่ถูกังไปได้เอง ส่วนพวกฉลาดแล้วขี้เกียจให้อยู่แนวหลัง คอยวางแผน ส่งไปให้พวกฉลาดแล้วขยันที่แนวหน้าปฏิบัติการ ส่วนไอ้พวกโง่แล้วขยัน เขาบอกว่าฆ่าทิ้งให้หมด...! เพราะว่ามีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่หน่วยงาน วันนี้กระผม/อาตมภาพ เจอเรื่องโง่แล้วขยันหลายเรื่องด้วยกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2021 เมื่อ 01:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-07-2021, 22:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,461
ได้ให้อนุโมทนา: 154,379
ได้รับอนุโมทนา 4,446,246 ครั้ง ใน 35,066 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องแรกก็คือ พระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีไอ้พวกโง่แล้วขยันไปทำความสะอาดอีกแล้ว ลงทุนไปประมาณ ๑๐ ล้านบาท ไปปัดกวาดเช็ดถูเสียหมดราคาเลย..! เพราะว่าทองถลอกปอกเปิกหมดอีกแล้ว

เรื่องที่สองก็คือมีโยมคนหนึ่ง ออกชื่อก็ได้ ชื่อพุฒิชัย ไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า "มั่นใจอย่างยิ่งว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้" เนื่องเพราะว่าในงานศพของแม่ตัวเอง มีบุคคลที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้ามาร่วมงานศพด้วย แล้วก็สัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลในงานหลายคน แต่คราวนี้ด้วยความที่ตัวเองกลัวอยู่แล้ว ก็เลยอาราธนาวัตถุมงคลของวัดท่าขนุน ให้คุ้มครองทุกคนที่มาในงาน อย่าได้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙..!

ปรากฏว่าเมื่อบุคคลนั้นกลายเป็นคนไข้ติดเชื้อ ก็ต้องมีการสอบสวนโรคอย่างเร่งด่วน บุคคลกลุ่มเสี่ยงน้อยโดนกักตัว ๑๔ วัน..ปลอดภัยทุกคน บุคคลกลุ่มเสี่ยงมาก ผ่านการตรวจหาเชื้อ ๕ รอบ ผลเป็นลบทุกครั้ง ก็เลยฟันธงว่า วัตถุมงคลวัดท่าขนุนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้..!

อาตมาเห็นแล้วก็ "น้ำตาจิไหล..!" เพราะว่าแม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยพูดว่า "วัตถุมงคลของวัดท่าขนุน ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้" เพียงแต่พูดว่า "อยากจะรู้ว่าลูกศิษย์คนไหนที่ใช้วัตถุมงคลวัดท่าขนุนแล้วติดเชื้อบ้าง ?" คือในเมื่อไปฟันธงอย่างชัดเจนแบบนั้น รัฐบาลก็ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อหาวัคซีนให้ลำบากหรอก มาบูชาวัตถุมงคลวัดท่าขนุนไปไล่แจกญาติโยมก็จบแล้ว..!

เรื่องบางเรื่องไม่น่าจะเป็นเรื่อง แต่ด้วยความที่ปัญญาน้อย ก็อาจจะทำให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ ไอ้คนที่ต้องมาเหนื่อยก็คืออาตมาเอง เพราะว่าต้องเสียเวลามานั่งชี้แจงให้ญาติโยมฟัง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2021 เมื่อ 01:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-07-2021, 22:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,461
ได้ให้อนุโมทนา: 154,379
ได้รับอนุโมทนา 4,446,246 ครั้ง ใน 35,066 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกรายหนึ่ง ก็ต้องบอกว่าเป็นลูกศิษย์สายวัดท่าขนุนมาน่าจะถึง ๓๐ ปีแล้ว ถูกรางวัลที่ ๑ สองคู่ ๔ ใบ..! ก็น่าจะประมาณ ๑๒ ล้านบาท สิ่งที่เขาบอกก็คือ บูชาหลวงพ่อสุคโตไปจากวัดท่าขนุน พอพัสดุส่งถึงบ้าน เปิดกล่องมาก็ทำความสะอาด ถวายน้ำอบน้ำหอมบูชาแล้ว ก็ยกขึ้นหิ้ง แล้วถูกรางวัลที่ ๑ สี่ใบ มึงพูดแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็ได้ฆ่ากันตาย..! เพราะว่าญาติโยมไม่รู้ว่าเขามีวัตรปฏิบัติอย่างไร

คำสอนในพระพุทธศาสนาของเรา สิ่งที่ย้ำที่สุดก็คือ เรื่องของเหตุที่จะส่งให้
ผลเกิด ก็คือสร้างกรรมอะไรก็ได้รับผลเช่นนั้น บุคคลผู้นี้อาตมาเรียกว่าเสี่ยตือ แต่ไม่ใช่เสี่ยตือที่โด่งดังอยู่ทางอ่างทอง วัตรปฏิบัติประจำของเขาก็คือ ภาวนาพระคาถาเงินล้านเป็นปกติ ถ้าเป็นปกติที่อาตมาสอนไว้คือวันละ ๑๐๘ จบ โดยเตรียมเงินไว้วันละ ๒๐ บาท ภาวนาเสร็จสรรพเรียบร้อยก็หยอดกระปุก ตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน พอครบ ๓๐ วันก็โอนเงิน ๖๐๐ บาทเข้าบัญชีวัดท่าขนุน ทำแบบนี้มาเป็นปี ๆ

ดังนั้น..ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นว่าถูกรางวัลที่ ๑ สี่ใบ ไม่ได้แปลว่า บูชาหลวงพ่อสุคโตไปแล้วถูกรางวัลที่ ๑ แต่เกิดจากการที่ตนเองตั้งใจสร้างทานบารมี พร้อมกับภาวนาพระคาถาเงินล้านต่อเนื่องกันมาเป็นปี ๆ

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ อาตมาจึงอยากจะบอกว่า บางทีไอ้คนโง่แล้วขยันนั้นมีมาก คิดอะไรไม่รอบคอบ คนก็ตาลีตาเหลือกมาบูชาหลวงพ่อสุคโตจนหมดวัด แล้วไอ้คนที่ไม่มี ก็ต้องไปไล่บูชาจากที่เขาขึ้นราคาในเว็บ เดี๋ยวราคาก็ได้พุ่งสูงไปจรดเพดานเท่านั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2021 เมื่อ 01:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-07-2021, 22:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,461
ได้ให้อนุโมทนา: 154,379
ได้รับอนุโมทนา 4,446,246 ครั้ง ใน 35,066 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าของเราสอนให้เราเชื่อกรรม ถ้าหากว่าเราทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว แต่คราวนี้พอเราไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กโดยไม่ชัดเจน บุคคลที่ปัญญาน้อยพอกันหรือน้อยกว่า ก็จะตาลีตาเหลือกไปบูชาวัตถุมงคลวัดท่าขนุนแบบจะเหยียบกันตาย...!

แค่วันนี้วันเดียว "น้องเล็ก" ที่รับโทรศัพท์เรื่องวัตถุมงคลก็แทบจะประสาทกินแล้ว บอกว่าปิดบ้านเติมบุญแล้ว ไม่มีวัตถุมงคลจำหน่ายก็ไม่ฟัง จะเอาให้ได้ บอกว่าให้เข้าเว็บวัดท่าขนุนไปดู ต้องการแบบไหนให้ไปบูชาเอาก็ไม่ฟัง เหมือนกับว่าโทรมาตรงนี้แล้วต้องได้เดี๋ยวนี้เลย..!

อาตมาเห็นความคลุ้มคลั่งของญาติโยมแล้วก็มานั่ง "เซ็ง" ในอารมณ์ ถึงได้เข้าใจว่า ทำไมวิชาการทหารเขาถึงได้สอนเอาไว้ว่า ไอ้พวกโง่แล้วขยันให้ฆ่าทิ้งให้หมด ไม่อย่างนั้นมีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับหน่วยงาน...!

เรื่องทั้งหลายที่มาบอกกล่าวกับพวกเราในวันนี้ ก็เพื่อความเข้าใจกันให้ชัดเจนว่า อาตมาไม่เคยบอกกล่าวว่า วัตถุมงคลวัดท่าขนุนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้ แต่พูดอย่างชัดเจนว่า อยากจะรู้ว่าลูกศิษย์ที่ใช้วัตถุมงคลวัดท่าขนุนจะมีใครติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ บ้าง ?

แล้วก็ขอยืนยันว่า การบูชาวัตถุมงคลวัดท่าขนุนไปอย่างเดียว ไม่ช่วยให้ทุกท่านถูกหวย ถ้าอยากจะถูกหวยรวยเบอร์ อยากจะมีลาภใหญ่ ต้องขยันทำในสิ่งที่สมควรด้วย ก็คือตั้งหน้าตั้งตาภาวนาพระคาถาเงินล้าน แล้วต้องวางอารมณ์ใจให้ถูกต้องด้วย เพราะว่าถ้าภาวนาเพราะอยากรวย โอกาสที่จะได้มีน้อยมาก เนื่องจากว่าตัวอยากเป็นกิเลส เอากิเลสนำหน้า ตัณหานำทาง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จย่อมมีน้อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-07-2021 เมื่อ 22:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 02-07-2021, 22:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,461
ได้ให้อนุโมทนา: 154,379
ได้รับอนุโมทนา 4,446,246 ครั้ง ใน 35,066 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เวลาภาวนา เราต้องลืมความอยากเสียให้หมด ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาอย่างเดียว แต่ถึงบอกไป ญาติโยมส่วนหนึ่งก็ทำไม่ได้อยู่ดี แล้วก็มักจะเถียงด้วยว่า ถ้าไม่อยากรวย แล้วจะภาวนาไปทำอะไร ? อยากรวยนั้นอยากได้..ไม่ผิด แต่ตอนภาวนาต้องลืมความอยากนั้นให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วกำลังใจที่มีแต่ความอยาก จิตใจย่อมฟุ้งซ่าน เข้าไม่ถึงสมาธิ ถ้าหากว่าเราเข้าไม่ถึงสมาธิ โอกาสที่พระคาถาแต่ละอย่างจะเกิดผล ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ สิ่งที่น่าจะช่วยเราได้ดีที่สุดก็คือ เรื่องของการภาวนาพระคาถาเงินล้าน เพียงแต่ว่าพวกเรามักจะมักง่ายกัน ลำบากเดือดร้อนขึ้นมา แทนที่จะช่วยเหลือตัวเองด้วยการภาวนาพระคาถาเงินล้าน รู้สึกว่ายาก ลำบากขึ้นมาก็เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เผื่อเปลี่ยนแล้วจะได้ดี ต้องบอกว่ามักง่ายจนเกินไป

ถ้าเปลี่ยนแล้วได้ดี ทั้งโลกก็ไม่มีคนจน สิ่งที่สมควรที่สุดก็คือเปลี่ยนความประพฤติ จากที่ห่างไกลจาก ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างจริง ๆ จัง ๆ ผลดีก็จะเกิดแก่เราทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ผลในปัจจุบันก็คือ ถ้ากำลังใจของเราทรงตัวมั่นคง รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนตีกรอบควบคุมอยู่ เราก็จะเป็นบุคคลที่มีศีลธรรมนำชีวิต ไม่ใช่มีกิเลสตัณหานำชีวิต ถ้ากำลังใจทรงตัวมั่นคง ทำไปได้สม่ำเสมอในระดับหนึ่งที่ยาวนานพอ ผลก็จะเริ่มเกิด ก็คือลาภผลต่าง ๆ จะเกิดขึ้น และเป็นการเกิดขึ้นที่ยั่งยืน เพราะเราเพียรพยายามทำในระยะเวลาที่ยาวนาน

ถ้ากำลังใจมั่นคงจริง ๆ ไม่แปรผัน ตายแล้วมีสุคติเป็นที่ไปแน่นอน หรือถ้าหากว่าเห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิดมามีร่างกายนี้ ของการเกิดมาในโลกนี้ แล้วเกิดเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หมดความอยากเกิด หมดความต้องการร่างกายของตนเองและคนอื่น ก็สามารถถอนจิตออกจากกองทุกข์ หลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ นั่นจึงเป็นการปฏิบัติที่ได้ผลสูงสุดเท่าที่จะพึงมี


จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวให้ญาติโยมได้เข้าใจอย่างชัดเจนไว้แต่เพียงเท่านี้..ขอเจริญพร


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2021 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว