|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
ลีลาของมาร
ถาม : ....................................................
ตอบ : หรือว่าอยากแก้แค้นอีก ? ถ้าอยากเกิดอีกนี่ไม่ไปด้วยแล้วนะ ไม่มีใครไม่ทำผิดหรอก บอกแล้วว่ามารเขาเก่ง เพียงแต่ว่าผิดแล้วอย่าให้ผิดเลย ผิดแล้วให้แก้ รู้แล้วแก้ไข หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็บอกแล้ว พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นพาลนับว่าเป็นบัณฑิต ถ้าอย่างนั้นรู้ตัวว่าตัวเองผิดไปแล้วพลาดไปแล้ว ก็แก้ไขให้ถูกเสีย อัตตนา โจทยัตตานัง ให้เตือนตนด้วยตนเอง ไม่มีใครเตือนเราได้หรอก ครูบาอาจารย์ไม่มีเวลาจะมาจ้ำจี้จ้ำไชเรามากมายนัก เพราะฉะนั้น..ก็เหลือแต่สามัญสำนึกหรือมโนธรรมของเราเท่านั้น ที่จะตักเตือนตัวของเราเองให้ก้าวหน้าไปยิ่งกว่านี้ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในแต่ละวัน อย่าลืมว่าเราจะต้องตาย เพราะฉะนั้น..จุดมุ่งหมายของเราพลาดไม่ได้หรอก ดูอย่างหลวงปู่เมื่อครู่นี้ ท่านเจ้าคุณราชฯ อยู่มากี่ปี ? นั่นยังว่าเห็นแข็งแรง ๆ ปุบปับไปเสียแล้ว แล้วก็ไม่ใช่ว่าแก่แล้วถึงตาย เด็ก ๆ ก็ตายเยอะแยะไป วันก่อนเด็กนักเรียน ม.๕ ใช่ไหม ? นอนดูดไขมันอยู่บนเตียง ตายแหงแก๋ไปอย่างนั้น อายุเพิ่งจะเท่าไร ? เผลอเมื่อไรตายจริง ๆ ถ้าตายตอนที่ความดียังไม่ถึงที่ก็ทุกข์ระทม ต้องเกิดอีก ยิ่งเกิดมากเท่าไร โอกาสที่จะลงอบายภูมิก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เพราะว่ามารเขาเก่ง เขาสามารถหลอกให้เราหลงจากจุดหมายได้เสมอ เพราะฉะนั้น..พยายามตัดทางเกิดให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ เข้าใจไหม ? ขยันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นได้อยู่ใกล้ ๆ ริมขุมไปเรื่อย ๆ หรือขยับลงกลางขุมไปแล้วก็ไม่รู้ ? เสียเวลาอยู่ตั้งนาน ถ้านับเวลาตั้งแต่ตะกายออกจากบ้านมาจนถึงป่านนี้ มองย้อนหลังไปไม่มีอะไรก้าวหน้าขึ้นเลย สิ่งที่ทำล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาให้เราทำ ที่เราอยากทำมีไหม ? นึกแล้วสยดสยองไหม ? ถ้าวันนี้ต้องตายลงไป คิดว่าจะรอดไหม ? เสร็จแน่ ๆ เลย เพราะฉะนั้น..ต้องทวนอยู่เสมอ ๆ ถ้าวาระและโอกาสไม่เปิด อาตมาก็ไม่รู้จะมานั่งเทศน์พวกเราอย่างไร ก็ต้องรอวาระและโอกาสเปิดให้เหมือนกัน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2020 เมื่อ 01:38 |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
จำไว้นะลีลาของมาร ยั่วให้กำหนัด ล่อให้หงุดหงิด ลวงให้หลงผิด มีอยู่แค่ ๓ ลีลานี่แหละ แต่ว่ามาเยอะ เขาเอาในเรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มาให้ทั้งนั้น เผลอเมื่อไรก็เสร็จเขา เจ้าคุณธรรมดิลก วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ ท่านบอกว่า ถ้าอยากดังก็ไม่ต้องหวังความสงบ เวลาของตัวเองไม่มีหรอก มีแต่เวลาของคนอื่นไปแล้ว ก็ดูอย่างหลวงปู่สี ๑๒๐ กว่าปี ยิ่งอยู่ยิ่งเหนื่อยใช่ไหม ? ตกลงว่าดีไหม ? กรรมทั้งนั้นอยู่แล้ว ร่างกายแข็งแรงอย่างหลวงปู่ ดีสำหรับเรา แต่ของท่านเล่า ? อยู่วันหนึ่งทุกข์วันหนึ่ง ท่านเองก็คงเซ็งเต็มทีแล้ว จะให้ตายก็ไม่ตาย เพราะว่าดันทำที่ค้ำเอาไว้เสียเยอะ ล้มไม่ลง ก็เลยต้องอยู่ไปเรื่อย
ไปนึกถึงตอนท่านอายุประมาณ ๑๒๐ ปี คณะลูกศิษย์หลวงพ่อไปนิมนต์ท่านไปวัดท่าซุง ท่านบอกว่า “กูก็อยากไปหรอก ไปที่โน่นที่นี่แบบคนอื่นเขา แต่กูไปไม่ได้” ถามว่าทำไม ? ท่านเดินไปถึงตรงร่อง เขาทำกุฏิเป็นร่องไว้หน่อย สมัยโบราณเรียกว่าร่องเยี่ยว ร่องแมว ไปถึงก็นั่งฉี่ลงไป ท่านว่า “นี่..มันเป็นอย่างนี้ มันอั้นไม่ได้” พอถึงเวลารู้สึกปวดต้องฉี่เลย เพราะว่าอยู่มา ๑๒๐ ปีแล้ว ร่างกายไม่ไหวแล้ว กล้ามเนื้อไม่อยากทำงานแล้ว แต่คราวนี้ดันไปกินยาอายุวัฒนะเข้าไป ตอนนั้นก็ไม่ได้เจตนาหรอก หลงป่าอยู่หิวจะตายชัก เทวดาเขาถวายก็กินไป ใครจะไปรู้ว่าจะอยู่มานานขนาดนั้น..! ท่านมีครอบครัวมีลูกมีเมีย ทำไร่ไถนาเลี้ยงดูเขา จนกระทั่งมั่นใจว่าเขาเอาตัวรอดได้แน่ พออายุ ๔๐ ปีก็ไปบวช กะว่าตายในผ้าเหลือง ปรากฏว่าอยู่มาอีก ๘๘ ปี คนจะอายุ ๘๘ ปียังยากเลย ของท่านอยู่มาอีก ๘๘ ปีจาก ๔๐ ปี..! นั่นแหละ กูก็อยากจะไปอย่างที่พวกมึงเรียกร้อง แต่ไปไม่ได้ ถ้าเป็นสมัยนี้คงจะได้นะ เพราะว่ามีแพมเพอร์ส เสียดายที่หลวงปู่เกิดเร็วไปหน่อย..! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2020 เมื่อ 01:42 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
อยู่วันหนึ่งทุกข์วันหนึ่ง อยู่ชั่วโมงหนึ่งทุกข์ชั่วโมงหนึ่ง อยู่นาทีหนึ่งทุกข์นาทีหนึ่ง อยู่วินาทีหนึ่งทุกข์วินาทีหนึ่ง ระยะเวลาที่ผ่านไปมีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น ชีวิตเราเป็นของน้อยเหลือเกิน ศาสดานอกศาสนาที่ท่านชื่อ อารกะ ท่านบอกว่า ชีวิตเหมือนต่อมน้ำ ฟองน้ำผุดขึ้นมาก็แตกโป๊ะไปเลย ชีวิตเหมือนรอยไม้ขีดลงในน้ำ วูบเดียวก็หายไปเลย ชีวิตเหมือนลำธารไหลจากภูเขา พรวดเดียวก็ผ่านไป ชีวิตเหมือนโคที่เขานำไปฆ่า ตายแน่ ๆ ไม่พ้นความตายเด็ดขาด ชีวิตเหมือนน้ำค้าง โดนแดดก็ระเหยหมดไปแล้ว ยังจะคิดว่าจะอยู่ ๑๐๐ ปีอีกหรือ ? อายุขัย ๑๐๐ ปีตอนนี้เหลือแค่ ๗๕ ปี ๗๕ ปีนี่นานของเรา ลองไปเปรียบกับอายุของหินผา ต้นไม้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปเปรียบถึงขนาดอายุของจักรวาล อายุของพรหม เทวดาท่านหรอก เป็นแค่เศษเสี้ยวธุลีเดียวเท่านั้น จะตายลงไปวันไหนก็ไม่รู้ รอบข้างมีแต่ภัยอันตรายจะพาเราสิ้นชีวิตลงไปได้ทุกเวลา ถ้าไม่ฉวยโอกาสที่มีอยู่น้อยนิด สร้างความดีให้แก่ตนเองให้มากที่สุด การเวียนตายเวียนเกิดเพื่อทุกข์ทนก็จะยาวไปไม่มีที่สิ้นสุด
แล้วการเวียนตายเวียนเกิดนั้นเหมือนกับทางลาดชัน มีโอกาสที่จะไถลลงได้มากเกิน ๘๐% นึกถึงจุดนี้แล้วจะรู้ถึงความน่ากลัวของวัฏสงสาร เผลอเมื่อไรเขาเอาแน่ เพราะฉะนั้น..ต้องใช้เวลาทุกเวลานาทีให้มีค่าที่สุด ทำอย่างไรที่เราจะไปให้พ้นจากเขาให้ไกลที่สุด จะลำบากเหนื่อยยากแค่ไหนก็ขอให้ทุ่มเท เพราะว่าลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ อย่าลืมจุดมุ่งหมายของเราว่าเราทำเพื่ออะไร ? จุดมุ่งหมายอื่น ๆ ที่เขาหลอกให้เราทำนั้น ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของเรา อยู่ตรงหน้ามีโอกาสก็ทำไป ทำให้ดีที่สุด แต่ต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร ? เราอยู่ตอนนี้เราจะทำอะไร ? จุดหมายข้างหน้าของเราคืออะไร ? ลืมไม่ได้เด็ดขาด ไม่น่าเลยกู...เดี๋ยวก็เสร็จมารอีก กว่าจะรู้ว่าโดนหลอกก็ไปไกลเสียแล้ว แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2020 เมื่อ 01:44 |
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
มีอยู่สมัยหนึ่ง อาตมาพยายามเล็งแล้วเล็งอีก ดูแล้วดูอีก ๓ ปีเต็ม ๆ ไม่มีอะไรที่เขาหลอกเราได้เลย มารู้ตัวตอนที่อยู่ก้นเหวพอดี..! เพราะว่าเหมือนกับพื้นดินทรุดลงทีละกระเบียดเดียว เราก็ไม่รู้หรอกว่าลงไปเรื่อย ตอนนั้นระวังตัวที่สุดเลยนะ ศีลทุกสิกขาบททบทวนอยู่เสมอ โดยเฉพาะอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างพระพุทธเจ้าท่านล้อมคอกเอาไว้หมด เหมือนกับกั้นเขื่อน ถ้าเราละเมิดศีลแม้แต่เล็กน้อยเพียงใด ก็เหมือนกับมีรอยรั่วที่เขื่อนปล่อยให้น้ำออกไปเรื่อย เมื่อแรงดันเพิ่มขึ้นเขื่อนก็จะแตกทลายไปในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น..จึงประมาทไม่ได้เลย
เขาใช้วิธีหลอกที่นิ่มนวลมาก ชนิดที่เราพิจารณาอยู่ตลอดยังไม่รู้ตัวเลย เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้าเป็นอยู่อย่างนี้ก็คือทางเรียบนี่แหละ แต่เรียบประสาอะไรก็ไม่รู้ พอรู้ตัวหันกลับไป โอ้โฮ..ก้นเหวพอดีเลย ตะกายหนีแทบไม่ทัน นั่นขนาดรู้ตัวแล้วมีกำลังใจที่จะหนีนะ แต่รู้สึกตอนนั้นว่าสาหัสจริง ๆ ประเภทกลัวจนเหงื่อหยด ทำไมเขาหลอกเราได้เก่งขนาดนั้น มาปัจจุบันจะหลอกอะไรก็รับไว้หมด มีปัญญาหลอกมาก็ทำทั้งนั้นแหละ ทำแค่ตาย..ตายแล้วก็เลิกกัน..! สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2020 เมื่อ 01:46 |
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|