|
ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เมื่อฝันกลายเป็นจริง
เมื่อปีที่แล้ว มีความฝันอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับเถรี ฝันบ่อยมาก นั่นคือ ฝันเห็นหลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ ทั้ง ๆ ที่เถรีก็ไม่ได้เคารพนับถือท่าน หรือเคยพบเห็นตัวจริงท่านมาก่อน แต่ก็ฝันเห็นท่านอยู่หลายครั้งหลายครา เลยสงสัยว่า "ท่านมีอะไร เราถึงได้ฝันเห็นบ่อย" ทีนี้ล่ะค่ะ บุกไปหาถึงที่เลย
พอดีตอนนั้น สบโอกาสหาเรื่องเข้ากรุงเทพฯ จึงไปทำวัตรค่ำที่วัดสระเกศ เพราะได้ข่าวมาว่าหลวงพ่อสมเด็จท่านออกมาทำวัตรทุกวัน ครั้งแรกที่เจอตัวจริงท่าน พระอะไรหนอทำไมท่านช่างเยือกเย็นแบบนี้ เย็นอย่างหาที่ติไม่ได้ เย็นและอ่อนโยนไปหมด ต่อให้ใครหน้ามืดตามัวมาจากไหน พอได้เจอกระแสความดีของท่าน ความชั่วมันดับหมด ปรากฏว่าทำวัตรครั้งนั้น เถรีสวดมนต์ไปด้วยและร้องไห้สะอื้นไปด้วย จนป้าข้าง ๆ ต้องถามว่า "เมื่อครู่น้องร้องไห้หรือ" จะไม่ให้ร้องได้อย่างไรเล่าค่ะ ตื้นตันจนกักไว้ไม่อยู่แล้ว ตอนที่เถรีนำพวงมาลัยและซองเงินคุกเข่าบนพื้นถวายท่าน ท่านก็บอกว่า ไม่ต้องนั่งพื้น ขึ้นมานั่งข้างบน ใครนั่งพื้นท่านไล่ให้ลุกขึ้นมานั่งข้างบนหมด ท่านไม่ถือตัวเลย มีแต่ความเมตตาอย่างเดียว สรุปว่าการขึ้นไปกรุงเทพฯ แค่เพียงคืนเดียวและเจอท่านเพียงแค่ ๑ ชั่วโมง ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็อธิษฐานขอให้ได้เจอท่านบ่อย ๆ ขอให้มีโอกาสได้มาทำวัตรกับท่านบ่อย ๆ แค่นี้ก็ถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว ที่ได้มากราบท่าน แต่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง หลังจากได้เจอตัวจริงของท่านแล้ว หนูกลับไม่ฝันเห็นท่านอีกเลย เถรีได้ไปพบเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่หลวงตาวัชรชัย เขียนเล่าถึงหลวงพ่อสมเด็จเอาไว้ จึงขอนำมาโพสต์ให้ทุกท่านได้อ่านกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-07-2012 เมื่อ 20:31 |
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) แห่งวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หลวงตากล้าเรียกท่านว่า "หลวงพ่อ" ได้อย่างเต็มใจเต็มคำ
ครั้งหนึ่ง ขณะที่หลวงพ่อสมเด็จยังพอเจียดเวลาพักผ่อนจากภารกิจอันหนักหน่วงได้บ้าง ครั้งนั้น ท่านได้ไปพักผ่อนที่สำนักปฏิบัติธรรมไร่กิตติลักษณ์ จังหวัดเชียงราย ตามคำอาราธนานิมนต์ของเจ้าของสถานที่ หลวงตาก็มีโอกาสได้รับนิมนต์ด้วย ในใจหลวงตานี้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับศีลและมารยาทพระอยู่ข้อหนึ่ง คือเวลาฉันภัตตาหารด้วยกันในหมู่สงฆ์ จะคุยกันบ้างได้ไหม ได้ในระดับไหน และคิดว่าถ้าจะมีพระสักองค์ที่ตอบให้หายสงสัย ก็น่าจะเป็นหลวงพ่อสมเด็จ ฯ เพราะท่านเรียนจบ ๙ ประโยค เป็นสามเณรที่เรียนความเป็นสมณะโดยตรงจากสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) แห่งวัดสระเกศ เป็นเลขาเจ้าคณะ เป็นอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เป็นพระอุปัชฌาย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย จนปัจจุบันเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ทำหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ต่อไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่กล้าคิด แต่ที่กล้าคิดก็คือ ถ้าท่านตอบให้ได้ฟัง ก็น่าจบเป็นอันยุติข้อสงสัยใช้เป็นแบบปฏิบัติรักษาตัวได้เลย แต่...ใครจะไปกล้าถาม ลูกหลานเอ๋ย เช้าตรู่ของคืนแรกที่พักในไร่กิตติลักษณ์ เขาถวายข้าวต้มพร้อมถ้วยตะเกียบเพียบพร้อมด้วยกับข้าว หลวงพ่อสมเด็จเรียกหลวงตาให้เข้ามานั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับท่าน คีบกับข้าวต้มใส่ถ้วยหลวงตา แล้วพูดว่า "เอ้า ฉันเสีย ของเขาดี เอ้อ..เอานี่ หลวงพ่อผาจม ฉัน..." คีบกับข้าวใส่ถ้วยหลวงพ่อวิชัย เขมิโย แห่งวัดถ้ำผาจม แล้วท่านก็คีบกับใส่ปากเคี้ยว เขี่ยข้าวต้มใส่ปากเคี้ยว ทั้งหมดนี้ดูไม่เร็วไม่ช้า พอเคี้ยวได้กลืนแรก ท่านก็หันมาพูดกับหลวงตาเบา ๆ พอได้ยินสองคนว่า "ทำพองาม สบาย ๆ ก็พูดคุยธุระที่ควรพูดได้บ้าง เอาพอรู้เรื่องกัน เอาพอไม่ให้อาหารหล่นจากปาก เอ้า ! หลวงพ่อจอมกิตติ ..ฉัน...ฉัน" แล้วก็คีบใส่ถ้วยท่านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุจอมกิตติต่อไป แล้วก็ฉันต่อไปแบบสบาย ๆ เพราะไม่มีใครนอกจากพระด้วยกันทั้งนั้น ...ลูกหลานเอย หลวงตาคิดอยู่ในใจไม่เคยถามใคร ๆ และโดยเฉพาะหลวงพ่อสมเด็จ ฯ แต่ท่านตอบให้เราได้ ลูกหลานช่วยกันคิดซิว่า หลวงพ่อสมเด็จทราบได้อย่างไร จากหนังสือ มรดกพระดี หลวงตา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-07-2009 เมื่อ 17:02 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
หลวงตารู้จากหลวงพ่อฤาษี ฯ วัดท่าซุง ของเราว่า หลวงพ่อสมเด็จ...เป็นพระทองคำ หากจะหาเนื้อนาบุญในกรุงเทพ ฯ บำเพ็ญเพิ่มพูนบารมีให้ตัวเองให้ไปที่วัดสระเกศ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติมาตลอดชีวิต ไม่มีใครรู้...
หลวงตาก็เลยสงสัยในแง่ปฏิบัติธรรมต่อไปว่า ตลอดชีวิตตั้งแต่เป็นสามเณรก็เรียนบาลีจนจบประโยค ๙ จบแล้วก็ทำงานหนักมากมาตลอด ไม่เคยหยุด แล้วท่านเอาเวลา เอาอารมณ์ใจที่ไหนมาปฏิบัติพระกรรมฐานจนเป็น พระทองคำ ต้องเล่าย้อนไปเมื่อตอนกลางคืน ก็สวดมนต์เย็นด้วยกัน พอเจ้าของบ้านเข้าพัก พระก็คุยกัน "เอ้า พระจะคุยกัน โยมไปพักก็ได้นะ" ท่านจะใช้คำพูดและน้ำเสียงเป็นกลางๆ ยิ้มแย้มเมตตาอย่างนี้เสมอ ท่านหันหน้ามาทางพระ ชำเลืองดูหลวงตาพลางพูดว่า "จะเล่าให้ฟัง คุยกัน เออ..งูนี่มันตัวร้อนนะ" พระก็มองหน้าหลวงพ่อสมเด็จกันหมดทุกองค์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-07-2009 เมื่อ 17:02 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
"คืออย่างนี้ ผมบวชเณรเมื่ออายุ ๑๓ ปี บวชแล้วก็เรียนหนังสือท่องบาลี เรียนกันหนัก"
แหม ลูกหลานเอ๋ย เหมือนที่หลวงตาคิดขมวดไว้ในใจ เป๊ะเลย ฟังเอาเถิด ! "แต่ผมโชคดี มีครูบาอาจารย์ดี ท่านให้ผมเรียนปฏิบัติพระกรรมฐานไปด้วย ดูหนังสือไป สลับกับภาวนาไปตลอดเวลา อารมณ์ก็ไม่เสีย ดูหนังสือก็จำแม่น" ท่านพูดช้า ชัดเจน น้ำเสียง สีหน้า ดวงตานี่...เล่าเหมือนเรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้ "บางครั้งก็ออกธุดงค์กับพระอาจารย์ เอาหนังสือใส่ย่ามติดตัวไปด้วย" "มีอยู่ครั้งหนึ่งเดินทางกันไปด้านชายทะเล นั่งภาวนาอยู่ในที่สงัดนะ จิตมันบังเอิญลงร่องยังไงก็บอกไม่ถูก มันดิ่งสงบลงไป จนเหมือนนอนหลับ" ลูกหลานเอ๋ย ถ้าเป็นหลวงตาละก็..จะต้องโม้โอ่องค์ให้รู้เสียบ้างว่าเรานี่เข้าฌาณได้นะ แต่หลวงพ่อสมเด็จไม่ใช่อย่างหลวงตา "มันรู้สึกตัวอีกที รู้สึกว่าเหมือนเด็กที่ไหนมาปัสสาวะรดมือ รดหน้าตักเรา ลืมตาขึ้นดู งูตัวเบ้อเริ่ม ใหญ่ขนาดลำตัวเด็กเล็ก กำลังเลื้อยผ่านตักทับมือเราไป มันอุ่นมันร้อนไอตัวงู ก็ตกใจ ถอนใจหวาดหวั่น เท่านั้นแหล่ะ งูนั้นก็ตวัดหัวชูขู่ฟ่อเหมือนจะงับหัวเราเข้า ใจเราก็ยอมตาย เอาเถอะ ตายก็ตาย มันไปไหนไม่ได้แล้ว ตายขณะทำความเพียรก็เอา พอใจสบาย งูก็เลื้อยไป พอลืมตาดู งูก็ชูหัวขู่เอาใหม่ ก็หลับตาไปใจสงบ งูก็เลื้อยต่อ สลับกันไปอย่างนี้ จนใจสบายจริง ๆ งูก็ไม่รู้หายไปไหน เอ้อ..งูนี่มันร้อนนะ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-11-2009 เมื่อ 14:59 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
"นั่นแหละ พอบวชเณร เขาก็จัดให้อยู่กุฎิเจ้าคณะ ๕ มันสบายตามอัตภาพสามเณร บวชพระแล้วก็ยังอยู่ห้องนั้น เอาไม้มาตอกกะข้างฝาเป็นหิ้งพระพุทธรูปหลายหิ้ง นอนใต้หิ้งพระ มองพระสบายใจ ทุกวันนี้เขาให้เป็นสมเด็จ ก็ยังนอนห้องเณรอย่างเดิม ทาสี ๓ ครั้ง เปลี่ยนกระเบื้องหลังคา ๒ ครั้ง ยังอยู่ได้"
ท่านพูดไป ยิ้มอิ่มใจ ดูท่านเป็นสุขจริง ๆ ที่ได้ทำอนุสติ ย้อนนึกถึง " ตอนนั้นรัฐบาลคุณสัญญา ธรรมศักดิ์ คุณสัญญานี่..นับถือกัน เขาเอางบประมาณมาช่วยซ่อมตำหนักสมเด็จ บังคับขอร้องให้ไปอยู่อาศัย จะได้สมศักดิ์ศรีสมเด็จ เราก็ไปนั่งให้เขาเห็น พอเขากลับเราก็กลับมานอนกุฏิเณร สบายใจของเรา " ท่านผู้อ่านทั้งหลาย สหายในทางธรรม ลูกหลานทุกคนเอย.. ผู้อ่านอ่านแล้วจะรู้สึกอย่างไร หลวงตาไม่ทราบ แต่ตัวหลวงตาฟังดู สัมผัสกระแสเมตตาจากใจของหลวงพ่อสมเด็จแล้ว หลวงตาเชื่อท่าน ซ้ำมีคุณสมบัติบางอย่างในตัวท่านที่ไม่เกินวาสนา หลวงตาตั้งใจจะนำมาปฏิบัติเอาเยี่ยงอย่างท่าน ก็เลยกราบฝากตัวขอให้ท่านว่ากล่าวตักเตือนประหนึ่งว่าเป็นลูกคนหนึ่ง ท่านก็พูดว่า "เรียกว่าหลวงพ่อ ง่าย ๆ ดี มีอะไรให้ช่วยก็ไปหาที่วัด ไปเองก็ได้ โทรศัพท์ก็ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-07-2009 เมื่อ 17:02 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
เมื่อหลวงตามาอยู่วัดเขาวงได้ ๑ ปี ก็ประสบอุบัติเหตุ เอารถไปขวางให้เขาชนกลางสี่แยกวัดใจ เจ้าซ้ง คนขับรถ มองแต่ทางซ้ายไม่เห็นมีรถ ก็ลืมขวา ออกรถเต็มที่รถปูนผง ๔ เต้าแล่นมาทางขวาพอดี สลบคาที่ ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ได้ของเพิ่มตัว คือ สายโยงเยง เสียบจมูก คาปาก คาท้อง และของประจำตัวที่หายไปก็มี ม้าม ถุงน้ำดี ตับบางส่วน และระบบหายใจอีกครึ่งระบบ
อยู่ห้อง ไอ.ซี.ยู. หลายวัน ออกมาพักฟื้นในห้องพิเศษ รพ.ภูมิพลได้ ๓ วัน หลวงพ่อสมเด็จก็เมตตามาเยี่ยมพร้อมกับพระอุปัฏฐากติดตาม ๑ องค์ เวลาบ่ายโมงพอดี "จะมาเยี่ยมแต่เมื่อค่ำวานนี้ ออกรถมาได้แค่สี่แยกหลานหลวง รถติดอยู่กว่าชั่วโมง เห็นไม่ไหวก็เลยเดินกลับวัด นี่ออกมาบ่ายวันนี้ถึงมาได้ เออ..ไม่ได้หนักหนาอะไรอย่างที่เขาไปลือให้ฟังนะ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวหายปรกติ ตั้งใจนะ ตั้งใจให้ดี จะสวดโพชฌงค์ให้หายเร็ว ๆ" ลูกหลานเอ๋ย หลวงพ่อสมเด็จนั่งสวดมนต์บนเก้าอี้หน้าเตียงหลวงตาแก่ไร้ชื่อเสียง ไร้ความเคารพนบนอบประจบเอาใจ วันเกิดท่าน วันเข้าพรรษาก็ไม่ได้ไปกราบทำวัตร คนหยาบอย่างนี้ หลวงพ่อยังเมตตาถึงขนาดนี้ ที่หลวงตาว่าเหมือนแสงสว่างส่องโลกไม่เห็นแก่สิ่งตอบแทน มันจริงไหมเล่าลูกหลานเอ๋ย.... หลังจากนั้นหลายปี เมื่อพบท่านข้างพระอุโบสถวัดสระเกศ เข้าไปยืนไหว้ ขอประทานอภัยและขออนุญาต ย้อนหลังที่ได้เอาเรื่องของท่านไปเล่าให้พระใหม่ พระเก่าฟัง ตามที่หลวงตาซาบซึ้งใจ ท่านก็จับมือไว้ ยิ้มอย่างเดิม เสียงกลาง ๆ อย่างเดิม กระแสใจปนกระแสอบอุ่นใจอย่างเดิมว่า "เอ้อ...ความเป็นพระก็อยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไร.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-07-2009 เมื่อ 17:03 |
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
เถรีมีเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อสมเด็จ ฯ มาเล่าให้ฟังค่ะ เมื่อไม่นานมานี้เถรีเพิ่งได้มีดหมอมา มีดหมอนี้จัดทำขึ้นในงานวันเกิดครบรอบ ๘๐ ปีของหลวงพ่อสมเด็จ ฯ วัดสระเกศ ทีนี้ในการสร้างมีดหมอผู้ที่อยากได้บูชาต้องมาลงชื่อจอง ผู้ที่มาลงชื่อจองนั้นหลวงพ่อสมเด็จ ฯ ท่านจะคัดเลือกอีกทีหนึ่ง ว่าให้จองได้หรือไม่
สำหรับมีดหมอที่เถรีได้มานั้น ได้มาจากสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เปิดร้านเกี่ยวกับพวกวัตถุมงคล แถว ๆ พันธุ์ทิพย์ สองสามีภรรยาคู่นั้นก็เล่าให้ฟังว่า ตอนที่เขาไปลงชื่อจองนั้น ทั้งสามีและภรรยาแยกกันจอง เพราะสามีภรรยาคู่นี้นามสกุลต่างกัน ถ้าแยกกันจองโอกาสที่จะได้ทั้งสองคนมีสูง พูดง่าย ๆ ว่า กะได้มีดหมอเยอะ ๆ และคิดว่าคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นสามีภรรยากัน ปรากฏว่า พอถึงวันที่หลวงพ่อสมเด็จท่านมาตรวจดูรายชื่อของผู้ที่จอง ท่านก็อ่านรายชื่อไปทีละคน คนไหนท่านไม่อนุญาตให้จอง ท่านก็จะบอก พอท่านอ่านไปถึงชื่อของสามีและภรรยาคู่นี้ ปรากฏว่าความลับแตกค่ะ ท่านบอกว่า สองคนนี้เป็นสามีภรรยากัน สองคนนั่นก็ตกใจที่ท่านรู้ แต่ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร อนุญาต สองคนนี้ชอบทำบุญ แถมยังบอกอีกว่า มีอาชีพขายวัตถุมงคลอีก สองสามีภรรยาก็อึ้งอีก แค่บอกว่าเป็นสามีภรรยากันก็ช็อกแล้ว ขนาดเขียนไปคนละนามสกุลกันนะ นี่เจอบอกอาชีพอีก ถูกด้วย.! สุดท้ายท่านก็อนุญาตให้สามีภรรยาคู่นี้จองมีดหมอได้ และท่านยังได้เมตตาบอกแก่พวกเขาว่า ถ้าอยากค้าขายให้ดี ๆ ก็ให้ว่าอิติปิโส อย่างน้อยวันละสามจบ พี่ทั้งสองเลยกราบท่านมาถึงทุกวันนี้ และไปทำสังฆทานกับหลวงพ่อสมเด็จ ฯ เกือบทุกเดือน พี่เขาบอกว่า เวลาเขาจะขายวัตถุมงคลต้องว่าอิติปิโส สามจบแล้วค่อยว่าคาถาเงินล้าน เถรีก็ทราบมาอีกว่า คนที่สั่งจอง ใครที่ท่านอนุญาตก็ได้บูชาไป แต่บางคนแม้กระทั่งพระบางรูปในวัดลงชื่อจอง ท่านยังไม่อนุญาตเลย ก็แปลกดี ครั้งนี้เถรีต้องขอบคุณพี่มะลิแก้วค่ะ ที่เมตตามาบอกเรื่องนี้ให้ฟัง เถรีเลยได้มีดหมอมานอนกอดสมใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-07-2012 เมื่อ 20:34 |
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
|||
|
|||
ส่วนตัวก็เคยมีประสบการณ์ ในความเมตตาของ หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ เหมือนกันครับ
ที่ชัดเจนที่สุด น่าจะเป็นเมื่อคราววันลอยกระทงเมื่อประมาณ ๒ ปีที่ผ่านมา ก่อนออกจากบ้าน ผมก็ตั้งจิตว่าอยากจะทำบุญกับท่าน แล้วก็อธิษฐานตามความปรารถนาที่ต้องการ พอไปถึงที่วัดสระเกศ ก็ได้พบท่านลงทำวัตรเย็นรอบแรก ผมก็ฟังพระท่านสวดจนจบ พอจบแล้ว ปกติ หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ ท่านจะออกจากพระอุโบสถทางด้านหลัง ผมก็เลยไปรอท่านเพื่อจะทำบุญ ก็มีอีกหลายท่านเหมือนกัน ที่อยู่ข้างหน้าผม หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ ท่านก็เมตตาทักทายกับทุก ๆ ท่าน พอมาถึงผม ผมก็ทำบุญถวายปัจจัยใส่ในย่ามของท่าน หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศท่านก็เมตตาถามว่า ผมมาจากไหน ผมก็กราบเรียนท่านไปว่า มาจากแถว รามคำแหง ครับ (เนื่องจากบ้านผมอยู่ละแวกนั้น ) หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ ท่านก็เมตตาพูดกับผมว่า พระประธานวัดนี้สวยนะ ไปนมัสการหรือยัง ? ผมอึ้งไปเลยครับ เพราะสิ่งที่ท่านเมตตาพูดกับผม โดยเฉพาะประโยคที่ท่านบอกว่าให้ไปนมัสการองค์พระประธานนั้น คือสิ่งที่ผมอธิษฐานทำบุญ ก่อนผมจะมากราบท่านครับ ช่วงที่ท่านเมตตาสนทนากับผมนั้น ท่านก็ยื่นมือของท่านมาจับมือผม แล้วท่านก็ยิ้ม ๆ ผมได้แต่ตื้นตันจนพูดไม่ออกเลยครับ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กเมื่อวานซืน : 17-03-2009 เมื่อ 16:33 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กเมื่อวานซืน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ผมอยากไปกราบท่านมากครับ ขอธรรมทานจากคุณเด็กเมื่อวานซืน ช่วยเมตตาบอกกำหนดเวลาที่ท่านลงทำวัตรเย็นรอบแรก และวิธีการที่จะได้กราบถวายสังฆทานกับท่านด้วยเถิด |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กอนุบาล ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ส่วนทำวัตรรอบที่สองเป็นรอบค่ำ ซึ่งรอบค่ำนี้ หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศท่านจะลงทำวัตรด้วย (ถ้าท่านไม่ติดกิจธุระ) ทำวัตรรอบค่ำนี้เวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น. ครับ(ที่คณะ ๑๒) เท่าที่ผมสังเกตพบว่า วาระที่ผมไปแล้วได้มีโอกาสทำบุญกับ หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศในการทำวัตรรอบแรกนั้น(ที่พระอุโบสถ) ตรงกับวันลอยกระทงพอดี และก็ตรงกับพระพอดีครับ(ขึ้น ๑๕ ค่ำ) แต่ถ้าผมไปวันธรรดาที่ไม่ได้ตรงกับวันพระ ส่วนใหญ่มักจะไม่พบท่านครับ เป็นข้อสังเกตส่วนตัวผมนะครับ สำหรับเรื่องการถวายสังฆทานนั้น เรื่องนี้ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ เพราะส่วนใหญ่ผมก็จะถวายปัจจัยกับ หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศท่าน ช่วงที่ท่านลงทำวัตรรอบแรกครับ เรื่องการทำบุญสังฆทานนี้ ผมแนะนำว่าลองติดต่อกับ พระเลขาของหลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศท่านดีกว่าครับ เพราะ จะได้ทราบกำหนดการที่ หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศท่านว่าง เพื่อที่จะได้ทำบุญสังฆทานได้ตรงตามจุดประสงค์ครับ แนะนำให้ติดต่อที่ พระเลขาของหลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ ท่านอยู่คณะ ๕ วัดสระเกศ ครับ (ผมไม่ทราบเบอร์โทรศัพท์ครับ ต้องขออภัยด้วยครับ ) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กเมื่อวานซืน : 18-03-2009 เมื่อ 09:28 |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กเมื่อวานซืน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
|||
|
|||
สาธุ ขอบพระคุณที่เมตตาให้ธรรมทานอย่างรวดเร็ว
ขออาราธนาบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และผลบญนี้ช่วยสงเคราะห์ให้ คุณเด็กเมื่อวานซืนบรรลุธรรมโดยเฉียบพลัน ทันใจ ไม่เนิ่นช้าครับ |
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กอนุบาล ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
|||
|
|||
ผมปลื้มใจมากครับ ที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อสมเด็จฯ รวมทั้งถวายสังฆทานและพานดอกไม้ธูปเทียนแพ และได้ร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็นรอบสองกับหมู่พระสงฆ์ที่คณะ ๑๒ ด้วย
หลวงพ่อท่านสอนให้พิจารณาว่าการที่มีโอกาสได้มาร่วมกันสวดมนต์ครั้งนี้ ถือเป็นบุญอย่างยิ่งในชีวิต ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองว่าเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น และท่านลงท้ายว่า ให้ทุกคนคิดให้เป็นบุญ พูดให้เป็นบุญ ทำให้เป็นบุญไว้เสมอ เพื่อให้ชีวิตทุกคนมีบุญ มีกุศล มีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงขอนำข้อธรรมและบุญกุศลที่ได้ทั้งหมด ที่ผมได้ในวันเสาร์ที่ผ่านมา จากการไปกราบทำบุญกับหลวงพ่อสมเด็จฯ ให้ทุกท่านได้พิจารณาและโมทนาร่วมกันครับ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทิดตู่ : 04-05-2009 เมื่อ 00:21 |
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กอนุบาล ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|