ขอสูตรยารักษาโรคผิวหนังแห้งมาก

[นายกาญจน์กัญจน์]

เนื่องจากผมเป็นคนที่มีผิวหนังแห้งมากกว่าคนปกติ ถ้าผมไม่ทาโลชั่นทาผิวหลังอาบน้ำ เมื่อมีอากาศเย็นมากระทบผิวหนังของผมจะปริแตกลอกเป็นขุยและทำให้แสบคันมาก หากอากาศเย็นมาก จะมีเลือดออกตามรอยปริรอยแยกของผิวหนังครับ

ทำให้คนทั่วไปไม่เข้าใจและมองว่าผมเป็นคนหมั่นบำรุงผิวพรรณเกินปกติแม้แต่ในวัด หรือมองว่าผมผิดปกติไปจากผู้ชายทั่วไปครับ สิ่งเหล่านี้สร้างความทุกข์ทางใจให้แก่ผมมากเหลือเกินครับ ถ้าผมดันทุรังไม่ทาโลชั่นทาผิวอดทนสู้กับการปริแตกของผิวหนัง ผมจะรู้สึกคันและเจ็บแสบตามรอยปริของผิวหนังเป็นทุกขเวทนาทางกายไม่น้อยเลยครับ

จึงรบกวนขอความกรุณาท่านผู้รู้ได้โปรดเมตตาบอกสูตรยารักษาโรคผิวหนังแห้งมากโดยไม่ต้องทาโลชั่นอย่างเด็ดขาดให้แก่ผมได้ล่วงรู้ด้วยครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

[ลัก...ยิ้ม]

ขออนุญาตเสนอความเห็น ยิ้มใช้โลชั่นบำรุงผิวที่เป็นครีมผสมด้วยน้ำมันมะพร้าวแบบกลั่นเย็นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มันมากเกินไป (เพราะน้ำมันมะพร้าวจะดูดซึมได้ดีกว่าทาโดยตรง) ทาบำรุงตอนก่อนนอน ถ้าหน้าหนาวผสมน้ำมันมะพร้าวให้มากขึ้นอีกนิด

[สายท่าขนุน]

เห็นด้วยกับคุณลักยิ้ม แต่จะแนะนำให้ทาน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น หรือน้ำมันงาบริสุทธิ์เลยค่ะ
หมายเหตุ :
คุณแม่อายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว มีปัญหาผิวแห้ง และเสื่อมสภาพ เส้นเลือดฝอยก็มักแตกเป็นจ้ำทุกครั้งที่โดนแดด แม้เพียงเล็กน้อย พาไปรักษาแล้วคุณหมอจ่ายโลชั่นแบบที่จ่ายเฉพาะในโรงพยาบาลมาก็ไม่หาย
เคยทราบว่าญาติผู้ใหญ่วัยเดียวกันของเพื่อน ทาน้ำมันงา (ที่ปรุงกับข้าว ไม่ผสมน้ำมันพืช) หรือน้ำมันมะพร้าว (ไม่แน่ใจว่าสกัดเย็นหรือเปล่า) หรือ น้ำมันดอกไม้หอมต่าง ๆ เป็นประจำตั้งแต่ยังสาว เหมือนเราทาโลชั่นกัน ท่านมีสภาพผิวที่แข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัยมาก
คุณแม่มีปัญหาไม่ชอบทาผิวด้วยอะไรเลย ท่านว่ารำคาญผิว และชอบออกแดดตอนเช้า ๆ
ต้องตะล่อมเป็นปีกว่าคุณแม่จะยอมทาน้ำมันมะพร้าว ถึงกับต้องท้าว่าให้ทาจริงจังสักสัปดาห์ หากสภาพผิวและจ้ำเลือดดีขี้น ขอให้ทาต่อ
ปัจจุบันหลังจากยอมทาน้ำมันแล้ว สภาพผิวดีขึ้นมาก แต่อาจจะเริ่มช้าไปหน่อย
ที่มั่นใจท้าคุณแม่ เพราะเห็นสภาพผิวของผู้ชายอายุ ๕๐ กว่าปี ชอบเล่นกอล์ฟมาก และใช้น้ำมันมะพร้าวแทนครีมกันแดดมานานพอควร จากที่เคยเห็นผิวออกไหม้ แล้วก็ดูกร้านแดดเป็นบางครั้ง ก็กลับมีผิวปกติ อย่างมากก็ดูแดง ๆ นิดหน่อย
เขาใช้วิธีทาทั้งตัว ทุกครั้งหลังอาบน้ำแล้วซับผิวพอหมาด ทาแล้วทิ้งสักพักให้ซึมเข้าผิวแล้วสวมเสื้อผ้าตามปกติ

น้ำมันทั้ง ๒ ชนิดมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อได้อ่อน ๆ ทาได้ทั้งผิว ผม บ้วนปากรักษาช่องปาก และกินเป็นยา (หาอ่านคุณสมบัติได้ทั่วไป) และเข้ากับผิวคนได้ดี ไม่เหนอะหนะอย่างที่คิด แต่ต้องหมั่นทา หรือจะทาหลังอาบน้ำแบบที่เล่าไว้ในหมายเหตุข้างต้นก็ได้
สังเกตว่า ธุรกิจที่นำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นไปผสมเป็นโลชั่นทาผิว ไม่เป็นที่นิยม แม้จะเป็นการเพิ่มมูลค่า เข้าใจว่าเพราะคุณสมบัติเฉพาะที่เข้ากับผิวอยู่แล้ว และยังกินได้ด้วย จึงไม่ควรผ่านกระบวนการ และใส่สารเคมี

น้ำมันงาบำรุงผิวดีกว่า แต่ราคาแพงกว่า และกลิ่นแรงกว่าน้ำมันมะพร้าวมาก ส่วนน้ำมันมะพร้าวต้องนับว่าไม่มีกลิ่น ผู้ชายใช้ไม่ดูแปลกตา และถ้าต้องใช้ประจำ และไม่อยากซื้อหา ก็ไปศึกษาวิธีสกัดเย็นน้ำมันมะพร้าวเองได้ ไม่ยาก

[สายท่าขนุน]

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลัก...ยิ้ม

แนะนำเพิ่มเติมว่า ผิวคนเรามีส่วนประกอบหลายอย่าง เช่น น้ำ น้ำมัน และอื่น ๆ เช่นคอลลาเจน เป็นต้น

ยิ้มเองก็เคยมีปัญหาหน้าแห้ง เติมความมันเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้นสักที สุดท้ายมาจบตรงที่ หน้าเราขาดน้ำนี่เอง ก็ไปสังเวยด้วยเงินไปซื้อน้ำแร่มาเติมความงอมให้มัน

มือเหี่ยวเกินวัยเพราะใช้งานไม่เคยสงสารมัน สารพันจะสรรหา สุดท้ายต้องเติมคอลลาเจนด้วยเครื่องบำรุงผิวหน้า

ต้องหาให้เจอว่ามันขาดความอุดมด้วยเหตุใดด้วย

เห็นด้วยค่ะ
ขอแนะนำเพิ่มเติมให้ไปพบแพทย์หาสาเหตุก่อน และดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวัน นอกจากน้ำจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกายแล้ว ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งผิวที่แข็งแรงอีกด้วย
นอกจากนี้ ควรปรับอาหารที่กิน โดยเพิ่มอาหารประเภทผัก หรืออาหารที่เน้นสภาพการขับถ่ายให้เป็นปกติ (ผักใบเกือบทุกประเภท เครื่องจิ้มน้ำพริก ผักแนมอาหารต่าง ๆ ให้มีพวกพริก ขิง หรือเครื่องสมุนไพร ขับลม ระบายบ้าง)
การขับถ่ายไม่ปกติ ทำให้มีของเสียสะสมในร่างกาย จะส่งผลกับสภาพผิว ทำให้แห้งหรือกร้านได้เหมือนกัน

[สายท่าขนุน]

นึกได้ทีละอย่าง...
จะลองใช้ น้ำมันขาวของหลวงพ่อวิชาดู เพื่อรักษาให้หายก่อนก็ดี
โดยหลัก ๆ แล้ว น้ำมันนี้มีส่วนผสมที่เป็นทั้งน้ำ น้ำมัน และยางไม้ ใช้รักษาบาดทะยักและฆ่าเชื้อได้ดี
ใช้กับอาการทางผิวหนังอย่างอื่นได้ โดยเฉพาะที่เล่าว่ามีอาการปริแตกเป็นแผล
เพราะยานี้ จะสมานอาการผิวหนังเป็นแผลได้เร็ว
ลองดูนะคะ รักษาให้หายก่อน แล้วค่อยว่าเรื่องดูแล
หาได้ที่สำนักปฏิบัติธรรมบ้านชอนทุเรียน ต.พุนกยูง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์
หรือที่วัดชายเขาวิชาราม ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี

เวลานี้หลวงพ่อจำวัดที่วัดชายเขาวิชารามนี้ ถือโอกาสไปกราบหลวงพ่อด้วย จะเป็นมงคลยิ่ง

[เมทิกา]

ขออนุญาตแบ่งปันวิธีที่ใช้อยู่นะคะ ดังนี้ หลังอาบน้ำเสร็จอย่าเพิ่งเช็ดตัวค่ะให้ใช้น้ำมันยี่ห้อ จอห์นสัน เบบี้ ออยล์ ขวดสีชมพู (มีขายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น) ทาให้ทั่วตัวก่อน จากนั้นเอาผ้าซับน้ำออก อย่าถูตัวแรง ๆ เดี๋ยวน้ำมันที่ทาจะหลุดติดไปกับผ้าหมด ถ้าตัวแห้งแล้วผิวจะชุ่มชื่นไม่เหนียวเหนอะหนะ และก็ไม่มันอีกด้วยค่ะ

[นายกาญจน์กัญจน์]

น้อมขอบพระคุณในความเมตตากรุณาของทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ

[จีรพรรณ]

พี่อย่าลืมอย่างหนึ่งนะคะ
เป็นโอกาสฝึกจิตใจตนเองด้วย
พิจารณาว่าตัวเราหวั่นไหวไปกับคำคนมากน้อยเพียงใด
น่ารังเกียจแค่ไหน ที่คนอื่นมาเพ่งโทษเรา
เราก็จะไม่ทำเช่นเขา เพ่งโทษตัวเราก็พอ

[นางมารร้าย]

- น้ำมันมะรุม แก้แพ้ แก้รอยย่น แพง
- น้ำมันรำข้าว มีวิตะมินบำรุงผิวนุ่ม
- น้ำมันมะพร้าว ดูดซึมเร็ว ราคาถูก กลิ่นแรง

พวกน้ำมันสกัดเย็นเหล่านี้ดี แต่อาจทำให้มีกลิ่นเหม็นหืนติดตามผ้า

- แอบเห็นพระใช้นีเวียครีม กลิ่นไม่แรงมาก ท่านว่าอย่างอื่นเอาไม่อยู่แล้ว ท่านเอาไว้ในห้องน้ำ (ทาในห้องน้ำใครจะไปเห็น) ทาครีมหลังอาบน้ำใหม่ ๆ จะได้ทาง่ายด้วยค่ะ

[ฝุ่น]

กินน้ำมันหลวงพ่อปานทุกวัน
แล้วอธิษฐานให้ผิวมันแผลบ

[เหมือนเดิม]

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สายท่าขนุน

เห็นด้วยกับคุณลักยิ้ม แต่จะแนะนำให้ทาน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น หรือน้ำมันงาบริสุทธิ์เลยค่ะ
หมายเหตุ :
คุณแม่อายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว มีปัญหาผิวแห้ง และเสื่อมสภาพ เส้นเลือดฝอยก็มักแตกเป็นจ้ำทุกครั้งที่โดนแดด แม้เพียงเล็กน้อย พาไปรักษาแล้วคุณหมอจ่ายโลชั่นแบบที่จ่ายเฉพาะในโรงพยาบาลมาก็ไม่หาย
เคยทราบว่าญาติผู้ใหญ่วัยเดียวกันของเพื่อน ทาน้ำมันงา (ที่ปรุงกับข้าว ไม่ผสมน้ำมันพืช) หรือน้ำมันมะพร้าว (ไม่แน่ใจว่าสกัดเย็นหรือเปล่า) หรือ น้ำมันดอกไม้หอมต่าง ๆ เป็นประจำตั้งแต่ยังสาว เหมือนเราทาโลชั่นกัน ท่านมีสภาพผิวที่แข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัยมาก
คุณแม่มีปัญหาไม่ชอบทาผิวด้วยอะไรเลย ท่านว่ารำคาญผิว และชอบออกแดดตอนเช้า ๆ
ต้องตะล่อมเป็นปีกว่าคุณแม่จะยอมทาน้ำมันมะพร้าว ถึงกับต้องท้าว่าให้ทาจริงจังสักสัปดาห์ หากสภาพผิวและจ้ำเลือดดีขี้น ขอให้ทาต่อ
ปัจจุบันหลังจากยอมทาน้ำมันแล้ว สภาพผิวดีขึ้นมาก แต่อาจจะเริ่มช้าไปหน่อย
ที่มั่นใจท้าคุณแม่ เพราะเห็นสภาพผิวของผู้ชายอายุ ๕๐ กว่าปี ชอบเล่นกอล์ฟมาก และใช้น้ำมันมะพร้าวแทนครีมกันแดดมานานพอควร จากที่เคยเห็นผิวออกไหม้ แล้วก็ดูกร้านแดดเป็นบางครั้ง ก็กลับมีผิวปกติ อย่างมากก็ดูแดง ๆ นิดหน่อย
เขาใช้วิธีทาทั้งตัว ทุกครั้งหลังอาบน้ำแล้วซับผิวพอหมาด ทาแล้วทิ้งสักพักให้ซึมเข้าผิวแล้วสวมเสื้อผ้าตามปกติ

น้ำมันทั้ง ๒ ชนิดมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อได้อ่อน ๆ ทาได้ทั้งผิว ผม บ้วนปากรักษาช่องปาก และกินเป็นยา (หาอ่านคุณสมบัติได้ทั่วไป) และเข้ากับผิวคนได้ดี ไม่เหนอะหนะอย่างที่คิด แต่ต้องหมั่นทา หรือจะทาหลังอาบน้ำแบบที่เล่าไว้ในหมายเหตุข้างต้นก็ได้
สังเกตว่า ธุรกิจที่นำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นไปผสมเป็นโลชั่นทาผิว ไม่เป็นที่นิยม แม้จะเป็นการเพิ่มมูลค่า เข้าใจว่าเพราะคุณสมบัติเฉพาะที่เข้ากับผิวอยู่แล้ว และยังกินได้ด้วย จึงไม่ควรผ่านกระบวนการ และใส่สารเคมี

น้ำมันงาบำรุงผิวดีกว่า แต่ราคาแพงกว่า และกลิ่นแรงกว่าน้ำมันมะพร้าวมาก ส่วนน้ำมันมะพร้าวต้องนับว่าไม่มีกลิ่น ผู้ชายใช้ไม่ดูแปลกตา และถ้าต้องใช้ประจำ และไม่อยากซื้อหา ก็ไปศึกษาวิธีสกัดเย็นน้ำมันมะพร้าวเองได้ ไม่ยาก

อยากทราบว่า ทาน้ำมันมะพร้าวทั้งตัว รวมถึงทาหน้าด้วยหรือไม่ครับ

[สายท่าขนุน]

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เหมือนเดิม

อยากทราบว่า ทาน้ำมันมะพร้าวทั้งตัว รวมถึงทาหน้าด้วยหรือไม่ครับ

ได้ค่ะ
(เพียงแต่บางคนอาจรู้สึกเหมือนหน้ามันทำนองนั้น แต่คนที่ทาก่อนออกรอบกอล์ฟนั้น ก็ไม่ติดขัดว่าเหนอะหนะ หรือมันแต่อย่างใดนะคะ)

[ทองหยด]

แนะนำเพิ่มเติม​จากท่านอื่น เราเองผิวตัวแห้ง เกิดไฟฟ้าสถิต​ แต่ไม่ได้ทาอะไรเพราะไม่ชอบ คุณหมอแผนโบราณ​บอกให้ โดนแดดแสงอาทิตย์​ยามเช้า ๆ กับให้เท้าเปล่าเหยียบเดินดิน ต้นหญ้าบ้าง คือคนยุคปัจจุบัน​เท้าไม่ค่อยติดดิน ถ้าเท้าไม่อยู่บนรองเท้า ก็อยู่บนพื้นต่าง ๆ ที่ถูกสังเคราะห์ด้วยเคมีไม่ใช่วัสดุธรรมชาติ ทำบ่อย ๆ เป็นประจำจะช่วยลดอาการผิวแห้งคัน

[เหมือนเดิม]

ขอบคุณครับ

[ตัวเล็ก]

อีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ผิวแห้งได้ พระอาจารย์บ๊ะท่านเคยบอกว่า "เพราะบางคนถูสบู่มากเกินไป" ทำให้แบคทีเรียและสารบางตัวบนผิว หายไป ทำให้แรงตึงผิวบนผิวหนังของเราผิดเพี้ยนไป ทำลายแบคทีเรียดี ๆ บนผิวเราไป

แล้วส่งผลให้ เราแพ้ง่ายขึ้น ผิวแห้งมากขึ้น บางคนที่แพ้มากขึ้น อาจถึงขั้นแพ้เหงื่อตัวเองได้เลยค่ะ

ท่านบอกว่า ไม่ต้องถูสบู่มากนัก ให้อาบน้ำเปล่า แล้วเอาใยบวบถู ขัดขี้ไคลเอา อาทิตย์หนึ่ง ถูสบู่เพียงครั้งหรือสองครั้งก็พอแล้ว

[เหมือนเดิม]

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตัวเล็ก

อีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ผิวแห้งได้ พระอาจารย์บ๊ะท่านเคยบอกว่า "เพราะบางคนถูสบู่มากเกินไป" ทำให้แบคทีเรียและสารบางตัวบนผิว หายไป ทำให้แรงตึงผิวบนผิวหนังของเราผิดเพี้ยนไป ทำลายแบคทีเรียดี ๆ บนผิวเราไป

แล้วส่งผลให้ เราแพ้ง่ายขึ้น ผิวแห้งมากขึ้น บางคนที่แพ้มากขึ้น อาจถึงขั้นแพ้เหงื่อตัวเองได้เลยค่ะ

ท่านบอกว่า ไม่ต้องถูสบู่มากนัก ให้อาบน้ำเปล่า แล้วเอาใยบวบถู ขัดขี้ไคลเอา อาทิตย์หนึ่ง ถูสบู่เพียงครั้งหรือสองครั้งก็พอแล้ว

ตรงจุดเลยครับ ผมได้ประสบการณ์จากการถูสบู่มากและอาบน้ำอุ่นมากเกินไป ทำให้มีผื่นแพ้ทั้งตัว เหมือนแพ้เหงื่อตัวเองหรือผิวหนังอักเสบครับ ทายาหรือครีมแก้อาการจนกระทั่งหาสาเหตุพบ ปัจจุบันอาบน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ต้องใช้ครีมหรือทายาอีกเลยครับ