|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ปัจจุบันนี้มีระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ก็เลยทำให้ไม่มีการลงทุนเพื่อเปิดสาขาธนาคารต่าง ๆ ธนาคารที่มีอยู่ก็ต้องพยายามลดตัวเองลงไป ท้ายที่สุดอาจจะต้องมีการขายที่ตั้งหรือว่าขายอาคารสำนักงาน เพราะว่าการโอนเงินด้วยสมาร์ทโฟนเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ในบ้านเรายังล้าสมัย ผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งมากที่สุดเป็นแอฟริกา ประเทศที่มีคนตัวดำ ๆ พุงป่อง ๆ นั่นแหละ ที่เราเห็นว่าล้าหลังที่สุด กลับใช้อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งมากที่สุดในโลก เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่า กว่าเขาจะเดินทางไปถึงเมืองที่มีธนาคาร อาจจะโดนสิงโตคาบไปรับประทานก่อน..! ก็เลยต้องใช้วิธีทำธุรกรรมออนไลน์ เพราะฉะนั้น..บ้านเขาเราจะไปดูถูกว่าล้าหลัง เป็นพวกชนเผ่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ เขาใช้อินเทอร์เน็ตเก่งกว่าเราเยอะ ฝรั่งเขาทดสอบช่วงที่ iPad กำลังฮิตใหม่ ๆ เขาเอา iPad ไปทิ้งไว้ที่แต่ละหมู่บ้านจำนวน ๔๐ แห่งด้วยกัน สองเดือนผ่านไปกลับไปปรากฏว่าเด็กใช้ iPad เป็นทุกคน..! ไม่ต้องสอนอะไรเลยนะ เขากดเปิดของเขาเอง จิ้มโน่นจิ้มนี่เองจนเล่นเป็น ให้เวลาสองเดือนโดยไม่มีใครสอน เรื่องพวกนี้เราจะไปคิดว่าเป็นเรื่องยาก...ไม่ใช่หรอก อยู่ที่ว่าจะสนใจไหม เด็กเขาเห็นเป็นของเล่นเขาก็ต้องเล่นจนได้”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2018 เมื่อ 15:12 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
ถาม : เมื่อวานเขานิมนต์ผมไปฉันเพลที่วัดหนึ่ง เขามีฉลองหล่อหลวงปู่ปานองค์ใหญ่ ๕ ศอก ?
ตอบ : ทางด้านทองผาภูมิของอาตมา พื้นเดิมไม่มีทางด้านหลวงปู่หลวงพ่อท่าน ก็เลยไม่กล้าทำอะไรเป็นที่เอิกเกริก มีช่วงครบรอบ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อฤๅษีฯ ก็หล่อรูปท่านกับหลวงปู่ปานเอาไว้บนชั้นสามเลย พูดง่าย ๆ ว่าเราคิดถึงก็ขึ้นไปกราบไปไหว้ของเราเอง ไม่ต้องเอามาโชว์ให้เจ้าของที่เขาหมั่นไส้ ...(หัวเราะ)... ที่นั่นของเขาต้องหลวงปู่สาย หลวงพ่อเดิม คือหลวงพ่อเดิมเป็นบูรพาจารย์ หลวงปู่สายเป็นลูกศิษย์ ดังนั้น..อยู่ที่ไหนต้องดูตาม้าตาเรือด้วย ไม่ใช่ไปทำส่งเดช ไปทำส่งเดชคนเขาด่า เขาจะซวย ไม่ใช่เรา ...(หัวเราะ)... ถาม : หลวงปู่สายเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเดิม ? ตอบ : ใช่..ท่านธุดงค์ไปทางทองผาภูมิแล้วญาติโยมเขาเลื่อมใส ก็เลยนิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นั่น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2018 เมื่อ 15:14 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาทำสังฆกรรม ถ้าคนละนิกายบางอย่างก็ไม่ต้องร่วมกับเขา ?
ตอบ : ผมว่าเป็นเรื่องความเข้มงวดที่ไม่เข้าท่า อย่างของผมไปอยู่กับหลวงปู่มหาอำพัน ๔ ปี เขาไม่ให้ลงโบสถ์ด้วย วันไหนวันพระใหญ่ก็ให้ผมบอกบริสุทธิ์แล้วก็อยู่ในกุฏิ ไม่ต้องไปลงโบสถ์ ผมก็ว่าแล้วกูจะบอกบริสุทธิ์ทำไม ? มึงไม่ให้กูลงแปลว่ากูไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว..! ...(หัวเราะ)... แต่คราวนี้เราอยู่กับเขา ให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นแหละ การเคร่งครัดต่อพระวินัยเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเคร่งครัดในลักษณะยึดติดเป็นสีลัพพตุปาทานก็คือ ถือว่าการปฏิบัติของเราดีกว่าผู้อื่น นี่เป็นสักกายทิฐิเต็ม ๆ ผมเจอพระธรรมยุตมากต่อมากด้วยกัน ที่ท่านทำถึง ทำดีจริง ๆ ไม่เห็นท่านรังเกียจอะไร คลุกคลีตีโมงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2018 เมื่อ 15:15 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
อย่างสมัยก่อนหลวงปู่บุดดา ไม่มีใครนึกว่าท่านเป็นพระธรรมยุตนะ ไปไหนไปกัน เวลารับเงินหลวงปู่ก็รับด้วย ...(หัวเราะ)... อย่างหลวงปู่กล่อม วัดอาวุธฯ ท่านเป็นเจ้าคุณใหญ่โต ก็ไม่เห็นท่านจะถือสาหาความอะไร ไปถึงท่านกราบก่อนเลย หลวงพ่อหลวงปู่แต่ละรูปท่านหลบกันอุตลุด
ตอนนั้นหลวงปู่กล่อมท่านเป็นพระเทพวราลังการ เจ้าคุณชั้นเทพ หลวงปู่ธรรมชัยยังไม่ได้พระครูเลย ไปถึงท่านกราบหลวงปู่ธรรมชัยก่อนเลย “พระเดชพระคุณครับ เกล้ากระผมรู้ตัวว่ามาสายพุทธภูมิ แต่เกล้าฯ ไม่รู้ว่าตัวเองขาดตรงไหนบ้าง ขอพระเดชพระคุณได้โปรดเมตตาช่วยชี้แนะให้ด้วยครับ” หลวงปู่ธรรมชัยเบี่ยงข้างพับเพียบพนมมือแต้เลย “ขออภัยครับ พระเดชพระคุณ ยังขาดวิริยบารมีกับปัญญาบารมี ต้องเร่งเพิ่มอีกหน่อยครับ” หลวงปู่ท่านนั่งรถสองแถวไป ลงรถหน้าวัดถือไม้เท้าเดินก๊อก ๆ มา “ไอ้หนู..หลวงพ่อมหาวีระอยู่ด้านไหนลูก ?” อาตมาก็ถามหลวงปู่มาจากไหน ท่านว่า “มาจากวัดอาวุธฯ กรุงเทพฯ” บอกอย่างนั้นยังไม่รู้จักเลย ...(หัวเราะ)... กราบเรียนว่า “แล้วจะให้ผมเรียนหลวงพ่อว่าผู้ใดมาละครับ ?” ท่านก็บอกว่า “ให้บอกว่าพระเทพวราลังการมา” ปรากฏว่าเดินไม่ถึงกุฏิ หลวงพ่อท่านเดินออกมารับอยู่ด้านหน้าตึกเลย ท่านรู้กัน ไม่ให้ลูกศิษย์ต้องลำบากใจ หลวงพ่อเดินมารับเองเลย ตอนหลังเป็นเจ้าคุณธรรมฯ แล้วถึงมรณภาพ แต่ส่วนใหญ่พวกเราถ้าได้ยินวัดอาวุธฯ แล้วจะนึกอยู่สองอย่าง นึกถึงหลวงปู่บุดดา หรือไม่ก็คุณยายแม่ชีบุญเรือน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2018 เมื่อ 15:18 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงปู่ชุ่ม คาถา วิวะ อะวะ สุสะตะ วิวะ สวาหะ คือองค์เดียวกับที่สร้างลูกแก้วสารพัดนึกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ใช่....วัดวังมุยนั่นแหละ เหลือเชื่อที่ว่าครูบาอาจารย์รุ่นเก่ากว่าหลวงปู่ชุ่มมีเยอะแยะ ดังกว่าหลวงปู่ชุ่มก็มีเยอะแยะ แต่วัตถุมงคลหลวงปู่ชุ่มประเภทเครื่องรางอย่างเช่นพวกตะกรุดนี่ เขาหาของท่านกันทั้งภาคเหนือ แสดงว่าต้องมีประสบการณ์กันเยอะมากจริง ๆ พูดง่าย ๆ ว่าถ้าคนเหนือไปถามหาตะกรุดนี่ เขาหาของหลวงปู่ชุ่มกัน ถาม : วัดวังมุยอยู่จังหวัดไหนครับ ? ตอบ : อยู่ตำบลประตูป่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้คือวัดที่อยู่ในป่า แต่มาตอนนี้กลายเป็นวัดที่อยู่ในเมือง วัดที่ครูบาวิฑูรย์ท่านบวชนั่นแหละ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2018 เมื่อ 15:19 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
ถาม : คาถาวิวะ อะวะฯ บทนี้ป้องกันภัยธรรมชาติ ไฟป่า น้ำป่า หรือสัตว์ร้ายใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ท่านให้เอาไว้สำหรับใช้ตอนธุดงค์ ถ้าใครไม่เคยเจอน้ำป่า ไม่รู้หรอกว่าน่ากลัวแค่ไหน อาตมาธุดงค์ไปเจอเข้าเต็ม ๆ น้ำมาเป็นภูเขาเลากา ต้นไม้ใหญ่น้อยโดนม้วนมาเกลี้ยงเลย เสียงคึก ๆ ๆ อย่างกับแผ่นดินไหวมาเลย ถาม : ตอนนั้นพระอาจารย์ภาวนาคาถาบทนี้หรือครับ ? ตอบ : จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าผมโชคดี เพราะว่าที่อาตมาพักอยู่ข้างน้ำก็จริง แต่เป็นลำห้วยแห้งและกว้างมาก กว้างเป็นแม่น้ำเลย เพราะฉะนั้น..ถึงน้ำป่าม้วนมาเป็นภูเขาแต่ตูมเดียวก็เลยไปเลย ถ้ามีประเภทแถมมานี่ยุ่งแน่ ตอนแรกเจอพายุลูกเห็บก่อน ฝนตกลงมาก่อนสักสิบกว่านาที แล้วอยู่ ๆ ก็แปลกใจว่า เอ๊ะ...เราตาลายหรือนี่ เห็นเม็ดฝนเด้ง ๆ เอามือไปรองแล้วไม่ใช่เม็ดฝน แต่เป็นน้ำแข็ง ตกมาแล้วเด้ง แรก ๆ ก็ประมาณนิ้วก้อย เดี๋ยวก็โตเท่านิ้วชี้ เดี๋ยวก็เท่าหัวแม่มือ คราวนี้ดังกราวสนั่นไปทั้งป่าเลย พอลูกเห็บลงได้พักหนึ่งก็หยุด แล้วฝนก็ต่อ พอฝนหยุด พวกอาตมาก็กำลังเก็บฟืนมาเพื่อที่จะก่อฟืนผิงให้ตัวแห้ง ปรากฏว่าเสียงคึก ๆ ๆ มาแต่ไกล หันไปดู...โอ้โฮ ภูเขาชัด ๆ..! คว้าย่ามได้ก็เผ่นดีกว่า ...(หัวเราะ)... ถาม : แล้วหนีอย่างไรครับตอนนั้น ? ตอบ : ตอนนั้นอยู่ที่ต่ำ จุดที่เราพักอยู่ข้างลำห้วย ก็ต้องวิ่งขึ้นเนิน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2018 เมื่อ 17:29 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
เมื่อตอนน้ำท่วมสังขละบุรีปีนี้ กระทิงตายไป ๔ ตัว โดนน้ำป่ากวาดไปจมน้ำตาย ตอนแรกพวกป่าไม้เขาคิดว่านายพรานล่า แต่ปรากฏว่าพอไปดูแล้วไม่มีบาดแผลอะไร มีแต่ร่องรอยบริเวณน้ำท่วมก็เลยมั่นใจว่าจมน้ำตาย
ถาม : คล้ายสึนามิไหมครับ ? ตอบ : แบบนั้นเลย เพียงแต่มาแค่ช่วงแคบ ๆ สึนามินั่นกวาดเต็มหน้าหาด สึนามิจริง ๆ ถ้าเฉพาะตัวน้ำนี่คนไม่ตายง่าย ๆ หรอก แต่คราวนี้คลื่นกวาดอย่างอื่นมาด้วย บ้านช่อง เรือนโรง ต้นไม้ กระทั่งรถราเอามาหมด กระแทกเข้าแล้วคนจะไปเหลืออะไร ถาม : ที่อินโดนีเซียเห็นว่าเสียชีวิตหลายพันคนเลยครับ ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ซึ่งไปปิดเครื่องเตือนภัยก่อน เพราะว่าผ่านไปเกือบ ๓๐ นาที เห็นว่าไม่มีอะไรก็ปิด ปรากฏว่าคลื่นมาช้า ดูจากในคลิปมีคนตะโกนเตือนจากชั้นบนที่เป็นลานจอดรถบนตึกสูง ๆ แต่ข้างล่างไม่สนใจเพราะว่าเขาไม่เห็น เพราะว่ามีแนวเหมือนบังกะโลบังอยู่ เขาตะโกนเท่าไรก็เฉย มีแต่จะเดินลงไปชายหาดเสียด้วยซ้ำ คนข้างบนเห็นว่ามาเป็นกำแพงแล้ว พอรู้ตัวก็หนีไม่ทัน ถาม : ประมาทปิดเครื่องเตือนภัย ? ตอบ : คงจะกลัวเปลืองไฟกระมัง ? เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วไม่เห็นจะมีอะไร แต่ที่หนักที่สุดก็ของบ้านเรานี่แหละ ตายทุกประเทศรวมกันเป็นแสนเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2018 เมื่อ 17:30 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
ถาม : การดื่มกาแฟเป็นการเร่งการเต้นของหัวใจ ทำให้เกิดผลไม่ดีต่อร่างกาย แล้วการวิ่งบนลู่วิ่ง ที่การเต้นของหัวใจขึ้นจาก ๘๐ เป็น ๑๖๐ ตรงนี้แตกต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : การวิ่งนั้นเป็นการที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่กาแฟนั้นขึ้นทันทีทันใด คือลักษณะค่อย ๆ อุ่นเครื่องเหมือนกับ warm ขึ้นไป ก็จะมี warm up และ warm down แต่กาแฟนี่คือพรวดเดียว ดีดไปอยู่กลางฟ้าเลย ถาม : การออกกำลังกายด้วยลู่วิ่งแล้วจับลมหายใจหรือภาวนาไปด้วย เรายังพอที่จะควบคุมลมหายใจได้ แต่ไม่สามารถควบคุมการเต้นของหัวใจใช่ไหมครับ ? ตอบ : ได้...ถ้าสมาธิทรงตัวทำได้ อาตมาปั่นจักรยานด้วยความเร็วสูงสุด หัวใจยังเต้นไม่เคยเกิน ๑๐๐ ครั้งต่อนาทีเลย ...(หัวเราะ)... ถาม : ต้องเข้าถึงฌานไหนครับ ? ตอบ : เอาแค่ไม่เกินปฐมฌาน ถ้าเกินแล้วจะเคลื่อนไหวยาก ถาม : การที่เราจับลมหายใจภาวนาไปด้วย แต่อัตราการเต้นของหัวใจเรายังคงเพิ่มสูงขึ้น แสดงว่ากำลังของเรายังไม่เข้าสู่ระดับปฐมฌาน ? ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นปฐมฌานขึ้นไป หัวใจจะเต้นช้าเหมือนกับนักกีฬาที่ฟิตซ้อมมาดี เมื่อฟิตซ้อมมาดี หัวใจก็จะเต้นช้าโดยอัตโนมัติ แต่นี่คือเต้นช้าเพราะสมาธิคุม ถาม : เราใช้ตัวนี้เป็นตัววัดกำลังฌานขณะเคลื่อนไหวได้ ? ตอบ : ได้...โดยเฉพาะพวกเครื่องที่ใช้มือจับแล้ววัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ อาตมาทำให้เขาดูมาแล้ว ถึงเวลาเครื่องร้องว่า ๐ มาเลย ทั้ง ๆ ที่เราวิ่งอยู่ปกตินั่นแหละ อยู่ที่เราว่าจะเข้าสมาธิระดับไหน เล่นเอาพวกนางมารร้ายเขาโวยกัน เขาบอกแล้วยังไปได้อย่างไร ก็ไปได้นะสิ ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2018 เมื่อ 17:32 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
ถาม : การกำหนดแบบมโนมยิทธิจะทำให้การเต้นของหัวใจเป็นเหมือนระดับปฐมฌานได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าใช้ลักษณะของมโนมยิทธิจะทำให้เต้นช้าลงได้ เพราะว่าสติสมาธิอยู่นอกตัวไปแล้ว ถาม : เวลาไปที่สูง ๆ แล้วมีอาการแพ้ความสูง เราสามารถใช้สมาธิเข้าช่วยได้ไหมครับ ? ตอบ : ถ้าลมหายใจละเอียดจะไม่เป็น เพราะว่าออกซิเจนเพียงพอ เพราะฉะนั้น..สมาธิยิ่งสูง ลมหายใจจะยิ่งละเอียด คราวที่แล้วไปทิเบตมา ไม่มีใครเป็นอะไรเลย เขาห้ามอะไรนี่เราทำหมด ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2018 เมื่อ 17:32 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
ถาม : พระอาจารย์ไปเมืองไหนที่ทิเบตครับ ที่ฮันซาหรือครับ ?
ตอบ : ลาซา ที่ฮันซาของปากีสถานก็ไปมา แต่อาตมาเรียกว่าหรรษา คนที่ฮันซาอายุเฉลี่ย ๑๒๐ ปี อายุเฉลี่ยนะ...แปลว่ามีเยอะกว่านั้นอีก อากาศเขาดีจริง ๆ เราหายใจนี่รู้สึกว่าลงไปถึงหัวแม่เท้าเลย ยังคิดว่าเดี๋ยวมีโอกาสจะไปอีก แต่งวดนี้ตั้งใจจะไปสักฤดูหนาว ไม่ได้ไปสัมผัสความหนาวหรอก เพราะตอนที่ไปฤดูร้อนก็จะติดลบแล้ว แต่ที่จะไปฤดูหนาวเพราะเขาบอกว่าพวกผลไม้จะออกตอนหน้านั้น ตอนที่ไปฤดูร้อนมีแต่พวกของแห้ง แล้วชาวบ้านแถวนั้นเป็นอิสลามหมด แต่ว่าเป็นอิสลามเผ่าสไมลี่ย์ เป็นเผ่าที่ไม่เคร่งครัดและเป็นมิตรกับพวกเรามาก ๆ เลย ถาม : อยู่ที่ไหนครับ ? ตอบ : ปากีสถาน อยู่ใกล้ ๆ จีนเลย ถาม : ใกล้กับหิมาลัย ? ตอบ : ไม่ใช่ใกล้...ข้ามหิมาลัยไป คือจากอิสลามาบัด ผมนั่งเครื่องบินข้ามเขาหิมาลัยไปลงที่เมืองกิลกิต จากเมืองกิลกิตก็นั่งรถไปที่ฮันซา ไม่ค่อยมีใครกล้าไปหรอก บ้านเมืองเขาดูอันตรายมากเพราะว่ามองไปทางไหนมีแต่อาวุธสงคราม ถึงเวลาเราไปไหนก็จะมีทหาร ตำรวจของเขาถืออาวุธสงครามขึ้นรถมานั่งคุมไป พอพ้นอำเภอเขาก็ลง แล้วอีกอำเภอก็มารับช่วงต่อไป ธนาคารหรือโรงแรมนี่ประเภทว่าการ์ดของเขาพกอาวุธสงครามทั้งนั้นนะครับ...ส่วนใหญ่เป็นอาก้า ประเทศเขาโคตรน่าอยู่เลย อาวุธสงครามวางขายข้างถนนเกลื่อนไปหมด..! อยากได้อะไรไปเลือกซื้อเอา ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2018 เมื่อ 17:34 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
ถาม : เมื่อก่อนนี้ปากีสถานเป็นที่พระพุทธเจ้าประสูติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่า “ตักศิลา” ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Taxila” อาตมาไปเพื่อดูพวกนี้แหละ จะมีเมืองโบราณจูเลียน ตักศิลา ประมาณ ๔-๕ แห่ง เป็นเขตพระพุทธศาสนาจริง ๆ ผมตั้งใจไปดูพวกนี้โดยเฉพาะเลย ถาม : ติดกับอัฟกานิสถานไหมครับ ? ตอบ : ติดกัน ข้ามสันเขาไปสันเดียวเท่านั้นเอง จะมีถนนอยู่ช่วงหนึ่งที่พวกอาตมาวิ่งรถอยู่ แล้วคนขับบอกว่า “ขอร้องนะครับ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม อย่าหยุดรถ” อย่าให้เขาหยุดรถ เขาบอกว่าพวกที่เดินเลี้ยงแพะเลี้ยงแกะนั่น ไม่รู้จะงัดอาวุธสงครามขึ้นมาตอนไหน คือหุบเขานั้นชื่อหุบเขาสวาท เป็นแหล่งกบดานของพวกก่อการร้ายโดยเฉพาะพวกตาลีบัน และอีกเมืองหนึ่งคือเมืองชีลาส ที่นั่นเขาขอร้องให้พวกผมอยู่แต่ในโรงแรม ห้ามออกข้างนอกเลย ผมเดินออกไปข้างนอกนี่การ์ดโรงแรม ๒ คน ไม่ใช่การ์ดทั่วไปนะ...เป็นทหารเลย เขาเดินตามมาเพื่อที่จะตามคุ้มกันว่าเราจะไปถึงไหน เมืองนี้ค่อนข้างจะเข้มงวด ไม่ชอบคนแปลกหน้าโดยเฉพาะคนละศาสนากัน แต่อาตมาก็ประเภทตีซี้เขาไปเรื่อยแหละ เขาบอกว่าห้ามถ่ายรูป ผมก็ไปขอเด็กถ่ายรูป ไปอะไรให้ยุ่งไปหมด ท้ายสุดแม้กระทั่งขอยืมปืนจากทหารเขามาดู ...(หัวเราะ)... แล้วตอนที่ผมไปเขาก็กำลังประท้วงกันอยู่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2018 เมื่อ 08:20 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
เหลือเชื่ออยู่อย่างหนึ่งก็คือ ประเทศปากีสถานทำอาหารอร่อยมากเลยนะ ไม่ว่าจะแพะ แกะ ไก่ ปลา เขาทำมาอร่อยไปหมด ไม่ใช่ไม่มันอย่างเดียว แต่ไม่เหม็นด้วย ไม่เหมือนอินเดียที่เขาประเดประดังเครื่องเทศลงไปเยอะจนเรากินไม่ได้ แต่ที่ปากีสถานเขาทำมาพอดีปากเราเลย พวกอาตมาไปนี่กินกันกระจาย
ตอนแรกเขาเอาขาแกะอบมาให้ขาเดียว ปรากฏว่า ๓ ขาก็ไม่มีเหลือ ...(หัวเราะ)... คงเป็นเพราะว่าเขากินอยู่ทุกวัน เขาเลยทำจนอร่อย พวกอาตมาไปมีอยู่อย่างเดียวที่ขอแล้วเขาไม่ให้กิน ก็คืออูฐ เขาบอกว่า “It tastes very terrible.” รสชาติโคตรแย่เลย..! ...(หัวเราะ)... เขาคงกลัวเสียชื่อเลยไม่ทำให้กิน เราไปก็กะว่าพื้นบ้านเขากินอะไร เราก็จะกินตามนั้นแหละ แต่พอพูดถึงเนื้ออูฐนี่เขาสั่นหัวเลย เขาบอกอย่าเลย...รสแย่มากเลยครับ ที่ตลกกว่านั้นก็คือออกจากโรงแรมเช้า ๆ อาตมาก็ไปเดินเล่นเพราะมาก่อนเวลาอาหาร ถ่ายรูปไปเรื่อย ไปเจอกัญชาเป็นดงเลย แล้วชาวบ้านเขาไม่รู้จัก ผมถ่ายรูปมาให้ไกด์ดู ไกด์ถามว่าอะไร ผมบอกเขาว่า Smoke grass เขาก็งง ๆ พอบอกมาลีฮวนน่า โอ้โฮ...ถามเลยว่าอยู่ไหน ? ...(หัวเราะ)... มาลีฮวนน่าเป็นภาษาสเปน เขาจะรู้จักเป็นสากลมากกว่า ของเราเรียก Smoke grass เขาไม่ค่อยรู้จัก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2018 เมื่อ 08:21 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
เป็นประเทศที่ตลกนะ พระก็ไม่รู้จัก กัญชาก็ไม่รู้จัก คือไกด์น่ะรู้จัก แต่คนแถวนั้นเขาไม่รู้...ขึ้นเป็นดงเลย เขาไม่รู้จักพระนะ อาตมาไปนี่เจ้าหน้าที่สนามบิน ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงมากเลย แต่งชุดเหมือนชุดปกติขาวของเรา เขาเดินมาถามว่าแต่งตัวแบบนี้นับถือศาสนาอะไร ? มาจากประเทศไหน ? นั่นขนาดสนามบินของเมืองหลวงที่เป็นประตูของเขาเลยนะ...ยังไม่รู้จักเลย ลักษณะเหมือนกับว่าเป็นประเทศอิสลามร้อยเปอร์เซ็นต์
เสร็จแล้วพอเข้าไปข้างใน เจ้าหน้าที่ก็ต้อนอาตมาไปทางห้องผู้หญิง เพื่อที่จะไปตรวจว่ามีอะไรพกมาหรือเปล่า อีกคนก็ดึงแขนเอาไว้ ลักษณะว่าอาตมาน่าจะเป็นผู้ชาย แล้วมาเถียงกันว่าใช่หรือเปล่า เพราะชุดที่ใส่เหมือนกับกระโปรงของผู้หญิง แล้วของเขาผู้ชายทุกคนไว้หนวดไว้เคราหมด ส่วนของอาตมาหน้าเรียบ ๆ ไป ก็เลยต้อนไปทางห้องผู้หญิงเพื่อที่จะตรวจ ...(หัวเราะ)... พอเขารู้ความจริงนี่หัวเราะกันแทบตาย เขาไม่รู้จริง ๆ แล้วพอห่มจีวรเข้าไปก็เหมือนผู้หญิงที่ใส่กระโปรงส่าหรีของเขา ไปที่โน่นก็ดีเหมือนกันนะ เข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทางกันหมดเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2018 เมื่อ 08:23 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
ถาม : เป็นประเทศมุสลิมร้อยเปอร์เซ็นต์ ?
ตอบ : ใช่...แต่ว่าเป็นประเทศที่น่าอยู่ คนเขาไม่ได้โหดร้ายเหมือนอย่างที่เราคิด เขาค่อนข้างจะเป็นมิตรมากทีเดียว เพียงแต่บรรยากาศถ้าเราไม่ชินก็จะน่ากลัว มองไปทางไหนมีแต่อาวุธสงคราม ถาม : คนที่นั่นเขาอายุยืน ? ตอบ : แต่พวกที่อยู่ในเมืองนี่ย่ำแย่กันหมดนะ พวกอาตมาไปบริจาคเงินช่วยมูลนิธิรักษาโรคไตของเขา หนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาฟอกไตกันเป็นว่าเล่นเลย เพราะว่าเขากินแต่เนื้อตลอด คราวนี้ร่างกายของเราต้องการเนื้อประมาณวันละไม่เกินขีดครึ่ง ที่เหลือต้องขับออก ก็เลยทำให้ไตทำงานหนัก ไตพังกันตั้งแต่หนุ่ม ๆ สาวๆ เลย ถาม : เขากินเนื้อเยอะหรือครับ ? ตอบ : แทบจะไม่มีผักเลย แพะ แกะ ไก่ ปลา อาหารก็มีแต่พวกแป้งนาน โรตี แค่นั้นเอง แต่คราวนี้หมู่บ้านฮันซาที่เราไป ชาวบ้านเขาปลูกผัก ผลไม้ แล้วเขาก็กินกันเป็นปกติ แทบจะมังสวิรัติเลย อายุเฉลี่ยเขาก็เลยเป็นร้อยปี แถวบ้านเขากินถั่ว ผลไม้แห้ง ต้องบอกว่าเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีสารพิษเลย พอไปดูอย่างนั้นแล้ว ไปคิดว่าที่ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงคนยุคนั้นว่าอายุ ๑๒๐ ปีเป็นปกติ ไม่ใช่ของแปลกเลยนะ เพราะว่าที่หมู่บ้านนี้ของเขาก็คือมาตรฐานนั้นเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2018 เมื่อ 08:24 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
ถาม : พระอานนท์อายุเท่าไรครับ ?
ตอบ : ๑๒๐ ปี ถาม : พระพุทธองค์ถ้าท่านจะอยู่ยาวก็ได้ใช่ไหมครับ ? ตอบ : ได้ แต่ว่าท่านก็ได้แค่ ๘๐ พรรษา ถาม : พระอานนท์ไม่ทูลขอหรือครับ ? ตอบ : ท่านนึกไม่ถึง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2018 เมื่อ 08:24 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
ถาม : คำว่ากัปหนึ่งหมายถึง ๑๐๐ ปี ?
ตอบ : ไม่ใช่ กัปตัวนี้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยบอกว่า ตั้งเลข ๑ ขึ้นมาแล้วต่อด้วยศูนย์ ๑๔๐ ตัว ที่เขาบอกว่าเอาผ้าอ่อนเหมือนสำลีไปลูบจนภูเขาสูง ๑๖ กิโลเมตร สึกเสมอพื้นนั่นแหละ แต่คราวนี้เขามักจะไปตีความว่า กัปคือระยะเวลาที่ยาวนานกว่าปกติ ไม่ใช่...ต้องเป็นของจริงเลย เพียงแต่ไม่มีใครเขาเชื่อว่าจะอยู่กันได้นานขนาดนั้น แบบเดียวกับหลวงปู่โลกอุดร ที่ไปถามท่านว่าอายุเท่าไร ท่านบอกว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองอายุเท่าไร รู้แต่ว่าตอนกำลังสร้างพระปรางค์สามยอด ข้าไปยืนดูเขาสร้างอยู่” แล้วพระปรางค์สามยอดนี่พันกว่าปีแล้วนะ..! ...(หัวเราะ)... ถาม : เป็นเรื่องอจิณไตย ? ตอบ : ถ้าคนไม่เชื่อก็ต้องไม่เชื่อต่อไป ถาม : พระอาจารย์ได้คลำหลวงปู่ ? ตอบ : ก็ด้วยความสงสัยแหละครับ คนเราอยู่ได้อย่างไรเป็นพันปี อยู่ได้จริง ๆ หรือ ? ท่านบอกถ้าสงสัยก็คลำดูได้ ผมเองยอมให้ใครท้าที่ไหน ก็คลำสิ มีโอกาสแล้วนี่ ...(หัวเราะ)... ถาม : ท่านใช้อิทธิฤทธิ์ให้พระอาจารย์จับดูหรือครับ ? ตอบ : ไม่ใช่ เป็นกายเนื้อมาเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2018 เมื่อ 08:26 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
ถาม : มีความรู้สึกเหมือนมีวิญญาณแฝงมาเกาะอยู่ ไม่ไปผุดไปเกิด ?
ตอบ : พกเบี้ยแก้อยู่ไปกลัวอะไรกับวิญญาณแฝง..! ไปหาหมอบอกว่าแก่แล้วฮอร์โมนพร่อง ให้เขาจัดฮอร์โมนเพิ่มให้หน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2018 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
ถาม : อย่างวัดจีนจะมีมังกรอยู่ข้างบน ถ้าเป็นวัดไทย มังกรจะเปรียบกับอะไร ?
ตอบ : ก็น่าจะเปรียบกับพญานาคหน้าโบสถ์ ถาม : พญานาคหน้าโบสถ์มีเพื่ออะไรคะ ? ตอบ : อันดับแรก เป็นศิลปกรรมทางพุทธศาสนา ต้องบอกว่าเพื่อความสวยงาม อันดับที่สอง เป็นลักษณะของการแสดงออกซึ่งอำนาจทางศาสนา ว่าแม้แต่สัตว์เดรัจฉานมีฤทธิ์อย่างพญานาค ยังอุตส่าห์มาเฝ้าโบสถ์ให้ ประการที่สามก็คือ ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสหรือผู้รักษาวัดนั้นมีความรู้ความสามารถจริง ๆ สามารถใช้งานได้จริงด้วย ในลักษณะที่ทำเป็นพยนต์ ก็คือเป็นสิ่งที่เมื่อถึงเวลาคับขันแล้วสามารถกลายเป็นตัวตนจริง ๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยรักษาสถานที่ได้ ถาม : พญานาคกับครุฑไม่เหมือนกันใช่ไหมคะ ? ตอบ : พญานาคอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่ง ครุฑอยู่บนฟ้าครึ่งหนึ่ง..! ...(หัวเราะ)... เดี๋ยวรอนาคี ๒ มาค่อยไปดูก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2018 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้ญาติโยมต้องระมัดระวังคนป่วยหรือคนแก่ให้ดี ๆ อากาศเปลี่ยนแรงมาก ตอนนี้ยอดดอยอินทนนท์เหลือแค่ ๓ องศาเซลเซียส
เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว คนแก่ร่างกายไม่ดี เลือดลมไม่ดี ปุบปับก็ไปเลย ช่วงเดือนที่ผ่านมา อาตมาไปเฉพาะงานศพคนที่ปฏิเสธไม่ได้นี่ ๗-๘ ศพด้วยกัน งานศพของพ่อผู้ประสานงานสภาวัฒนธรรมอำเภอ ที่อาตมาเป็นประธานสภาอยู่นี่ยังไม่ได้ไปเลย เพราะว่าอยู่ช่วงรับสังฆทานนี้พอดี เขาจะเผาพรุ่งนี้ แต่อาตมายังอยู่ที่นี่ ได้สั่งการให้รองประธานสภาเอาคณะกรรมการไปช่วยงานอยู่ ตายเป็นว่าเล่นเลย ช่วงรอยต่ออากาศระหว่างปลายฝนต้นหนาว ปลายหนาวต้นร้อน ปลายร้อนต้นฝน คนมักจะตายกันมาก โดยเฉพาะปลายฝนต้นหนาว เพราะว่าอากาศจะเปลี่ยนแรง เรื่องของสุขภาพร่างกายขึ้นอยู่กับบุญเก่ากรรมเก่าที่เราสร้างไว้ สร้างกรรมปาณาติบาตไว้มากก็ป่วยออด ๆ แอด ๆ ทั้งปี อาตมาเองนอกจากดูกรรมด้วยตัวเองแล้ว หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านยังเมตตาสงเคราะห์ให้ ท่านยืนยันว่าอาตมาเป็นทหารรบมาทุกชาติ ฆ่าเขามาทุกชาติ ก็ยังแปลกใจตัวเองอยู่ว่าทำไมชาตินี้อยู่ ๆ ก็ต้องไปเป็นทหาร ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความคิดอยากจะเป็นเลย สถานการณ์บังคับให้ไป แล้วก็ต้องไปเรียน พอเรียนแล้วด้วยความที่เรียนเก่ง เขาก็ส่งให้เรียนต่อไปเรื่อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2018 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
"ฉะนั้น..การที่อาตมาป่วยมา ๓๗ ปีนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ปี ๒๕๒๔ เป็นมาลาเรียครั้งแรกที่แถบตาพระยา พอมาปี ๒๕๓๒ ธุดงค์มาทางฝั่งทองผาภูมิโดนซ้ำเข้าไปอีก เชื้อดื้อยาฝั่งเขมรกับฝั่งพม่าจับมือกัน ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ยังไม่มีใครรักษาได้ ทรมานมาตลอด ๓๗ ปี เวลากำเริบขึ้นมาเหมือนกระดูกจะแตกเป็นชิ้น ๆ กระดูกมีกี่ท่อนรู้หมดว่าอยู่ตรงไหนบ้าง ถึงได้เข้าใจว่าที่เขาตายกัน ส่วนใหญ่ตายเพราะทนการอักเสบไม่ไหว
มาลาเรียเป็นโรคที่มีเพื่อนมาก กำเริบขึ้นมานี่เราเคยเป็นโรคเก่าอะไร จะโดนพามาหมดเลย เคยแตก หัก อักเสบ ผ่าตัดตรงไหนไว้ก็ระบมขึ้นมาหมด โดยเฉพาะถ้าหากว่าเป็นพวกโรคกระเพาะ โรคลำไส้นี่ ข้างในไส้มีกี่ขดก็รู้หมด แต่ทำอย่างไรก็ไม่ตาย เพราะว่าเขาเก็บเอาไว้ใช้หนี้ ติดหนี้เขาไว้เยอะ ทำเขาเอาไว้มาก เวลากำเริบมาก ๆ นี่ เอามือแตะหัวไม่ได้ เส้นผมทุกเส้นเหมือนกับกลายเป็นเข็มแทงหัวอยู่ เพราะว่าปลายประสาทอักเสบหมด ก็เลยทำให้มั่นใจที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า คนเราถ้าไม่หมดอายุ ไม่หมดอาหาร ไม่หมดบุญ ไม่หมดกรรม ไม่ตายหรอก อาตมานี่ประเภทอยู่ได้ด้วยกรรม สร้างเวรสร้างกรรมไว้เยอะ ถึงเวลากรรมรักษาเก็บไว้ทรมานเล่น พวกบุญรักษาถึงเวลาก็อยู่เสวยสุขไป หมดบุญเมื่อไรแล้วค่อยไป เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าพวกที่สร้างบุญสร้างกรรมเอาไว้พอประมาณ เมื่อถึงอายุขัยแล้วถึงตาย อีกประเภทหนึ่งไม่หมดอายุแต่หมดอาหาร ตายเหมือนกัน สิ่งที่พระองค์บอกเอาไว้เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่าพิสูจน์ได้ เพียงแต่ว่าเราต้องเจอด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็จะไม่เข้าใจว่าพระองค์ตรัสอะไร”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2018 เมื่อ 02:39 |
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|