|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
กรรมเนื่องกันมาของพระมหากัสสปและพระศรีอาริยเมตตรัย
ถาม : (ไม่มีเสียง)
ตอบ : เรื่องของพระมหากัสสปนี่ หลวงพ่อเล่าให้ฟังครั้งหนึ่งว่า ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ภูเขาสองลูกที่ปิดหน้าถ้ำที่เก็บศพท่านอยู่ เลื่อนออกมาเป็นช่องให้เข้าไปได้ แล้วนายช่างสำรวจทางจะทำ ทางรถไฟสายเหนือที่เป็นฝรั่ง เข้าไปพบเข้า อาจเป็นความต้องการของท่านด้วย เพราะฝรั่งเขามีกล้องถ่ายรูป ถาม : ทุกวันนี้พบแล้วหรือยังครับ... ? ตอบ : พบตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ แล้ว ก็มีคนไปถ่ายรูปชุดนั้นออกมา พอหลวงพ่อได้ข่าวนี้ก็ขอรูปมา หลวงพ่อท่านบอกว่าอัศจรรย์มาก ดอกไม้ธูปเทียนที่จุดบูชาอยู่ตั้งแต่สมัยที่ท่านมรณภาพ จนป่านนี้ก็ยังสดอยู่ปกติ ก็เอาไปถวายหลวงปู่ปาน หลวงปู่ปานบอกว่า ไม่แปลก เพราะว่าเรื่องของอภิญญา อธิษฐานอะไรก็ได้ ท่านบอกพอพ้นจากนั้นมาแล้ว ภูเขาสองลูกก็เลื่อนเข้ามาตามเดิม ปิดอยู่ตามเดิม แล้วถามว่าเมื่อไรสังขารถึงจะมาปรากฏอีกทีหนึ่ง ท่านบอกว่ารอพระศรีอาริยเมตตรัยอยู่ เพราะท่านมีกรรมเนื่องกันมา ท่านมีกรรมเนื่องกันมาว่า มีอยู่สมัยหนึ่ง พระศรีอาริยเมตตรัย ท่านเป็นควาญช้าง ส่วนพระมหากัสสป ท่านเป็นช้าง ท่านเป็นช้างที่ได้รับการฝึกดี เป็นพาหนะของพระราชา วันนั้นพระราชาเสด็จประพาสอุทยาน สมัยก่อนอุทยานก็คือป่าดี ๆ นี่เอง แต่เป็นป่าเฉพาะที่พระราชาท่านกันเอาไว้ ช้างป่าเข้ามา ช้างทรงพอได้กลิ่นตัวเมีย ก็เตลิดตามเลย ควาญช้างสับท่าไหนก็ไม่ยอมหยุด พระราชาท่านเห็นว่าจะเกิดอันตรายขึ้น ท่านฉลาดนี่ ท่านมองซ้าย มองขวา เห็นช้างวิ่งจะลอดใต้กิ่งไม้ก็โอบกิ่งไม้เอาไว้ ปล่อยให้ช้างวิ่งไป ช้างก็เตลิดหายไปเลย กลับมาก็กริ้วมาก หาว่าควาญช้างฝึกมาอย่างไร จะลอบปลงพระชนม์กันหรือไร ? ทำให้ช้างอาละวาดได้ขนาดนั้น ควาญช้างก็ยืนยันว่า ถ้าหากว่าตามปกติทั่ว ๆ ไปแล้ว จะไม่มีอะไรที่ทำให้ช้างเชือกนี้ตื่นตกใจหรือว่าวิ่งตามไปได้ ยกเว้นอย่างเดียวก็คือตัวเมีย ไม่อย่างนั้นแล้วมนต์ของท่านรับประกันว่าบังคับช้างได้ทุกรูปแบบ พระราชาท่านก็บอกว่าถ้าบังคับได้ทุกรูปแบบต้องแสดงให้ดู ถ้าทำได้จริง ๆ จะเชื่อ แต่ถ้าทำไม่ได้จริงอย่างปากพูดจะประหารเสีย ควาญก็ต้องไปตามช้างกลับมา พอไปตามช้างกลับมาก็จัดแสดงหน้าพระที่นั่ง ก่อกองไฟขึ้น เอาท่อนเหล็กไปเผาจนแดงโชนเลย แล้วก็ร่ายมนต์บังคับให้ช้างเอางวงจับท่อนเหล็กนั้นขึ้นมาให้ดู พระราชาท่านก็สลดใจว่า เออหนอ..ไฟราคะนี่รุนแรงขนาดนี้ รุนแรงขนาดทำให้ช้างซึ่งยอมตายถวายชีวิตเพื่อควาญของตัวเอง โดยการเอางวงจับเหล็กแดง ๆ ได้ ถึงกับลืมคำสั่งควาญ เตลิดตามตัวเมียไป คราวนี้ไม่ใช่พระราชาท่านสลดใจเฉย ๆ ช้างตายด้วย บาดเจ็บสาหัสก็ตาย เลยกลายเป็นเวรกรรมผูกพันกันมาว่า ควาญช้างที่เป็นพระศรีอาริยเมตตรัยต้องมาเอาช้าง คือ พระมหากัสสป เผาในมือท่านด้วยเตโชธาตุ ถึงจะสิ้นเวรสิ้นกรรมกันไป ถึงได้ว่าร่างของท่านต้องอยู่กระทั่งสมัยพระศรีอาริยเมตตรัย จนได้รับการพระราชทานเพลิง มีกรรมเนื่องกันมานิดเดียว ถามหลวงพ่อว่า แล้วพระศรีอาริยเมตตรัยจะร้อนไหมครับ ? ท่านบอกว่า เรื่องของเตโชธาตุบังคับได้อยู่แล้ว จะไปร้อนอะไรเล่า เพียงแต่ว่ากรรมมันเนื่องกันมาต้องไปใช้หนี้เก่า ต้องเผาด้วยมือตัวเอง คราวนี้เรามานึกดูว่า พระมหากัสสปท่านอยู่ในสมัยที่มนุษย์สูงแค่ ๘ ศอก คือ พระพุทธเจ้าสูง ๘ ศอก ใช่ไหม ? พระพุทธเจ้าประทานสังฆาฏิให้กับพระมหากัสสปได้ แสดงว่ารูปร่างท่านต้องสูงใกล้เคียงกัน ตีว่าพระมหากัสสปสูง ๘ ศอกเหมือนกัน แต่พระศรีอริยเมตตรัยจะมาตรัสรู้นี่พระวรกายสูง ๘๘ ศอก เท่ากับว่าเอาอะไรเล็ก ๆ เผาในมือตัวเอง ถาม : ๘๘ ศอก ? ตอบ : ๘๘ ศอก นี่ไปอ่านในอนาคตวงศ์ ถาม : ที่บอกว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์ พระมหากัสสปท่านก็ไม่ไหม้ ? ตอบ : ก็จะไปไหม้อะไรเล่า ไหม้ก็แต่ของที่อยู่บนผิวโลก นี่อยู่ในถ้ำใต้โลกเลย ภูเขาปิดอยู่ ก็เหมือนอยู่ใต้โลก ถึงเวลาก็เลื่อนเปิดออกมา สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2013 เมื่อ 10:30 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
Tags |
บุพกรรม, พระมหากัสสป, พระศรีอาริยเมตไตรย |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|