|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทางคณะกรรมการที่ดูแลบ้านเติมบุญอยู่ อาจจะมีการออกกฎหรือระเบียบการปฏิบัติอะไรบางอย่างออกมา เพื่อความสงบเรียบร้อยของที่นี่ ความจริงไม่จำเป็นต้องมีกฎก็ได้ เพราะว่าโดยสามัญสำนึกแล้ว แต่ละคนที่มาต้องการในส่วนของบุญกุศล อาจจะมีอะไรที่ชี้แจงเป็นคราว ๆ ไปเท่านั้น
มีส่วนหนึ่งที่อาตมามองเห็นแล้วไม่อยากให้เป็นกฎ แต่อยากไปกระทืบ...! ก็คือพวกที่ไปนอนอืดอยู่ชั้นล่างเหมือนกับผีตายลอยน้ำ โดยเฉพาะทิดเต้ย จะทำตัวอะไรก็ให้รู้จักเกรงใจสถานที่บ้าง คนเข้ามาทำบุญ เขามาถึงเห็นอย่างนั้นก็ถอยหลังแล้ว นึกว่าผีตายขึ้นอืดมาหลายวัน จะไปแจ้งตำรวจมาดู คนใหม่เดินเข้ามาถึงเห็นลูกศิษย์เป็นอย่างนี้ ครูบาอาจารย์ต้องใช้ไม่ได้แน่เลย ดีไม่ดีก็หันหลังกลับ แต่ไอ้ตัวเองก็โง่เขลาเบาปัญญาจนกระทั่งไม่รู้ว่า การกระทำของตนเองทำให้คนอื่นเขาเสียหายหรือเดือดร้อนอย่างไร ก็ยังคงทำตามใจตัวเอง อาตมายืนยันว่าไม่ต้องตั้งกฎหรอก แต่ถ้าเห็นแล้วช่วยกระทืบให้ที..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 03:32 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องใหญ่ในวงการสงฆ์ปัจจุบันนี้คือวัดพระธรรมกาย อย่าทำตัวเป็นกองเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะว่าถ้าทำตัวเป็นกองเชียร์เมื่อไร เราจะสร้างกรรมโดยไม่รู้ตัว
ถ้าใครลองไปอ่านเรื่อง "อัศจรรย์โลกใบนี้" ในเว็บวัดท่าขนุน จะมีเปรตอยู่ตนหนึ่ง ด่าบุคคลที่ต้องอาบัติปาราชิก แล้วตัวเองไปเกิดเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ยากหิวโหยอยู่เป็น ๑,๐๐๐ ปี อย่าลืมว่าแม้บุคคลนั้นจะต้องอาบัติปาราชิก แต่จากการที่เราด่า เราไม่ได้ด่าตัวบุคคล เราใช้คำว่า พระ ซึ่งคำว่า พระ แปลว่า ผู้ประเสริฐ โดยเฉพาะสมัยนี้เห็นในโซเชียลมีเดียมีการคอมเมนต์ต่าง ๆ ใช้คำพูดรุนแรงมาก ด่ากันหยาบ ๆ คาย ๆ โดยใช้คำว่าพระ แต่ละคนตายเมื่อไรจะรู้ว่าตนเองจะได้รับโทษอะไรบ้าง..! เรื่องของเรื่องจะจบง่าย ถ้าฝ่ายท่านเจ้าคุณธัมมชโยมอบตัว แต่ท่านคงกลัวว่าเรื่องจะจบ ก็เลยไม่ยอมมอบตัวสักที"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 15:33 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
"เหตุการณ์จากการที่พระรูปหนึ่งทำความผิด ได้รับการวินิจฉัยจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆมหาปริณายก อดีตสมเด็จพระสังฆราชว่าต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ขาดความเป็นพระ แต่ไม่มีใครกล้าดำเนินการให้เด็ดขาดลงไป ก็เลยกลายเป็นฝังรากลึกมาหลายปี สร้างความเสียหายบอบช้ำให้กับพระศาสนามาก เพราะว่าบุคคลที่เกิดศรัทธาอยู่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
บุคคลที่ศรัทธาส่วนใหญ่เป็นอธิโมกขสัทธา คือศรัทธาโดยขาดปัญญาประกอบ มองไม่เห็นว่าท่านสอนผิดไปจากพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดนเปลือกนอกที่ท่านจัดเอาไว้อย่างสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย บดบังสายตาไป โดนเปลือกนอกที่ท่านจัดงานใหญ่ ๆ ดึงคนเป็นแสนเป็นล้านมาทำบุญที่วัดบดบังสายตาไป ในเมื่อบุคคลเกิดศรัทธาเลื่อมใสขึ้นมา เวลาคนอื่นพูด ก็ไม่มีสติยั้งคิด คิดอยู่อย่างเดียวว่าไปใส่ร้ายใส่ความหลวงพ่อของตนเอง โดยที่ลืมคิดไปว่า ถ้าหลวงพ่อของตนเองบริสุทธิ์จริงอย่างที่ย้ำกันอยู่ทุกวัน ทำไมถึงไม่มอบตัวสู้คดี ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 15:34 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"เราจะไปอ้างว่ารัฐบาลปัจจุบันนี้มาโดยไม่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้เกิดก่อนจะมีรัฐบาลนี้ตั้งนาน ถ้าหากว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดพลาดจริง ๆ ทำไมถึงไม่มอบตัวให้หมดสิ้นเรื่องราวไป ? กลายเป็นไปดึงยื้อเอาไว้ ใช้กำลังคนในการปกป้องตนเอง ซึ่งถ้ามั่นใจว่าไม่มีความผิด ทำไมต้องให้คนมาปกป้อง ?
ส่วนในการจัดการของรัฐบาลที่บอกว่าใช้มาตรา ๔๔ ของเผด็จการ อย่าลืมว่าสิ่งที่ดำเนินการไปนั้นถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่แรก ก็คือมีหมายค้น มีคำสั่งศาล ต่อให้เราไม่เคยทำผิดอะไรเลย ถ้าอยู่ในบ้านเติมบุญหลังนี้ มีตำรวจมาพร้อมกับหมายค้นที่ถูกต้อง อาตมาเองอย่างเก่งก็ขอตรวจสอบดูบัตรประจำตัวว่าเป็นตำรวจจริงหรือเปล่า ถ้าเราไม่ทำผิดอะไร ก็มีอย่างเดียวคือต้องให้เขาตรวจค้น โดยที่เราเองก็คงจะต้องกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งเท่านั้น พวกเราทั้งหมดถ้าหากว่ามีสติ เรื่องจะไม่ใหญ่โตไปขนาดนี้ ทุกวันนี้เขาพยายามจะทำเรื่องให้ใหญ่ เพื่อที่จะปกปิดความผิดพลาดของบุคคล เราจะสังเกตว่ามีการฟ้องชาวโลก เพื่อที่จะกดดันรัฐบาลไทย ถามว่าฟ้องอย่างไร ? ก็ป้ายแต่ละป้ายที่เขียน ภาษาไทยก็มีทำไมต้องใช้ภาษาต่างประเทศ ? เจตนาเห็นอย่างชัดเจน แล้วไปเที่ยวโทษรัฐบาลว่าต้องใช้อำนาจของมาตรา ๔๔ ขนาดใช้มาตรา ๔๔ เขายังไม่ยอมรับกันเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 15:36 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
"พระพุทธเจ้าตรัสว่า อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุํ แปลว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจำเป็นต้องคล้อยตามพระราชาทั้งหลาย คำว่าพระราชาของสมัยก่อนก็คือกฎหมาย เพราะว่าสิ่งที่รับสั่งทุกอย่างเท่ากับเป็นกฎหมาย ในเมื่อปัจจุบันนี้กฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรแบบนี้ ก็คือให้เราทำตามกฎหมายบ้านเมือง
ในส่วนของการคล้อยตามกฎหมายบ้านเมือง อะไรก็ตามที่ว่าไปตามกฎหมาย โอกาสที่จะกลายเป็นที่โจมตีของคนอื่นก็ไม่มี ส่วนขณะเดียวกันบุคคลที่เข้าไปจัดการในเรื่องนี้ ควรที่จะเป็นบุคคลที่รู้เรื่องของพระภิกษุสามเณรเป็นอย่างดี ในการที่เรารู้เรื่องพระภิกษุสามเณรเป็นอย่างดี ย่อมสามารถหักล้างในสิ่งที่เขากล่าวหากันอยู่ทุกวันได้ ปัจจุบันนี้บุคคลที่อาตมาสงสารที่สุด มี ๒ คน คนแรก คือ พระสนิทวงศ์ที่ออกมาให้ข่าวอยู่ทุกวัน อาตมาเป็นห่วงว่าท่านได้หลับได้นอนบ้างไหม ? ถ้าอยู่ ๆ ล้มตึงลงไปก็จะกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาอีก บุคคลที่ ๒ ก็คือท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านจะจัดการเด็ดขาดแบบทหารก็ไม่ได้ เพราะว่านั่นคือพระ อย่าลืมว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระธรรมวินัยหรือศีลต่าง ๆ ขึ้นมา ข้อหนึ่งท่านว่า ทุมมังกูนัง ปุคคะลานัง นิคคะหายะ เปสะลานัง ภิกขูนัง ผาสุวิหารายะ แปลว่า เพื่อกดข่มผู้เก้อยาก คือไอ้พวกหน้าด้าน ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 15:38 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
"ประการที่ ๒ ก็คือ เพื่อความผาสุกของภิกษุที่มีศีลอันเป็นที่รัก ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลคนเดียวทำให้เดือดร้อนกันไปทั้งประเทศได้ ในส่วนนี้ทางรัฐบาลขาดทีมงานอยู่ทีมหนึ่ง ก็คือทีมงานที่รู้กฎหมายและเรื่องราวตั้งแต่ต้นโดยละเอียด รู้เรื่องของศีลของพระโดยละเอียด แล้วทำการชี้แจงว่าทางวัดธรรมกายทำอะไรผิดบ้าง เขาออกข่าวรายวันได้ เราก็ต้องทนออกข่าวรายวันให้ชาวบ้านได้รับรู้ เพราะว่าปัจจุบันนี้ใครคุมสื่อไว้ได้คือถืออำนาจไว้ในมือ
รัฐบาลจะคิดว่าไปปิดทีวีธรรมกายแล้ว ตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้ว ไม่แน่นัก เพราะว่าสมัยนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลมาก หากว่าปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งช่วงชิงสนามข่าวอยู่ตลอดเวลา แล้วในส่วนของสื่อมวลชนที่ปราศจากจรรยาบรรณ มีแต่จะโหมกระพือเพื่อขายข่าว ก็จะทำให้รัฐบาลทำงานยากขึ้น ถ้าถามอาตมาว่าเห็นด้วยไหมในการจัดการกับเจ้าคุณธัมมชโยอยู่ที่ผิดพระธรรมวินัย ดัดแปลงคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาตมาเห็นด้วย แต่วิธีการที่จัดการยังไม่ถูกต้อง ควรที่จะมีการปรับปรุงเสียใหม่ โดยเฉพาะว่าหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชยังอยู่ ถ้าเป็นอาตมาจะนิมนต์หลวงพ่อนั่งลีมูซีนเข้าไปหาเลย บอกให้ลูกศิษย์ออกมามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์เสีย ถ้าหากว่าระดับพระอุปัชฌาย์อาจารย์เข้าไปอย่างนั้นแล้วยังไม่ยอมมอบตัว ก็แปลว่ามีความผิดติดตัวอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่ยอมมอบตัว จะมาอ้างว่ารัฐบาลนี้เผด็จการ ถึงเวลารับคดีไปคนโน้นตับแตกตาย คนนี้ถึงขนาดติดคุกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด นั่นเป็นการกล่าวหากันเกินไป เรื่องใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจแบบนี้ สะกิดสะเกาแม้แผลถลอกแค่รอยแมวข่วนก็เดือดร้อนกันหมดแล้ว ใครจะไปโง่ทำให้เรื่องแบบนั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 15:40 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
"เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ถ้าเป็นไปได้ วิธีการจัดการเพื่อให้เรื่องสงบลงไปมีมาก เพียงแต่ว่าทำกันแบบขาด ๆ เกิน ๆ กลายเป็นช่วยกันโหมไฟใส่ประเทศชาติ ส่วนที่เสียหายที่สุดก็คือบ้านเมืองของเรา เพราะว่าตอนนี้แบ่งแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย ท่านที่ให้ความศรัทธาก็ไม่ฟังเสียงคนอื่น เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อ ส่วนหลวงพ่อผู้มั่นใจในความบริสุทธิ์กลับไม่ยอมมอบตัว เพราะกลัวว่าจะไม่บริสุทธิ์ เรื่องก็เลยไปกันใหญ่
แต่ว่าโทษใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ก็คือ ถ้าเราไปเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กาย วาจา ใจ ของเรานั่นแหละที่จะเป็นทุกข์เป็นโทษ เพราะฉะนั้น...ควรที่จะอยู่ในความสงบ แล้วก็คอยดูว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดโทษแก่ตนเอง อย่างต่ำ ๆ ก็ไปเป็นเปรต อย่างเรื่องที่อยู่ในเว็บวัดท่าขนุน ลองไปค้นอ่านกันเอาเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 15:41 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
"หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยกล่าวเตือนไว้นานแล้วว่า ถ้าพูดถึงตัวบุคคลที่เป็นนักบวชอย่าใช้คำว่าพระ เพราะคำว่าพระเหมารวมตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา กลายเป็นจะสร้างโทษใหญ่ให้เกิดแก่ตัวเองโดยไม่รู้ตัว
อาตมาเห็นแต่ละคนแล้ว ในปัจจุบันนี้เหมือนกับว่าถ้าสามารถแสดงความเห็นในลักษณะด่าพระได้แล้ว รู้สึกว่าโก้หรือว่าเท่มาก อยากจะบอกว่าอาตมารู้สึกหวาดกลัวแทนพวกเขา แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร ถ้าหากว่าตายลงไปวันไหน มาขอร้องให้อาตมาไปช่วยก็คงไม่ทันแล้ว โซเชียลมีเดียมีดีตรงที่ว่าข่าวคราวทุกอย่างไปได้เร็ว แต่พอไปเร็ว การแสดงความเห็นนั่นแหละ ที่ไปกระพือเรื่องราวให้ร้ายแรงแล้วก็รุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ควรที่จะได้สติหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำการทำงาน ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เรื่องจะจบอย่างไรเรามีโอกาสได้ดูได้เห็นแน่ ๆ อย่าไปใส่อารมณ์ตาม แล้วทำให้ใจของเราเศร้าหมอง นักปฏิบัติธรรมที่ดี ถ้าสภาพจิตใจของตนเองเศร้าหมองจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะว่าทำให้ผลการปฏิบัติของเราถอยหลังไปอีกนาน กว่าจะขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใสคืนมาได้ก็เสียเวลามาก ถ้าตายลงไปตอนนั้นก็ขาดทุนอีก เพราะจิตใจที่เศร้าหมองย่อมพาลงสู่อบายภูมิ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 18:47 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
"ทำใจไว้ว่าถึงจะเชียร์ฝ่ายไหนเราก็ต้องกิน ในเมื่อเราต้องกินก็ต้องทำมาหากิน ทำมาหากินแล้วไม่ดี ก็แปลว่าเราทุ่มเทความพยายามไม่พอ หน้าที่การงานถึงไม่ก้าวหน้า กิจการถึงไม่ก้าวหน้า
ให้ทุ่มเทใช้ความพยายามทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจของเราไปลงทำงานตรงหน้า ถ้าว่างเว้นจากกิจการงานของเราเมื่อไร ก็หันมาอยู่กับการภาวนาของเรา อยู่กับศีล สมาธิ ปัญญาของเรา ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะก้าวหน้าทั้งทางโลกทางธรรมก็จะมีได้ ถ้ามัวแต่ไปเชียร์เขาอยู่ก็ลำบาก สภาพจิตเศร้าหมองโกรธแค้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขึ้นมา ก็จะกลายเป็นเกิดโทษแก่ตัวของเราเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2017 เมื่อ 15:43 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนลืมง่ายมี ๒ ประเภท อย่างแรกคือไม่ทุกข์ ประเภทที่สองคือ ลืมง่ายแต่ดันลืมทุกเรื่องยกเว้นเรื่องทุกข์ ก็เลยกลายเป็นแบกความทุกข์อยู่ตลอดไม่ยอมลืม
ต้องลืมง่ายให้ทุกเรื่อง อย่าจดจำในส่วนความเลว แต่ให้จดจำในส่วนที่เป็นความดี ตั้งหน้าตั้งตาสร้างความดีใน ทาน ศีล ภาวนา ของเราไป ผิดพลาดเมื่อไรก็แก้ไขพัฒนา กาย วาจา ใจ ของตัวเองไปเรื่อย ๆ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติมีมากขึ้นไปเรื่อย โอกาสที่จะล่วงพ้นจากกองกิเลสก็มี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 01:53 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
ถาม : เส้นแบ่งระหว่างดันทุรังกับความพยายาม ?
ตอบ : ความพยายาม ก็คือ ถ้าหากว่ายังไม่สำเร็จเราก็ทำไปเรื่อย ๆ ส่วนดันทุรังนี่เกิดจากอารมณ์แค่ชั่ววูบ ห้ามใช่ไหม...? กูจะทำ วายเมเถว ปุริโส เกิดเป็นคนพึงพยายามร่ำไป นี่เป็นพระพุทธดำรัสเลยนะ ไม่สำเร็จไม่เลิก ดูอย่างเอดิสันสิ...ทดลองมา ๒๐๐ กว่าวิธีแล้วไม่สำเร็จ ถ้าเขาเลิกเราก็ไม่มีหลอดไฟใช้มาจนทุกวันนี้ แต่ว่าท่านก็ทำจนสำเร็จ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีที่แล้วเตือนญาติโยมว่าปีนี้ให้ระวังภัยแล้ง ยังไม่ทันจะเข้าหน้าแล้งจริง ๆ เลย แล้งจนขนาดนี้แล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ หล่อหลวงพ่อพุทธสิหิงค์เนื้อเงินไปแล้ว ปรากฏว่ามีเหตุซึ่งไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเหตุอัศจรรย์ดีหรือไม่ ? เพราะว่าช่างหล่อคำนวณเนื้อเงินที่ใช้ในงานว่าประมาณ ๑๔๐ กิโลกรัม จากตอนแรกว่าเฉพาะพระองค์ ๑๒๐ กิโลกรัม แล้วอีก ๒๐ กิโลกรัมขอให้เป็นชนวน อาตมาก็เลยแถมให้อีก ๑๐ กิโลกรัม ก็แปลว่ารวมแล้วทั้งสิ้นใช้เม็ดเงินไป ๑๕๐ กิโลกรัม
แต่พอหล่อเสร็จแล้วเหลือน้ำเงินอยู่เยอะมาก เทออกมาเป็นแท่งแล้วชั่งได้ ๕๐ กิโลกรัมกับอีก ๒ ขีด เกินมาจากไหนก็ไม่รู้ ? เพราะด้วยความชำนาญของช่างที่กะจากขนาดหน้าตักพระ ออกมาเป็นน้ำหนักทองเหลือง แล้วคิดคำนวณออกมาเป็นน้ำหนักเงิน โอกาสพลาดมีนิดเดียว แต่คราวนี้ของเราแค่น้ำเงินที่เหลือก็ ๕๐ กว่ากิโลกรัมแล้ว ยังไม่ได้นับชนวนเลย ไม่ทราบเหมือนกันว่างอกมาจากไหนมากมายมหาศาลขนาดนั้น ? ถ้าหากเราคิดว่า ๑๒๐ กิโลกรัมตามที่เขาต้องการ ส่วนที่คืนมาก็ต้องไม่เกิน ๓๐ กิโลกรัม แล้วส่วนที่คืนมาต้องรวมชนวนด้วย แต่ปรากฏว่านี่ยังไม่ทันจะรวมชนวน เป็นแค่ส่วนที่เหลือติดก้นเบ้าก็ ๕๑ กิโลกรัม ๒ ขีดไปแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 01:56 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
"อาตมาก็ยังสงสัยเหมือนกันว่าถ้าชั่งองค์พระได้ ๑๒๐ กิโลกรัม แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ? หวังว่าตอนหล่อองค์ทองคำคงจะเป็นอย่างนี้บ้าง จะได้เหลือทองคำเยอะ ๆ หน่อย ทางช่างขอเวลาตกแต่งองค์หลวงพ่อเงิน ๑ เดือน ก็แปลว่าหลวงพ่อสามกษัตริย์ทองคำ นาก เงินของเรา สำเร็จไปแล้ว ๑ องค์
ตอนนี้คณะช่างที่ทำฝ้าเพดานกับพวกลวดลายประดับเสาและคาน กำลังติดตั้งลายกันอยู่ เขาบอกว่าลวดลายพวกนี้น่าจะเสร็จทันงานเป่ายันต์เกราะเพชร วันที่ ๑ เมษายนนี้ ก็คาดว่าหลวงพ่อเงินน่าจะนิมนต์ขึ้นมณฑปได้ภายในก่อนงานเป่ายันต์ฯ เหมือนกัน พอนิมนต์ขึ้นไปแล้วอาตมาก็ปล่อยทิ้งไว้เลย ถ้าใครแน่จริงให้มายกไปเถอะ ของน้ำหนักเป็นร้อยกิโลกรัมแถมยังอยู่บนมณฑปด้วย มีอย่างเดียวก็คือต้องประเภทที่เอารถเครนมายก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้ามืดมีมอเตอร์ไซค์แว้นผ่านหน้าบ้าน ๒ ชุดใหญ่ ๆ ได้ยินแล้วสงสารพ่อแม่เด็กจัง มีใครได้ข่าวลูกเทพบ้าง ที่ทุบรถไป ๑๓ คัน เพราะขอเงินซื้อบิ๊กไบค์แล้วแม่ไม่ให้
พวกบรรดาปัญหาสังคมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเด็กแว้นหรือว่ายาเสพติดก็ตาม เกิดจากพ่อแม่เลี้ยงลูกผิดวิธี เลี้ยงจนกลายเป็นลูกเทวดา...ตีไม่ได้ การที่เราจะเลี้ยงลูกแบบเพื่อน หรือเลี้ยงลูกด้วยความรักความเข้าใจ พื้นฐานของเด็กต้องมีด้วย ถ้าพื้นฐานของเด็กไม่มีไปเลี้ยงแบบนั้นก็ "เสียหมา" หมด โบราณถึงได้บอกว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ถ้าไม่ผูกวัวอาจจะโดนขโมยหรือเดินหนีหายไปเอง ส่วนลูก ๆ ถ้าไม่ค่อยเจอไม้ก็ไม่เกรงใจพ่อแม่ ว่ายากสอนยาก กลายเป็นทำผิดทำพลาด สร้างความเสื่อมเสียให้แก่วงศ์ตระกูล ท้ายที่สุดก็เสื่อมเสียถึงประเทศชาติไปหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 17:03 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
"มีผู้คาดการณ์ไว้ว่า ถ้าเด็กไทยเรายังติดโทรศัพท์มือถือไม่เลิก อีก ๒๐ ปีข้างหน้าจะต้องเป็นคนงานมีเจ้านายเป็นมอญ เป็นพม่า เป็นเขมร ถามว่าทำไม ? เพราะว่าเด็กมัวแต่เล่นโทรศัพท์อยู่ ไม่สนใจการเรียน ในเมื่อไม่สนใจการเรียน ก็ไม่มีวิชาความรู้ที่จะไปทำมาหากิน เมื่อไม่มีวิชาความรู้ที่จะไปทำมาหากินจะทำอย่างไร ? ก็ต้องขายสมบัติของพ่อแม่กิน
คราวนี้ตัวเองไม่มีวิชาความรู้ รุ่นลูกก็ยิ่งไม่มีหนักเข้าไปใหญ่ เพราะคงจะติดมือถือมากกว่าพ่อกับแม่ ต่อไปรุ่นลูกไม่มีสมบัติที่จะขายกิน ก็ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างเขา เพราะว่าความรู้ไม่มี คราวนี้พวกมอญ พวกพม่า พวกเขมร เข้ามาบ้านเราเขาขยันทำงาน ส่วนใหญ่ก็มีกิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นของตัวเองแล้ว อีกไม่นานก็จะอยู่ในลักษณะเดียวกันกับคนจีนสมัยก่อน ที่มาแบบเสื่อผืนหมอนใบ ท้ายสุดก็กลายเป็นเถ้าแก่ใหญ่กันหมด พวกนี้ก็ต้องไปเป็นลูกจ้างเขา ฟังแล้วรู้สึกดีจริง ๆ ได้มีเจ้านายเป็นมอญ เป็นพม่า เป็นเขมรบ้าง เพราะฉะนั้น...ให้ก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถือกันต่อไป ลูกหลานจะได้เป็นลูกน้องต่างด้าวเขาบ้าง...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 17:06 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
"ดูจากการวิเคราะห์ของเขาแล้ว มี แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก เพราะว่าตอนนี้ในเรื่องของการศึกษา เฉพาะแค่ในอาเซียน ของเราสู้เขาไม่ได้สักประเทศเดียว คนอื่นเขามีการศึกษามากกว่า มีความรู้มากกว่า ทรัพยากรมีเท่าเดิม คนที่มีความรู้มากกว่า มีความสามารถมากกว่าก็ไขว่คว้าไปหมด หรือไม่ต้องเรียนอะไรมาก พอถึงเวลาก็ “ชิตัง เม โป้ง...รวย…!” เรียบร้อย ตูไปแซวใครอีกหรือเปล่าวะนี่ ?
เมื่อเดือนก่อนแม่พลอย (เว็บมาสเตอร์กระโถนข้างธรรมาสน์) พาลูกสาวมาจากญี่ปุ่น บอกว่าทางด้านญี่ปุ่นมาลงทุนในประเทศไทย อยากได้คนที่จะติดต่อกับทางด้านเมืองไทยให้ ก็เลยเอาลูกสาวแม่พลอยที่เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งมีเลือดแม่อยู่ประมาณเสี้ยวหนึ่ง ที่เหลือเขาก็เลี้ยงดูมาแบบญี่ปุ่นทั้งหมดนั่นแหละ แปลว่าต่างประเทศเข้ามาลงทุน เขาก็ต้องการคนที่รู้จักและเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีของบ้านเขา การติดต่อประสานงานทุกอย่างจะได้ราบรื่นคล่องตัว แล้วถ้าตัวเราเป็นลูกหลานยังก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์มือถืออยู่ แล้วงานดี ๆ จะเหลือไหม ? อาตมาไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ไม่มี Facebook ไม่มี Skype ไม่มี Instagram ขอยืนยันว่าไม่ตาย อยู่ได้สบายดีด้วย คนโบราณ...ไม่ต้องโบราณมากหรอก เอาแค่สมัย ๓๐ - ๔๐ ปีที่แล้ว ทำไร่ทำนาเป็นส่วนมาก พอถึงเวลาดำนาเสร็จก็เข้าเดือน ๗ พอต้นเดือน ๘ ก็บวชลูก ว่างไม่มีอะไรทำ...จึงเอาลูกเข้าวัด ให้บวชศึกษาเล่าเรียนไป ครบพรรษาสึกหาลาเพศออกมาหลังรับกฐินแล้ว รับกฐินเดือน ๑๒ ออกมาพักผ่อนได้อีกพักใหญ่เลย เพราะกว่าจะเกี่ยวข้าวได้ก็เดือนยี่เดือน ๓ พ่อแม่ช่วงนั้นไม่มีอะไรทำ ก็ชนไก่ กัดปลา ทำน้ำตาลเมา โอ๊ย...สนุกสนานเฮฮา มีเวลาว่างเยอะมาก รุ่นของเราอะไร ๆ ทุกอย่างสะดวกคล่องตัวไปหมด สมัยก่อนลูกบวชแต่ละทีเดินข้ามทุ่งไปบอกข่าวญาติพี่น้องตัวเอง เดินกันเป็นวัน บางบ้านญาติอยู่ไกลหน่อยกลับไม่ทัน ก็ต้องค้างคืน ๒-๓ คืน สมัยนี้ยกโทรศัพท์ ๓ วินาทีไปทั่วโลก แต่เวลาหายไปไหนหมด ? ก็ไปอยู่กับการนั่งจิ้มโทรศัพท์บ้าง นั่งอัพ Facebook บ้าง ขยันกันจริง ๆ เลย ขยันทำไอ้เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องไม่เป็นราว ทำแล้วไม่ได้ประโยชน์ ทำแล้วไม่ได้สตางค์"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 17:09 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมท่านนี้หยอดเหรียญทำบุญวันละ ๒๐ บาท ถ้าทำได้สม่ำเสมอแบบนี้ถือว่าเป็นทั้งทานบารมี เป็นทั้งสัจจบารมี
สัจจบารมี คือ การที่เราจริงจังจริงใจ ทำอะไรสม่ำเสมอทุกวัน ถามว่าจะดูตัวอย่างสัจจบารมีที่ชัดเจนดูอย่างไร ? ดูจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์ท่านได้ตรัสในวันบรมราชาภิเษกว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี พระองค์ท่านทำได้ตามที่ตรัสไว้ ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะความสุขสบายส่วนพระองค์ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนชาวไทย ตัวอย่างที่ชัด ๆ อีกก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านนั่งลงที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ตั้งพระทัยว่า จะไม่ลุกขึ้นถ้าไม่บรรลุธรรม ในบาลีว่า แม้เลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไป ชีวิตินทรีย์นี้จะสิ้นไป ถ้าไม่บรรลุธรรมแล้วพระองค์ท่านจะไม่ลุกขึ้น พระองค์ท่านก็บรรลุธรรมที่ทรงค้นคว้ามาตลอด ๖ ปีเต็ม ในเรื่องของการทำบุญ บุคคลที่มีสัจจบารมี ก็คือใช้ความพยายามกระทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างที่โยมหยอดกระปุกวันละ ๒๐ บาท ถ้าจะให้ดีควรภาวนาคาถาเงินล้านไปด้วย ทำทุกวันผลพิเศษที่จะพึงได้ก็คือ มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ของเรามากขึ้น เราทำจริงมาแล้วก็เพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง เสียเวลาไม่มาก ภาวนาสักจบหนึ่งก็ได้ ถ้ามีเวลาก็เอาสัก ๙ จบ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 17:12 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
ถาม : ในบางครั้งเรานั่งสมาธิใจแกว่ง ไม่รวม ?
ตอบ : เขาเรียกว่าฟุ้งซ่าน ใจไม่รวมเป็นหนึ่ง ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้ากำหนดรู้ตามเข้าไปจนสุด หายใจออกกำหนดรู้ตามออกมาจนสุด เผลอคิดเรื่องอื่นเมื่อไรก็ดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจใหม่ แรก ๆ ก็ต้องสู้กันอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง จนกว่ากำลังเราจะมากกว่า ก็สามารถอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ ถาม : ทำถูกไหมคะ ? ตอบ : ถ้าทำถูกไม่กี่นาทีก็นิ่งแล้ว คำว่าทำถูกก็คือ ให้สติสมาธิทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจ ไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่น โดยเฉพาะไม่ต้องไปคิดอยากให้สงบ ถ้าเราอยากให้สงบนั่นคือตัวฟุ้งซ่าน เรามีหน้าที่ภาวนา จะสงบไม่สงบไม่ใช่เรื่องของเรา ถาม : อย่างวิญญาณ....? ตอบ : เรื่องของมัน...! เรื่องของเราก็ยุ่งมากพอแล้ว จะไปสนใจอะไรกับวิญญาณ ตัดใจไม่ได้ก็ให้ทนทุกข์ทรมานของมันไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2017 เมื่อ 17:55 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ซึ่งเป็นวันที่ค่อนข้างจะหายาก ถ้าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรงด้วยยิ่งดีใหญ่เลย เพราะเท่ากับเป็นปีที่ ๕ ด้วย แต่ว่าได้แค่ขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๕ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
วันเสาร์ ๕ นี้ วัดท่าขนุนออกวัตถุมงคล ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือ พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ สร้างจากเนื้อยาจินดามณี อย่างที่ ๒ ก็คือ กำไลนวหรคุณ อันนี้มีแต่เนื้อเงินอย่างเดียว เนื้อยาจินดามณีตามตำรับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วนั้น สืบทอดมาจากสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว สมัยกรุงศรีอยุธยา ส่วนผสมหลายอย่างหายากมาก อย่างเช่นอำพันทอง บางคนบอกว่าอำพันทองเป็นไขมันปลาวาฬ บางคนบอกว่าเป็นน้ำเชื้อของปลาวาฬ ซึ่งพอแข็งตัวแล้วโดนคลื่นซัดมาติดฝั่ง ชาวประมงที่โชคดีมาเจอก็รวยไป ถามว่าแพงขนาดไหน ? ก็น่าจะแพงพอ ๆ กับทองคำจริง ๆ เพราะว่าแค่เอามาทำส่วนผสมหน่อยเดียว ราคาตั้ง ๘๐,๐๐๐ บาท...! อีกส่วนหนึ่งก็คือนอแรด สมัยนี้ไม่ต้องไปหวัง มีอยู่อย่างเดียวก็คือต้องมีของเก่าที่หลงเหลือมา ยังโชคดีว่ายังพอที่จะหาได้ งาช้างกำจัดกลับหาไม่ยาก เพราะอาตมามีอยู่หลายชิ้น ที่หายากในสมัยก่อนอีกอย่างก็คือน้ำนมเสือ สมัยนี้หาไม่ยากหรอก...ตามฟาร์มเสือมีเพียบ ขอให้มีเงินเท่านั้น ส่วนผสมอื่น ๆ อย่างพวกบรรดาสมุนไพรนั้นยังพอหาได้อยู่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2017 เมื่อ 16:20 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|