|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาไปป่าไปเขา ถ้าดื่มน้ำในถ้ำในเขา เราต้องเสกต้องขอก่อนไหมคะ ?
ตอบ : โบราณเขาก็ขอก่อน เป็นพระก็แผ่เมตตา แล้วก็กรองน้ำเอา ขนาดจะถ่ายหนักถ่ายเบา ก็ยังต้องขออภัยเจ้าที่เจ้าทางเขาเลย คนโบราณเขากำลังใจละเอียดกว่าเรา พวกเราไปถึงก็ว่าให้มั่วไปหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2016 เมื่อ 20:04 |
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานซืนมีโยมส่งข้อความส่วนตัวมาขอความเป็นธรรม บอกว่าขอให้ลบชื่อออกจากระบบ พอสมัครใหม่ก็โดนลบอีก อาตมาก็ยังงง ๆ ว่า เอ็งมาขอความเป็นธรรมอะไรจากอาตมาวะ ? ถ้าโดยระบบการทำงานของอาตมาเองก็คือ ถ้ามอบหมายความไว้วางใจให้ใครทำหน้าที่แล้ว ก็แล้วแต่เขาตัดสินใจเลย จะทำให้บริษัทเจ๊ง หรือว่าทำให้บริษัทรุ่ง ก็แล้วแต่เขาจะบริหาร
แต่เป็นที่น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า โยมขาดโอกาสในการพิจารณาตัวเอง ฟังรู้เรื่องไหมตรงนี้ ? คือถ้าโดยส่วนตัวของอาตมาแล้ว จะดูว่าทำไมเราถึงโดนลบออกไป ไม่ใช่ไปหาว่าเขาทำไม่ดีกับเราอย่างนั้น เขาทำไม่ดีกับเราอย่างนี้ มาพร้อมกับข้อมูล ๓-๔ หน้ากระดาษว่าเขาไม่ดีอย่างไร แทนที่จะไปค้นหาว่าคนอื่นไม่ดีอย่างไร ทำไมเราไม่ค้นหาว่าเราไม่ดีอย่างไร ถึงโดนลบชื่อออก ความละเอียดนี่เป็นสิ่งที่เราต้องการ แต่ต้องเป็นความละเอียดในการพิจารณาความผิดของตัวเอง ในลักษณะ "อัตตนา โจทยัตตานัง" ไม่ใช่ว่าเราถูกทุกอย่าง คนอื่นผิดหมด ถ้าลักษณะอย่างนั้นจะเสียโอกาสไปมากสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ก็คือจะไม่มีวันแก้ไขปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ดีขึ้นได้เลย เพราะฉะนั้น...ถ้าหากใครเจอในลักษณะนี้ โปรดมองกลับไปอีกข้างหนึ่ง อย่ามองออก ให้มองเข้า อาตมาเคยพิจารณาตัวเองเวลาโดนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านด่า ดูตั้งแต่ต้นยันปลาย ปลายยันต้น ถ้างานนี้หาผิดไม่ได้จริง ๆ ท้ายสุดก็ต้อง "มึงผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว เพราะว่าถ้าไม่เกิดมาก็ไม่โดนหรอก" หาให้ได้อย่างนี้แล้วเราจะปรับปรุงตัวเองได้ แต่ถ้าหาไม่ได้ เราจะปรับปรุงตัวเองไม่ได้เลย แล้วจะกลายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2016 เมื่อ 20:06 |
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
"ดูไปดูมาแล้วเดี๋ยวเขาจะหาว่าแขวะรัฐบาล ก็ลักษณะเดียวกับ คสช. อุตส่าห์โยงแผนที่สารพัด คนโน้นทำอย่างนั้น คนนั้นทำอย่างนี้ คนนี้ทำอย่างโน้น สรุปแล้วทั้งหมดก็คือรวมหัวกันโค่นล้มรัฐบาล แล้วทำไมไม่ดูว่าชาวบ้านลำบากอย่างไร ? เดือดร้อนอย่างไร ? ทำไมชาวบ้านหาเงินไม่ได้ ? ทำไมชาวบ้านทำนาไม่ได้ ? ทำไมชาวบ้านขายผลผลิตไม่ได้ ? ถ้ารู้จักโยงอย่างนี้ก็จะแก้ไขได้ทุกอย่าง
จริง ๆ แล้วรัฐบาลไม่ต้องเหนื่อยมากหรอก ทำตามพระราชดำริของในหลวง ทุกอย่างที่ในหลวงทำก็เพื่อความอยู่สุขของประชาชน ในเมื่อทุกอย่างทำเพื่อความอยู่สุขของประชาชน เราก็แค่รับเอาโครงการพระราชดำริมาทำเองก็จบแล้ว แต่เชื่อเถอะ...ถ้าหากว่ารัฐบาลเอาไปทำ โครงการดี ๆ ก็อาจจะเละหมด ตอนนี้ไม่ได้สงสารในหลวงอย่างเดียว สงสารประเทศไทยด้วย รู้จักมองว่าคนอื่นผิดอย่างไร มีความสามารถในการขุดคุ้ยเชื่อมโยงเรื่องราวบุคคลอื่นถึงขนาดนั้นแล้ว ทำไมจึงไม่เปลี่ยนมาดูว่าตัวเองทำอะไรที่ไม่ดีบ้าง จะได้ปรับปรุงแก้ไข ถ้ารัฐธรรมนูญดีจริง ชาวบ้านเขาต้องรับอยู่แล้ว ที่เขาต่อต้านแสดงว่ายังไม่ดีจริง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2016 เมื่อ 20:08 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"บางทีฟังโยมเล่าให้ฟังเสร็จ อาตมาก็นั่งหลับ ขี้เกียจรับเข้ามาใส่หู รกเปล่า ๆ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เหมือนอย่างกับเราเป็นคนดูข้างเวที คนดูข้างเวทีจะเห็นว่า ทำไมมวยชกไม่ได้เรื่องเลย ควรจะชกอย่างนั้น ควรจะเตะอย่างนี้ แต่เชียร์ให้ตายคนอยู่บนเวทีก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน เพราะว่ากำลังหน้ามืด
ตอนนี้คาดว่ารัฐบาลคงลืมไปแล้วว่าตัวเองเข้ามาเพื่อทำอะไร เห็นว่าจะเข้ามาปราบโกง แก้ไขคอรัปชั่น ป้องกันเผด็จการรัฐสภา ตอนนี้ใครไม่รับธรรมนูญก็ไม่ว่า กูจะใช้ ม.๔๔ หนักกว่าเผด็จการรัฐสภาอีก..! ตอนนี้ทั้งข้างบนทั้งข้างล่างช่วยกันลุ้นสุดชีวิต เพื่อให้ในหลวงอยู่ต่อได้ ถ้าในหลวงอยู่ต่อไม่ได้ คราวนี้ยุ่งตายชักเลย แต่ก็ดีนะ...จะได้ถึงยุค "หนึ่งนารีขี่ม้าขาว" จริง ๆ เสียที ที่ผ่านมานั่นตัวปลอม ตัวจริงยังไม่มา บางอย่างรู้แล้วพูดไม่ได้ก็อึดอัดใจเหมือนกัน พูดมากเกินกฎของกรรมก็โดนอัดอีก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2016 เมื่อ 20:09 |
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “มาถึงตอนนี้อาตมาไม่เป็นศัตรูกับใครแล้ว ในเมื่อไม่เป็นศัตรูกับใครก็ไม่มีอะไรให้ต้องระวัง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:49 |
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็ก ๆ มีพลังงานล้นเกินเพราะว่ายังปรุงแต่งมากไม่เป็น ในเมื่อปรุงแต่งมากไม่เป็น ได้กินอย่างใจ ได้เล่นอย่างใจก็พอแล้ว ส่วนผู้ใหญ่เรา ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่จะเอาหมด เลยใช้พลังงานไปเยอะ เดี๋ยวก็จะดูหนัง เดี๋ยวก็จะฟังเพลง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:49 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับลูกศิษย์ว่า “ถ้ารู้ว่าภูมิต้านทานน้อยก็พยายามทำให้มากขึ้น ...(หัวเราะ)... ต้องระวังไว้ก่อนตั้งแต่แรก ไม่ใช่มาตั้งท่าเอาตอนเจอแล้ว ตั้งท่าตอนเจอแล้วส่วนใหญ่จะหงายท้องเสียก่อน พูดง่าย ๆ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ใส่ให้เต็มที่ไว้ก่อน”
ถาม : พอตั้งใจจะทำจริง ๆ ตัวไหนจะเจอตัวนั้นแหละครับ ? ตอบ : เขาอยากลองว่าแน่แค่ไหน ไม่ต้องห่วง...เรื่องพวกนี้มารเขาเก่ง ต้องการตัดตัวไหนตัวนั้นมาลองเลย เขาอยากรู้ว่าแน่จริงหรือเปล่า ตั้งใจจะละความโกรธก็มีแต่เรื่องให้โกรธทั้งวัน ตั้งใจจะละความโลภเดี๋ยวก็โน่นก็ดี ไอ้นี่ก็อยากได้ ตั้งใจจะละราคะ แหม...มาแต่ละคนนี่ถูกใจล้วน ๆ เลย สมัยก่อนที่อาตมายังไม่รู้วิธีก็หนักใจ มาตอนหลังที่รู้วิธีแล้ว พอตอนเช้าก็เข้าสมาธิให้เต็มที่แล้วก็อาศัยกำลังคุมไว้ ไม่หลุดเสียอย่างไม่เป็นไรหรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-05-2016 เมื่อ 17:58 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้วันแรงงานก็เลยใช้แรงงานแต่เช้า เพราะเมื่อเช้าอาตมาขนน้ำ ๑ คันรถไปส่งที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมจังหวัดนครปฐม เพราะว่าเจ้าอาวาสใหม่มาปฏิบัติธรรมรวมกันที่นั่น ตอนอยู่บนรถไม่เห็นว่ามาก แต่พอตอนขนลง เจ้าประคุณเอ๋ย...ทำไมถึงได้เยอะขนาดนั้น กว่าจะขนเข้าที่ได้ หมดแรงแทบตายเลย
เจ้าอาวาสใหม่รุ่นนี้มีเกือบครึ่งเป็นลูกศิษย์ที่อาตมาสอนไป ทั้งระดับประกาศนียบัตรและปริญญา ก็นับว่าแต่ละคนก้าวหน้าในทางโลกเป็นอย่างดี และมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ได้รับการปลูกฝังไปจากตอนช่วงที่สอนอยู่ว่า ไม่ให้ทิ้งในเรื่องของการปฏิบัติธรรม เพราะว่าถ้าทิ้งเมื่อไรกำลังใจของเราจะไม่สามารถสู้อุปสรรคหรือปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในระหว่างทำหน้าที่ได้ เพราะฉะนั้น...ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็จะกระโดดเข้าหาการปฏิบัติธรรมด้วยความยินดี ไม่เหมือนกันท่านที่ไม่ได้อบรมมา ซึ่งพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด อู้ให้มากที่สุด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:52 |
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสร้างขุนแผนเกราะเพชร ต้องบอกว่ารวมทั้งสายลุยและเมตตาเข้าด้วยกัน ...(หัวเราะ)... พระขุนแผนบ้านกร่างหรือขุนแผนกรุวัดใหญ่ชัยมงคล โดยเฉพาะขุนแผนบ้านกร่าง เป็นพระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้สร้างเพื่อให้ทหารในกองทัพติดตัวไปรบกับพม่า ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคนที่ขุดกรุเจอถึงให้ชื่อว่าพระขุนแผน อาจจะเป็นเพราะว่าบ้านกร่างอยู่ศรีประจันต์ก็ได้
แต่จะว่าไปนางศรีประจันต์ก็ไม่ใช่แม่ขุนแผน แม่ขุนแผนคือท่านย่าทองประศรี แต่เนื่องจากว่าพระชุดนั้นมีทั้งแบบคู่และแบบเดี่ยว เขาก็เลยมี “พลายคู่” “พลายเดี่ยว” ซึ่งบรรดาตระกูลพลายก็เริ่มตั้งแต่ขุนแผนที่ชื่อว่าพลายแก้ว ลงไปลูก ๆ ก็พลายงาม พลายบัว พลายยง พลายเพชร คาดว่าบรรดาเซียนพระเขาคงมีเหตุผลที่ดีที่ตั้งชื่อพระว่าขุนแผน พอมากรุวัดใหญ่ชัยมงคล สร้างบรรจุพระเจดีย์ที่สร้างเพื่อฉลองชัยชนะที่มีต่อกองทัพพม่า มีเวลาทำมากกว่า ก็เลยกลายเป็นขุนแผนเคลือบกรุวัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรุบ้านกร่างหรือว่ากรุวัดใหญ่ชัยมงคลก็ราคาแพงสาหัสพอกันในปัจจุบัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:53 |
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
"แล้วขุนแผนอีกสำนักหนึ่งที่ดังระเบิดเถิดเทิงด้วยความสามารถเฉพาะตนเลย ก็คือ ขุนแผนพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ซึ่งท่านศึกษาวิชาการทำพระมาจากหลวงปู่ของท่านเอง หลวงปู่ของหลวงปู่นี่ถ้าเป็นรุ่นเราก็น่าจะเป็นปู่ทวด ก็คือหลวงปู่สังข์ วัดละหารไร่ หลวงปู่สังข์ขลังขนาดไหนไม่รู้ คนเขาร่ำลือกันว่าหลวงปู่สังข์บ้วนน้ำลายลงพื้นนี่พื้นแตกเลย..! ท่านขลังได้ขนาดนั้น ตำราก็ตกสืบมาถึงรุ่นหลวงปู่ทิม ก็ถือว่าได้รับการใช้งานและเกิดผลสูงสุด
ฉะนั้น...ขุนแผนพรายกุมารของหลวงปู่ทิมถึงได้ดังมาก ราคาปัจจุบันแพงจับไม่ติด ก็คือถ้าไม่ได้เลขหกหลักขึ้นไปอย่าหวังเลยว่าจะได้เห็น ก็เลยมีคนไปเล่นประคำผงพรายกุมาร ก็คือ ถ้าได้ประคำมาเส้นหนึ่งก็แกะแบ่งกันคนละเม็ด ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านก็ยืนยันว่าของท่านเม็ดเดียวพอแล้ว แล้วก็ไปเล่นลูกอมผงพรายกุมาร ซึ่งลูกอมก็เหลือจากพิมพ์พระ พอถึงเวลาเหลือเศษก็เอามาปั้นกลม ๆ ก็คือเนื้อเดียวกับขุนแผนพรายกุมาร เพียงแต่ว่าขุนแผนมีหลายพิมพ์ที่ฝังตะกรุด พิมพ์ที่ฝังตะกรุดมากที่สุดคือ ๙ ดอก" ราคาปัจจุบัน ที่วัดละหารไร่ เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๙
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:55 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
"คราวนี้ในส่วนของการสร้างพระขุนแผน ถ้าจะบอกว่าเกี่ยวข้องกับขุนแผนจริง ๆ ก็น่าจะเป็นของวัดท่าขนุนนี่แหละ เพราะว่าตำราอื่นเขาเรียกขุนแผนเพราะว่าเป็นพิมพ์ ๕ เหลี่ยม แต่ของวัดท่าขนุนต้องบอกว่า โดยสายเลือดอาตมาก็เป็นลูกหลานเมืองสุพรรณฯ ที่เป็นบ้านเกิดของท่านย่าทองประศรี โดยที่อยู่ปัจจุบันก็ไปอยู่กาญจนบุรีที่ขุนแผนท่านเป็นเจ้าเมือง สรุปแล้วถึงได้บอกว่าถ้าสร้างขึ้นมากลัวของเก่าอยู่แค่ ๒ สำนักเท่านั้น คือขุนแผนเข้ากรุที่เป็นวัดใหญ่ชัยมงคลหรือบ้านกร่าง และอีกสำนักหนึ่งคือหลวงปู่ทิม
อาตมาได้ไปอัญเชิญขุนแผนตัวจริงไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าวันพุทธาภิเษกขอให้มาช่วยด้วย ยังไม่รู้ว่าจะออกมาแบบไหน แต่งานนี้ก็เน้นส่วนผสม ผงชนวนต่าง ๆ โดยเฉพาะผงยานัตถุ์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงที่อาตมาเก็บใส่ไว้เป็นแกลลอน แล้วเอาไปเข้าพิธีพร ๓๐ ประการที่วัดท่าซุงมาแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คือผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดบางนมโค ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปาน เป็นที่พุทธาภิเษกวัตถุมงคลของหลวงปู่ปานด้วย ท่านเจ้าอาวาสเขารื้อ พอดีหลวงพี่ติงลี่ไปจำพรรษาอยู่ที่นั่น ไปช่วยเขาบูรณะสร้างโน่นซ่อมนี่ ก็เลยขอกระเบื้องมาทำเป็นผงชนวนไว้ ให้อาตมามาขวดใหญ่ ถ้าว่าใหญ่แค่ไหนก็ประมาณขวดโอวัลติน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 18:26 |
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
"มีคนถามว่าคนจองกันเยอะแยะขนาดนั้น ทำไมยังมีพระเหลือ ? อาตมาบอกว่าตั้งใจทำให้เหลือ เพราะว่าก่อน ๆ นี้สร้างวัตถุมงคลยอดก็คือ ๓,๐๐๐ องค์ ขุนแผนเกราะเพชรนี่พิมพ์เล็ก ๓๐,๐๐๐ องค์ แต่ดูท่าว่าจะเหลือน้อย เพราะว่าจองไปเกินครึ่ง อาตมาแนะนำก็คือจองพิมพ์เล็กไว้ ไม่ต้องไปสนใจกับตะกรุด เพราะถ้าท่านสงเคราะห์ก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ จองตะกรุดไปก็แพงเปล่า ๆ
ตะกรุดนั้นลงคาถาหัวใจขุนแผน คือ สุนะโมโล ไว้ มาจากตัวคาถาปลุกที่ว่า เอหิมะมะ สุนะโมโล นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ ก็คือการเรียกหัวใจขุนแผนพร้อมกับธาตุ ๔ การเสกวัตถุมงคลถ้าเรียกธาตุ ๔ อาการ ๓๒ ได้ก็จะขลังกว่าปกติ ส่วนใหญ่สมัยนี้เขาจะเรียกธาตุ ตั้งธาตุ หนุนธาตุกันไม่เป็น ยิ่งอาการ ๓๒ ยิ่งไม่ค่อยมีใครอยากจะเสกเพราะว่าคาถายาวมาก ความจริงคาถายาวทำให้สมาธิดี แต่คนก็มักจะไม่ชอบเพราะคาถายาว แบบเดียวกับหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง สร้างตะกรุดมหาโสฬสต้องเสก ๓ ปี เหตุที่ต้องเสก ๓ ปีเพราะว่าต้องเสกด้วยโองการมหาทมื่น ๑๐,๐๐๐ จบ ถ้าถามว่าโองการมหาทมื่นเป็นคาถายาวขนาดไหน ? ก็ประมาณ ๑ หน้ากระดาษเอ ๔ ฉะนั้น...ถ้าใครมีตะกรุดมหาโสฬสของวัดสะพานสูง ตั้งแต่หลวงปู่วาสน์ขึ้นไปถึงหลวงปู่ทองสุข หลวงปู่กลิ่น หลวงปู่เอี่ยม ก็เก็บเอาไว้ก็แล้วกัน ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ขลังทั้งนั้น หลวงปู่วาสน์ก็เพิ่งจะมรณภาพไป อายุ ๑๐๐ ปีพอดี รุ่นต่อไปก็คงจะมีแต่ตะกรุด หาความขลังยาก เพราะว่าขี้เกียจเสก วัตถุมงคลเสก ๓ ปีนี่บังคับเลยว่าต้องขลัง อาตมายังเคยเอาไปออกในเว็บวัดท่าขนุนไปหนึ่งดอก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:58 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
"ที่อาตมาตั้งใจทำพิพิธภัณฑ์ส่วนหนึ่งเป็นเครื่องรางของขลัง ก็เพราะว่าเครื่องรางของขลังเป็นที่นิยมมาตั้งแต่โบราณ เหตุที่เป็นที่นิยมมาตั้งแต่โบราณเพราะคนโบราณถือว่าพระต้องอยู่วัด ถึงสร้างเป็นพระเครื่องขึ้นมา พอออกศึกสงครามเสร็จก็นิมนต์พระกลับไปคืนวัด ที่จะติดตัวอยู่ได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครื่องรางของขลังนี่แหละ จะเป็นตะกรุด เป็นลูกอม เป็นพิสมร เป็นมีดหมออะไรก็ตาม จนกลายเป็นของที่อยู่กับบ้าน เอาไว้คุ้มครองป้องกันตัวเองและครอบครัว
แต่ละอย่างก็จะมีเคล็ดในการสร้าง มีอุปเท่ห์ในการใช้ต่าง ๆ กันไป ถ้าคนเข้าไม่ถึงก็ขลังไม่พอ หรือขลังไม่เต็มที่ ถ้าหากว่าใครเข้าถึงก็ขลังกว่าปกติ โดยเฉพาะว่าถ้าเป็นสายหลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุง การสร้างเครื่องรางของขลังยากกว่าสร้างพระ เพราะสายเรานิมนต์พระได้ แต่ว่าเรื่องของเครื่องรางของขลังเท่าที่เจอ ๆ มา ๒-๓ ครั้ง อย่างการเสกลูกแก้วนี่นั่งรอกันอานเลย เพราะท่านบอกว่าต้องเสกแก้วให้เป็นพระ ถ้าหากรูปพระอย่างไรก็เป็นพระอยู่แล้ว ก็เบาแรงไปครึ่งหนึ่ง โบราณส่วนใหญ่แล้วเวลาสร้างวัตถุมงคลมักจะไม่ทับรอยครูบาอาจารย์ แม้กระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุง ขอให้ท่านสร้างพระขี่สัตว์พาหนะท่านยังบอกว่าไม่ทำ เพราะว่าจะเป็นวัดรอยหลวงปู่ปาน ความจริงก็คือถ้าหากว่าทำเหมือน ๆ กัน พอนาน ๆ ไปของเก่าใกล้เคียงกัน คนรุ่นหลังจะแยกแยะไม่ออก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:59 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
"ส่วนเครื่องรางของขลังนั้น ถ้าแบ่งจริง ๆ จะแบ่งเป็น ๒ ส่วนคือส่วนของเครื่องราง ก็คือของที่สร้างขึ้นมาตามหลักวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นตะกรุด เป็นลูกอม เป็นชานหมาก เป็นเบี้ยแก้ หมากทุยอะไรก็ตาม ส่วนในเรื่องของขลังมักเป็นไปตามธรรมชาติ เช่น บรรดาคดต่าง ๆ บรรดาเขี้ยว เขา งา ของสัตว์ที่ถือว่ามีเดชมีอำนาจกว่าปกติ แล้วยิ่งได้ครูบาอาจารย์มาลงอักขระเข้าพิธีก็ยิ่งขลังกันไปใหญ่
ในส่วนของเครื่องรางของขลัง ก็มีส่วนที่ทำถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน โดยเฉพาะที่เขาเรียกว่าเครื่องคาดราชศาสตรา ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นโลหะ ๓ ชนิด ที่เรียกว่า ๓ กษัตริย์ ก็คือ ทองคำ นาก แล้วก็เงิน เครื่องคาดราชศาสตราที่โด่งดังที่สุด ก็คือ ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช แต่ว่าตะกรุดที่ทำในลักษณะนี้ที่เห็นมา ที่สวยที่สุดกลับเป็นของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ของหลวงปู่ดู่เป็นตะกรุดไม้ไผ่ แต่ไม่ว่าจะเส้นยันต์หรือว่าอักขระของท่านชัดเจน สวยมาก ๆ พูดง่าย ๆ ว่า ไม่ต้องเอาเป็นเครื่องรางของขลังก็เป็นงานศิลปะในตัวอยู่แล้ว ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชที่ดัง ๆ ก็สายวัดประดู่โรงธรรม ถามว่าสายประดู่โรงธรรมสืบสายมาอย่างไร ? ก็มาทางด้านหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ หลวงปู่อั้น วัดพระญาติ หลวงปู่สี หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อีกสายหนึ่งก็มาทางสายแม่กลองของหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ตำราเดียวกัน คาถาเดียวกัน ส่วนของหลวงปู่เทียมนั้นถือว่าเป็นรุ่นหลัง ของหลวงปู่เทียมส่วนใหญ่ทำเป็นตะกรุดมหาระงับตามสายแม่กลอง ตะกรุดมหาจักรพรรดิทำยาก ต้องตั้งราชวัตรฉัตรธงนิมนต์พระ ๑๐๘ รูปเจริญพุทธมนต์ แล้วนั่งลงอยู่ในนั้นแหละจนกว่าจะเสร็จ ก็แปลว่าแต่ละท่านทำได้ไม่กี่ดอกหรอก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-05-2016 เมื่อ 17:58 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
ถาม : ผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมนี่ดีอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้ดีอย่างไรหรอก อาศัยแรงผีช่วย แต่ว่าผีมาถึงหลวงปู่ทิมก็ไม่เป็นผีแล้วล่ะ ...(หัวเราะ)... แค่ดูคาถาปลุกของท่านก็รู้แล้ว “สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ อานุภาเวนะ อานุภาเวนะ อานุภาเวนะ จงอยู่ใต้พุทธบารมี” ไม่ได้มีไสยศาสตร์สักคำเลย ถาม : แล้วกุมารหลวงพ่อเต๋ ? ตอบ : หลวงพ่อเต๋นี่รุ่นก่อนนะ ทันกัน แต่ว่าหลวงปู่ทิมอายุยืน หลวงพ่อเต๋มรณภาพไปก่อน หลวงพ่อเต๋นี่ต้องกุมารทอง กุมารทองประเทศไทยดังก็เพราะหลวงพ่อเต๋นี่แหละ หลวงพ่อเต๋ท่านฉายา คงฺคสุวณฺโณ คนเลยแปลง่าย ๆ ว่าคงทอง มาตอนหลังมีคนใช้นามสกุลคงทองตามกันเยอะเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2016 เมื่อ 15:28 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงสุนทรภู่ก็บอกไว้ชัดนะว่า เสียงปี่พระอภัยทำให้ "อันรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร" ได้ยินเมื่อไรก็เสร็จหมด ก็แสดงว่าเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะใช้เสียงดนตรีทำให้บุคคลคล้อยตามความต้องการของตนเองได้ แต่ของพระอภัยมณี ถ้าคิดตามก็หลับ...ลืมรบไปเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2016 เมื่อ 15:29 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าพูดถึงหน้าร้อนแล้วคนไปเดินห้างมาก แล้วก็เดินกันเป็นวัน ในส่วนที่กล่าวถึงก็คือ เดินห้างได้เป็นวัน แล้วก็อ้างว่าไม่มีเวลาให้ลูก น่าตายไหม ? เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวยังดูแลให้ดีได้ เลี้ยงลูกกลับดูแลให้ดีไม่ได้
สาเหตุที่บ่นอย่างนี้เพราะว่าหมาที่วัดคลอดลูกมา ๑๑ ตัว กินนมจนแม่หมาเหลือแต่ซี่โครง เอาอะไรไปให้แม่หมาก็กินทั้งนั้น แล้วก็ยังหิวอยู่ สรุปว่ายังไม่เห็นแม่หมาคาบลูกไปทิ้งถังขยะแล้วบอกว่า “แม่จำเป็น” เลยสักตัวหนึ่ง เชื่อเถอะ...เดี๋ยวกลับไปก็แทบไม่เหลือ นโยบายที่วัดก็คือ เลี้ยงลูกหมาให้สวยเข้าไว้ เดี๋ยวก็มีคนช่วยเอาไปเลี้ยงเอง พระก็แกล้งทำเป็นหวง ๆ ไว้หน่อย พอพระอาจารย์ไม่อยู่วัดลูกหมาก็หายหมด ทุกวันนี้เฉพาะค่าหมอค่ายาหมาเดือนหนึ่งเป็นหมื่น ไม่ค่อยจะพอด้วย อาตมากำลังวางแผนทำหมันแมวของแม่ชี เพราะว่าแมวจะเป็น ๑๐๐ ตัวอยู่แล้ว ที่น่าเบื่อที่สุดก็คือชอบมาฉี่ในหอฉัน ให้แม่ชีเขาจัดการทำกรงใหญ่ใส่รวมกันเอาไว้ ไม่รู้ว่าแหกกรงออกมาได้อย่างไร ? คาดว่าตาข่ายต้องใหญ่ หัวแมวจึงลอดได้ สัตว์นี่แปลกมาก ถ้าหัวไปได้ ตัวก็จะไปได้ ก็คือตาข่ายเราเห็นว่าเป็นสี่เหลี่ยม ๆ ไม่น่าออกได้ เขาก็ตะแคงซ้ายตะแคงขวาเอาหัวออกได้ พอหัวออกได้แล้วตัวจะตามมาได้สบายเลย ยิ่งงูนี่ยิ่งใช่เลย ถ้าหัวงูออกได้ตัวไปได้แน่นอน ระยะนี้งูไม่ได้อยู่เย็นเป็นสุขเลย เพราะอากาศร้อน กลางคืนก็เลยเพ่นพ่านไปหมด ที่น่าหวาดเสียวคืองูกะปะ เพราะว่างูกะปะเวลากัดแล้วกว่าจะตายก็ทรมานกันนาน โดนงูจงอางหรืองูเห่ากัดเสียยังดีกว่า แล้วเจ้ากะปะตัวนี้ก็จะหาที่เหมาะ ๆ ไปนอนแต่ละที่ครึ่งวันค่อนวัน ไปดูกี่ทีก็อยู่ตรงนั้นแหละ พออากาศเริ่มร้อนแล้วถึงย้ายที่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2016 เมื่อ 15:32 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านอาจารย์วิสุทธิ์ไปบุกรังญาติ "ลุงนวล" ลูกศิษย์เก่าแก่ของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค (โฆสิตาราม) ขนวัตถุมงคลมาเพียบเลย ปรากฏว่าอาตมาได้รับแบ่งปันมาหนึ่งในเจ็ด ไม่ใช่ได้มาหนึ่งในสองหรือครึ่งหนึ่งนะ ได้มาแค่หนึ่งในเจ็ด แสดงว่าท่านขนมาเต็มที่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2016 เมื่อ 03:51 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
ถาม : ที่บ้านมีหนังสือของหลวงพ่อเกษม วัดสามแยก พวกคำสอนแปลก ๆ จะทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ชั่งกิโลขาย หรือไม่ก็จำเริญด้วยไฟ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2016 เมื่อ 03:51 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเดือนที่แล้ว สมเด็จวัดบางขุนพรหมไปออกในราคา ๑๐๐ บาท ตูเห็นแล้วตูก็อึ้งเหมือนกัน อาตมาไม่ได้ดูว่าเขาถวายอะไรมา เจ้าตัวเล็กก็ดูของไม่เป็น ถ่ายรูปแล้วก็ลงอาตมาชี้ให้ดูทีหลังว่า องค์นี้ในตลาดไม่ต่ำกว่าล้าน ออกแค่ ๑๐๐ บาท..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2016 เมื่อ 14:27 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|