กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 22-11-2014, 12:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โดนฟ้าผ่าข้าง ๆ ประมาณสักห้าเมตร ฟ้าแลบลงมาระดับสายตา แต่ไม่เป็นอะไรเลย ในตัวมีแค่ตะกรุดมหาสะท้อนดอกเดียว ?
ตอบ : ถ้าไม่มีวัตถุมงคลคุ้มครอง ในรัศมี ๕ เมตรนี่ตายขาดไปแล้ว..!

ถาม : รู้สึกขนหัวลุกมากครับ ?
ตอบ : ขนหัวลุกเป็นไปได้ว่าเกิดจากกำลังของกระแสไฟฟ้า แต่ว่าขณะเดียวกันเราต้องนึกเวลาฟ้าฟาดลงมา อย่างผ่าลงกลางฝูงควาย โดนเข้า ๑ ตัว อีก ๗-๘ ตัวรอบนั้นตายหมด รัศมีเกิน ๕ เมตร ของเราห่างไม่ถึง ๕ เมตรแล้วไม่เป็นอะไรเลย ถือว่าโชคดีมาก ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์คุ้มครองก็แย่ไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 15:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 22-11-2014, 12:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(มีโยมพาลูกอ่อนมาทำบุญ) "เห็นอนิจจังไหม ? ตอนนี้ยังเดินไม่ได้ ยังพลิกไม่ได้ ต่อมาก็มาพลิกตัวได้ ขยับไปข้างหน้าได้ หัดคลาน หัดยืน หัดเดิน หัดวิ่ง มีอนิจจังอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เราได้เห็นหรือเปล่า ? จากเด็กเล็กก็กลายเป็นเด็กโต เป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นวัยกลางคน เป็นคนแก่ อนิจจังอยู่เรื่อย

ฉะนั้น...ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ต้องเห็นทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่เห็นเฉพาะเวลา ถ้าเห็นเฉพาะเวลานั่งกรรมฐานนี่เสร็จหมด กลายเป็นเหยื่อของวัฏสงสารหมด ต้องเห็นอยู่ตลอดเวลา แล้วเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด จิตถอนออกมาจากการยึดมั่นถือมั่น ถ้าอย่างนั้นโอกาสหลุดพ้นก็จะมี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 15:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 22-11-2014, 13:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สอนเด็ก ๆ ด้วยว่าลูกอมเมนทอสอย่าไปกินร่วมกับโค้กเป็นอันขาด จะทำให้โค้กฟู่ขยายกว่าเดิมหลายเท่า รับประกันได้ว่าตับไตไส้พุงพังแน่ ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 15:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 22-11-2014, 13:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเรียนเด็กไม่ค่อยสนใจ ?
ตอบ : บางอย่างต้องแล้วแต่เวรแต่กรรมเขาเหมือนกัน เพราะไม่ว่าเราจะเคี่ยวเข็ญอย่างไรเขาก็ไม่สนใจ แต่เท่าที่ผ่าน ๆ มา มีอยู่ว่า อันดับแรก..ถ้าอาจารย์สอนดีเด็กจะให้ความสนใจ อย่างที่ ๒ คือพยายามปรับของยากให้เป็นง่ายให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้บางทีวิชาไหนเขามอบให้เป็นสิทธิ์ขาดของอาจารย์ เราก็สามารถทำได้ แต่ถ้าวิชาไหนที่ไม่ใช่สิทธิ์ขาดของอาจารย์ ข้อสอบออกมาจากส่วนกลาง แบบนี้เราก็แย่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 15:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 22-11-2014, 16:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมเอาจั่นมะพร้าวมาถวายบูชาพระ "ทางพม่าเขาก็นิยมไหว้พระด้วยจั่นมะพร้าวอย่างนี้แหละ เพราะว่าเป็นของสูง อาตมารู้อย่างเดียวว่าเอาไว้ทำน้ำตาล ตอนสมัยเด็ก ๆ ก็จับจั่นมะพร้าวมัดรวมกันแล้วปาด เอากระบอกรองไว้ มะพร้าวสมัยก่อนตามธรรมชาติหาต้นเตี้ย ๆ ยาก มาระยะหลังเขานิยมมะพร้าวน้ำหอม ก็คัดพันธุ์จนกระทั่งได้พันธุ์เตี้ย ๆ แล้วจะมีการขุดหลุมลงไปลึก ๆ อีก อย่างเช่นว่า ถ้ามะพร้าวน้ำหอมสูงสัก ๓ เมตร เขาก็ขุดหลุมลงไป ๒ เมตร มะพร้าวโตขึ้นมาก็อยู่ปากหลุมพอดี ทำให้เก็บได้ง่าย

ที่บ้านอาตมามีมะพร้าวอยู่ต้นหนึ่ง อายุ ๖๐ กว่าปี ลูกตกถึงพื้นแตกทุกลูกเลยเพราะต้นสูงจัด เหตุที่สูงมากเพราะว่าขึ้นแข่งกับต้นมะม่วง โดนต้นมะม่วงเบียดก็เลยต้องรีบขึ้นเพื่อจะให้ได้แดด แข่งกับต้นมะม่วงไปแข่งมา ต้นมะม่วงสูง ๓๐ กว่าเมตร แต่ต้นมะพร้าวสูงกว่า ลูกตกถึงพื้นแตกทุกลูกเลย ทั้ง ๆ ที่มะพร้าวตกจะไม่แตกเพราะเปลือกที่หุ้มหนามาก แต่ต้นนั้นตกเมื่อไรก็แตกเมื่อนั้น มีอาตมาปีนได้คนเดียว คนอื่นไม่มีปัญญา เพราะเกินกำลังของเขา

จะมีมะพร้าวไฟซึ่งลูกจะออกสีแดง ๆ ก็คือน้ำตาลแดง เขามักเอาไว้ทำยา เขาบอกว่าน้ำมะพร้าวอ่อนกับปัสสาวะเด็กละลายยาเขียวใช้แก้โรคหัด สมัยก่อนเขาใช้น้ำปัสสาวะเด็กเข้ายา อาตมาเองพอรู้ภาษาก็มีคนมาขอฉี่อยู่เรื่อย สรุปว่ายาสมัยก่อนเข้าน้ำมูตร คือน้ำปัสสาวะเป็นเรื่องปกติ

ของพระท่านจะบอกว่า “ปูติมุตตะเภสัชชัง นิสสายะ ปัพพัชชา” ปัจจัยคือเครื่องอาศัยของบรรพชิตอย่างหนึ่ง คือ การฉันยาดองด้วยน้ำมูตร ส่วนใหญ่ก็เป็นมะขามป้อมดองด้วยปัสสาวะ รักษาได้สารพัดโรค ถ้าจะให้ดีที่สุดเขาให้ใช้น้ำปัสสาวะของตัวเอง ฉี่มาแล้วก็ทิ้งไว้หน่อย จะมีส่วนลอยหน้าเป็นฝ้าอยู่นิดหนึ่ง เทฝ้าออกแล้วที่เหลือก็เอาไปใช้งาน ถ้าจะดองมะขามป้อมเยอะ ๆ ก็ต้องฉี่กันหลายวันหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-11-2014 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 22-11-2014, 16:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตามที่ฝรั่งเขาทำวิจัยว่า ร่างกายเราเวลาปัสสาวะออกมา จะมีสารอาหารหรือแร่ธาตุบางอย่าง ที่หลุดออกมากับปัสสาวะด้วย ถ้าหากว่ากินกลับเข้าไป ร่างกายก็จะตรวจสอบอีกรอบหนึ่งว่า อะไรที่ขาดแล้วทำให้ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะดึงกลับไปเข้าระบบ ก็ทำให้รักษาโรคได้ แต่พระพุทธเจ้าท่านรู้มาตั้งสองพันกว่าปีแล้ว ในอินเดียทุกวันนี้กินน้ำปัสสาวะรักษาโรคกันเป็นปกติ มีแต่พวกเราที่ยี้กัน กินไม่ได้

มะพร้าวสมัยก่อนเขาปลูกชายทะเล โดยเฉพาะเกาะสมุยมีมากเป็นพิเศษ จนเขามีคำพังเพยว่า "อย่าเอามะพร้าวห้าวไปขายเกาะสมุย" ปรากฏว่าพื้นที่ชายทะเลจริง ๆ มะพร้าวโดนน้ำเค็มมากก็ไม่ค่อยติดลูก ต้องพื้นที่กลาง ๆ เกาะถึงจะดี สมัยก่อนบรรดาเศรษฐีที่ดินตามเกาะ จะเอาที่ด้านใน ๆ ให้ลูกรัก เอาที่ด้านติดทะเลให้ลูกชังที่ค่อนข้างจะขี้เกียจ มาสมัยหลังลูกจอมขี้เกียจรวยอื้อไปตาม ๆ กัน เพราะคนแย่งกันไปซื้อทำรีสอร์ท ที่ตรงกลางเกาะไม่ค่อยมีใครไปซื้อกันหรอก ต้องบอกว่าบุญใครบุญมัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 17:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 22-11-2014, 16:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรรมที่โกงชาติโกงแผ่นดินหนักมากไหมครับ ?
ตอบ : หนักมากไหม ? ก็ขึ้นอยู่กับเขา ถ้าพวกประเภทหน้าด้านใจดำก็ไม่รู้สึกว่าหนักเท่าไร แต่ไม่เป็นไร กรรมประเภทนี้เขามีนรกให้ต่างหากขุมหนึ่งเลย ภูมิใจได้ อุตส่าห์สร้างกรรมแล้วเขาสร้างนรกมาให้ขุมหนึ่งโดยเฉพาะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 17:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 22-11-2014, 16:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถามถึงเด็ก "อายุกี่เดือนแล้วจ๊ะ ? (๕ เดือนค่ะ) แสดงว่าคอแข็งใช้ได้ ปกติเด็กสมัยก่อนจะคอพับคออ่อน สมัยนี้คอแข็ง มีพัฒนาการเร็วขึ้น เมื่อพัฒนาการเร็วขึ้น โตเร็วขึ้น รู้ภาษามากขึ้น แปลว่าอายุสั้นลง เพราะพัฒนาการช้าเท่าไร อายุก็จะยืนเท่านั้น พัฒนาการเร็วอย่างลูกหมา ๒ - ๓ เดือน ก็เป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว แล้วหมาอายุเท่าไร ? อย่างเก่งก็ ๒๐ ปี แต่ไม่เคยเจอถึง

หมาตัวที่อาตมาเจออายุยืนที่สุดก็ ๑๔ ปี โดนรถชนตายเสียก่อน ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นอยู่มากี่ปี แต่พออาตมารู้ภาษา เจ้าหมาตัวนั้นก็อยู่แล้ว ไปโดนรถชนตายตอนอาตมาอายุ ๑๔ ปี แสดงว่าหมาบางตัวก็แข็งแรงผิดหมาเหมือนกัน

ในเมื่อวงจรชีวิตสั้น พัฒนาการก็เร็ว เหมือนกับยุง ถึงเวลาไข่ลงในน้ำ เกิดเป็นตัวลูกน้ำ กลายเป็นไอ้โม่ง ลอกคราบเป็นยุง หาเลือดกิน ผสมพันธุ์ วางไข่ ใน ๗ วันก็ตาย ชีวิตมนุษย์เราถ้าเปรียบกับจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ก็เป็นแค่เศษเสี้ยวธุลีเดียว แวบเดียวก็ตายแล้ว แต่ก็ยังประมาทกันอยู่ ไม่ค่อยจะขวนขวายสร้างความดีกัน

ที่มาลาพาลีเทพบุตรสะท้อนใจว่า ชีวิตมนุษย์สั้นขนาดนี้เลยหรือ ? นางปติปูชิกาก็กราบเรียนว่า “ชีวิตมนุษย์ก็ประมาณนี้เท่านั้น” มาลาพาลีเทพบุตรถามว่า “แล้วเขาทั้งหลายเหล่านั้นมีความประมาทหรือไม่ประมาทเป็นปกติ ?” นางปติปูชิกาบอกว่า “ประมาทเป็นปกติ ไม่ค่อยใส่ใจในการบุญการกุศล กอบโกยแต่ความสุขความสบายใส่ตัว” เล่นเอาท่านเทวดาอึ้งไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 17:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 22-11-2014, 17:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนเขามีคลิปที่พ่อวัดไข้ลูกแล้วบอกว่าติดโรคอีโบล่า เด็กก็ช็อกล้มตึงไปเลย แล้วเขาก็เอาคลิปที่ถ่ายมาหัวเราะกัน นั่นถ้าเด็กหัวใจวายตายไปเลยก็ซวยสิ เด็กร้องไห้โฮเลย สัญชาตญาณรักชีวิตกลัวความตายนี่ เป็นของทุกคนทุกสัตว์เลยนะ อาหารนิทฺทํภยเมถุนญฺจ สามญฺญเปตปฺปสุภีนรานํ ภยะ คือ ความกลัวภัย คือสรุปง่าย ๆ ว่ากลัวตาย"

ถาม : คำว่า ภยะนี่เกิดจากกิเลสล้วน ๆ หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เป็นกิเลสในสังโยชน์ที่สั่งสมมาชาติแล้วชาติเล่า จะบอกว่าจริง ๆ แล้วก็คือความรักตัวเอง ก็เลยระมัดระวังรักษาไม่ให้ตัวเองตาย จึงต้องกลัวความตาย สรุปว่าเป็นกิเลสใหญ่ที่ซ่อนอยู่ หน้าตาจริง ๆ คือสักกายทิฐิ

ถาม : ซ้อนกันเยอะมากนะคะ ?
ตอบ : มากหรือไม่มากก็แค่เลิกเล่นเฟซบุ๊ก ๕ วันจะลงแดงตาย เฟซบุ๊กนั่นเป็นแค่กายปลอมของเราเท่านั้น เป็นกายสมมติที่เราสร้างขึ้นมา ส่วนร่างกายตัวนี้เป็นสมมติของโลก แต่ว่านั่นเป็นสมมุติซ้อนสมมติที่เราสร้างขึ้นมา ขนาดนั้นเรายังปล่อยไม่ได้วางไม่ลง แล้วตัวเราจริง ๆ จะวางได้อย่างไร ? ถ้าใครคิดว่าวางได้ก็เลิกเล่นเฟซบุ๊กเท่านั้นเอง...จบ

ถาม : คนไม่กดไลค์ คนไม่แอดฯ ก็...?
ตอบ : ยิ่งถ้าใครโดนเลิกเป็นเพื่อนนี่โกรธสุด ๆ ไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 22-11-2014, 18:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ให้ลูกฝึกอาโลกกสิณครับ มีแต่แสงรอบตัว คำภาวนายังอยู่ ?
ตอบ : ถ้าลมหายใจยังอยู่ ให้ดูลมหายใจไปด้วย แล้วก็กำหนดรู้ว่าสภาพของแสงสว่างไปด้วย ถ้าหากว่าเป็นไปได้ ลองอธิษฐานให้แสงมารวมตัวกันเฉพาะตรงหน้าของเรา เพราะบางทีถ้ากว้างทั่วไปเราก็จับได้ไม่ทั่ว ภาวนาไปเรื่อย ถ้ายังมีก็อาโลกกสิณังไปเรื่อย ๆ แต่ให้กำหนดว่าแสงทั้งหมดจงมารวมตัวกันอยู่ตรงหน้าของเรา ไปลองดู..ถ้ารวมตัวได้ก็พยายามรักษาเอาไว้ พยายามเห็นให้ได้ทั้งหลับทั้งตื่น ต่อไปถ้าหากว่าจะสอบก็ขอให้ข้อสอบโผล่ขึ้นมาแทนภาพกสิณ

ถาม : ก็คือให้แสงมารวมอยู่ตรงหน้า และให้ลมหายใจหายไป ?
ตอบ : ลมหายใจจะเป็นไปเอง เราบังคับไม่ได้หรอก คำภาวนาก็เป็นไปเอง ถ้าหากยังมีคำภาวนาอยู่ เราก็ภาวนาต่อ แต่ขอให้ความสว่างมารวมอยู่ในหน้าอกของเรา ไม่อย่างนั้นถ้ากว้างทั่วไปหมดมักจะจับไม่ค่อยจะถูก

ถาม : จะพามาให้หลวงพ่อสอนครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลาพามาหรอก ถึงพามาก็บอกเหมือนกันอย่างนี้ เอาแค่ว่าถ้ารวมได้ จะหลับจะตื่นให้รู้สึกถึงแสงสว่างนั้นอยู่เสมอก็พอ

ถาม : ตอนตื่นนี่คือ ?
ตอบ : ตอนตื่นอยู่เราก็นึกถึงคำภาวนาพร้อมกับแสงสว่างนั้น ตอนหลับก็นึกถึงจนหลับไป ถ้าสมาธิดี ๆ หลับอยู่ก็ยังนึกถึงได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 22-11-2014, 18:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมว่าจะไปนั่งกรรมฐานครับ ?
ตอบ : เคยทำอะไรให้ทำอย่างนั้น กรรมฐานอย่าเปลี่ยนบ่อย เปลี่ยนบ่อยแล้วไม่เคยชิน สภาพจิตจะไม่ค่อยยอมรับของใหม่ สำคัญว่าคุณจะนั่งอย่างไรก็ตาม อย่าทิ้งลมหายใจเข้าออกก็แล้วกัน ความรู้สึกทั้งหมดต้องอยู่ตรงนี้เสมอ ถ้าเผลอคิดเรื่องอื่นเมื่อไร ก็ดึงกลับมาอยู่ลมหายใจเข้าออกใหม่ ส่วนคำภาวนาจะใช้อย่างไรก็แล้วแต่เราถนัด รักษาความรู้สึกให้อยู่ตรงนี้ ต่อเนื่องกันให้ได้สัก ๒๐-๓๐ ครั้งของลมหายใจ โดยไม่คิดเรื่องอื่นก็ดีตายชักแล้ว ส่วนใหญ่ยังไม่ทันไรก็ไปแล้ว สำคัญตรงทำจริง ๆ เท่านั้น อย่าไปทำ ๆ ทิ้ง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 22-11-2014, 18:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "รู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้กะเหรี่ยงตามชายแดนของบ้านเรา ถ้าวันไหนไม่ได้กินกาแฟจะทำงานไม่ได้ อะไรจะรุนแรงขนาดนั้น ? ส่วนใหญ่แรก ๆ เกิดจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวหมู่บ้านเขา ถึงเวลาตัวเองกินกาแฟ ก็ไปชวนกะเหรี่ยงกินด้วย พวกนั้นพอกินเข้าไปก็คึกคัก ทำงานขยันขันแข็ง ก็เลยกินต่อ ๆ กันมา พอเขาไม่เอาเข้าไปให้ก็เลยซื้อเอง ปีที่แล้วทางด้านบ้านคลิตี้ เขาทำวิจัยไว้ว่า ค่ากาแฟเป็น ๗๐ เปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายในครัวเรือนทั้งปี กินกันดุเดือดขนาดนั้น

บ้านตะเพินคี่ที่อาตมาไปเป็นประจำ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็คือโซเวีย เวลาชงกาแฟใส่ที ๒ ช้อนโต๊ะ..! ไม่ได้ใส่ ๒ ช้อนชา เอากาแฟสำเร็จรูปไปให้ เขาบอกว่าไม่เห็นจะลื่นคอเลย ต้องเล่นประเภททีหนึ่ง ๒ ช้อนโต๊ะ บอกให้รู้ไว้ เผื่อพวกเราไม่สามารถจะทำงานได้ถ้าไม่ได้กินกาแฟ ให้รู้ว่าแย่แล้ว ตอนนี้กะเหรี่ยงทั่วประเทศไทยแค่ไม่มีกาแฟขายก็จบแล้ว ทำงานไม่เป็นหรอก

แถวคลิตี้ขึ้นไปผ่านทางด้านทุ่งใหญ่ ออกไปทางไล่โว่ด้านสังขละบุรี เขาปลูกกาแฟกันมาตั้งแต่ ๓๐-๔๐ ปีที่แล้ว ปัจจุบันนี้กำลังโด่งดังมาก เขาเรียกว่ากาแฟกะเหรี่ยง แต่ว่าพวกเขาคั่วกันไม่เป็น ได้แต่เก็บเม็ดขาย ในเมื่อคั่วกันไม่เป็น ถึงเวลาก็ต้องมาซื้อกาแฟข้างนอกนั่นแหละ กลายเป็นว่าทำเงินได้เท่าไรกลายเป็นค่ากาแฟจนหมด

คนที่กินกาแฟประจำ ๆ พออายุมากขึ้นจะเป็นโรคหัวใจทุกคน เพราะกาแฟไปกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดปกติ ก็คือเต้นเร็วขึ้น พอกาแฟเริ่มหมดฤทธิ์หัวใจเริ่มเต้นตามปกติ เราก็กินเข้าไปใหม่ หัวใจก็เต้นผิดจังหวะอีก นาน ๆ ไปจะเกิดอาการที่เรียกว่าหัวใจพิการ เต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วก็พาให้อาการหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ แม้กระทั่งในหลวงพระองค์ท่านยังทรงตรัสเลยว่า พระองค์ท่านไม่เสวยกาแฟแล้ว เพราะกาแฟนั้นเซาะหัวใจ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 22-11-2014, 19:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการสร้างพระด้วยโลหะเงินหรือทองคำ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะว่าวัสดุมีราคาสูงมาก ก็เลยมีการใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อให้ได้อานิสงส์เป็นพุทธบูชา มีทั้งการปิดเงินปิดทอง มีทั้งการกะไหล่เงินกะไหล่ทอง (กะไหล่เงินกะไหล่ทอง ก็คือการชุบในสมัยนี้) แล้วก็มีการบุเงินบุทอง บุเงินบุทองน่าจะเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างมาก เพราะเป็นการตีทองเป็นแผ่นบางแล้วก็หุ้มองค์พระ การหุ้มก็ใช้วิธีตีให้แนบเป็นเนื้อเดียวกับองค์พระไปเลย เหมือนกับหุ้มทอง แต่ว่าเป็นทองที่ไม่ได้หนามาก

ในปัจจุบันเทคโนโลยีในการหล่อก้าวหน้าขึ้นมาก สามารถใช้วิธีหล่อองค์เล็ก ๆ แทน ชอบใจแบบไหน สมัยนี้ถอดแบบด้วยคอมพิวเตอร์ได้ ถึงเวลาก็ใช้เลเซอร์สแกนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ จะปรับให้ใหญ่หรือเล็ก ก็อยู่ที่เราชอบใจ ตามกำลังและวัสดุของเรา

โลหะทองคำเป็นโลหะมหัศจรรย์ เพราะไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ดังนั้น..ทองคำจะไม่มีวันผุแบบโลหะชนิดอื่น ๆ ในเมื่อไม่ผุก็แปลว่าอยู่จนชั่วฟ้าดินสลาย อาตมาเคยเจอทองคำโบราณ ลักษณะเก่าเสียจนไม่มียาง กลายเป็นลักษณะเนื้อทองแห้ง ๆ แต่ก็ยังเป็นทองอยู่

แต่ที่น่าอัศจรรย์ก็คือว่า เราใช้ทองคำเป็นตัวค้ำจุนมูลค่าของเงินในการแลกเปลี่ยนสินค้า ดาวดวงอื่นที่มีมนุษย์อยู่ เขาก็ใช้โลหะทองคำในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหมือนกัน เขาก็รู้ว่าโลหะชนิดนี้เสื่อมค่าได้ยาก ไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ไม่ทำลายตัวเอง จึงทำให้แม้แต่ต่างดาวก็ใช้ทองคำในการแลกเปลี่ยนสินค้า

เรามาดูภาษิตโบราณที่กล่าวว่า ทองคำแท้ไม่กลัวไฟเผา ก็คือ ถ้าเราเป็นคนดีจริงก็ไม่กลัวการทดสอบ เพราะว่าทดสอบไปเมื่อไรก็ยังเป็นคนดีอยู่ เหมือนกับทองคำแท้ เผาเมื่อไรก็ยังเป็นเนื้อทองอยู่ ไม่ใช่ว่าไส้ในเป็นโลหะอื่นหรือเป็นตะกั่ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 23-11-2014, 07:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เด็กที่มีอาการรับรู้ผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ตอนเกิดเจอแสงสะท้อนของหิมะจ้ามาก ทำให้ประสาทรับรู้การเห็นภาพผิดไปจากคนอื่น อาจตกใจกลัวปฏิสัมพันธ์ปกติของคนรอบข้าง แปลว่าสมมติของเขาต่างจากสมมติของคนอื่นใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ประสาทรับรู้เมื่อสัมผัสแล้วเกิดรู้ขึ้นมาเป็นเรื่องปกติแค่นั้น แต่ถ้าเราไปคิดต่อว่าชอบหรือไม่ชอบ เย็นร้อนอ่อนแข็ง ก็จะเป็นการปรุงแต่งของจิต แล้วก็เกิดตัณหาขึ้นมา ที่เด็กเป็นอย่างนั้น น่าจะเกิดจากประสบการณ์ข้ามชาติบางอย่าง ทำให้ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้ามากกว่า

ถาม : อย่างนั้นเขามีความจำว่าการรับรู้แบบนั้นเป็นอันตรายหรือคะ ?
ตอบ : เขาจะปรุงทันทีเลยว่าชอบหรือไม่ชอบ อย่างเช่นว่าแสงจ้าเกินไปคือไม่ชอบ อันนี้อันตราย สภาพจิตมีการปรุงแต่งเป็นปกติ ข้ามชาติข้ามภพมา ถ้าสักแต่ว่ารับรู้ก็ไม่มีอันตรายอะไร ส่วนใหญ่คือรับมาก็ปรุงทันที

ถาม : แล้วที่รู้สึกว่าโลกน่ากลัว เป็นอันตราย อย่างนั้นแล้ว ทำไมก็ยังไม่เข็ดสักที ?
ตอบ : ถ้าปัญญาไม่พอ ก็ยังไม่เข็ด ไม่เบื่อ ก็เป็นอันว่ายังคงต้องเกิดต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 09:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 23-11-2014, 11:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เคยมีโยมคนหนึ่ง พอได้ยินว่าวัตถุมงคลทำด้วยโลหะที่มีค่ามากเท่าไร เทวดาที่รักษาก็ยิ่งมีศักดานุภาพมากเท่านั้น เขาจึงไปรีดแผ่นทองคำขาวมาให้อาตมาเขียนตะกรุด ท้ายสุดเหล็กจารไม่ยอมกินโลหะ เพราะว่าโลหะแข็งกว่ามาก ก็เลยต้องเขียนด้วยปากกาเมจิกแทน เหล็กจารไม่กินเนื้อทองคำขาว ถึงเวลาก็ลื่นไปเฉย ๆ เขียนไม่ได้

เสียดายว่าระยะนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะไปบุกป่าฝ่าดงอีก ไม่อย่างนั้นจะไปค้นให้ได้ว่าแร่เพรียงไฟคืออะไร จะได้ผสมทองคำใช้เอง เพราะตอนนี้ส่วนผสมทองคำนั้นขาดอยู่อย่างเดียว มีทองแดงเถื่อน ตะกั่วเถื่อน สารปากนกแก้ว แร่เพรียงไฟ

ทองแดงเถื่อน ตะกั่วเถื่อน สารปากนกแก้ว ใช้อย่างละ ๑ ส่วน แร่เพรียงไฟใช้ หนึ่งในสี่ส่วน คาดว่าแร่เพรียงไฟน่าจะเป็นตัวลดจุดหลอมเหลวของโลหะอื่น เพราะโบราณเขาใช้
กระทะใบบัวในการหลอมทองคำ ด้วยปกติถ้าหลอมด้วยกระทะใบบัว ทองแดงเถื่อนจะต้องใช้อุณหภูมิสูงเกินกว่าที่จะกระทะใบบัวจะทนได้

ตะกั่วเถื่อนบ้านเราเรียกว่าดีบุก ทองแดงเถื่อนไม่ต้องกังวล สั่งทองแดงนอกมาแทนก็ได้ ส่วนสารปากนกแก้วลักษณะคล้าย ๆ กับสารส้ม แต่เป็นสีแดงแปร๊ดคล้ายปากนกแก้วจริง ๆ ตอนที่ได้มา เอาไปให้วิทยาศรมเขาตรวจสอบว่าเป็นแร่ธาตุชนิดไหน ปรากฏว่าเป็นโพแทสเซียมไดโครเมต ราคาต่างประเทศปอนด์ละแปดบาทเอง จะซื้อสักเท่าไรก็ได้ เหลือแต่แร่เพรียงไฟที่หาเท่าไรก็ไม่เจอ บุกเข้าไป ๔ ครั้ง เป็นเรื่องแปลกที่ว่าหลงทางทั้ง ๔ ครั้ง

คนที่สอบวิชาแผนที่เข็มทิศของทหารได้ที่ ๑ จะหลงทางได้อย่างไร ? ขนาดเอาภาพถ่ายทางอากาศมาวัดลงในแผนที่ ๑ : ๕๐,๐๐๐ มาร์กจุดเรียบร้อยแล้ว เดินขึ้นไป ๔ ครั้งก็หลงทั้ง ๔ ครั้ง ขึ้นไปทุกครั้งก็มั่นใจว่าถูกเป้าหมาย บางทีก็ขุดกันแหลกลาญ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ทุกที ไปขุดไม่เจอแร่เพรียงไฟ แต่ไปเจอหินหยกแทน คิดว่าถ้าขนเอามาขายจริง ๆ ก็คุ้ม แต่คาดว่ายังไม่ใช่เวลาที่สมควร เพราะถ้าเป็นเวลาที่สมควรต้องหาเจอแล้ว หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านยืนยันว่าขุดลึกไม่เกิน ๑ เมตร อาตมาขุดลึกถึงช่วงหัวยังไม่เจอเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 13:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 23-11-2014, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ไป ๔ ครั้งหลง ๔ ครั้ง เพื่อนร่วมคณะเกือบโดนเสือสมิงพาไปรับประทานด้วย เขาเห็นเป็นผู้หญิงเรียกก็เลยตามไป เวลาคนเราโดนกรรมบังมักจะเป็นอย่างนั้น อยู่ ๆ ก็ลุกพรวดพราดเดินไป อาตมาเห็นผิดสังเกตก็วิ่งไล่ตาม พอพ้นโค้งเห็นจ้ำอ้าว ๆ อยู่ก็คว้าหมับ ถามว่าจะไปไหน ? เขาบอกว่าเห็นผู้หญิงชาวบ้านมาเรียก แสดงว่ามีทางออก กำลังจะตามเขาไป นี่แปลว่าเราอีก ๓ คนไม่ต้องไปไหนสิ ? เขาไม่เรียกพวกเราเลย จ้ำอ้าวไปคนเดียว

ก็เลยชี้ให้ดูว่ารอยเท้าที่เอ็งตามคือรอยอะไร ? เพราะว่าเดินเลาะไปริมห้วย รอยที่เหยียบน้ำเปียก ๆ บนหินแห้ง ๆ เห็นชัด ๆ เลยว่าเป็นรอยเท้าเสือ เสียดายที่อาตมาไม่ได้เห็นตอนที่แปลงเป็นคน ตอนที่เป็นเสือก็ไม่ได้เห็น เห็นแต่รอยเท้า ดังนั้น..คาดว่าถ้าไม่ใช่อาตมาที่เข้าใจเรื่องผีบัง ก็คงได้ตายไปแล้ว

หลงด้วยกันแท้ ๆ ถึงเวลารู้ว่ามีคนจะพาไปทางออก ดันไปคนเดียว แล้วก็เป็นเรื่องแปลก เพราะบทที่จะทำให้หลงก็หลงจริง ๆ หลงชนิดที่ว่าเราตั้งใจเดินกลับหลังไปคนละทิศกับทางข้างหน้า เดิน ๆ ไปหลายชั่วโมงก็ไปสู่ที่เดิม ขึ้นเหนือไปตรง ๆ ก็ไปโผล่ตรงนั้น ลงใต้ไปตรง ๆ ก็ไปโผล่ตรงนั้น ตะวันออกก็ลงตรงนั้น ตะวันตกก็ลงตรงนั้น เดินเสียจนกระทั่งพอเห็นรอยเท้าคนก็ดีใจมาก ตามไปตามมาปรากฏว่าเป็นรอยเท้าตัวเอง ก็แปลว่า "เขา" ยังไม่ต้องการให้ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 13:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 23-11-2014, 12:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับทิดว่า "บอกแต่แรกแล้วว่าไม่ต้องใส่หมวก เราทำความดี ต้องไปอายใครวะ ? ถ้าเป็นอาตมา สึกออกไปพ่อจะโกนซ้ำอีกสองวันพระ..! คนเราไปทำความดีจะต้องไปหลบ ๆ ซ่อน ๆ ใคร ? ให้เขารู้ชัด ๆ ไปเลยว่าเราไปบวชมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 13:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 23-11-2014, 17:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default


พระอาจารย์กล่าวว่า "ตำราปลูกเรือนของหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ดูออกไหม ? ตีตารางที่ดินว่างของเราเป็นรูปแบบนี้ ตรงไหนเป็นสีน้ำเงินก็เป็นที่ที่ดี"

ถาม : อันนี้คือที่ตรงที่ดินทั้งหมด หรือเฉพาะที่ตรงบ้าน ?
ตอบ : ที่ทั้งแปลง นับทั้งแปลงเลย ดูว่าลงตรงไหนก็ได้ ลงได้เป็น ๑๐ ที่ ไม่ต้องไปเครียดหรอก สมัยนี้ที่แพงจะตาย ขอแค่มีที่ปลูกบ้านก็พอ บางแห่งตารางวาละ ๘ แสนบาทเข้าไปแล้ว ๘ แสนบาทนี่ราคาประเมิน ขายจริงอีกเท่าไรไม่รู้ ? อย่างที่ชลบุรี บางแห่งซื้อขายกันตารางวาละ ๔ ล้านกว่า เงิน ๔ ล้านซื้อที่ได้พอปลูกศาลพระภูมิได้แค่หลังเดียว

ความจริงมีลายมือหลวงปู่สายอีกเยอะ โดยเฉพาะบันทึกของท่าน ใครเห็นลายมือหลวงปู่ โดยเฉพาะลายเซ็นของท่าน จะนึกว่าหลวงปู่เขียนสวยจัง เป็นลายมือของเด็ก ม.๘ รุ่นโบราณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 18:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 23-11-2014, 17:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะขึ้นไปลำพูน - เชียงใหม่บ้างไหม ? จะได้ฝากฎีกาไปบ้าง มีครูบาสนิท ครูบาบุญยัง ตุ๊พ่อสิงห์ ครูบาสง่า ครูบาวิฑูรย์ ครูบาเหนือชัยด้วย ตอนนี้ครูบาเหนือชัยกำลังใช้ไม้เท้าหัดเดิน ฝากฎีกาไปพร้อมกับช่วยกราบเรียนว่ามาเสียดี ๆ ปีหน้าวันเกิดท่าน น่าจะไม่ได้จัดงานนิโรธกรรม แต่จัดเป็นงานสืบชะตาอย่างเดียว ไม่เป็นไรหรอก แห่อย่างเดียว ไม่ต้องไปอดข้าว ๗ วันด้วย"

ถาม : ถ้าท่านออกนิโรธฯ มา เราทำบุญคนแรกจะได้บุญคนเดียวไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าได้ทำบุญคนเดียวก็ได้ ถ้าหลายคนก็แบ่งกันไป สมัยนี้ประเภทใครรู้ก็แห่กันไปมืดฟ้ามัวดิน โอกาสจะได้คนเดียวเต็ม ๆ ก็ยาก ให้สังเกตว่า สมัยก่อนมีพวกแม้วถูกรางวัลที่ ๑ พวกนั้นก็โชคดีไป อยู่ในป่าในดอย ยังถูกรางวัลที่ ๑
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2014 เมื่อ 18:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 24-11-2014, 18:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงท่านอาจารย์สุชาติ (ปั้นพระ) ว่า "ด้วยความที่เป็นช่าง ต้องใช้สมาธิในการทำงานมาก พอจิตสงบแล้วทิพจักขุญาณเกิด แต่ท่านไม่เข้าใจ ท่านไปคิดว่าอยู่ ๆ ก็คิดออกว่าต้องทำอย่างไร นั่นแหละคือความเป็นทิพย์ คนทั่ว ๆ ไปคิดว่าท่านทำงานในลักษณะที่ว่าค่อย ๆ คิดแล้วจะทำได้ ไม่ใช่หรอก..สมาธิที่ทรงตัวช่วยให้ความเป็นทิพย์เกิด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2014 เมื่อ 01:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว