กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-12-2023, 17:16
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,900 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (ช่วงค่ำ)

ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (ช่วงค่ำ)



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 10-12-2023 เมื่อ 00:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-12-2023, 18:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,236 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนทำวัตรเย็น วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๖

คนจีนเขาเชื่อว่าก่อนหน้านี้ ในช่วงกำเนิดพิภพ ถ้าหากว่าเป็นฝรั่งก็เรียกช่วงเคออส (Chaos) คือความวุ่นวายสารพัด ความจริงก็คือการที่พลังงานกับสสาร ถึงเวลาหมุนวนมาได้จังหวะ ก็จับกันขึ้นมาเป็นก้อน คล้าย ๆ กับการกำเนิดมนุษย์ แต่ว่าพวกนี้จะเป็นส่วนของดวงดาว ถ้าหลาย ๆ ดวงดาวก็เป็นกาแล็กซี่ หลาย ๆ กาแล็กซี่ก็เป็นยูนิเวิร์ส ฟังให้บ้าไปเลยนะ..!

คนจีนเขาบอกว่าช่วงที่เกิดโลกขึ้นมาใหม่ ๆ มียักษ์ตนหนึ่งชื่อผานกู่ เหมือนกับโลกนี้เป็นฟองไข่แล้วผานกู่เกิดขึ้นมาอยู่ข้างใน ผานกู่นอนไปนอนมารู้สึกอึดอัด ไม่รู้ไปหยิบขวานที่ไหน จามลงไปจนฟองไข่ยักษ์นั้นเป็นสองซีก ส่วนที่เบาลอยขึ้นไปเป็นท้องฟ้า ส่วนที่หนักก็เป็นพื้นดิน ผานกู่ยืนค้ำยกขึ้นไป ก็ต้องใช้กำลังในการค้ำยันไม่ให้ฟ้าดินกลับมาชนกัน พอผ่านไปเป็นหมื่นเป็นแสนปี ผานกู่หมดพลังก็ตาย ดวงตากลายเป็นพระอาทิตย์กับพระจันทร์ เลือดกลายเป็นสายน้ำ เนื้อก็เป็นภูเขาและผืนดิน

แต่ละเชื้อชาติเขาก็มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลกเหมือนกันหมด แต่ถ้าวิทยาศาสตร์ก็จะบอกว่าเป็นธรรมชาติของการกำเนิดดาราจักร อย่างของทางประเทศลาว เขาเชื่อว่าคนเราเกิดมาจากลูกน้ำเต้า ถึงเวลาพระเจ้าก็เอาเหล็กแหลมแทงลูกน้ำเต้าเป็นรู คนก็มุดออกมา เพราะใช้เหล็กแหลมเผาไฟแทง คนที่ออกมาจากรูแรกก็เลยตัวดำ ๆ รูที่สองออกมาก็ตัวขาวหน่อย ..(หัวเราะ).. ก็มีเหตุผลเหมือนกันนะ..!

ส่วนทางภาคเหนือของเรามีตำนานปู่แสะย่าแสะ บางตำนานก็เรียกปู่สางสีย่าสางไส้ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันคือต้องมีหนึ่งคู่ถึงจะเกิดเป็นคนได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2023 เมื่อ 00:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-12-2023, 18:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,236 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ตำราจีนเขาบอกว่าพวกพลังงานนอกจากจะเกิดเป็นผานกู่แล้ว ยังมีพวกเทพเจ้าชุดแรก ๆ อย่างฝูซี หนี่ฮัว จู้หลง ก้งกง ไม่มีอะไรทำก็ตีกันเอง หนี่ฮัวค่อนข้างจะมีหัวสร้างสรรค์ นั่งอยู่ริมน้ำเหงา ๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็หยิบดินมาปั้นเป็นตุ๊กตา พอวางลงก็กลายเป็นคน จึงเอาเส้นผมหย่อนลงไปในโคลนแล้วสะบัดไป ก็กลายเป็นมนุษย์เยอะแยะไปหมด เท่ากับเป็นลูกหลานของเขาเอง

คราวนี้จู้หลง ก้งกง รบกัน ดันไปชนเสาค้ำฟ้าพังไปหนึ่งต้น ก็เลยทำให้ฟ้า
แตกเป็นรอย ถล่มลงมา น้ำไหลลงมาท่วมโลก หนี่ฮัวก็เลยต้องสกัดหินวิเศษไปอุดรอยต่อ จนทำให้ตัวเองหมดพลัง ตายไปอีกคนหนึ่ง

คนจีนเขาใช้คำว่ายุคสามราชาห้าจักรพรรดิ ก็จะมีเสินหนง ฝูซี ต้าซุ่น รุ่นของพวกเรานี่ใครทันเรียนเรื่องไคเภ็กบ้าง ? ไม่ทันกันใช่ไหม ? สมัยก่อนพอเริ่มขึ้นมัธยม นอกจากสามก๊กก็ยังมีไคเภ็กให้เรียนด้วย ไคเภ็กก็คือเรื่องของผานกู่เบิกฟ้าสร้างโลก มายุคของกษัตริย์ชื่อไต้ซุ่นหรือต้าซุ่น ประเทศไทยเรานิยมแต้จิ๋วก็เลยเรียกไต้ซุ่น เขาบอกว่าไต้ซุ่นเป็นคนมีบุญ มีแก้วตา ๒ คู่ ไม่ใช่มีตาดำ ๒ คู่นะ มีแก้วตา ๒ คู่

ในชีวิตอาตมภาพเจออยู่แค่สองคน ก็คือตาดำจะมีวงซ้อนอยู่ แล้วแยกชัดเจนมาก เห็นชัด ๆ เลยว่าตาดำซ้อนกันอยู่ ๒ ชั้น ต้องถามหมอตาดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นอย่างนั้น ? สามารถบอกได้ท่านหนึ่งเพราะว่าเป็นฆราวาส คือ พลเรือโทบรรยงก์ ถาวรามร เป็นอดีตแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่ภาษาชาวบ้านเรียกโรงพยาบาลทหารเรือ ส่วนอีกท่านหนึ่งเป็นพระบอกไม่ได้ เดี๋ยวพวกเราไปกวนท่าน

ไต้ซุ่นนอกจากมีแก้วตา ๒ คู่แล้ว ถึงเวลาทำงานแดดร้อนก็มีฝูงนกมาบินให้ร่มเงา ก็คือบินเป็นวงเหมือนกับกางร่มให้ ส่วนนั้นเขาสอนเรื่องความกตัญญู ไม่มีอะไรหรอก ตัวเอกนิยายจีนถ้าไม่กตัญญูก็อยู่ไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2023 เมื่อ 00:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-12-2023, 18:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,236 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่พูดมาจนถึงตรงนี้เพื่อจะบอกว่าตำนานต่าง ๆ มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพียงแต่ว่าแต่ละคนที่มีทิพจักขุญาณสามารถที่จะเห็นอดีตบ้าง เห็นอนาคตบ้าง เห็นปัจจุบันบ้าง สามารถเห็นได้ไม่เท่ากัน เรื่องที่ออกมาก็เลยมากน้อยต่างกันไป

ถ้าพวกเรามีโอกาส ใครเรียนภาษาจีนจะดีที่สุด มีคัมภีร์ที่เรียกว่าซานไห่จิง ก็คือคัมภีร์เกี่ยวกับภูผามหานที เขาบอกเอาไว้ถึงสารพัดคนสารพัดสัตว์ว่าอยู่ในทิศไหน ? มีอะไรบ้าง ? ด้านโน้นมีภูเขาเงิน ภูเขาทอง ภูเขาหยก อ่านเสร็จ..ไอ้หอกหลุด มึงเก่งเกิน..! เขามองทะลุเข้าไปยันป่าหิมพานต์..! บรรยายออกมาได้ พออ่านไป..อ่านไป..โอ้โห..อย่างนี้ถ้าคนคิดตามนี่บ้าไปเลย..! เพราะว่าเป็นเรื่องทั้งโลกหยาบและโลกละเอียดปนกัน

คนเขียนเก่งมาก เก่งแต่แยกไม่ออก คือเห็นโลกทิพย์ก็เห็น โลกไม่ใช่ทิพย์ก็เห็น ก็อธิบายไปเรื่อย เช่น ลงไปทางทะเลใต้ ในเกาะที่มีคลื่นลมรุนแรงมาก มีสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนวัวแต่มีขาเดียว ชอบออกมาเล่นคลื่น คนวาดก็วาดรูปวัวขาเดียวกระโดดโลดเต้นอยู่บนคลื่น ไอ้บ้า..มึงวาดออกมาได้อย่างไร..?!

ที่เขาพูดนั่นหมายถึงแมวน้ำ..! คืออธิบายว่าสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนวัวแต่ยืนขาเดียว ก็คือยืนบนหางนั่นแหละ คือทุกอย่างที่เขาพูดมีตัวจริง แต่เราตีความออกไหม..? ส่วนคนวาดรูปก็ประมาณว่า "มึงบอกวัวขาเดียว กูก็วาดรูปวัวมีขาเดียว ยืนอยู่บนคลื่น" เออ..บ้าไปเลย..! เพราะฉะนั้น..อย่าไปสนใจภาพประกอบนะ อ่านเอาเนื้อเรื่องอย่างเดียว เอ้า..ทำวัตรเย็นกันก่อน

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ
ก่อนทำวัตรเย็น วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2023 เมื่อ 00:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว