กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-04-2023, 20:09
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,902 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-04-2023, 23:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,694 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งโบราณเขาถือว่าเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด เหมาะสำหรับที่จะเอาไว้สร้างโบสถ์เท่านั้น โดยเรียกเป็นภาษาบาลีว่า อัฏฐเสาร์ นวศุกร์ ก็คือวันเสาร์ขึ้นหรือว่าแรม ๘ ค่ำ และวันศุกร์ขึ้นหรือว่าแรม ๙ ค่ำ

ฤกษ์พวกนี้จะว่าไปแล้วไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ดีเกินไป ดังนั้น..ถ้าหากว่าเอามาใช้งานทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี เหมือนกับว่าเราสามารถแบกข้าวสารได้ ๒๐ กิโลกรัม แล้วเขาโยนข้าวสารกระสอบละ ๑๐๐ กิโลกรัมมา เราก็อาจจะโดนทับตายได้..!

คราวนี้เมื่อทางด้านโรงงานส่งพระสมเด็จคำข้าววัดท่าขนุนทั้ง ๓ พิมพ์มา ซึ่งโดยปกติไม่ต้องทำพิธีแล้วก็ได้ แต่ว่าเพื่อที่บรรดาญาติโยมทั้งหลายจะได้มีความมั่นใจมากขึ้น จึงมีคำสั่งให้จัดพิธีปลุกเสกขึ้นในวันนี้ นอกจากจะเป็นฤกษ์วันศุกร์ ๙ ค่ำแล้ว ตามตำราโหราศาสตร์ วันศุกร์ยังถือว่าเป็นวันเงินวันทอง

ฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครเกิดวันศุกร์ก็ต้องลำบากนิดหนึ่ง เพราะเขาถือว่าตั้งแต่อายุ ๑ ขวบจนถึง ๒๑ ปี เป็นเวลาเงินเวลาทองของตัวเอง แล้วเด็กเพิ่งเกิด จะไปทำอะไรเป็นเงินเป็นทองได้ ? ก็เท่ากับเสียเวลาฟรี ๆ ไปนาน พอถึงเวลาก็วนรอบไป เป็นวันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ กว่าจะวนกลับมาวันศุกร์อีกทีหนึ่งก็อายุตั้ง ๑๐๘ ปีไปแล้ว..! ถ้าอยู่ถึงก็ทำอะไรไม่ไหวอีกเหมือนกัน

คราวนี้วันศุกร์ ๙ ค่ำ นอกจากเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดแล้ว ฤกษ์วันศุกร์ยังถือว่าเป็นฤกษ์เงินทอง แล้วขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นวันข้ามปี เพราะว่าเปลี่ยนจากปีเก่าไปเป็นปีใหม่ภายในวันที่ ๑๔ นี้ ก็แปลว่าการเปลี่ยนผ่าน การข้ามผ่าน ถือว่าเป็นเคล็ดอย่างหนึ่ง ที่ช่วยให้เราสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทุกอย่างได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2023 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-04-2023, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,694 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จะว่าไปแล้ว ในเรื่องของการเสกวัตถุมงคล โดยปกติแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสกปิด ก็คือมาทำซ้ำ เนื่องจากว่าพระสมเด็จคำข้าวนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นทำผง อานุภาพที่แสดงออกมา ต้องบอกว่าหลายต่อหลายท่านที่รับได้ล้วนแต่บอกว่า "ไม่นึกว่าจะแรงขนาดนั้น..!"

โดยเฉพาะเพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพเอง ก็คือหลวงพ่อกิตติพัฒน์ (พระครูโสภณกาญจนพัฒน์) เจ้าอาวาสวัดห้วยสะพาน เจ้าคณะตำบลตำบลหนองโรง ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน สั่งจองตั้งแต่ยังไม่ทันจะเสร็จว่า "ผมเอาพิมพ์ปรกโพธิ์เล็ก ๒,๐๐๐ องค์..!"

พระครูกิตติพัฒน์ท่านเลื่อมใสหลวงพ่อวัดท่าซุงมาก นอกจากเก็บสะสมวัตถุมงคลหลวงพ่อวัดท่าซุงเองแล้ว ก็ยังมาแคะเอาที่กระผม/อาตมภาพไปอีกสองรอบ ได้พระสมเด็จคำข้าววัดท่าซุง รุ่น ๒ ไปรอบละ ๑๐๐ องค์ ท่านบอกว่า "อยากได้มากกว่านี้อีก..!"

แต่กระผม/อาตมภาพไม่มีให้แล้ว ท่านก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นเอาที่ท่านอาจารย์เสกเอง" ก็เลยจองมา ๒,๐๐๐ องค์ จองแบบยัดเยียดเงินให้ อาตมภาพเป็นคนที่ซื้อด้วยเงินไม่ได้..ถ้าจำนวนไม่มากพอ..! ก็เลยต้องยอมรับไว้ วันนี้เสกเสร็จแล้ว มอบหมายให้ไอ้ตัวเล็กไปแจกจ่ายให้กับคนที่จอง

วันพรุ่งนี้น่าจะมีเศษ ๆ ที่เหลือมาให้บูชากันที่นี่ แต่ขออภัย..ขึ้นราคาไปหนึ่งเท่า..! องค์ไหน ๑๐๐ บาทก็เป็น ๒๐๐ บาท องค์ไหน ๒๐๐ บาท ก็เป็น ๔๐๐ บาท แล้วก็น่าจะให้บูชากันในลักษณะจำกัดจำนวน ใครอยากได้ก็ไปวนรอบใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วจะไม่ถึงคนหลัง ๆ นี่เป็นเรื่องที่บอกกล่าวเฉพาะพวกเราไว้ ณ ที่นี้

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของฤกษ์ผานาทีในวันสงกรานต์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพจะดูแค่วันธงชัยกับวันอธิบดี ซึ่งเป็นวันดี เหมาะที่จะทำกิจการงานต่าง ๆ แต่คราวนี้บางปีดวงแตกมาก บางทีวันธงชัยเป็นวันอุบาทว์ด้วย ก็คือดีครึ่งเสียครึ่ง ต้องเสี่ยงดวงกันเอาเองว่าจะอยู่ครึ่งดีหรือครึ่งเสีย..! ถ้าอย่างนั้นทั้งปีก็จะเหลือวันดีอยู่แค่วันเดียว เป็นต้น

จึงทำให้ทางด้านพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านนิยมฤกษ์พรหมประสิทธิ์มากกว่า ท่านบอกว่า "ฤกษ์พรหมประสิทธิ์เป็นฤกษ์ใหญ่ ถ้าฤกษ์อื่นบอกว่าไม่ดี แต่ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ว่าดี ให้ใช้ตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์" แม้กระทั่งฤกษ์อัฏฐเสาร์ นวศุกร์ ก็เป็นฤกษ์พรหมประสิทธิ์เช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2023 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-04-2023, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,694 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในเรื่องของฤกษ์ผานาทีวันเวลายังไม่พอ ยังมีความเชื่อในเกณฑ์ธาราธิคุณ ก็คือนาคให้น้ำ ว่าแต่ละปีมีพญานาคให้น้ำกี่ตัว ? แล้วก็มีหลักคิดง่าย ๆ ว่านาคให้น้ำมากเท่าไร น้ำก็น้อยเท่านั้น ซึ่งหลักคิดนี้เป็นหลักคิดที่เฮงซวยมาก..! เพราะว่าเอาอารมณ์ปุถุชนของพวกเราเข้าไปปนกับในส่วนของโลกทิพย์ ก็คือไปคิดว่านาคให้น้ำหลายตัวก็จะทะเลาะกัน เกี่ยงกัน เหมือนมนุษย์ทั่วไป ก็เลยให้บ้างไม่ให้บ้าง ทำให้ฝนแล้ง ถ้าหากว่านาคให้น้ำตัวเดียว ทำตามหน้าที่เต็มที่ บางทีก็น้ำท่วม..! เห็นชัด ๆ ว่าในเรื่องของโหราศาสตร์สายอินเดีย เอากิเลสคนเข้าไปรวมกับเรื่องของโลกทิพย์เต็ม ๆ..!

ใครศึกษาเรื่องราวของเทพเจ้าฮินดูจะเห็นว่ากิเลสมากกว่าคนทั่วไปอีก อย่างเช่นว่าพระอินทร์ไปเป็นชู้กับนางกาลอัคคี ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ฤๅษีโคดมชุบขึ้นมาเป็นเนื้อคู่ เราจะเห็นว่าพระฤๅษีเป็นบุคคลที่ทรงศีลทรงธรรม แต่ฤๅษีอินเดีย พอถึงเวลาปฏิบัติธรรมจนเกิดตบะ มีฤทธิ์มีเดช ก็ชุบหญิงสาวขึ้นมาจากกองไฟ แล้วก็สึกไปมีเมีย เจริญ..!

ปรากฏว่าพระอินทร์มาเป็นชู้ เกิดลูกมาก็ตัวเขียว ๆ พระอาทิตย์มาเป็นชู้ด้วย เกิดลูกมาตัวสีแดง..! ส่วนลูกของพระฤๅษีเองเป็นผู้หญิง ก็คือนางสวาหะ ไม่ว่าจะจีนหรืออินเดียก็ถือลูกผู้ชายเป็นใหญ่เหมือนกัน ฤๅษีก็เลยให้ลูกชายตัวเขียวขี่คอ อุ้มลูกชายตัวแดงไปด้วย แล้วก็จูงลูกสาวตัวเอง นางสวาหะก็บ่นกระปอดกระแปดว่า "ทีลูกคนอื่นทั้งให้ขี่คอทั้งอุ้ม ทีลูกตัวเองกลับให้เดิน" พระฤๅษีได้ยินก็แปลกใจ ถามว่า "เกิดอะไรขึ้น ?" ลูกสาวก็ฟ้องฉอด ๆ ไปเลยว่า "ถึงเวลาพ่อไม่อยู่ ก็มีไอ้ตัวเขียว ๆ แดง ๆ มาเป็นชู้กับแม่ แล้วก็เกิดน้องสองคนขึ้นมา..!" เด็กคนนี้รู้มากเกินไป..!

พระฤๅษีกำลังจูงลูกจะไปอาบน้ำ จึงอธิษฐานว่า ถ้าหากว่าลูกคนไหนเป็นลูกตัวเอง โยนลงน้ำแล้วให้ว่ายกลับมาได้ ถ้าเป็นลูกคนอื่น ขอให้กลายเป็นลิง วิ่งเข้าป่าไป ว่าแล้วก็จับลูกทั้ง ๓ คนโยนลงน้ำ ปรากฏว่าลูกชายสองคนกลายเป็นลิง ส่วนลูกสาวว่ายน้ำกลับมา คราวนี้ลูกเทวดา จะปล่อยให้ตกระกำลำบากก็ไม่ได้ พระอินทร์ก็เลยให้พระวิษณุกรรมไปเนรมิตเมืองขีดขินให้ แล้วก็ยกลูกชายขึ้นไปครองเมือง ก็คือพญาพาลี ส่วนลูกพระอาทิตย์ที่เป็นน้องชายนั้นก็คือพญาสุครีพ ให้อยู่ช่วยครองเมืองด้วยกัน

ที่เล่ามาตรงนี้พวกเราจะเห็นว่า ในเรื่องของเทพเจ้าของฮินดูนั้น ถ้าศึกษาแล้วจะเห็นว่ากิเลสท่วมหัวมากกว่าคนเราตั้งเยอะ..! แล้วคนฮินดูก็มักจะมีเทพเจ้าเอาไว้สำหรับประจบประแจงร้องขอเท่านั้น ทำอะไรถ้าเป็นที่พอใจของเทพเจ้า ก็จะได้รับพรอย่างนั้นอย่างนี้ บางทีพรที่ให้ก็พาให้พังบรรลัยไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว เพราะว่าให้ส่งเดช ในเมื่อให้ส่งเดช เกิดโทษขึ้นมาก็ต้องหาคนไปแก้ไข ลำบากลำบนมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรก็ไม่เคยเข็ด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2023 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-04-2023, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,694 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าศาสนาพุทธของเราเมื่อเกิดขึ้นมา พระพุทธเจ้าท่านสอนในเรื่องของเทวตานุสติ คือการระลึกถึงความดีของเทวดา แล้วไม่ได้นึกถึงเฉย ๆ หากแต่สอนวิธีการทำตนเองให้เป็นเทวดาด้วย

อย่างเช่นว่าถ้ามีศีล ๕ บริสุทธิ์บริบูรณ์ท่านก็จะเป็นเทวดานางฟ้าได้

ถ้ามีศีลบริบูรณ์ แล้วทรงฌานสมาบัติได้ ก็จะเป็นพรหมไปตามกำลังฌานของตนเอง

แต่ถ้าไม่นิยมการเกิด ถอนใจจากการยึดเกาะทั้งปวงได้ ก็จะกลายเป็นพระวิสุทธิเทพ เทวดาผู้บริสุทธิ์สิ้นเชิง เข้าพระนิพพานไป


เมื่อพระพุทธเจ้ามาชี้แจงแสดงเหตุในเรื่องของเทวตานุสติแบบมีเหตุมีผล และตนเองสามารถทำตนให้เป็นเทวดาได้ ไม่ว่าจะเป็นเทวดาขั้นต้น ขั้นกลาง หรือขั้นสูงสุด จึงทำให้บุคคลที่มีปัญญาหันมานับถือพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก แล้วก็ทำให้พระพุทธศาสนาตั้งมั่นในชมพูทวีปมาได้

ที่เล่าให้ฟังก็เพราะว่า ในเรื่องของสงกรานต์นั้น เขากล่าวถึงเรื่องของเทวดาระดับกลาง ก็คือท้าวกบิลพรหม ไปพนันแล้วแพ้มนุษย์ ก็คือธรรมบาลกุมาร ต้องตัดศีรษะเพื่อบูชาปัญญาของธรรมบาลกุมาร หลายท่านก็จะสงสัยว่าทำไมถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนั้น ก็ขอให้เข้าใจว่าเทวดา พรหมของทางฮินดูนั้นกิเลสมากกว่ามนุษย์ทั่ว ๆ ไปอีก เพราะคนแต่งตำราก็คือมนุษย์ขี้เหม็นนั่นแหละ ตัวเองคิดอย่างไร ทำอย่างไร พูดอย่างไร ก็คิดว่าเทวดาก็คิดอย่างนั้น พูดอย่างนั้น ทำอย่างนั้น ก็สรุปได้ว่า ใครทำอะไรได้แค่ไหน ก็พูดแค่นั้น ก็ทำแค่นั้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2023 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว