กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-04-2023, 20:01
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,651
ได้ให้อนุโมทนา: 216,903
ได้รับอนุโมทนา 747,806 ครั้ง ใน 36,430 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-04-2023, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,424 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ บรรดาสามเณรที่เหลืออยู่ พระพี่เลี้ยงต้องดูแลให้ดี เพราะว่าพ่อแม่เขาให้ลูกมาบวชอยู่กับเรา เท่ากับมอบความไว้วางใจให้เราดูแล ที่เจ็บไข้ได้ป่วยถึงโรงพยาบาลแล้วก็เป็นหน้าที่ของหมอ แต่ถ้าอยู่กับเราก็ต้องดูแลอย่างระมัดระวังที่สุด

เจ็บป่วยอะไรรีบให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด เพราะว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ตายได้เหมือนกับติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ยังดีว่าพวกเรามาเป็นไข้หวัดกันแค่สองวันสุดท้าย ถ้าหากว่าเป็นก่อนหน้านั้นก็คงเจริญมาก เพราะว่าต้องอยู่ร่วมกันอีกหลายวัน เดี๋ยวถ้าหากว่าสามเณรที่อยู่โรงพยาบาลกลับมา ใครจะสึกก็ทำการสึกให้เขา แล้วก็มารับทุนการศึกษาไป ถ้าหากว่าไม่สึกก็ให้อยู่สรงน้ำสงกรานต์กันต่อไป

เมื่อครู่นี้ที่มหาหนึ่ง (พระมหานันทวัฒน์ อคฺคธมฺโม) ละล้าละลัง นำสวดมนต์ถูกบ้างผิดบ้าง
เกิดจากการที่กำลังใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า เผลอไปคิดเรื่องอื่นอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือไม่ได้คิดงานตรงหน้าว่าต่อไปคืออะไร

สำหรับท่านที่รักษากำลังใจตนเอง ถ้ากลัวว่าการคิดงานตรงหน้าจะทำให้สมาธิเคลื่อนแล้วฟุ้งซ่านได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่จำเป็นที่จะต้องซักซ้อม ก็คือทรงสมาธิแล้วคิดให้ได้ เพราะว่าการที่เราจะตัดจะละกิเลสอะไรก็ตาม กำลังแค่อุปจารสมาธินั้นไม่พอตัดกิเลส ต้องซักซ้อมให้คล่องตัวถึงระดับอัปปนาสมาธิ ตั้งแต่ระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป แล้วนำมาพินิจพิจารณา

แต่ถ้าหากว่าต้องการตัดกิเลสระดับสูง ตั้งแต่สังโยชน์ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ บางท่านอาจจะสงสัยว่า ถ้ากำลังของเรามีแค่ปฐมฌานละเอียด แล้วเราตัดกิเลสได้แค่ระดับพระโสดาบันกับพระสกทาคามี ถ้าจะตัดกิเลสระดับพระอนาคามีกับพระอรหันต์จะทำอย่างไร ? ก็ไม่ต้องทำอะไร พิจารณาให้เห็นจริง แล้วถอนจิตจากการยึดถือในสิ่งต่าง ๆ ออกมาเท่านั้นเอง

เพียงแต่ว่าตอนที่เราพิจารณาอยู่นั้น กำลังสมาธิจะดิ่งลึกไปเรื่อย ท่านที่ไม่ชำนาญบางทีก็ไม่รู้ตัว กว่าที่จะรู้สภาพจิตกับกิเลสก็ต่างคนต่างแยกกันอยู่ คือตัดขาดจากกันไปแล้ว ก็แปลว่าต่อให้เราไม่สามารถทรงฌาน ๔ ได้ในขณะที่ทรงความเป็นพระโสดาบันหรือว่าพระสกาทาคามี แต่ถ้าเราพิจารณาวิปัสสนาญาณไปเรื่อย สภาพจิตจะค่อย ๆ ดิ่งลึกเป็นสมาธิสูงขึ้น ๆ เมื่อสูงถึงระดับที่สมควรกับสังโยชน์นั้น ๆ ก็จะตัดขาดกันไปเองโดยอัตโนมัติ ใครที่ยังทำไม่ได้ก็ฟังเอาไว้เป็นพื้นฐานก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2023 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-04-2023, 01:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,424 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ถ้าในเรื่องของการที่เราไม่คิดงานตรงหน้าเลย หรือว่าไปฟุ้งซ่าน ไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า ล้วนแต่มีผลเสียทั้งคู่ เพราะว่าเราฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น ก็จะเป็นอย่างที่เห็น ก็คือไม่มั่นใจว่านำได้ถูกหรือไม่ ? หรือถ้าหากว่าไม่คิดล่วงหน้าไว้เลย บางทีก็ตั้งสติไม่ทันว่าต่อไปงานคืออะไร แล้วก็ไปไม่เป็น ก็แปลว่าเราต้องคิดในขณะที่ทรงสมาธิอยู่ด้วยความระมัดระวัง คิดแค่งานต่อไปเพียงก้าวเดียว เมื่อมั่นใจว่างานก้าวต่อไปคืองานนี้ เราก็หยุดการคิดนั้น กลับมาอยู่กับการภาวนา หรืออยู่กับสมาธิของเราตามเดิม เท่านี้ก็จะป้องกันการฟุ้งซ่านได้

สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพเดินทางเข้าไปในตำบลชะแล ซึ่งถนนหนทางค่อนข้างจะยากลำบากมาก เพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนวัดวาอารามต่าง ๆ ที่มีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ไปดูความเป็นอยู่ แล้วก็ถวายปัจจัยสนับสนุนงานบวชให้กับวัดทั้งหลายเหล่านั้น

คราวนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าพื้นที่ตำบลชะแลนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็คืออุทยานแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อุทยานแห่งชาติเขื่อนเขาแหลม และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ดังนั้น..การที่เราจะไปทำถนนหนทางให้ดีนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าพื้นที่อนุรักษ์แบบนั้น ถ้าไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้ากระทรวง จะไม่สามารถดำเนินการต่าง ๆ ได้เลย จึงต้องปล่อยให้ถนนหนทางเละเทะอยู่เหมือนเดิม ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองได้ถ่ายคลิปวีดีโอไว้ แล้วส่งไปให้ผู้บังคับบัญชาดูว่าพวกเราอยู่กันอย่างไร

ในยุคสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ.๙, Ph.D.) ที่ปรึกษาคณะสงฆ์วัดสามพระยา วรวิหาร ยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค ๑๔ สมณศักดิ์อยู่ที่พระเทพสุธี พวกกระผม/อาตมภาพเคยวางแผนพาท่านไปในพื้นที่กันดารแบบนั้นมาแล้ว ก็คือจัดงานประชุมพระนวกะในสถานที่กันดารมาก ๆ แล้วก็นำท่านไป

ปรากฏว่าหลังจากนั้นแล้วท่านบ่นเรื่องนี้ไปสองปี ไม่ได้บ่นว่าทำให้ท่านลำบาก แต่ท่านบ่นว่า "ผมไม่นึกเลยว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเขาจะอยู่กันลำบากขนาดนี้ ตอนแรกเห็นพาไปริมเขื่อน สวยงามมาก มีแพขนานยนต์มารับ ผมก็คิดว่าวันนี้หรูแล้ว แต่ปรากฏว่าขึ้นจากแพขนานยนต์ ยังพาขึ้นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ขับกระโดกกระเดกไปอีกเกือบสองชั่วโมง เขย่าจนผมเกือบจะหลุดเป็นชิ้น ๆ กว่าจะถึงวัดที่เป็นเจ้าภาพจัดประชุมพระนวกะของปีนั้น"

ท่านบอกว่า
ผู้บังคับบัญชาถ้าไม่ได้เข้าถึงพื้นที่แบบนี้ ก็จะไม่รู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชา อยู่กันยากลำบากขนาดไหน ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2023 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 11-04-2023, 01:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,424 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แบบเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ รูปปัจจุบัน ท่านบอกว่า "ผมย่องไปทองผาภูมิ ขึ้นไปถึงเหมืองปิล็อก ไปเจอวัดที่นั่น เจ้าอาวาสไม่รู้จักผม..ก็ใช่ แล้วผมก็ยังสงสัยว่าเวลาประชุมท่านจะไปกันอย่างไร อยู่กันไกลขนาดนี้"

แถวนั้นถ้าไม่มีรถส่วนตัว ก็ต้องนั่งรถสองแถวลงมา วันหนึ่งมีแค่เที่ยวหรือสองเที่ยว แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงทองผาภูมิตอนไหน ? แล้วจะต่อรถยนต์อะไรเพื่อเดินทางลงไปกาญจนบุรี ? แล้วจะต่อรถอะไรที่ไปนครปฐม ? แล้วจะต่อรถอะไรเพื่อไปประชุมที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ?

ดังนั้น..ปีนี้ท่านจึงตั้งเป้าไว้ว่า การประชุมคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ครั้งต่อไป ท่านจะไปจัดประชุมที่วัดวังก์วิเวการาม คือวัดหลวงพ่ออุตตะมะ ท่านบอกว่า "ให้จังหวัดอื่นไปดูบ้างว่าพรรคพวกเขาอยู่กันลำบากแค่ไหน..!? ไม่ใช่ประชุมกี่ครั้งกี่ครั้ง วัดท่าขนุนก็โผล่หน้ามา แล้วไปคิดกันว่าเขาอยู่ใกล้ อยู่สบาย" ท่านบอกว่าในเรื่องของการเป็นพระสังฆาธิการต้องการผู้เสียสละ ก็คือเสียสละความสุขส่วนตน เพื่อความเจริญของคณะสงฆ์

ผู้บังคับบัญชาในลักษณะนี้ ต้องบอกว่าคณะสงฆ์ภาค ๑๔ โชคดีมาก ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพบวชมา ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ ป.ธ.๖) วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็ดี หลวงพ่อพระพรหมดิลก สมัยเป็นพระเทพสุธีมาจนถึงพระธรรมคุณาภรณ์ก็ดี หรือว่าหลวงพ่อพระธรรมโพธิมงคล (สมควร ปิยสีโล ป.ธ.๙, ดร.) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรวิหารรูปปัจจุบันก็ดี

มาจนกระทั่งถึงพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) รูปปัจจุบัน คณะสงฆ์ภาค ๑๔ ของเราจะเป็นผู้นำในการดำเนินการปกครองด้านต่าง ๆ อยู่เสมอ แล้วก็เข้าถึงพื้นที่ เห็นความยากลำบากของผู้ใต้บังคับบัญชามาแล้วทั้งนั้น

ท่านจะเห็นว่าในยุคที่หลวงพ่อพระธรรมโพธิมงคลเป็นเจ้าคณะภาค ๑๔ อยู่ ท่านอนุญาตว่าเวลามีกิจกรรมอะไรที่ต้องไปร่วมการประชุม หรือว่าไปร่วมงานที่ส่วนกลาง ให้เว้นอำเภอทองผาภูมิกับอำเภอสังขละบุรีไว้ ใครมีกำลังใจให้ไปเอง ไม่ไปก็ไม่ว่า ถือว่าเป็น "ปาปมุต" พ้นจากโทษทั้งปวง ผู้บังคับบัญชาที่เข้าถึงพื้นที่ท่านจะรู้ถึงปัญหาในลักษณะนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2023 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 11-04-2023, 01:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,424 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..หลายคนอาจจะสงสัยว่าสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ.๘) เป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ทำไมคนถึงได้รักท่านขนาดนั้น ? ไม่ว่าจะพระภิกษุ สามเณร ฆราวาส ทุกคนทูนหัวทูนเกล้าให้ท่านหมด เพราะว่าท่านเข้าถึงพื้นที่ทุกวัด ทุกสำนักสงฆ์ ตระเวนไปจนตัวดำปี๋ ไม่เคยอยู่สบายกับใคร นั่งรถไปเจอพระเณรเดินเหงื่อท่วมตัวอยู่ข้างทาง ท่านก็จอดรถ "เฮ้ย..ขึ้นมา ๆ ไปไหนบอกมา เดี๋ยวกูไปส่ง" ไกลแค่ไหนท่านก็ไปส่งให้ แล้วท่านไม่ได้ทำในลักษณะที่เรียกว่าเอาหน้า แต่ท่านทำแบบนั้นมาตลอด

สมัยก่อนถนนหนทางที่ขึ้นศรีสวัสดิ์ ไม่ว่าจะทางเขาเหล็ก เขาโจด บ้านน้ำพุ บ้านตีนตก ยากลำบากขนาดไหน คนที่มาในช่วงท้าย ๆ ของการปกครองของท่านอย่างกระผม/อาตมภาพเอง เดินธุดงค์ผ่านไปยังรู้สึกว่าไปโคตรยาก..! แต่หลวงพ่อไพบูลย์ไปนอนมาหมดแล้ว ท่านถือคติว่าไปที่ไหนก็นอนวัดที่นั่น ไม่มีการรีบกลับทั้งนั้น ไปถึงต้องไปให้รู้พื้นที่จริง ๆ

พอถึงเวลาคณะสงฆ์เห็นใจท่าน รถราเริ่มเก่า..พังบ่อย ร่วมใจกันบริจาคเงินให้ท่านซื้อรถ โดยระบุเลยว่าให้หลวงพ่อซื้อรถเบนซ์ จะได้ไม่สะเทือนมาก เพราะว่าตอนนั้นท่านอายุมากถึง ๗๐ ปีแล้ว ปรากฏว่าหลวงพ่อท่านเอาเงินก้อนนั้นไปสร้างโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ที่พนมทวน เป็นเงินตั้งต้น แล้วคนก็ร่วมกันบริจาคเพิ่มเติมจนสร้างโรงพยาบาลสำเร็จ แล้วท่านคิดว่าผู้บังคับบัญชาแบบนี้คนจะรักไหม ?

ดังนั้น..ในส่วนนี้ถือว่าจังหวัดกาญจนบุรีของเราก็ดี คณะสงฆ์ภาค ๑๔ ก็ตาม โชคดีที่ว่ามีผู้บังคับบัญชาที่เข้าใจ เข้าถึงพื้นที่ และมีกำลังใจที่จะช่วยพัฒนาให้คณะสงฆ์ภาค ๑๔ ของเรามีความเจริญก้าวหน้า จนกลายเป็นผู้นำของคณะสงฆ์ภาคอื่นในหลาย ๆ ด้าน แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ เจ้าคณะภาคอื่น ๆ ก็มักจะบ่นว่า "ภาค ๑๔ อยู่กันเฉย ๆ ไม่เป็นหรืออย่างไร ? พอขยับทำอะไรไป พระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมท่านเห็นว่าดี พวกผมก็ต้องเดือดร้อนทำไปด้วย..!" เป็นเสียอย่างนั้น..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2023 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว