กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-03-2023, 19:14
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 352
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,166 ครั้ง ใน 831 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-03-2023, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,731
ได้ให้อนุโมทนา: 152,099
ได้รับอนุโมทนา 4,419,601 ครั้ง ใน 34,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพต้องไปยังวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดีตั้งแต่เช้า เพื่อเข้าร่วมฟังบรรยายในหัวข้อ หลักเกณฑ์และวิธีการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่ง รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นผู้บรรยายถวายความรู้แก่พระภิกษุ ตลอดจนกระทั่งให้ความรู้ในด้านการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการแก่อาจารย์ที่เป็นฆราวาสทั่วไป

การขอตำแหน่งทางวิชาการนั้น ตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๕๖ กระผม/อาตมภาพก็ได้รับการกระตุ้นให้ยื่นเรื่องขอตำแหน่งทางวิชาการ คือผู้ช่วยศาสตราจารย์ไปแล้ว แต่โดยนิสัยของตนเองนั้นไม่ชอบขออะไร โดยเฉพาะสิ่งที่ได้มานั้นมักจะเป็นเรื่องที่รู้สึกว่ารกรุงรัง จึงไม่ได้ขอ จนกระทั่งลาออกจากวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี เพื่อไปดำเนินการสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์

เมื่อไปทำงานทางด้านจังหวัดกาญจนบุรีอย่างเต็มที่ ก็ได้รับการกระตุ้นให้ขอตำแหน่งทางวิชาการอีก ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองก็ยังคงมีนิสัยเหมือนเดิม ก็คือไม่มีอารมณ์ที่จะขอตำแหน่งแห่งที่ใด ๆ ให้กับตัวเองทั้งสิ้น จึงได้ทำหูทวนลมมาจนกระทั่งถึงวันนี้..!

ท่านอาจารย์รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม ก็ยังถามว่า "หลวงพ่อเล็ก..ไม่คิดจะขอบ้างหรือครับ ?" จึงได้เรียนท่านอาจารย์ไปว่า "ตำแหน่งแห่งที่ทุกอย่างที่ได้รับอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นผู้อื่นถวายมา หรือว่าผู้บังคับบัญชามอบหมายมาให้ทั้งสิ้น ไม่เคยขอด้วยตนเองมาก่อนเลย จึงไม่รู้สึกเคยชินว่าจะต้องไปขออะไร"

ทำให้ท่านอาจารย์บอกว่า "เคยมีเหมือนกันครับ ที่อาจารย์อาวุโสบางท่านก็มีนิสัยอย่างนี้ ว่าใครจะให้อะไรก็ให้มาเลย ถ้าไม่ให้ก็ไม่ขอใคร แล้วอาจารย์
ท่านนั้นก็เป็นแค่ด็อกเตอร์ไปจนกระทั่งเกษียณอายุ ไม่มีตำแหน่งแห่งที่วิชาการใด ๆ เพราะว่าไม่ยอมขออะไรใครเหมือนกัน" เมื่อได้ยินดังนี้ กระผม/อาตมภาพก็ถึงได้เข้าใจว่า ไม่ใช่ตนเองแปลกแยกจากสังคม หากแต่ว่าบุคคลอื่นที่มีแนวคิดแบบนี้ก็ยังมีอยู่เช่นกัน

โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพนั้น ส่วนที่กลัวมากเลยก็คือ สิ่งต่าง ๆ ที่มาร้อยรัดจนกระทั่งตัวเราดิ้นไม่หลุด แล้วก็จะต้องติดอยู่กับวัฏสงสาร เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ ซึ่งกระผม/อาตมภาพถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด จึงไม่พยายามที่จะดิ้นรนขออะไรกับใครเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-03-2023 เมื่อ 19:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-03-2023, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,731
ได้ให้อนุโมทนา: 152,099
ได้รับอนุโมทนา 4,419,601 ครั้ง ใน 34,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าภายในวันนี้ก็ได้มีมติเถรสมาคม ที่แต่งตั้งให้กระผม/อาตมภาพนั้น ทำหน้าที่คณะกรรมการโครงการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์โดยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศีล ๕ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งคณะกรรมการดำเนินงานนี้คือผู้ที่ต้องเหนื่อยที่สุด เพราะว่าไม่ใช่คณะกรรมการอำนวยการ และขณะเดียวกันก็ไม่ใช่คณะกรรมการอำนวยการกลาง

หากแต่ว่าเป็นตัวจักรที่ต้องลงไปกระโดดโลดเต้น เพื่อให้งานแต่ละอย่างสำเร็จเสร็จสิ้นลงไป ตอนนี้ก็รอเพียงแต่ว่าจะได้รับพระบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราชอย่างเป็นทางการเมื่อไร ก็คงต้องเริ่มการประชุมกำหนดการปฏิบัติหน้าที่ของตนเป็นลำดับไป

เมื่อจบการฟังบรรยายแล้วก็ได้ฉันเพลร่วมกับท่านอาจารย์พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ, ศ.ดร. ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์และเพื่อนฝูงสหธรรมิกกันมานาน ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังทำหน้าที่ผู้อำนวยการหน่วยวิทยบริการคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ซึ่งได้ปั้นรุ่นของกระผม/อาตมภาพให้จบปริญญาโทเป็นรุ่นแรก จนกระทั่งภายหลังได้ยกฐานะขึ้นมาเป็นวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี และมีแนวโน้มว่าจะยกขึ้นเป็นวิทยาเขตในเวลาอีกไม่นาน

ในระหว่างที่ฉันภัตตาหารนั้น ก็ได้พูดคุยกันในแนวทางที่ว่า บุคคลนั้นมักอยากจะได้ตำแหน่ง แต่ไม่ต้องการทำหน้าที่ ซึ่งบุคคลทั้งหลายเหล่านี้มีแต่จะเป็นตัวถ่วงหน่วยงาน ทำให้ไม่ได้รับความก้าวหน้าอย่างที่ต้องการ

เมื่อฉันเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ลาครูบาอาจารย์และเพื่อนฝูงทั้งหมดกลับเข้าสู่ที่พัก เพื่อที่จะได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในเวทีทบทวนและปรับปรุงธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ ซึ่งจะทำการปรับปรุงและส่งเข้าไปในคณะรัฐบาล เพื่อที่จะได้ออกมาเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ การทำงานทุกอย่างเมื่อมีกฎหมายรองรับจะได้สะดวกขึ้น

เนื้อหาของธรรมนูญส่งเสริมสุขภาพนั้น กระผม/อาตมภาพไม่มีข้อใดเห็นค้าน นอกจากเพิ่มคำพูดบางคำลงไปเพื่อให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น อย่างเช่นในส่วนที่ระบุว่า อุปัชฌาย์ อาจารย์ และสหธรรมิก ขอให้เปลี่ยนเป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์ ตลอดจนพระภิกษุสามเณรทั้งหลาย ถ้าจะเอาให้ชัดเจนก็มีวงเล็บว่า ในวัดนั้น ๆ ไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-03-2023 เมื่อ 19:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 25-03-2023, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,731
ได้ให้อนุโมทนา: 152,099
ได้รับอนุโมทนา 4,419,601 ครั้ง ใน 34,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าในส่วนที่ได้ท้วงติงทางคณะกรรมการไปก็คือว่า การที่เราถึงขนาดจะไปกำหนดว่า "ญาติโยมจะต้องทำอาหารอย่างนั้นอย่างนี้มาถวาย เพื่อสุขภาพของพระสงฆ์นั้น น่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาในทางที่ผิด..!"

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอันดับแรกเลยก็คือ ญาติโยมเขามีอย่างไรก็ถวายพระอย่างนั้น ขนาดมีพระภิกษุในสมัยพุทธกาลขอให้พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดฉันเจ หรือมังสวิรัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ทรงอนุญาต เพราะว่าจะสร้างความลำบากให้แก่ญาติโยมเขา ที่ต้องทำอาหารเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นมังสวิรัติเพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์ อีกส่วนหนึ่งก็เป็นอาหารปกติสำหรับตนเองและครอบครัว ซึ่งจะสร้างความยากลำบากให้แก่ญาติโยมมาก

อีกส่วนหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพได้ท้วงติงไปก็คือว่า พระสงฆ์ของเรานั้นต้องปฏิบัติตามหลักโภชเนมัตตัญญุตาในอปัณณกปฏิปทา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดไว้อยู่แล้ว ถ้าหากว่าเรารู้จักฉันแต่พอดี เพียงพอที่จะดำรงธาตุขันธ์นี้ไว้เพื่อปฏิบัติธรรมเท่านั้น เราก็จะไม่เกิดอาการฉันล้น ฉันเกิน จนก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมันในเส้นเลือด เหล่านี้เป็นต้น

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเรารู้จักประมาณในการขบฉันแล้ว มีการออกกำลัง อย่างเช่นว่ากระผม/อาตมภาพก็เดินบิณฑบาตวันละ ๕ กิโลเมตร พระภิกษุสงฆ์สามเณรวัดท่าขนุน ก็มีการร่วมกันทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูวัดวันละ ๒ รอบ เช้า - เย็น เป็นต้น ในลักษณะอย่างนี้เราเองเท่ากับได้ออกกำลังอย่างหนัก ๆ อยู่ทุกวัน สุขภาพร่างกายก็ย่อมจะดีโดยอัตโนมัติ

แต่ขณะเดียวกัน ส่วนที่อยากให้มีก็คือว่า ให้มีการประสานกับคณะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านก็ดี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลก็ดี โรงพยาบาลประจำอำเภอก็ตาม ถ้าหากว่ามีการประสานกัน อยู่ในลักษณะทำโครงการเพื่อสุขภาพพระสงฆ์ ทำการตรวจสุขภาพประจำปีสักปีละ ๑ ครั้ง หรือว่าถ้าหากว่าเหมาะสมก็ปีละ ๒ ครั้ง ก็จะได้รู้ว่าพระภิกษุสามเณรท่านใด อยู่ในภาวะการสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะเป็นคนป่วยด้วยโรคที่ปราศจากเชื้อ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าหากว่าเราประสานงานดี ๆ ก็เท่ากับว่า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลก็ดี โรงพยาบาลประจำอำเภอก็ตาม ได้ทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนด้วย ส่วนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เขาทั้งหลายเหล่านั้นมีหน้าที่จะต้องดูแลทุกคน แม้กระทั่งพระภิกษุสามเณรอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-03-2023 เมื่อ 19:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 25-03-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,731
ได้ให้อนุโมทนา: 152,099
ได้รับอนุโมทนา 4,419,601 ครั้ง ใน 34,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งที่มีพระท่านเสนอร่วมเข้ามาก็คือ ขอให้มีสายด่วนสุขภาพ เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรจะได้ติดต่อหมอได้ทันท่วงที ได้รับการรักษา หรือว่าได้รับคำปรึกษาโดยไม่ต้องไปให้แออัดกันในโรงพยาบาล ซึ่งตรงนี้ กระผม/อาตมภาพก็เห็นด้วย

เพียงแต่ว่าในส่วนที่อยากจะบอกกับคณะกรรมการก็คือว่า ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ของเราจะร่างเอาไว้ดีขนาดไหนก็ตาม จะได้รับอนุมัติออกมาเป็นกฎหมายแล้วก็ตาม จะดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ถ้าหากว่าผู้ปฏิบัติตามยังขาดจิตสำนึกอยู่

ดังนั้น..ในส่วนที่ควรจะกระทำก็คือ ควรที่จะมีการประชุมพระสงฆ์สักปีละ ๒ ครั้ง ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของทหารในกองทัพธรรมของพระพุทธศาสนา ถ้าทหารกล้าในกองทัพธรรมนั้นสุขภาพย่ำแย่ ย่อมไม่สามารถที่จะเผยแผ่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างเต็มที่ ต้องให้ทุกคนตระหนักถึงหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะเพศภาวะของตนเอง ว่าเรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้น ๆ

หลักข้อห้ามคือศีลมีอย่างไร หลักข้อที่ต้องปฏิบัติตามคือธรรมะมีอย่างไร เราต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนสมบูรณ์ วัตรปฏิบัติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติต่อพระอุปัชฌาย์อาจารย์ การออกบิณฑบาต การปัดกวาดลานวัดลานเจดีย์เหล่านี้ ถ้าหากว่าเราทำเป็นปกติ เชื่อว่าสุขภาพของพระภิกษุสามเณรจะต้องดีขึ้นโดยอัตโนมัติ

เพียงแต่ว่าเจ้าคณะปกครองก็ดี ผู้ที่รับผิดชอบตามสายงานก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปากเปียกปากแฉะในการย้ำแล้วย้ำอีก ในลักษณะของ "อนุสาสนี" ก็คือต้องตอกย้ำหัวตะปูกันบ่อย ๆ จนกระทั่งพระภิกษุสามเณรเกิดจิตสำนึกขึ้นมาว่า ตนเองควรที่จะประพฤติปฏิบัติอย่างไร ถึงจะเป็นไปตามพระธรรมวินัย

ในขณะเดียวกัน สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง ช่วยให้เราสามารถที่จะศึกษาธรรมะแล้วนำไปเผยแผ่ต่อ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับพระพุทธศาสนา ถ้าปราศจากจิตสำนึกตรงนี้ ต่อให้ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ร่างออกมาดีแค่ไหน แต่ผู้ปฏิบัติไม่ปฏิบัติตาม ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะบังเกิดผลดีต่อสุขภาวะของพระสงฆ์สามเณรโดยส่วนรวม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-03-2023 เมื่อ 19:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 25-03-2023, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,731
ได้ให้อนุโมทนา: 152,099
ได้รับอนุโมทนา 4,419,601 ครั้ง ใน 34,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การแสดงความเห็นในครั้งนี้ ทำให้บรรดาคณะกรรมการได้ทราบถึงปัญหาอย่างชัดเจนว่า สุขภาพพระสงฆ์ที่ย่ำแย่อยู่นั้นไม่ได้เกิดจากการขาดข้อกฎหมายหรือระเบียบบังคับ เพราะว่ากฎหมายหรือระเบียบบังคับก็คือพระธรรมวินัยนั้น มีสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพระภิกษุสามเณรได้ตระหนักถึงและปฏิบัติตามเท่าไรเท่านั้น ถ้าหากว่าเราไม่ปฏิบัติตาม ต่อให้เป็นพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา ที่เป็นหลักยึดถือปฏิบัติของตนก็ไม่แยแสสนใจ ถ้าอย่างนั้นแล้วต่อให้ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ดีอย่างไร ก็คงไม่ดีไปกว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติเอาไว้

จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งว่า
ทำอย่างไรที่จะตอกย้ำจิตสำนึกให้พระภิกษุสามเณรของเรา ให้ปฏิบัติตามคำสั่งและคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด นอกจากจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นแล้ว ยังสร้างเสริมศรัทธาของคณะญาติโยม ช่วยประคับประคองพระพุทธศาสนาของเราให้เจริญมั่นคงได้อีกส่วนหนึ่งด้วย

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-03-2023 เมื่อ 19:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว