กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-02-2023, 19:59
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,898 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-03-2023, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,949 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ สิ้นเดือนอีกแล้ว งานใหญ่ที่รอพวกเราอยู่ข้างหน้าก็คืองานสัปดาห์วันมาฆบูชา ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ทางกระทรวงวัฒนธรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์เรื่องงานวันมาฆบูชา โดยเอากิจกรรมงานของวัดท่าขนุนเกือบทั้งหมดไปลงในส่วนโฆษณานั้น ๆ

หลายท่านถามว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือเปล่า ? ผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์หรือเปล่า ? ขอยืนยันว่าทางกระทรวงวัฒนธรรมไม่ได้ทำอะไรที่ผิดพลาดในลักษณะอย่างนั้น เพราะว่าตั้งแต่ทางกระทรวงให้ชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ส่งข้อมูลเข้าชิง ๑๐๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม แล้วก็มาเข้าชิง ๓๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม แล้วท้ายที่สุดเข้าชิง ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ทุกครั้งในหนังสือที่แจ้งมาจะมีระบุเอาใช้ชัดเจนว่า ข้อมูลที่เราส่งไปให้นั้น ทางกระทรวงวัฒนธรรมขอสิทธิ์ในการที่จะใช้สอยเพื่องานของส่วนรวม ก็แปลว่าทางกระทรวงได้ป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนแล้ว

เพียงแต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายดูแล้ว ต้องบอกว่าวัดท่าขนุนของเราได้กำไรมากกว่า เพราะว่าเนื้อหา ๘๐ - ๙๐ เปอร์เซ็นต์ในโฆษณาเป็นของวัดท่าขนุน เราไม่ต้องจ้างใครให้เสียเวลา เสียเงินเสียทองไปโฆษณาให้ โดยเฉพาะบุคคลที่คุ้นเคย แค่มองก็รู้แล้วว่านี่คืองานของวัด ดังนั้น..ไม่ว่าเขาจะพูดถึงวัดอะไรในส่วนกลางก็ตาม ภาพที่ปรากฏออกไป คนที่รู้จักเขามองก็จะรู้เลยว่านั่นเป็นวัดท่าขนุน

คราวนี้ในส่วนที่พวกเราต้องเตรียมการเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นขบวนแห่เทิดเกียรติอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน หรือว่างานการแสดงการออกร้านต่าง ๆ ซึ่งทางเราได้รับความร่วมมือจากชุมชน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือว่าผู้นำชุมชนก็ตาม แบ่งเบาภาระไปหลายเรื่อง

อย่างเช่นการติดต่อประสานงานต่าง ๆ การเตรียมอาหารเอาไว้เลี้ยงบุคคลที่มาร่วมงาน ถ้าหากว่าให้ทางวัดจ่ายเอง ก็คงจะหมดอีกมาก เหลือแต่ว่าทางวัดของเราต้องอำนวยความสะดวกทุกด้านเท่าที่เป็นไปได้ ส่วนไหนที่เป็นงบประมาณ จำเป็นต้องจ่ายก็ต้องจ่ายไป ส่วนไหนที่เป็นการงานอะไรที่เขาติดขัด เราสามารถที่จะช่วยเหลือแก้ไขได้ก็ต้องลงมือทำทันที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-03-2023 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 01-03-2023, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,949 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าในช่วงของวันที่ ๒ ให้พวกเราตั้งเต็นท์สองหลัง เอาไว้ทางด้านอีกฝั่งหนึ่งซึ่งยังเป็นที่ว่างอยู่ เนื่องจากได้เอาตู้ขายสินค้าออกไปแล้ว เป็นการตั้งขนานกับตัวอาคารฐานสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก เพื่อไว้เป็นที่สำหรับบวงสรวงบอกกล่าวอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน ซึ่งจะมีทั้งเครื่องบวงสรวง ตลอดจนกระทั่งคณะดนตรีประกอบ ซึ่งในส่วนนั้นเราก็ต้องเลี้ยงอาหารเขาด้วย ภายในวันนั้นก็จะมีพิธีสงฆ์ ซึ่งเป็นการสวดพระพุทธมนต์แบบมอญ ที่เราได้ว่างเว้นมา ๓ ปีแล้ว ไม่ได้จัดเพราะว่าเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด

กระผม/อาตมภาพเองได้นิมนต์ท่านอาจารย์พระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.๙ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี ให้นำเอาพระมอญจากที่โน่นมา เพื่อให้ทำพิธีสวดพระพุทธมนต์ เนื่องจากว่าเจ้าเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ หัวเมืองนั้น เป็นเจ้าเมืองมอญถึง ๖ เมือง ก็แปลว่าท่านที่เป็นเจ้าเมืองกะเหรี่ยงก็คือพระสุวรรณคีรี ก็คงต้องฟังภาษามอญไปด้วย..!

แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะว่ามอญกับกะเหรี่ยงนั้นมีความใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเป็นประวัติศาสตร์ของพม่า ก็ยังมีการผลัดกันเป็นใหญ่ ช่วงไหนที่กะเหรี่ยงกล้าแข็งขึ้นมา ก็สามารถที่จะขึ้นครองประเทศ ถ้าช่วงที่มอญกล้าแข็งขึ้นมา ก็ยึดพื้นที่กลับคืนแล้วครองประเทศแทน เพียงแต่ว่าในส่วนของประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยได้ศึกษากัน แต่ว่ากระผม/อาตมภาพก็พอที่จะเรียนรู้ทั้งจากตำรับตำราบ้าง ได้รับการบอกเล่าจากผู้รู้บ้าง ผีมาบอกให้ฟังบ้าง

ในส่วนของการทำหน้าที่ของเรา ให้เน้นในเรื่องของความสะอาด เพราะว่างานมีต่อเนื่องถึง ๓ วัน ก็แปลว่าในแต่ละวันพวกเราคงต้องจัดคณะ ขนขยะไปวางในจุดที่ทางเทศบาลเขาจะมาจัดเก็บให้

กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะสั่งแคร่ไม้ไผ่เพิ่มเติมมาอีก ๒๐ ชุด เมื่อใช้ในงานนี้แล้ว ให้พวกเราถอดประกอบ แล้วก็แช่น้ำยากันมอด จากนั้นประกอบกลับคืนเข้าไปให้แข็งแรง แล้วก็เก็บเอาไว้ใต้ฐานสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก เอาไว้ใช้ในงานส่วนนั้น เพราะว่าถ้าหากปะปนไปอยู่ด้านนอก มีเท่าไรก็ไม่พอให้ใช้งาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-03-2023 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 01-03-2023, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,949 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างที่ท่านทั้งหลายจะได้เห็น "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" บางช่วงเขาก็มีการทิ้งทั้งแคร่ ทิ้งทั้งเก้าอี้นั่งให้ตากแดดตากฝน บางทีกระผม/อาตมภาพก็ต้องไปเก็บเอง เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า เกิดจากการขาดจิตสำนึกความเป็นเจ้าของ ถ้าหากว่าเป็นหลักธรรมก็คือ ขาดความกตัญญูต่อข้าวของเครื่องใช้ แต่ว่าเรื่องพวกนี้เราไม่กล่าวถึง มากล่าวถึงในเรื่องของงานวัดของเราต่อไป

ในส่วนของวัดเรา วันที่ ๓ จะเป็นส่วนที่ต้องสนับสนุนเขาก็คือ เรื่องข้าวปลาอาหารถวายพระที่มาสวดพระพุทธมนต์ แล้วก็เลี้ยงคณะบวงสรวงแค่นั้น วันที่ ๔ - ๕ - ๖ นั้นเป็นเรื่องของข้าวปลาอาหารที่ทางชุมชนจะจัดหามา ถ้าดูแล้วไม่พอเราค่อยเสริมเข้าไป

ส่วนระยะเวลาที่ผ่านมานั้น กระผม/อาตมภาพมีงานปลุกเสกวัตถุมงคล ๒ รอบ ๓ รอบ กระผม/อาตมภาพยังปรารภกับหลวงพ่อเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖) ว่า สิ่งที่ทำไปนั้นก็ตั้งใจที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด แต่ว่าบรรดาญาติโยมทั้งหลาย ไม่เคยเอาไปใช้ได้ตามคุณค่าเลย..!

โดยเฉพาะมีอยู่ส่วนหนึ่งที่แค่เก็บไว้เป็นความภาคภูมิใจส่วนตัวว่ามีทุกรุ่นเท่านั้นเอง เนื่องเพราะว่าในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น ถ้าหากว่าเรามีความเคารพเชื่อมั่นจริง ๆ องค์เดียวก็พอแล้ว เพียงแต่ว่าในส่วนที่เราใช้งานในลักษณะของการคุ้มครองป้องกันนั้นเป็นแค่ผลพลอยได้

การสร้างวัตถุมงคลของโบราณาจารย์มาถึงยุคปัจจุบัน ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือสร้างเพื่อเป็นอนุสติ ให้พวกเราทั้งหลายได้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ของพระธรรม ของพระสงฆ์ ซึ่งถ้าหากว่าไม่มีวัตถุเป็นเครื่องยึด พวกเราก็จะนึกได้ลำบาก แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเรากลับใช้ผิดวัตถุประสงค์ บางคนก็กลายเป็นสะสมแล้วเอาไปอวดกันว่าตนเองมีรุ่นใดบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-03-2023 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 01-03-2023, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,949 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..จึงเป็นเรื่องที่พวกเราควรที่จะปรับทัศนคติกันเสียใหม่ว่า สิ่งที่โบราณาจารย์ตั้งความหวังเอาไว้ว่า ให้พวกเราสามารถเข้าถึงธรรม โดยเฉพาะในส่วนของอนุสติสำคัญ คือ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ข้อห้ามข้อยึดถือทั้งหลายนั่นคือสีลานุสติ ถ้าหากว่ามีคาถาภาวนาควบไปด้วยนั่นคืออานาปานุสติ เป็นการที่เราปฏิบัติกรรมฐานใหญ่หลายกองพร้อม ๆ กันได้ โดยที่ไม่ลำบากในการปฏิบัติ เพราะว่ามีเครื่องจูงใจคือวัตถุมงคล

แต่พอเราไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ถึงขนาดบางคนตั้งใจที่จะบูชาไปเก็บเอาไว้เพื่อเก็งกำไรหรือว่าจำหน่ายขายต่อ นั่นก็ยิ่งห่างไกลวัตถุประสงค์เข้าไปใหญ่ จนกลายเป็นว่าสิ่งสำคัญที่ครูบาอาจารย์ท่านตั้งเป้าเอาไว้ เราน่าจะเข้าถึงกันได้น้อย แล้วยังทำให้เป็นที่ดูถูกดูแคลนของคนอื่นว่า ยังมายุ่งอะไรกับเรื่องของการยึดในวัตถุอีกด้วย..!

หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่านเคยตอบไปแล้วว่า "ยึดในวัตถุมงคล ดีกว่ายึดในวัตถุอัปมงคล" แต่ก็มีพวก "นักวิชาเกิน" ที่คอยจะยกเรื่องพวกนี้มากระแนะกระแหนอยู่เสมอ โดยที่เข้าไม่ถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของคนเก่าคนโบราณ

จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าสงสาร แต่เขาทั้งหลายเหล่านั้นกลับไม่เห็นว่าตัวเองน่าสงสาร เห็นว่าตัวเองเป็นคนเก่งที่สามารถใช้วาทะข่มคนอื่นได้ กลายเป็นเอากิเลสไปข่มชาวบ้านเขา แต่ก็ยังไม่รู้ตัว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคาร ๒๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-03-2023 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว