กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-02-2023, 18:09
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,653
ได้ให้อนุโมทนา: 216,941
ได้รับอนุโมทนา 748,038 ครั้ง ใน 36,447 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-02-2023, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,819 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้าหลังจากที่กระผม/อาตมภาพบิณฑบาตและฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางไปสำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิ เพื่อเป็นวิทยากรบรรยายในโครงการอบรม และดูงานของโรงเรียนผู้สูงอายุอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งหัวข้อที่เขากำหนดมาให้นั้นเป็นเรื่องที่จำกัดมาก เพราะว่าให้กล่าวถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชุมชน ที่สามารถเปลี่ยนเป็นมูลค่า ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙

กระผม/อาตมภาพจึงต้องให้คำแนะนำบรรดาผู้สูงอายุของโรงเรียนผู้สูงอายุอำเภอทองผาภูมิทั้ง ๖๐ คน ซึ่งรวมกันแล้วอายุน่าจะเกิน ๔,๐๐๐ ปี..! ว่าการที่เราจะสามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชุมชนให้มีราคา หรือว่าให้เป็นมูลค่า ให้ขายได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจ

อย่างเช่นว่า แหล่งประวัติศาสตร์ชุมชนที่ชัดเจนที่สุด ก็คือสถานีรถไฟบ้านท่าขนุน ซึ่งเป็นทางรถไฟสายมรณะสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถ้าเราบอกกล่าวแค่ว่าเป็นเส้นทางที่วิ่งจากบ้านหนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี ไปจนถึงตันบวยเซียดของพม่า ประวัติศาสตร์ก็จะจืดชืดไม่น่าสนใจ

แต่ถ้าท่านทั้งหลายแนะนำว่า ย้อนหลังไปประมาณ ๘๐ ปี กองทัพทหารญี่ปุ่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบุกไปยึดพม่าให้ได้ เพื่อรอการที่จะเข้าตีอินเดียพร้อมกับกองทัพเยอรมัน ก็แปลว่าในขณะนั้น ทางด้านโลกตะวันตก กองทัพแห่งอาณาจักรไรซ์ที่ ๓ คือเยอรมัน จะต้องตียึดทางด้านตะวันตกให้ได้ทั้งหมด แล้วมาบรรจบครบรอบกันทางทวีปเอเซีย คือเข้าตีอินเดียพร้อมกับกองทัพลูกพระอาทิตย์ที่ไปจ่อรออยู่ที่ประเทศพม่าแล้ว

แต่ปรากฏว่ากองทัพเยอรมันนั้นไปเสียท่าให้กับกองทัพรัสเซีย ซึ่งสู้ถวายหัวอยู่ที่เมืองสตาลินกราด ชนิดที่เรียกว่าหลังจากผ่านพ้นสงครามไปแล้ว เมืองสตาลินกราดนั้นหนูสักตัวเดียวก็ไม่มี..! เนื่องเพราะว่าถูกชาวรัสเซียจับเป็นอาหารหมด สู้กันอย่างชนิดมอบกายถวายชีวิต เอาเลือดทาแผ่นดิน จนกองทัพอันเกรียงไกรของเยอรมันไม่สามารถที่จะยึดรัสเซียได้ จึงไม่สามารถที่จะผ่านเข้าทางด้านเอเซีย เพื่อไปยึดอินเดียพร้อมกับกองทัพลูกพระอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นแล้วโลกเราในปัจจุบันน่าจะเหลือแค่ ๒ ภาษา คือภาษาเยอรมันกับภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-02-2023 เมื่อ 00:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-02-2023, 00:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,819 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..การบอกเล่าประวัติศาสตร์ชุมชน จึงควรที่จะมีเกร็ดความรู้ที่กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งจะได้จากการศึกษาดูงานหรือว่าอบรมนี้เอง

หรือถ้าหากกระผม/อาตมภาพ จะบอกกล่าวเรื่องราวในพระไตรปิฎกทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นว่าเจ้าชายสิทธัตถะประสูติแล้วเดินได้ ๗ ก้าว ได้รับปราสาท ๓ ฤดูตอนอายุ ๑๖ ปี แต่งงานแล้วออกบวชตอนอายุ ๒๙ ปี ตรัสรู้ตอนอายุ ๓๕ ปี ถ้าอย่างนี้ก็จืดชืดเป็นน้ำยาเย็น..!

แต่ถ้าเราบอกว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติก็เกิดแผ่นดินไหวแล้ว หลังจากนั้นเมื่อได้รับการขนานนาม และพระราชมารดาคือพระนางสิริมหามายาสิ้นพระชนม์ พราหมณ์ทั้ง ๑๐๘ รูปให้คำทำนายว่า ถ้าหากว่าออกบวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก ถ้าหากว่าอยู่ครองราชสมบัติจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งเนื้อหาช่วงนี้พวกเราส่วนใหญ่ก็รู้แล้ว

แต่ถ้าเราบอกว่า แค่อายุ ๑๖ ปี สิทธัตถราชกุมารจบปริญญาเอก ๑๘ ใบ..! คาดว่าทุกคนคงจะร้องโอ้โฮ..! กระผม/อาตมภาพกว่าจะจบปริญญาเอก ๑ ใบก็แทบล้มประดาตาย ตอนนี้ใบที่ ๒ ที่ได้มา ก็ได้จากเกียรติคุณที่สั่งสมมาสามสิบสี่สิบปี แต่เจ้าชายสิทธัตถะจบปริญญเอกถึง ๑๘ ใบ ตอนอายุแค่ ๑๖ ปีเท่านั้น ก็คือวิชาการต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่บรรดาเจ้าพระยามหากษัตริย์จะต้องศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ พิชัยสงคราม ไล่ไปจนกระทั่งถึงบรรดานิรุกติศาสตร์ แม้กระทั่งฟังสำเนียงพูดของคน ก็สามารถทำนายได้ว่าบุคคลนั้นมีจริตนิสัยอย่างไร

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ วิชาเดียวก็ศึกษากันทั้งชีวิตแล้ว แต่ว่าเจ้าชายสิทธัตถะของเราสามารถที่จะศึกษาจบทั้ง ๑๘ ศาสตร์ได้ภายในอายุ ๑๖ ปีเท่านั้น แค่นี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปอาศัยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไร ที่จะยกย่องให้ศาสดาของเราวิเศษเลิศลอยเพื่อให้คนศรัทธาเชื่อถือ เอาแค่เรื่องที่คนธรรมดา ๆ ก็ทำได้ อย่างเช่นการเรียนปริญญาเอกก็พอแล้ว

แต่เจ้าชายสิทธัตถะอายุแค่ ๑๖ ปีจบปริญญา ๑๘ ใบยังไม่พอ ยังจบไตรเพทของทางด้านศาสนาพราหมณ์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นฤคเวท ยชุรเวท สามเวท ยังดีที่สมัยนั้นมีแค่ไตรเวทหรือไตรเพทแค่นั้น ถ้าหากว่ามีอาถรรพเวทซึ่งเป็นฉบับที่ ๔ ของคัมภีร์ศาสนาพราหมณ์ปรากฏขึ้นในยุคนั้น คาดว่าเจ้าชายสิทธัตถะก็คงเรียนจนเจนจบเหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2023 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-02-2023, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,819 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หรือเรื่องราวของพระฉันนะ ซึ่งเคยเป็นอดีตมหาดเล็กคนสนิท ติดตามสิทธัตถราชกุมารจนกระทั่งออกบวช เมื่อบวชมาแล้ว ด้วยความหัวดื้อ หัวรั้น ไม่ฟังใคร ถึงขนาดเวลาพระเถระตักเตือนก็เถียงว่า "ท่านเป็นใคร ? ผมคือพระฉันนะ เป็นผู้อยู่ดูแลพระลูกเจ้ามาตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ ในสมัยนั้นพวกท่านอยู่ที่ใดกันหรือ ? แม้กระทั่งการออกมหาภิเนษกรมณ์ของพระลูกเจ้า ข้าพเจ้าก็เป็นคนพาท่านออกไปเอง" คนอื่นเจอแบบนี้เข้าก็สะเด็ดหมด..! ไม่มีใครสามารถที่จะตักเตือนได้

จนกระทั่งก่อนปรินิพพาน พระอานนท์กราบทูลถามพระบรมศาสดาว่าจะปฏิบัติต่อฉันนะภิกขุอย่างไร ? พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ให้สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์" พระอานนท์กราบทูลว่า "พรหมทัณฑ์นั้นเป็นการลงโทษแบบใด ?" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ขอให้สงฆ์ทั้งหลายไม่ร่วมกิน ไม่ร่วมนอน ไม่ร่วมสังฆกรรม ไม่ตักเตือนใด ๆ ทั้งสิ้น" พูดง่าย ๆ ก็คืออยากจะทำผิดทำชั่วอย่างไรก็ปล่อยให้เต็มที่ไปเลย..!

ปรากฏว่าพระอานนท์ต้อง "ขอความคุ้มครองจากคณะสงฆ์" เพื่อไปแจ้งข่าวซึ่งเป็นมติสงฆ์ต่อพระฉันนะ คำว่าขอความคุ้มครองในที่นี้ก็คือขอให้หมู่สงฆ์ไปด้วย เผื่อพระฉันนะอาละวาดขึ้นมา จะได้ช่วยกันป้องกัน ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอานนทราชกุมาร มีสิทธิ์ที่จะสืบสันตติวงศ์ครองราชบังลังก์ สารพัดวิชาโดยเฉพาะการต่อสู้ต้องฝึกมาเจนจบแล้ว ทำไมต้องกลัวฉันนภิกขุขนาดนั้น ?

ท่านต้องลองนึกย้อนไปว่า ฉันนอำมาตย์นั้น โดนวางตัวให้เป็นองครักษ์ประจำตัวของว่าที่พระเจ้าจักรพรรดิตั้งแต่สมัยนั้น ก็แปลว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่องครักษ์ควรจะเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะวิชาการต่อสู้ ฉันนอำมาตย์จะต้องเพียบพร้อมยิ่งกว่าคนอื่น เก่งกล้ายิ่งกว่าคนอื่นทั้งหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2023 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-02-2023, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,819 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าไม่ชัดเจน ต้องนึกถึงตอนออกมหาภิเนษกรมณ์ เมื่อจูงม้ากัณฐกะมาถึง ปรากฏว่าประตูเมืองปิด ฉันนอำมาตย์คิดในใจว่า "ประตูเมืองปิดก็ไม่เป็นไร เราจะแบกม้ากัณฐกะที่มีพระลูกเจ้านั่งอยู่บนหลัง กระโดดข้ามกำแพงเมืองออกไป" โอ้..พระเจ้า..! กำแพงเมืองอย่างน้อยก็ต้องสูง ๒ - ๓ วา ก็คือ ๔ - ๕ เมตรเป็นอย่างต่ำ คน ๆ เดียวจะกระโดดข้ามไป ถ้าไม่ใช่นักกีฬากระโดดค้ำถ่อก็ยังยาก แต่นี่ยังแบกม้า ๑ ตัวกับคนอีก ๑ คนกระโดดข้าม ด้วยกำลังขนาดนั้นถ้าอาละวาดขึ้นมา คาดว่ามีใครเอาอยู่บ้าง..!?

พระอานนท์จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอความคุ้มครองจากคณะสงฆ์ เพื่อไปแจ้งมตินี้ต่อพระฉันนะ ปรากฏว่าพระฉันนะนั้น เมื่อทราบว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว และสั่งสงฆ์ให้ลงพรหมทัณฑ์ก็ขวัญเสีย เพราะว่าที่พึ่งของตนนั้นหมดสิ้นลงไปแล้ว ถึงขนาดกราบพระอานนท์ว่า "ขอพระคุณเจ้าจงเป็นที่พึ่งของกระผมด้วยเถิด"

พระอานนท์บอกว่า "ถ้าพระฉันนะยังไม่เลิกดื้อดึง ก็ไม่มีใครเป็นที่พึ่งให้ เพราะว่าเป็นรับสั่งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" พระฉันนะจึงต้องยอมเลิกการหัวดื้อหัวรั้นทั้งปวง แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม โชคดีที่บรรลุอรหัตผลก่อนที่จะนิพพาน..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราเล่าเรื่องในประวัติศาสตร์ชุมชนหรือว่าวัฒนธรรมชุมชน ตลอดจนกระทั่งถ้าเป็นพระภิกษุสามเณรเล่าเรื่องในพระไตรปิฎก ก็ต้องหาแง่มุมใหม่ ๆ มา คนรุ่นใหม่ถึงจะยอมรับฟัง ไม่เช่นนั้นแล้วก็ปล่อยให้เรื่องราวทั้งหลายผ่านหูไป ไม่น่าสนใจ ไม่สามารถที่จะสร้างมูลค่าให้ได้อย่างที่ตั้งใจกันเอาไว้

เมื่อเสร็จสิ้นจากตรงนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็วิ่งเข้ามากรุงเทพฯ แต่เนื่องจากว่าผ่านนครปฐมจึงแวะกราบองค์พระปฐมเจดีย์ พระร่วงโรจนฤทธิ์ หลวงพ่อศิลาขาว ซึ่งเป็นการกราบไหว้ประจำปีตามคำสั่งครูบาอาจารย์ คือพระเดชพระคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง, ป.ธ. ๖) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ที่ท่านเมตตาบอกกล่าวให้กระผม/อาตมภาพทำ ซึ่งก็ได้กระทำต่อเนื่องกันมาทุกปีไม่ขาด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2023 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 09-02-2023, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,819 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นก็แวะไปที่ศาลา ๔ ฌาปนสถาน วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร เพื่อนำเอาไทยธรรมไปมอบให้กับหมอนุ้ย (แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ เพราะว่าคุณพ่อธวัชชัย เวชสุวรรณมณี คุณพ่อของ ผอ.นุ้ย เสียชีวิตลงด้วยอายุ ๘๘ ปี

เมื่อมอบสิ่งของเพื่อช่วยเหลืองานแล้ว
กระผม/อาตมภาพก็ได้ขอตัววิ่งไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) หมู่ที่ ๒ ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อเยี่ยมสนามอบรมบาลีก่อนสอบ ตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔

หลังจากเยี่ยมสนามแล้วจึงไปเซ็นชื่อเยี่ยม ปรากฏว่าเจอพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. นั่งรับไทยธรรมจากผู้มาถวายมุทิตาสักการะ เนื่องเพราะว่าวันพรุ่งนี้ท่านจะได้รับสัญญาบัตรพัดยศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมอบหมายให้องคมนตรีอัญเชิญมาถวาย

ความจริงกระผม/อาตมภาพตั้งใจอยู่ว่าจะไปถวายมุทิตาสักการะพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากว่ากระเช้าใหญ่ เกะกะรถมาก ในเมื่อเห็นคนอื่นถวายสักการะกันตั้งแต่วันนี้ จึงเข้าไปถวายสักการะด้วย เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย กราบลาเจ้านายแล้วก็เดินทางกลับยังที่พัก มาถึงก็ต้องรีบบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนของวันนี้ต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2023 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว