กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-01-2023, 19:42
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,901 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๖



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 04-01-2023 เมื่อ 21:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-01-2023, 23:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,500 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ถนนมาลัยแมน หมู่ที่ ๒ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อถวายสักการะพระเดชพระคุณพระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ซึ่งทำบุญอายุวัฒนมงคล ๘๙ ปี เมื่อไปถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเห็นเข้าก็บอกว่า "ท่าขนุนมาจนได้ แบบนี้แปลว่ารักกันจริง..!"

เมื่อกระผม/อาตมภาพกราบถวายปัจจัยไทยธรรมแก่พระเดชพระคุณพระธรรมพุทธิมงคลแล้ว ก็อยู่ร่วมงานตักบาตรทำบุญอายุในช่วงเช้าของท่านจนเสร็จ โดยที่นั่งคุยอยู่กับพระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ.๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร กับท่านเจ้าคุณพระศรีธรรมภาณี (วัลลภ โกวิโล ป.ธ.๘), ดร. ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นนักพูดนักเทศน์ชื่อดังจากวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร

ท่านเจ้าคุณวัลลภได้ชื่นชมว่า กระผม/อาตมภาพออกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนได้เหมาะสมมาก เหตุเพราะว่าผู้คนในระยะหลังนี้ เวลาที่จะฟังธรรมมีไม่มากเหมือนก่อน แล้วขณะเดียวกัน เนื้อหา ถ้าหากว่าเป็นอรรถเป็นธรรมตรง ๆ ก็จะทำให้ขาดความน่าสนใจ แต่ว่าท่านอาจารย์พระครูสามารถที่จะเล่าเรื่องในชีวิตประจำวัน พร้อมกับแทรกธรรมะเข้าไปด้วย ถือว่าเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ดีมาก

ส่วนพระเดชพระคุณหลวงพ่อรองเจ้าคณะภาค ๑๔ นั้น ท่านได้กล่าวว่า ในเรื่องของการประชุมกรรมการในโครงการอบรมบาลีก่อนสอบของพรุ่งนี้นั้น ท่านเองต้องมีการประชุม ๒ รอบ ก็คือในรอบเจ้าคณะจังหวัดและรองเจ้าคณะจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ แล้วถึงจะมาในรอบของเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภอ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2023 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-01-2023, 23:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,500 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพก็ยังบอกว่าเป็นเรื่องที่ดีงาม เพราะว่าการประชุมบ่อย ๆ นั้น เป็น ๑ ในอปริหานิยธรรม ๗ ประการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ ว่าเป็นหลักธรรมที่ช่วยไม่ให้มีความเสื่อม ก็คือหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม เชื่อฟังพระเถระผู้เป็นประธานที่ประชุมนั้น เป็นต้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเอาไว้ให้กับเรามา ๒,๖๐๐ กว่าปีแล้ว

ในส่วนของการประชุมนั้น หลักใหญ่ก็คือทำความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ ให้ตรงกัน จะได้ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งมีแต่จะช่วยให้หน่วยงานนั้นเข้มแข็ง ตลอดจนกระทั่งเจริญก้าวหน้าได้ง่าย

แต่ว่าพระสังฆาธิการของเราส่วนหนึ่งนั้นไม่ให้ความสำคัญกับการประชุม แต่ไปให้ความสำคัญกับกิจนิมนต์มากกว่า เพราะว่าการประชุมนั้นต้องเดินทางไกล ต้องเสียเวลา ตลอดจนกระทั่งไม่ได้รับปัจจัยไทยธรรมเพราะว่าเป็นหน้าที่ เมื่อมีกิจนิมนต์จึงละทิ้งการประชุม ไปรับกิจนิมนต์มากกว่า ยังดีที่ว่าคนทั้งหลายเหล่านี้เป็นแค่ส่วนน้อย ถ้าหากว่าเป็นส่วนมากแล้ว การคณะสงฆ์ของเราย่อมไปได้ไม่ถึงไหน

ดังนั้น..ในเรื่องของการประชุมจะเห็นว่าทางกระผม/อาตมภาพให้ความสำคัญอย่างที่สุด ดังที่ได้บอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแล้วว่า ถ้าหากว่าไม่ได้รับนัดหมายเอาไว้ก่อน ไปหากระผม/อาตมภาพที่วัดท่าขนุน โอกาสที่จะได้พบตัวนั้นน้อยมาก เพราะว่ากระผม/อาตมภาพให้ความสำคัญกับทางงานคณะสงฆ์มากกว่า

ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีงานคณะสงฆ์ก็ดี มีการเรียนการสอนอย่างไรก็ตาม กระผม/อาตมภาพจะทิ้งกิจนิมนต์เพื่อที่จะไปในงานนั้น ๆ แทน เพราะว่าเป็นงานเพื่อส่วนรวม เพื่อความเจริญของคณะสงฆ์ เพื่อความมั่นคงและก้าวหน้าของทางคณะสงฆ์แทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2023 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-01-2023, 23:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,500 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อช่วงวันปีใหม่ที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพเสียอ้อนวอนของลูกศิษย์ไม่ได้ ก็คือพระครูปัญญาวชิรกาญจน์ (ศักดิ์ดา ปญฺญาวชิโร, ป.ธ.๓) หรือว่าหลวงพ่อแหลม เจ้าอาวาสวัดใหม่รางวาลย์ เจ้าคณะตำบลพงตึก ที่ท่านจะหล่อสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่อง แล้วพยายามนิมนต์ให้กระผม/อาตมภาพไปร่วมงานทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ โดยที่ท่านเองก็เป็นลูกศิษย์ มจร.มาก่อน แม้ว่าอายุกาลพรรษาของท่านจะมากกว่า ท่านก็ลดตัวลงมานิมนต์ในฐานะลูกศิษย์ กระผม/อาตมภาพจึงต้องสละเวลาในการปฏิบัติธรรมวิ่งไปให้

โดยที่อยากจะเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ว่า สมเด็จองค์ปฐมนั้นไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของหลวงพ่อเล็ก หรือว่าพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน ท่านจะสร้าง ท่านจะเสริมอย่างไรก็ตาม ท่านจะต้องทำการบวงสรวงบอกกล่าวด้วยตนเอง

ถ้าหากว่าจะนับว่าเป็นลิขสิทธิ์ ควรที่จะเป็นลิขสิทธิ์ของทางวัดท่าซุงมากกว่า เพราะว่าผู้ที่เปิดเผยเรื่องราวของสมเด็จองค์ปฐมให้ปรากฏต่อสาธารณชนนั้น พระเถระรูปแรกที่กล่าวถึงอย่างชัดเจนก็คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั่นเอง ครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ ก็มักจะกล่าวว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นธาตุต้นธรรมบ้าง พระพุทธเจ้าองค์แรกของโลกบ้าง ซึ่งไม่ได้กล่าวตรง ๆ แบบนี้

ดังนั้น..เมื่อกระผม/อาตมภาพมาสร้างสมเด็จองค์ปฐม ก็คือสร้างตามปฏิปทาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ที่ต้องการยกย่องเกียรติคุณของหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมให้ปรากฏชัดขึ้นในโลก ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ อยากจะทำ ไม่ต้องมาขออนุญาตทางวัดท่าขนุน หรือถ้าหากว่าอยากจะทำในแบบเดียวกันจริง ๆ โดยที่ไม่เปลี่ยนแปลงแบบเป็นอื่น ๆ ก็ให้ขออนุญาตไปทางวัดท่าซุงแทน

หวังว่าการบอกกล่าวในครั้งนี้คงจะชัดเจนเพียงพอ ขอทุกท่านอย่าได้เข้าใจผิดอีกว่าการสร้างสมเด็จองค์ปฐมนั้น ต้องขออนุญาตจากวัดท่าขนุน เป็นความเข้าใจผิดไปคนละโลกกับความเป็นจริงเลยทีเดียว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2023 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-01-2023, 23:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,500 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากที่ร่วมการตักบาตรทำบุญในช่วงเช้าสำเร็จเรียบร้อย ซึ่งบรรดาพระเถระที่มารับบาตรนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลและเจ้าอาวาสในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นลูกศิษย์ที่กระผม/อาตมภาพเคยสอนมา ไม่ว่าจะที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดีก็ดี หรือว่าวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิก็ตาม จึงไม่ได้รู้สึกแปลกแยกแม้แต่นิดเดียว

กระทั่งพิธีกรในงานซึ่งเป็นฆราวาส ก็ยังประกาศว่ากระผม/อาตมภาพนั้นได้ร่วมบุญกับทางด้านจังหวัดสุพรรณบุรีไปหลายล้านแล้ว ซึ่งการประกาศในลักษณะนี้อาจจะเป็นการ "หางานเพิ่ม" ให้กระผม/อาตมภาพก็เป็นได้..!

เมื่อกราบลาพระเดชพระคุณท่านแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ตรงไปยังวัดน้อย ซึ่งหลายคนใช้คำว่า "วัดหลวงพ่อเนียม" เพื่อที่จะเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงก็คือ พระครูใบฎีกาสามารถ ขนฺติวโร เจ้าอาวาสวัดน้อย เจ้าคณะตำบลโคกคราม เขต ๒ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์

ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูขันติวรานุสิฐ ซึ่งท่านเองก็ดีอกดีใจมากที่กระผม/อาตมภาพในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นและประธานของรุ่น อุตส่าห์ไปเยี่ยมเยียนจนถึงที่พัก โดยที่ไม่ได้นัดแนะเอาไว้ก่อน

หลังจากที่ถวายปัจจัยไทยธรรมแก่ท่านแล้ว ท่านก็ได้ถวายรูปของหลวงปู่เนียม วัดน้อย ซึ่งเป็นรูปแบบเก่าที่ใหญ่มาก ถ้าถามว่าใหญ่มากแค่ไหน ? กรอบด้านกว้างก็น่าจะถึง ๒๔ นิ้ว ด้านยาวน่าจะถึง ๓๐ นิ้ว เป็นต้น เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเอาใส่มาในรถ ต้องบอกว่าเกือบจะเต็มคันรถพอดี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2023 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 04-01-2023, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,500 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพูดคุยกันจนหายคิดถึง ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบที่ท่านไปผ่าตัดลำไส้มา ได้ยินว่าแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ว่ายังมีอาการแสบร้อนบริเวณบาดแผลอยู่ ซึ่งเป็นอาการปกติ เพราะว่าในบริเวณนั้น เส้นเลือดก็ดี เส้นประสาทก็ดี โดนผ่าตัดขาดไป เมื่อถึงเวลาเลือดลมวิ่งไปถึงจุดนั้น ไม่สามารถที่จะไปต่อได้ เกิดอาการอั้นขึ้นมาก็จะแสบร้อน แต่ว่าในช่วงนี้ยังไม่กระไรนัก ถ้าหากว่าช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ จะรู้สึกเจ็บปวดแสบร้อนเป็นปกติ ซึ่งอาการทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราเห็นเป็นเรื่องปกติก็จบกัน แต่ถ้าเราเห็นไม่เป็นเรื่องปกติก็จะเครียดมาก

ท่านได้บอกว่าปัจจัยไทยธรรมที่กระผมถวายไปนั้น ท่านขอนำเข้ากองทุนสงฆ์อาพาธของทางวัดน้อย เพื่อเป็นการเลียนแบบปฏิปทาที่กระผม/อาตมภาพตั้งกองทุนรักษาพยาบาลรักษาพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน

พวกเราได้เคยปรารภกันว่า ในเรื่องของการซ่อมก็ดี ในเรื่องของการสร้างก็ดี ในวัดวาอารามต่าง ๆ นั้น ถ้าหากว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านมีชื่อเสียงเกียรติคุณ เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน การหางบประมาณมาทำการนั้น ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าพอไปถึงเจ้าอาวาสรูปถัดไป ก็มักจะเกิดปัญหา โดยเฉพาะถ้าหากว่าของเก่าสร้างเอาไว้มาก ของใหม่หรือเจ้าอาวาสใหม่นั้นก็จะต้องทำการบูรณปฏิสังขรณ์ เพื่อคงความเจริญรุ่งเรืองเอาไว้ให้เหมือนเดิม ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น..เจ้าอาวาสเก่า ถ้าหากว่ามีชื่อเสียงเกียรติคุณมากพอ ก็ควรที่จะหากองทุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามทิ้งเอาไว้บ้าง เพื่อที่ให้ท่านที่มาทีหลังจะได้ไม่ต้องลำบากในการหาปัจจัยมาบูรณะวัดให้มั่นคงแข็งแรงเหมือนเดิม

หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ได้ลาท่านออกมา กราบสังขารหลวงปู่เนียม วัดน้อย ซึ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง เมื่อกราบครูบาอาจารย์รับพรจากท่านเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกลับยังที่พัก

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2023 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว