กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-07-2022, 17:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,642
ได้ให้อนุโมทนา: 216,883
ได้รับอนุโมทนา 747,478 ครั้ง ใน 36,409 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-07-2022, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,022 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หรือที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า วันอาสาฬหบูชา ทางวัดท่าขนุนของเรามีการทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา พระเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารสังฆทาน ส่วนในช่วงบ่ายพระภิกษุวัดท่าขนุนลงพระอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์ หลังจากนั้นก็มีการอธิษฐานพรรษา ซึ่งหลายแห่งก็สงสัยว่า ทำไมวัดท่าขนุนถึงอธิษฐานพรรษาในวันอาสาฬหบูชา ?

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในกฐินขันธกะได้กำหนดเอาไว้ว่า ภิกษุผู้ที่จะรับกฐินได้นั้น ต้องจำพรรษาครบถ้วนไตรมาส (๓ เดือน) ซึ่งถ้าหากเรานับวันเข้าพรรษาเป็นวันแรก แล้วท่านไปอธิษฐานพรรษาในช่วงเย็นของวันเข้าพรรษา ก็แปลว่าจะขาดไปหลายชั่วโมง..!

ถึงแม้ว่าวัดท่าขนุนจะปวารณาพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ก็ตาม แต่ก็ยังคงรักษาผ้าครองและรักษาการจำพรรษาไปจนกระทั่งถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือที่เรียกกันว่า วันตักบาตรเทโว เพื่อที่จะให้ครบถ้วน ๓ เดือนเต็มตามพระบรมพุทธานุญาต จะได้ไม่มีปัญหาในการรับกฐิน

ตรงนี้ต้องบอกว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมีความละเอียดในพระธรรมวินัยมาก เมื่อกำหนดเอาไว้ว่าจะต้องจำพรรษาครบถ้วนไตรมาส จึงจะมีสิทธิ์รับกฐินได้ คิดกันแบบบุคคลทั่ว ๆ ไป ก็คือ ถ้านับชั่วโมงแรกในวันเข้าพรรษา แล้วท่านไปอธิษฐานพรรษาในช่วงบ่ายของวันเข้าพรรษา ก็แปลว่าขาดไปหลายชั่วโมง ถ้าท่านทั้งหลายไปออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ โดยไม่ได้รักษาการเข้าพรรษาต่อ ก็แปลว่าอาจจะขาดไปอีกหลายชั่วโมง..!

ดังนั้น..เพื่อไม่ให้เกิดการลักลั่นในพระธรรมวินัย หรือไม่ให้เกิดข้อสงสัยในการประพฤติปฏิบัติ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านถึงได้แนะนำว่า ให้พระภิกษุอธิษฐานพรรษาในวันอาสาฬหบูชา คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ แล้วรักษาการเข้าพรรษายาวไปจนถึงเช้าวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งเป็นวันตักบาตรเทโว จะได้หมดข้อสงสัยกันไปโดยปริยาย

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราขาดความเคร่งครัด อาจจะทำให้เราไม่ใช่บุคคลที่สมควรแก่การรับกฐิน เมื่อรับกฐินไป นอกจากอานิสงส์ไม่ได้แก่ตนแล้วพวกเราที่ไม่ใช่บุคคลที่ควรแก่รับกฐิน ก็จะทำให้อานิสงส์ของเจ้าภาพกฐินลดน้อยถอยลงไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2022 เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-07-2022, 23:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,022 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของพระธรรมวินัยนั้น กระผม/อาตมภาพถือตามแบบอย่างของครูบาอาจารย์ ก็คือให้เข้มงวดไว้ก่อน เมื่อผ่อนลงมาก็จะพอดี แต่ถ้าท่านไปผ่อนตั้งแต่ต้น เมื่อถึงเวลาผ่อนลงไปอีก ก็จะกลายเป็นหย่อนยานและเสียหายในพระธรรมวินัยไปเลย ทำให้หลายวัดที่มีการประพฤติปฏิบัติซึ่งไม่ค่อยจะเข้มงวดนั้น บางทีก็เห็นการปฏิบัติผิดของตนกลายเป็นถูก แล้วกล่าวว่าที่วัดท่าขนุนอธิษฐานพรรษาในวันอาสาฬหบูชานั้น เป็นการกระทำที่ผิด ต้องไปอธิษฐานวันเข้าพรรษาจึงจะถูก เหล่านี้เป็นต้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เมื่อนาน ๆ ไป ก็จะมีการยึดถือตามครูบาอาจารย์ของตน แล้วกลายเป็นอาจาริยวาท ซึ่งทำให้เกิดนิกายต่าง ๆ ขึ้นมา ในการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๒ หลังจากพระพุทธปรินิพพานแล้ว ๑๐๐ ปี ตอนนั้นแตกออกไปถึง ๑๘ นิกายด้วยกัน ก็เพราะถือว่าการปฏิบัติของอาจารย์ของตนนั้นถูกต้อง

ปัจจุบันในประเทศไทยของเรานั้น ก็มีแนวโน้มว่าการปฏิบัติของเรานั้นแยกออกเป็นหลายสายด้วยกัน ถ้ามีการกระทบกระทั่งกันเมื่อไร ก็จะกลายเป็นนิกายขึ้นมาทันที อย่างเช่นว่าเป็นสายของสันติอโศก เป็นสายของธรรมกาย เป็นสายของวัดป่าสายหลวงปู่มั่น เป็นสายของหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง แล้วก็ยังมีสายของวัดนาป่าพง มีสายของการปฏิบัติแบบนามรูป มีสายการปฏิบัติแบบเคลื่อนไหว เป็นต้น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความอ่อนไหวของพระพุทธศาสนาของเราเป็นอย่างมาก ก็คือแทนที่จะมีแค่ธรรมยุตและมหานิกาย สองนิกายเท่านั้น ปัจจุบันนี้เรามีทั้งธรรมยุติกนิกาย มีมหานิกาย มีจีนนิกาย มีอนัมนิกาย และหลายแห่งก็มีวัชรยานของทางด้านทิเบตแทรกเข้ามาด้วย ซึ่งตรงจุดนี้ในการยึดถือนั้นจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้แตกต่างในเรื่องของข้อธรรมและแนวปฏิบัติสักเท่าไร แต่ส่วนที่ทำให้เกิดความอ่อนไหวก็เพราะว่า มาปะปนกันอยู่ในคณะสงฆ์ไทย แล้วทำให้เกิดการยึดมั่นถือมั่นขึ้นมาในบรรดาหมู่ศิษย์ทั้งหลาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2022 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-07-2022, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,022 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต้องบอกว่าสายการปฏิบัติธรรมต่าง ๆ นั้น บรรดาต้นสายไม่ได้ทะเลาะกันเลย ถ้าเราดูต้นสายของการปฏิบัติในสายพุทโธ จะกล่าวว่าเป็นหลวงปู่มั่น ทางด้านอีสานเป็นต้นสายก็ตาม หรือสายการปฏิบัติแบบสัมมาอะระหัง มีหลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นต้นสาย การปฏิบัติแบบพองยุบมีหลวงปู่พม่า หรือ ดร.ภัททันตะ อาสภมหาเถระ ซึ่งตอนหลังไปจำพรรษาอยู่ทางวิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี เป็นต้นสายก็ตาม

กล่าวโดยคร่าว ๆ แล้ว บรรดาเจ้าอาวาสที่นับเป็นต้นสาย หรือหลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นต้นสายนั้น ท่านไม่ได้มานั่งถกเถียงกันว่าของใครถูก ของใครผิด หากแต่ว่าบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายต่างหากที่เอากิเลสไปชนกัน แล้วก็แบ่งแยกว่านี่เป็นสายฉัน นั่นเป็นสายเธอ เมื่อแบกกิเลสไปชนกัน ถึงเวลาแล้วต่างคนต่างก็ถือทิฏฐิมานะ แบกตัวกูของกูไปอย่างเต็มที่ ต้องของอาจารย์กูเท่านั้นจึงจะถูก ก็จะไปงัดข้อกันจนทำให้เกิดการแตกแยกขึ้นมาในพระพุทธศาสนาของเราโดยใช่เหตุ หลังจากนั้นเมื่อแบกกิเลสกันมาก ๆ ก็จะมีแนวโน้มแตกออกเป็นหลายสายดังที่กระผม/อาตมภาพได้บอกกล่าวไปแล้วในเบื้องต้น

อยากจะบอกว่าสิ่งที่ครูอาจารย์ต้นสายทั้งหลายประพฤติปฏิบัติมานั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ใน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น ผู้ใดที่ถนัดตรงจุดไหน ถนัดที่แบบไหน ก็ได้สั่งสอนลูกศิษย์ไปในแบบนั้น ลูกศิษย์ทั้งหลายถ้าหากว่าชอบใจในปฏิปทานั้นก็ยึดถือปฏิบัติตาม ๆ กันมา ทำให้เกิดเป็นสายโน้นสายนี้

เหมือนอย่างกับครูบาอาจารย์ที่เป็นอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้สอนการทำอาหารออกไปเป็นเมนูถึง ๘๔,๐๐๐ อย่าง บรรดาลูกศิษย์เรียนรู้ไปแล้วมีความถนัด มีความชำนาญแบบไหน ก็ทำอาหารแบบนั้นออกมาจำหน่าย บรรดานักชิมทั้งหลายเมื่อชิมที่ร้านไหนแล้วเกิดติดใจ ก็บอกต่อ ๆ กันไป ท่านที่ชอบอาหารรสเดียวกันก็ไปกินที่ร้านนั้นมาก จนก่อให้เกิดชื่อเสียงของร้านนั้น ๆ ขึ้นมา แต่ว่าทั้งหลายทั้งปวงนั้น ล้วนแล้วแต่มาจากครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ที่สอนไปทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2022 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-07-2022, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,022 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จะว่าไปแล้ว หลักธรรมในประเทศไทยไม่ได้มีสายโน้น ไม่ได้มีสายนี้ ทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นสายของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ที่แบ่งสายขึ้นมาได้นั้นก็เพราะว่า ความชำนาญของครูบาอาจารย์แต่ละท่านไม่เหมือนกัน แล้วนำไปสั่งสอนลูกศิษย์ของตนตามความถนัด

เปรียบเสมือนว่าการเดินทางไปสู่กรุงเทพฯ นั้น ถ้าหากว่าท่านมาทางภาคเหนือ ท่านก็ต้องเดินทางมาตามถนนพหลโยธิน ถ้าท่านมาทางภาคอีสาน ก็ต้องเดินทางมาตามถนนมิตรภาพ ถ้าหากว่าท่านเดินทางมาจากภาคตะวันออก ก็ต้องเดินทางมาตามถนนสุขุมวิท ถ้าท่านเดินทางมาจากทางภาคใต้ ก็ต้องเดินทางมาจากถนนเพชรเกษม

นี่เป็นหลักใหญ่ ๆ ถึงสี่สายไปแล้ว แล้วยังมีถนนสายย่อย ไม่ว่าจะเป็นถนนสายเอเชียก็ดี จะเป็นมอเตอร์เวย์ก็ตาม หรือจะเป็นทางด่วนสายโน้นสายนี้ แต่ว่าทั้งหมดก็จะพามาถึงกรุงเทพฯ ได้ทั้งสิ้น แล้วจะไปบอกว่าการเดินทางสายโน้นผิด ต้องสายนี้เท่านั้น ท่านลองใช้ปัญญาตรองดูว่าถูกต้องแล้วหรือไม่ ?

และในเมื่อถนนทุกสายล้วนมุ่งไปในกรุงเทพฯ หรือว่าการปฏิบัติธรรมทุกสายล้วนมุ่งไปสู่พระนิพพาน โดยไม่ได้ไกลไปจาก ศีล สมาธิ ปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้ แล้วกระจายออกไปเป็นมรรคมีองค์ ๘ กระจายออกไปเป็นหลักธรรมในพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก รวมแล้ว ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เมื่อกาย วาจา ใจ สะอาดถึงที่สุด ปล่อยวางการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง ท่านก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน อันเป็นบรมธรรมในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาได้

ดังนั้น...ตราบใดที่ท่านทั้งหลายยังยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นสายนั้น เป็นสายนี้ เป็นครูบาอาจารย์ท่านนั้นท่านนี้ถึงใช่ ครูบาอาจารย์ท่านอื่นไม่ใช่ ก็แปลว่าท่านยังแบกกิเลสเอาไว้เต็มตัว แล้วเมื่อไรท่านถึงจะมีโอกาสหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ ?

สำหรับวันอาสาฬหบูชานี้ ก็ขอฝากข้อคิดเอาไว้สำหรับพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งอุบาสกอุบาสิกา และญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2022 เมื่อ 01:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว