กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-12-2018, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออกให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ จากการปฏิบัติธรรมเมื่อวานที่พระเดชพระคุณพระเทพประสิทธินายก (หลวงปู่นาค วัดระฆัง) หรือที่อาตมาเรียกด้วยความเคารพนับถือส่วนตัวว่า "หลวงเตี่ย" ท่านเมตตามาตักเตือนว่าหลายท่านสามารถรักษาศีล ๘ ได้ เพราะว่าทุกอย่างที่ทำก็เท่ากับศีล ๘ อยู่แล้ว ยกเว้นเสียเวลาไปกินข้าวเย็นอยู่แค่พักเดียว

ซึ่งลักษณะนี้ที่ท่านเมตตามาเตือน เกิดจากความที่พวกเราไม่สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาดเพียงพอ จึงทำให้เสียประโยชน์ใหญ่ที่ควรจะได้ไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าเราศึกษาในพุทธประวัติ คืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งใต้โคนไม้พระศรีมหาโพธิ์ ทรงตั้งพระทัยไว้ว่า แม้ว่าเลือดเนื้อร่างกายนี้จะเหือดแห้งไปก็ดี หรือชีวิตินทรีย์นี้จะตักษัยลงไปก็ตาม ถ้าไม่สามารถจะเข้าถึงธรรมที่ปรารถนาด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษที่พึงกระทำแล้ว เราจะไม่ทำลายบัลลังก์นี้โดยเด็ดขาด คือจะไม่ลุกจากที่ นี่คือความเด็ดขาดในการตัดสินใจ ว่าต่อให้ตายลงไปก็ตาม ถ้าไม่บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ พระองค์ท่านจะไม่ยอมลุกขึ้นอีกแล้ว

ด้วยการตัดสินใจที่เด็ดขาดจริงจังอย่างนี้ พระองค์ท่านจึงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศที่สุดในโลก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2018 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-12-2018, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หรือถ้าศึกษาเถระประวัติของพระพาหิยทารุจีริยเถระ ชาติก่อนท่านกับเพื่อน ๆ ที่เป็นนักบวชด้วยกัน ต่อบันไดปีนขึ้นไปบนถ้ำที่อยู่บนเขาสูง แล้วถีบบันไดทิ้งไปเลย ด้วยความตั้งใจว่าถ้าไม่สามารถบรรลุอรหันต์แล้วเหาะได้ ก็จะยอมตายอยู่บนนี้ นั่นคือการตัดสินใจที่เฉียบขาด เด็ดขาด เอาชีวิตเข้าแลก

หรือแม้กระทั่งตัวของอาตมาเองก็ตาม ประมาณต้นปี ๒๕๒๗ ถ้าจำไม่ผิด เจริญกรรมฐานอยู่ที่บ้านสายลม พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกกล่าวหลังเจริญกรรมฐานแล้วว่า วันนี้พระท่านเสด็จมาบอกว่า บุคคลที่เจริญกรรมฐานอยู่ที่บ้านสายลมนี้ทั้งหมด มีอยู่ ๘๐ คนที่สามารถรักษาศีล ๘ ได้เลย ทันทีที่ได้ยินดังนั้นความคิดของอาตมาก็คือ เราคือหนึ่งในจำนวนนั้น

ทันทีที่ตัดสินใจได้ รู้สึกเบากายเบาใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พอหลังจากอาหารกลางวันแล้ว รู้สึกเหมือนคอหอยตัน ถ้าไม่ใช่เฉพาะน้ำแล้วกินอะไรไม่ได้เลย เป็นการเตรียมตัวอดข้าวเย็นได้ก่อนบวชเกือบ ๒ ปี เต็ม ๆ

ส่วนนี้ที่กล่าวนี้ ไม่ได้อวดอ้างความสามารถตัวเอง แต่อยากจะบอกให้รู้ว่าการปฏิบัติธรรมของเรานั้น ทุกระดับของกำลังใจไม่ว่าจะเป็นปุถุชน ผู้ทรงฌาน หรือว่าพระอริยเจ้าก็ตาม ต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด อย่างที่พระสายวัดป่าท่านบอกว่า ธรรมะอยู่ฟากตาย ต้องเด็ดขาดกันชนิดแลกกันด้วยชีวิต นี่คือสัจบารมี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2018 เมื่อ 03:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-12-2018, 21:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเราศึกษาประวัติในพระไตรปิฎก พระในสมัยพุทธกาล พอฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็บรรลุพระโสดาบัน บรรลุพระสกทาคามี บรรลุพระอนาคามี บรรลุอรหัตผลตามวาสนาบารมีของแต่ละท่าน เพราะว่าท่านมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด ว่าหลักธรรมนี้ไม่เกินความสามารถ เราจะถือไว้ทำ คำว่าถือไว้ทำคือยึดเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ถ้าหากว่าไม่มีการตัดสินใจที่เด็ดขาด เราจะไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้เลยแม้แต่ระดับเดียว แต่ถ้าสามารถตัดสินใจได้เด็ดขาด เราก็จะได้มรรคได้ผลตามวาสนาบารมีของตนที่สั่งสมมา

ดังนั้น การที่พระเดชพระคุณหลวงปู่นาค วัดระฆัง ท่านเมตตามาเตือน ก็เพราะท่านเห็นว่า กำลังใจของหลายท่านสามารถรักษาศีล ๘ เป็นสมุทเฉทได้แล้ว ก็คือรักษาได้โดยเด็ดขาดไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว แต่ขาดการตัดสินใจเลยไม่ได้ประโยชน์ใหญ่อย่างที่ตนต้องการ ในเมื่อท่านเมตตามาตักเตือนแล้ว ใครที่คิดว่าคุณสมบัติของตนเองเพียงพอ ก็ให้ตั้งใจรักษาศีล ๘ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2018 เมื่อ 21:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-12-2018, 21:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ศีล ๘ เป็นศีลพรหมจรรย์ เป็นศีลของพระอนาคามีโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติสูงกว่าศีล ๕ หลายร้อยเท่า เอื้อต่อการปฏิบัติธรรมของเราอย่างยิ่ง

บางท่านอาจจะหนักใจว่า ยังต้องแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อไปเข้าสังคม เพื่อไปทำงาน ขอให้ทราบว่า เรื่องการแต่งตัวตามหลักของศีล ๘ นั้น ท่านห้ามแต่งเพื่ออวดเพศตรงข้าม หรือว่าแต่งไปยั่วกิเลสเพศตรงข้าม ต่อให้ท่านไม่แต่งเนื้อแต่งตัว แต่ถึงเวลาเจอเพศตรงข้าม ก็มีการกระเซ้าเย้าแหย่ มีการหยอกล้อ มีการทิ้งหางตาให้ ลักษณะอย่างนั้นถือว่าศีล ๘ บกพร่องไปแล้ว

ในเมื่อรู้ดังนี้แล้วว่า วัตถุประสงค์ในการห้ามแต่งเนื้อแต่งตัวเพราะอะไร เราก็สักแต่ว่าแต่งเพื่อเข้าสังคม จะได้รู้ว่าสภาพร่างกายของเราน่าเกลียดเป็นปกติ ถ้าไม่แต่งไปเขาก็ทนดูไม่ได้ ก็แต่งเพื่อเอาใจสังคม แต่อย่าแต่งไปยั่วกิเลสเขา
ก็ขอให้ทุกท่านตั้งอกตั้งใจในการประคับประคองรักษา ถ้าสามารถเป็นศีล ๘ ที่เป็นสมุทเฉทได้ ก็จะเป็นคุณแก่การปฏิบัติของตนเป็นอย่างยิ่ง

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2018 เมื่อ 21:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว