|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#141
|
||||
|
||||
ตอนนี้การยกห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงครามเป็นวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีก็ต้องบอกว่าผ่านแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายคือรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น ถ้าหากว่าทัน ปีนี้ก็จะเปิดปริญญาโทไปด้วยเลย ถ้าหากว่าไม่ทัน เราก็จะเอานักเรียนที่จบปริญญาตรีมาเรียนพื้นฐานรอปีต่อไป เพราะว่าปริญญาโทนั้น พื้นฐานภาษาอังกฤษกับงานวิจัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
เรื่องนี้ต้องถามพระครูกาญจนปริยัติคุณ (พระครูบ่าว) เรียนปริญญาโทบอกว่าสบายมาก ขณะที่คนอื่นน้ำตาจะเล็ด ไอ้ที่สบายมากเพราะว่าตอนเรียนอยู่ห้องเรียนวัดใต้ ท่านอาจารย์ด็อกเตอร์อัมพร บังคับเขียนงานวิจัยตั้งแต่ชั้นปริญญาตรี คราวนี้พอทำไป ๒ รอบ ๓ รอบ เคยชินกับรูปแบบงานวิจัย พอไปเรียนปริญญาโทก็ง่ายเลย ก็เหมือนอย่างกับทำรายงานเล่มหนึ่งเท่านั้นเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2021 เมื่อ 18:32 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#142
|
||||
|
||||
ส่วนที่ยากของงานวิจัย ไม่ใช่การเขียนงานวิจัย แต่เป็นการเขียนบทความประกอบงานวิจัย ใครฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องฟังนะจ๊ะ การเขียนบทความทางวิชาการ อาตมาว่าเป็นคนเขียนหนังสือเก่งมากนะ...ต้องชมตัวเอง ปรากฏว่าเขียนไปแล้วไม่ผ่าน เพราะไปแทรกความคิดส่วนตัวเข้าไป เขาไม่เอาเลย พอถึงเวลาก็มีวงแดง ๆ จากผู้ทรงคุณวุฒิที่ตรวจบทความมาเลย แถมเขียนกำกับมาด้วยว่า "ความคิดส่วนตัว โปรดเปลี่ยนเสียใหม่"
เขาจะเอาตามหลักทฤษฎีหรือหลักวิชาการเท่านั้น ก็เลยกลายเป็นของยากไปได้ ไม่อย่างนั้นบทความวิชาการงานไม่กี่หน้า อาตมาควาน ๆ หาครึ่งวันก็ได้เหลือเฟือแล้ว ปรากฏว่าส่งไป แก้แล้วแก้อีกกว่าจะผ่าน ตอนเรียนปริญญาโท ถ้าจำไม่ผิดต้องแก้อยู่ ๓ ครั้ง ตอนเรียนปริญญาเอกนี่รู้แล้ว ไม่ต้องแก้เลย ส่งต้นฉบับ pdf.file เข้าไปในไลน์กลุ่มของมหาวิทยาลัย ท่านอาจารย์ผู้ดูแลบทความตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วแจ้งว่า "ส่งตัวจริงมาได้เลยครับ...ผ่านแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-04-2021 เมื่อ 22:55 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#143
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมาเพิ่มบัญชีกฐินปลดหนี้มาอีกหนึ่งบัญชี ยังไม่รู้ว่าจะหาให้ท่านอาจารย์หนึ่งได้สักเท่าไร
ปีที่แล้วมีแต่เพื่อนพระสังฆาธิการบ่นว่า เจ้าภาพรับปากไว้ว่าจะทอดกฐินแล้วก็มาบอกคืนหมด คำว่า "มาบอกคืน" ก็คือขอยกเลิกการเป็นเจ้าภาพ ก็ต้องเห็นใจญาติโยมว่าเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ อาละวาดหนักจริง ๆ พอเศรษฐกิจไม่ดีอย่างอื่นก็ไม่ดีไปหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 12:58 |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#144
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่พาลูกมาทำบุญว่า "ลูก ๆ อายุเท่านี้แม่ต้องวิ่งไล่ทั้งวัน ความจริงมีเคล็ดลับอยู่นิดเดียวว่าอย่าไปไล่ นั่งอยู่เฉย ๆ ลูกไปไม่ไหนไกลพ่อแม่หรอก เดี๋ยวเขาก็วิ่งกลับมา เพียงแต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่ไปห่วงมาก ถึงเวลาก็ต้องวิ่งไล่จับกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 12:59 |
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#145
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ถ้าหากว่าเป็นโบราณ จะเป็นช่วงของฝนชะลาน หรือฝนชะช่อมะม่วง แต่คราวนี้เลยมาจนจะเข้าสงกรานต์แล้ว โบราณเขาจะบอกกันเลยว่า สงกรานต์ฝนฟ้าแรงให้ระมัดระวัง
คำว่า ฝนฟ้าแรง หมายถึงจะเกิดพายุฤดูร้อน เนื่องจากว่าสภาพอากาศร้อน พอฝนตกอากาศเย็นไหลเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ก็เลยทำให้เกิดลมแรง คราวนี้โลกเราเสียสมดุลมาก ก็เลยทำให้ลมแรงมากกว่าปกติ เรือนชานบ้านช่องเสียหายกันเป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่าเป็นของพวกเราเองก็หาผ้ายันต์ของครูบาอาจารย์ติดบ้านไว้ ว่าอิติปิ โสฯ สักวันละ ๓ จบ ขอบารมีพระ พรหม หรือเทวดา ท่านช่วยสงเคราะห์ให้ปลอดภัย ที่อาตมาทำไปช่วงเจริญกรรมฐานสามวัน แล้วพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ท่านสงเคราะห์ สามารถใช้งานได้ทั้งหมด แม้ว่าจะเน้นในเรื่องของลาภผล แต่ว่าการป้องกันนี่ท่านให้ทุกด้าน เพราะว่าสภาวะสงครามก็จะเกิด ดินฟ้าอากาศก็วิปริต ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีติดบ้านติดตัวเอาไว้ อธิษฐานขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ให้เรือนชานบ้านช่อง ตลอดจนกระทั่งตัวบุคคลหรือทรัพย์สินของเราปลอดภัย เพียงแต่ว่าให้ภาวนาอิติปิ โสฯ เอาไว้ทุกวัน เพราะว่าอิติปิ โสฯ เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ สวากขาโตฯ เป็นบทสรรเสริญพระธรรมคุณ สุปฏิปันโนฯ เป็นบทสรรเสริญพระสังฆคุณ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:00 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#146
|
||||
|
||||
"ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะขาดความเชื่อมั่น เพราะว่าไม่ได้เห็นมาด้วยตนเอง อาตมาเองตั้งแต่เล็ก ๆ ก็เห็นมาด้วยตนเองหลายครั้ง บางทีพายุมา หลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสยืนอยู่กลางลานวัด เอาผ้าอาบโบกซ้ายขวาทีสองที พายุออกข้างไปหมดเลย เมื่อเห็นดังนั้น..เวลาท่านถ่ายทอดวิชาอะไรมาก็มีความศรัทธาเชื่อมั่นมาก เพราะว่าเห็นผลมาเองแล้ว ตัวศรัทธาเชื่อมั่นก็ทำให้กำลังใจมั่นคง พอกำลังใจมั่นคงก็จะเกิดพลังอำนาจขึ้นมา
เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วเป็นเหตุเป็นผลกันหมด เพียงแต่ว่าบางทีเราก็ศึกษากันไปไม่ถึง บางคนก็นั่งหัวเราะ ท่านพระครูปฐมสาธุวัฒน์ หรือพระอาจารย์เทพ วัดสี่แยกเจริญพร เห็นอาตมาติดผ้ายันต์พญาเต่ามังกรเงินล้านในกุฏิ ถามว่า "พระอาจารย์ใช้เองด้วยหรือครับ ?" บอกว่า "เอ้า..รู้ว่าดีก็ต้องใช้สิวะ" แล้วถามว่า "แล้วพระอาจารย์ซื้อหรือเปล่า ?" ก็บอกไปว่า "ซื้อ..จ่ายเงินเท่ากับโยมนั่นแหละ" โดยเฉพาะถ้าหากว่ามีลายเซ็นก็จ่ายพิเศษตามราคา ลายเซ็นตัวเองแท้ ๆ อาตมายังต้องซื้อเลย..! อาตมาอยากจะบอกว่า ในทัศนคติเฉพาะของตัวเอง เสกของมาแล้วถ้าไม่ดีพอที่จะใช้งานเอง ก็อย่าไปให้คนอื่นเขาใช้เลย เพราะว่าตัวเองยังไม่มั่นใจแล้วจะไปคุ้มครองคนอื่นได้อย่างไร ? แต่ว่าทัศนคติแบบนี้ สมัยนี้เขาไม่ค่อยเอากัน อาตมาทำตามแบบโบราณ ลองแล้วลองอีก ลองจนกว่าจะมั่นใจ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถ่ายทอดอะไรให้ก็ทำแล้วทำอีก ซักซ้อมจนมั่นใจก็ไปรายงาน ถามว่าทำไมต้องซักซ้อมจนมั่นใจ ? เพราะว่าเดี๋ยวท่านบอกให้ทำให้ดู ถ้าไม่มั่นใจแล้วอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ เกิดตื่นเต้นประหม่าขึ้นมาทำไม่ได้ มีหวังโดนไม้เท้าแน่ ๆ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:05 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#147
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ครอบครัวของคุณนพดลถวายข้าวของ โดยเฉพาะของในโรงครัวเป็นจำนวนมาก ๆ ทุกเดือน ทางวัดถ้าเหลือใช้ระยะนี้ ฝ่ายที่รับช่วงต่อส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก (วังด้ง)
โรงเรียนหมู่บ้านเด็กอยู่ตรงวังด้ง จะรับเด็กที่ครอบครัวล่มสลาย หรือว่าเด็กพิเศษไปดูแลเป็นร้อย ๆ คน ปีนี้อาตมาเพิ่งจะไปทอดผ้าป่าสร้างอาคารที่พักเด็ก และอาคารเรียนสำหรับเด็กพิเศษ แล้วก็ซื้อเครื่องมือประกอบการศึกษาให้เขา ทำไปหลายครั้งหมดไปประมาณล้านกว่าบาทแล้ว ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหารนั้น ประมาณ ๒ เดือนเขาจะเอารถหกล้อไปขนที่วัดท่าขนุนทีหนึ่ง พอถึงเวลาก็โทรไป บรรดาแม่ครูจะพาเด็ก ๆ มาประมาณช่วงเที่ยง พอมาถึงวัดจะได้กินข้าววัดก่อน ...(หัวเราะ)... คุณครูดูแลเด็กดีมาก อะไรที่เป็นโทษไม่ค่อยยอมให้เด็กกินกัน ดังนั้น..ส่วนใหญ่ก็ให้กินพวกผัก ผลไม้ ปลา แล้วก็สอนให้เด็กปลูกผัก เลี้ยงปลา ปรากฏว่าเลี้ยงหมูไปตัวหนึ่งน้ำหนักจะ ๒๐๐ กิโลกรัมอยู่แล้ว ก็ยังเลี้ยงอยู่นั่นแหละ ถามว่าทำไม ? ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะว่าเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ๆ เจ้าหมูตัวนั้นก็เลยกลายเป็นพระราชา มีเด็ก ๆ เป็นร้อยช่วยกันเลี้ยง ...(หัวเราะ)... วัตถุประสงค์ตอนแรกคือเลี้ยงไว้ทำอาหาร แต่พอเลี้ยงแล้วไม่มีใครกล้าทำอะไร เจ้าหมูก็เลยโตขึ้นทุกวัน ๆ ความจริงเขามีเจ้าภาพทอดผ้าป่าของปีนี้อยู่แล้ว แต่ที่กลายเป็นวัดท่าขนุนก็เพราะในเรื่องของเชื้อไวรัสโควิดระบาดนี่แหละ เขาบอกว่า "เจ้าภาพถอนตัวกันหมด ไม่มีใครมาทอดผ้าป่า ก็เลยต้องรบกวนหลวงพ่อหน่อย" อาตมาก็บอกว่ารบกวนก็รบกวน รบกวนหลวงพ่อ หลวงพ่อก็รบกวนโยมต่อ..! เลยบอกให้ไอ้ตัวเล็กไปเปิดกระทู้ให้โยมได้ทำบุญกัน ...(หัวเราะ)..."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:07 |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#148
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในชีวิตของอาตมาเห็นอยู่รายสองรายเท่านั้นที่อายุ ๘๐-๙๐ ปีแล้วหลังยังตรงเป๊ะเลย หมอบอกว่าเป็นกระดูกสันหลังเสื่อม แต่ว่าเสื่อมด้านหลัง ก็เลยเอนไปแล้วตัวตรงเป๊ะพอดีเลย
แต่ว่าสำหรับพระนักปฏิบัติ ถ้าเป็นรุ่นเก่า ๆ ครูบาอาจารย์สอนตามหลักวิสุทธิมรรค อายุมากแค่ไหนก็ต้องนั่งตัวตรง พวกเราจะสังเกตรูปถ่ายอย่างหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า กระทั่งรุ่นหลัง ๆ อย่างหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม อายุ ๙๐ กว่าแล้วยังนั่งตัวตรงเป๊ะเลย บาลีเขาบอกไว้ว่า อุชุง กายัง ก็คือตั้งกายให้ตรง ปะริมุขัง สะติง ดำรงสติไว้ข้างหน้า กำหนดความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจเข้า กำหนดความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจออก ทีฆัง วา อัสสะสันโต ทีฆัง อัสสะสามีติ ปะชานาติ พึงสำเหนียกว่าขณะนี้เราหายใจเข้ายาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว รัสสัง วา อัสสะสันโต รัสสัง อัสสะสามีติ ปะชานาติ หายใจเข้าสั้นก็รู้อยู่ว่าหายใจเข้าสั้น ทีฆัง วา ปัสสะสันโต ทีฆัง ปัสสะสามีติ ปะชานาติ พึงสำเนียกว่าตอนนี้เราหายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว รัสสัง วา ปัสสะสันโต รัสสัง ปัสสะสามีติ ปะชานาติ หายใจออกสั้นก็พึงกำหนดรู้ว่าหายใจออกสั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:08 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#149
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ติดวัตถุมงคลไว้อย่าลืมอธิษฐานให้รักษาบ้านรักษาทรัพย์สมบัติเราด้วยนะ พยายามทำไว้บ่อย ๆ ตื่นนอนขึ้นมาให้ภาวนานึกถึงพระจนกำลังใจมั่นคง แล้วอาราธนาวัตถุมงคลรักษาตัวเรา รักษาคนที่เรารัก รักษาทรัพย์สินของเรา ก่อนนอนภาวนานึกถึงพระ อาราธนาวัตถุมงคลรักษาตัวเรา รักษาคนที่เรารัก รักษาทรัพย์สินของเรา ทำบ่อย ๆ ให้ใจเกาะความดีไว้ตลอดเวลา
ถึงจะห่วงทรัพย์ห่วงสมบัติอย่างไร อย่าลืมว่าวัตถุมงคลก็คือรูปพระพุทธเจ้า รูปของพระสงฆ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์ อย่างน้อยระลึกถึงพุทธานุสติ สังฆานุสติ ตั้งใจว่าเรานอนลงก็เหมือนกับคนตาย ก็คือเหยียดยาวลงไปแล้ว จะได้ตื่นขึ้นมาเห็นตะวันขึ้นหรือไม่ก็ช่าง ถ้าตายลงไปคืนนี้เราก็ขอไปพระนิพพาน ไปอยู่กับพระพุทธเจ้า ทำกำลังใจแบบนี้ให้ได้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นแล้วก็ยังใช้วัตถุมงคลกันไม่ค่อยจะเป็น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:10 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#150
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมท่านใดถ้ามีรถเก่าอยู่ให้ทนใช้ไปก่อน อีกสัก ๓ ปี รถไฟฟ้าบ้านเราจะได้รับความนิยมมากขึ้นแล้วเราค่อยเปลี่ยนรถใหม่ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ถ้าไปซื้อรถน้ำมันจะใช้ได้แค่ไม่นาน แล้วรถไฟฟ้าเข้ามาก็นั่งร้องไห้กัน อาตมาเองก็รอ รอจนกว่ารถไฟฟ้าจะมา
ความจริงถ้าใจร้อนจะสั่งนอกเลยก็ได้นะ แบบเดียวกับประเทศเขมร รถไฟฟ้าวิ่งกันเกลื่อนเลย สั่งกันเข้ามาเอง ขายกันเองสนุกสนาน ดีลเลอร์ไม่ต้องยุ่งเลย ...(หัวเราะ)... ประเทศเขมรจะว่าไปแล้วก็ก้าวหน้ามาก ช่วงที่อาตมาไป บนถนนรถวิ่งมา ๑๐ คัน เป็นเลกซัส ไป ๔-๕ คัน เขาเรียกว่ารถจ่ายตลาด ...(หัวเราะ)... คำว่า รถจ่ายตลาด คือทุกคนมีใช้ แล้วราคาถูกมาก รุ่นล่าสุดอย่างแพงที่สุดก็แค่ ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์ เป็นเงินไม่เท่าไรเอง บ้านเราเลกซัส ๓.๕ ล้านบาทขึ้นไป ทางด้านโน้นของเขารถราคาถูก แต่ว่าน้ำมันแพง ขนาดตอนที่อาตมาไป น้ำมันเขาลิตรละ ๕๗ บาทกว่า แล้วลองคิดดูว่าเลกซัสใหม่เอี่ยมรุ่นล่าสุดของเขาแค่ ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์ คิดเป็นเงินบ้านเราไม่ถึง ๓ ล้านบาท"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:11 |
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#151
|
||||
|
||||
"เพราะฉะนั้น..สมัยก่อนบ้านเรากลัวเขมรขโมยรถ ก็คือเขาจะขโมยรถยนต์ไปขายฝั่งเขมร พอตอนนี้เขมรกลัวไทยขโมยรถ เพราะว่ารถเขาดีกว่า ...(หัวเราะ)... อาตมาเข้าไปในคอนโด โยมเขาซื้อไว้ ให้ไปดูหน่อยว่าตรงกับภูมิสถาปัตย์ (ฮวงจุ้ย) ที่ดีหรือเปล่า ?
เดินเข้าไป โอ้โฮ...ที่จอดรถมีแต่เลกซัส เรียงเป็นตับเลย...! ต้องบอกว่าเขมรบ้ายี่ห้อเลกซัส เหมือนกับที่จีนบ้ายี่ห้อโฟล์ค แต่ตอนหลังรถจีนออกแบบรถสวย ๆ เยอะแยะไปหมด ถ้าอาตมาบอกว่า MG ที่กำลังฮิตในบ้านเราเป็นรถจีนนี่จะมีใครเชื่อไหม ? ...(หัวเราะ)... ปกติ MG เป็นรถอังกฤษ แต่ว่าโดนจีนเทคโอเวอร์ไปแล้ว จะว่าไปอาตมาก็ใช้เลกซัสนะ ก็คือฟอร์จูนเนอร์รุ่นนี้อยู่ที่ประเทศจีนเขาติดยี่ห้อเป็นเลกซัส เพราะว่าเป็นโตโยต้าเหมือนกัน แค่เอาบอดี้เมืองไทยไปใช้ที่โน่นแล้วเปลี่ยนเป็นเลกซัส ก็เท่ากับเป็นรถอีกยี่ห้อหนึ่งแล้ว เรื่องของรถเป็นพาหนะอำนวยความสะดวก สำหรับอาตมาแล้วไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ สมัยก่อนนั่งรถเมล์ นั่งสองแถวก็มีความสุขดี ยิ่งสมัยนี้ถ้าวันไหนได้นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างจะมีความสุขมาก แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยได้นั่งแล้ว ขยับเดินเข้าตลาดหน่อยเดี๋ยวก็มีรถจอดรับ เดี๋ยวก็มีรถจอดรับ ต้องบอกว่าไปเถอะ...จะเดิน เอะอะจะไม่ยอมให้อาจารย์เท้าติดดินเลย..! เดี๋ยวคันโน้นจอด เดี๋ยวคันนี้จอด...ผมจะไปส่ง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:13 |
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#152
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มนุษย์เราสร้างความเจริญขึ้นมา แต่ก็มีผลกระทบต่อบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมโลกอย่างมาก อย่างเช่นว่าการสร้างถนน บรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่ข้ามถนน ด้วยความไม่เคยชิน เพราะว่าเคยเดินแต่ด่านสัตว์ในป่า ก็มักจะโดนรถชนตายหรือบาดเจ็บ สร้างตึกสูง ๆ บรรดานกต่าง ๆ ก็บินชนตึกตายกันมาก
ตอนแรกอาตมาก็สงสัยว่าทำไมนกบินชนตึก พอดูที่วัดตอนนกบินชนกระจกแล้วตกลงมาตาย เพิ่งจะรู้ว่าในสายตาของนกก็คือเห็นเป็นป่าเขียว ๆ อยู่ในกระจกไกลมาก ก็บินไปเต็มที่ ปรากฏว่าไม่ใช่ป่า แต่เป็นกระจกที่สะท้อนป่าเข้าไป ส่วนตึกสูงก็สะท้อนเห็นเป็นท้องฟ้า นกคิดว่าท้องฟ้าไกล ๆ ก็บินเข้าไป เหมือนกับที่หลายท่านเวลาเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วจะชนกระจกเขาแตก เพราะว่าร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่เล็ก ๆ แคบ ๆ แต่ว่าตกแต่งร้านด้วยกระจกเพื่อให้ดูกว้างขวางขึ้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:14 |
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#153
|
||||
|
||||
"เราเป็นคนมีวิจารณญาณ มีสมองที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว ยังหลงจนเดินชนกระจกกันได้ พวกสัตว์ก็เหมือนกัน โดยเฉพาะบรรดาคลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดก็คือพวกปลาวาฬ ปลาโลมา เพราะว่าระบบนำร่องโดนคลื่นหลอก คิดว่าเป็นคลื่นของพวกเดียวกัน หรือคลื่นที่ตัวเองส่งสะท้อนกลับมาบอกว่ายังอีกไกล ก็ว่ายน้ำตรงเข้าไปแล้วก็ไปเกยตื้น แล้วคนก็มาสงสัยกันว่าเป็นเพราะอะไร อาตมามั่นใจว่าบรรดานักวิจัยรู้กันหมดแล้ว แต่พูดไม่ได้ว่าเป็นผลจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ เพราะว่าถ้าพูดไปโทรศัพท์มือถือขายไม่ได้ ตัวเองอาจจะโดนเหยียบจมธรณี..!
เพราะฉะนั้น..สิ่งที่เราทำกันอยู่นอกจากกระทบกับเพื่อนร่วมโลกอย่างสัตว์ต่าง ๆ แล้ว ยังมีผลกระทบต่อดินฟ้าอากาศต่าง ๆ ไปด้วย อย่างเช่นการเผาป่า เมื่ออากาศร้อนยกตัวสูงขึ้น อากาศเย็นจากที่อื่นก็จะไหลเข้ามาแทน ถ้าเผาป่าเป็นจำนวนมาก อากาศที่ไหลเข้ามามีมวลอากาศกว้างมากและแรงมาก ก็เกิดเป็นพายุฤดูร้อน เราจะเห็นว่าบรรดาพายุเฮอร์ริเคน ไซโคลน ไต้ฝุ่น ดีเปรสชัน โซนร้อนต่าง ๆ เกิดถี่ขึ้นมากขึ้นทุกที ต้องบอกว่าพวกเรากำลังทนรับในสิ่งที่พวกเราทำกันเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2021 เมื่อ 13:15 |
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#154
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เขาเล่าว่าท่านอาจารย์เซ็นคุยกับลูกศิษย์ที่ชายหาด ท่านอาจารย์เอาไม้เท้าขีดเส้น ๒ เส้นลงบนพื้นทราย ให้เส้นที่สองสั้นกว่าเส้นแรก แล้วบอกกับลูกศิษย์ว่า ทำอย่างไรจะให้เส้นที่สองยาวกว่าเส้นแรก ? ลูกศิษย์ก็เอาเท้าลบเส้นแรกออกไปเสียครึ่งหนึ่ง ท่านอาจารย์บอกว่าใช้ได้ แต่ในชีวิตนี้อย่าไปทำแบบนี้กับใครอย่างเด็ดขาด ถ้าอยากให้เส้นที่สองยาวกว่าเส้นแรก คุณก็ขีดเส้นที่สองต่อออกไปเท่านั้นเอง เหมือนกับการดำเนินชีวิตของเรา อย่าไปทำลายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองก้าวหน้ากว่า แต่ให้เพิ่มความสามารถของตัวเองให้มากกว่าเพื่อที่จะแซงหน้าเขา
ฟังดูแล้วรู้สึกว่าท่านอาจารย์ก็ให้อะไรลูกศิษย์มหาศาลมาก โดยปกติของคนทั่ว ๆ ไปก็มักจะทำแบบนั้น ก็คือเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไป แต่ว่าบุคคลที่มีใจคอที่กว้างขวาง ไม่สกัด ไม่ขัดขวาง ไม่เหยียบย่ำคนอื่น มีแต่จะเพิ่มขีดความสามารถของตัวเองเพื่อให้เหนือกว่าคนอื่นไปเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2021 เมื่อ 10:53 |
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#155
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่ากับโยมคนหนึ่ง "บางทีอย่างท่านเจ้ากรมฯ อาจจะรู้สึกว่าตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งช้าไปนิดหนึ่ง ก็คือจะต้องมีเด็กเส้น จะต้องมีพวกประเภทโฉบมาตัดหน้าเราไปหลายยก เรื่องพวกนี้อาตมาเองไม่เห็นความสำคัญมาตั้งแต่ตอนเป็นทหารแล้ว เพราะว่าอะไรที่เป็นของเรา ถ้าถึงวาระก็ต้องมา ที่เมื่อครู่ได้กล่าวไปว่า อย่าไปเหยียบย่ำใคร อย่าไปสกัดใคร แต่ให้เพิ่มความสามารถของตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่นเขา เดี๋ยวผู้บังคับบัญชาเขาก็จะเห็นเอง
ตั้งแต่เจ้าคณะอำเภอด่านมะขามเตี้ยว่างลง ทางหลวงพ่อวัดท่ามะขามที่เป็นเจ้าคณะจังหวัดจะให้อาตมาเป็นแทน อาตมาบอกว่ายังไม่เอา พอเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิว่างลงครั้งแรก ท่านจะให้อาตมารักษาการ ก็บอกว่าไม่เอา จนกระทั่งท่านอื่นเป็นเจ้าคณะอำเภอแซงหน้าไป ๒ ท่านแล้ว ตำแหน่งรองฯ อำเภอมาถึงก็ยังไม่เอาอีก มีคนถามว่า "ทำไมพระอาจารย์เล็กไม่เอา ?" ก็บอกไปว่า "รองฯ อำเภอท่านอายุตั้ง ๗๐ ปีแล้ว ท่านเป็นจนเกษียณคือ ๘๐ ปี ผมยังอายุไม่เท่าท่านตอนนี้เลย แล้วผมจะรีบไปแย่งท่านทำไม ? เพราะว่าตำแหน่งมาพร้อมกับหน้าที่ คือภาระงานที่เพิ่มขึ้น ผมไม่ได้อยากจะเหนื่อยเร็ว" แล้วอีกอย่างหนึ่งพอเราเปิดทางให้คนอื่นเขาเป็น ก็เกิดความรักใคร่สามัคคีกันขึ้น เพราะว่าไม่แย่งตำแหน่งกัน ทุกวันนี้เวลาคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิไปไหน อำเภออื่นเขาอิจฉาทั้งนั้น เพราะว่าอำเภอ รองฯ อำเภอ เจ้าคณะตำบล ไปกันชนิดที่เรียกว่าดาหน้ากันไปรักใคร่กลมเกลียว มีแต่คนถามว่าทำไมรักกันขนาดนี้วะ ? อ๋อ..อะไรถ้ารู้จักแบ่งกัน ไม่แย่งกันก็รักกันได้ แต่ว่าเรื่องแบบนี้สำหรับคนบางประเภทเขาเห็นว่าเราโง่ แต่อาตมาบอกว่าขอโง่แบบนี้แหละ จะได้เหนื่อยช้าหน่อย เพราะว่าถ้ารีบเป็นก็ต้องรีบไปรับภาระ รับภาระเร็วขึ้นกี่ปีก็เหนื่อยมากขึ้นเท่านั้นปี เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ก็จะพยายามหนีให้ไกลที่สุด จนกว่าจะปฏิเสธไม่ได้นั่นแหละแล้วค่อยว่ากัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2021 เมื่อ 10:56 |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#156
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนมีผู้แจ้งจับพระบิณฑบาต โดยบอกกับโยมว่ารับเป็นเงินอย่างเดียว ปรากฏว่าพอเจ้าหน้าที่ไปถึงก็แกล้งทำเป็นชักดิ้นชักงอ สลบไสล ไม่พูดไม่คุยด้วย แม้กระทั่งโดนจับสึกใส่ชุดขาวแล้วก็ยังแกล้งทำสลบให้เขาหามไป พิสูจน์ยืนยันแล้วปรากฏว่าเป็นพระสังกัดวัดหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ตอนนี้ในไลน์ของคณะสงฆ์เมืองกาญจน์เขาก็แจ้งกันทั่วแล้ว ว่ารายนี้ประมาณว่าดื้อด้าน ว่ายากสอนยาก ไม่เคยฟังพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ไม่เคยฟังเจ้าอาวาส ดังนั้น..ถ้าหากว่าไปขอบวชใหม่ที่วัดไหน พระอุปัชฌาย์อาจารย์ในเขตจังหวัดกาญจนบุรีอย่าได้ทำการบวชให้อีก
เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่ามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า เรื่องของการบัญญัติศีลนั้นเพื่อกดข่มบุคคลผู้เก้อยาก ภาษาบาลีท่านว่า ทุมมังกูนัง ปุคคะลานัง นิคคะหายะ แล้วก็ต่อด้วยว่า เปสะลานัง ภิกขูนัง ผาสุวิหารายะ แปลว่า นอกจากกดข่มบุคคลผู้เก้อยากแล้ว เจตนาการบัญญัติพระวินัยก็เพื่อความอยู่เป็นสุขของพระสงฆ์ทั้งหลายผู้มีศีลอันเป็นที่รักด้วย คำว่า ผู้เก้อยาก เป็นการแปลไทยแบบบาลีเลยฟังยาก ถ้าแปลไทยเป็นไทยก็คือ ไอ้พวกหน้าด้าน..! ...(หัวเราะ)... ก็คือบุคคลประเภทนี้ไม่สามารถที่จะใช้คำพูดหรือการกระทำใด ๆ ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนได้ เขาก็ถือว่าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย ถ้าหน้าด้านทำไปก็คือได้เงินได้ทองมา โดนจับสึกโดนอะไรเดี๋ยวก็บวชใหม่ได้ เพราะว่าไม่ใช่อาบัติหนักถึงขนาดขาดความเป็นพระแล้วบวชใหม่ไม่ได้ บุคคลประเภทนี้อยู่ที่ไหนก็สร้างความเสียหายให้กับคณะสงฆ์ที่นั่น เหมือนกับสนิมเหล็กที่กินจากเนื้อใน ก็จะทำให้โครงสร้างหลักที่เป็นเหล็กโดนทำลายลงได้ในระยะเวลาอันไม่นาน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2021 เมื่อ 10:58 |
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#157
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้พี่น้องชาวจีนไปทำบุญให้บรรพบุรุษ ที่เรียกกันตามภาษาแต้จิ๋วว่า เช็งเม้ง หรือถ้าจีนกลางเรียกว่า ชิงหมิง
คราวนี้วันเช็งเม้งที่เป็นประวัติศาสตร์เลย ก็คือเช็งเม้งของปีพ.ศ. ๒๕๑๙ นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลของประเทศจีนถึงแก่อสัญกรรม ที่จำได้แม่นเพราะว่าหลังจากท่านถึงแก่อสัญกรรมประมาณเดือนเศษ ๆ อาตมาก็จบชั้นมัธยมศึกษา นักเรียนสมัยนั้นต้องเรียนภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ แล้วต้องโดนบังคับให้ท่องจำรายชื่อของบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆ ในช่วงนั้น แม้กระทั่งเลขาธิการสหประชาชาติในยุคนั้นคือนายเคิร์ท วัลไฮม์ ก็ยังต้องท่องจำด้วย นายเคิร์ท วัลไฮม์ ประกาศให้สหประชาชาติลดธงครึ่งเสา เพื่อไว้อาลัยและแสดงความเคารพต่อนายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลของประเทศจีน โดยให้เหตุผลว่าประเทศจีนมีประชากรเป็นพันล้าน ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศอื่นก็คงจะร่ำรวยกันจนกระทั่งนับเงินไม่ไหว แต่นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลถึงแก่อสัญกรรมโดยไม่มีเงินฝากแม้แต่หยวนเดียว และท่านนายกรัฐมนตรีไม่มีทายาทแม้แต่คนเดียว..! นายเคิร์ทบอกว่า ถ้าผู้นำประเทศไหนคิดว่าตนเองถึงเวลาเสียชีวิตแล้ว ต้องการให้สหประชาชาติลดธงครึ่งเสาให้ ก็ทำตามกติกาสองข้อนี้ ถ้าทำได้ยินดีลดธงครึ่งเสาให้ทันที ก็คือไม่มีเงินฝากแม้แต่บาทเดียว และไม่มีทายาทแม้แต่คนเดียว ทำงานเพื่อประเทศชาติจนไม่มีเวลาที่จะมีครอบครัว..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2021 เมื่อ 10:59 |
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#158
|
||||
|
||||
"เพราะฉะนั้น..การที่คนจีนแสดงความไว้อาลัยต่อผู้นำในเทศกาลเช็งเม้งปี พ.ศ. ๒๕๑๙ จึงเป็นเช็งเม้งที่ยิ่งใหญ่มาก ส่วนบ้านเราเช็งเม้งคือเทศกาลรถติด โดยเฉพาะชลบุรีและสระบุรี เนื่องจากว่ามีสุสานที่คนจีนเชื่อว่าฮวงจุ้ยดี ฝังศพอยู่ที่นั่นแล้วลูกหลานจะเจริญรุ่งเรือง แล้วบรรดาลูกหลานก็น่าจะเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ พอถึงเวลาต่างคนต่างก็ขับรถไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษ รถติดกันยาวหลาย ๆ กิโลเมตร..!
ช่วงนั้นประเทศต่าง ๆ ในโลกยังมีไม่มากเท่าทุกวันนี้ แม้แต่รัสเซียก็ยังเป็นประเทศเดียวกัน ไม่ได้แบ่งออกเป็นรัสเซีย ยูเครน ลัตเวีย ลิทัวเนีย คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน อย่างทุกวันนี้ ซึ่งปัจจุบันนี้หลายประเทศชื่อเก่า ๆ ก็สาบสูญไปแล้ว อย่างโรดีเซีย คองโก เปลี่ยนชื่อประเทศกันไปเลย ซึ่งอาตมาเคยบอกเกี่ยวกับคนที่เปลี่ยนชื่อตัวเอง ว่าให้เปลี่ยนความประพฤติแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่ใช่เปลี่ยนชื่อ บรรดาผู้นำประเทศที่เปลี่ยนชื่อประเทศโดยหวังว่าประเทศจะดีขึ้นก็เหมือนกัน ถ้าคนในประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงความประพฤติได้ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ทุกวันนี้ถ้าบอกเด็กรุ่นใหม่ว่าประเทศโรดีเซีย เชื่อเถอะ..ไม่เคยได้ยินหรอก โรดีเซียตอนหลังเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นซิมบับเว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2021 เมื่อ 11:00 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#159
|
||||
|
||||
ถาม : พี่สาวผมที่อยู่เมืองนอกได้ฉีดยาป้องกันโควิดแล้วนะครับ บ้านเรายังไม่ถึงไหนเลย ?
ตอบ : บ้านเรามัวแต่ต่อรองว่า "ถ้าซื้อของคุณแล้วผมจะได้เท่าไร ?" ถ้าหากว่าปล่อยให้เอกชนเขาซื้อ ป่านนี้ท่วมประเทศไปแล้ว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2021 เมื่อ 11:01 |
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#160
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้บ้านใกล้เรือนเคียงของเราคือประเทศพม่า กำลังมีการปราบปรามชาวบ้านที่ออกมาประท้วงรัฐบาลเผด็จการที่มาจากการปฏิวัติของทหาร มีการเข่นฆ่ากันตายเป็นร้อย ๆ ศพ ต้องบอกว่าตายจนโลกตะลึง เพราะว่าพม่าไม่ได้สนใจโลก เนื่องจากว่าเคยปิดประเทศ ไม่คบค้าสมาคมกับใครอยู่หลายสิบปีก็ยังอยู่มาได้
คราวนี้ในการที่ไล่ฆ่าไล่ฟันกัน ก็จะมีประชากรจำนวนหนึ่งทะลักไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหลบภัย เพื่อนบ้านที่เขาหนีมามากที่สุดก็ประเทศไทยของเรานี่เอง ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นความละเอียดอ่อนทางการเมือง ก็คือถ้าไม่รับไว้ก็ขาดมนุษยธรรม ถ้าหากว่ารับเอาไว้ก็ขัดใจกับเพื่อนบ้าน แต่ว่าโดยมนุษยธรรมแล้วก็ต้องรับไว้ อนุเคราะห์สงเคราะห์กันไปตามกฎบัตรสหประชาชาติและมนุษยธรรม ก็คือดูแลให้มีที่อยู่ที่กิน มีการรักษาพยาบาลในระดับหนึ่ง แต่คราวนี้เชื้อโควิดในประเทศพม่าระบาดรุนแรง เกรงอยู่อย่างเดียวว่า จะตามชาวบ้านมาด้วย..! ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีค่ายกักกันผู้อพยพก็จำเป็นที่จะต้องตรวจคัดกรองกันอย่างเข้มงวด ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็จะเหมือนสถานที่กักตัวของบ้านเรา ที่ติดเชื้อกันเกือบหมด ...(หัวเราะ)... ต้องบอกว่าขายขี้หน้าจริง ๆ เอาเขามากักกันเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ปรากฏว่าแพร่จนกระทั่งคนที่โดนกักกันติดเชื้อกันเกือบทั้งหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2021 เมื่อ 11:02 |
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|