กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 21-04-2016, 21:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วิธีที่ง่ายที่สุดคือหากินกับเด็ก ตอนนี้เลยมีชุดขาวสำหรับเด็กไปวัด ความจริงเข้าวัดใส่ชุดสีอะไรก็ได้ เพียงแต่ว่าให้เรียบร้อยหน่อย อย่างเช่นว่า จะผู้ชายผู้หญิงก็ตามก็ไม่ควรใส่ชุดสั้น ๆ ถ้าเป็นกางเกงก็ขายาว กระโปรงก็ยาวเลยเข่าหน่อย ยาวลากพื้นได้ยิ่งดี ผู้หญิงก็ใส่เสื้อให้ดูมิดชิดหน่อย ไม่ต้องไปเปิดหน้าเปิดหลัง ไม่ต้องทำตัวยากจน ใส่เสื้อแค่ครึ่งตัว หรือว่าทำตัวเป็นขอทาน ใส่กางเกงขาด ๆ มา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2016 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 23-04-2016, 12:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญสูงสุดคะ ?
ตอบ : ฝึกกรรมฐานให้ได้สมาบัติ ๘ จะได้บุญที่สุด รีบไปทำด่วน...! จำไว้ว่า ถ้าบุญในส่วนของทาน ต่อให้ทำขนาดไหนก็ไม่เกินศีล แล้วรักษาศีลขนาดไหนก็ไม่เกินภาวนา ฉะนั้น...ไปภาวนาให้มากเข้าไว้ แต่ในส่วนของทานกับศีลก็อย่าไปทิ้ง ให้ทำควบคู่กันไปด้วย

สมัยก่อนมีคนไปสรรเสริญหลวงปู่ดูลย์ ว่าได้สร้างโบสถ์ได้สร้างศาลา ช่างเป็นบุญที่ใหญ่เสียจริง ๆ ท่านก็หัวเราะนิดหนึ่ง "เฮอะ...ถ้าอยากได้บุญ ใครจะมาเอาบุญอย่างนั้น" คนเขาตีความไม่ออก สร้างโบสถ์ได้บุญมหาศาลเลย แต่เขาลืมไปว่าโบสถ์ก็เป็นแค่วิหารทาน ยังอยู่ในส่วนของทาน ยังก้าวไปไม่ถึงศีลเลย ยังมีภาวนาอีก แล้วหลวงปู่ดูลย์ท่านก็พูดสั้น ๆ ด้วย ถ้าคนตีความไม่ออก ก็จะเข้าใจผิดไปเลย ไปสงสัยว่าถ้าท่านไม่สรรเสริญในทาน แล้วจะสร้างไปทำไม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2016 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 23-04-2016, 20:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ถามท่านว่าท่านเกิดทันพระพุทธเจ้าไหม ? ถ้าท่านเกิดทันเราจะเชื่อท่าน เรารู้ตัวก็ตัดการติดต่อไปสิ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันมีพระอรหันต์สืบต่อกันมาไม่เคยขาดสาย ถ้าพระไตรปิฎกใช้งานไม่ได้แล้วอะไรจะใช้ได้

พวกประเภทฉลาดเกินปล่อยเขาไปเถอะ พวกปทปรมะ ผู้มากด้วยบทบาท หาใครสอนไม่ได้หรอก วัดป่าสายหลวงปู่มั่นมีพระที่มรณภาพแล้วอัฐิเป็นพระธาตุมากมายมหาศาลไม่รู้กี่องค์ต่อกี่องค์ แล้ววัดป่าสายนั้นประกาศตัดท่านออกจากกองมรดก ก็ปล่อยท่าน อย่าไปยุ่งกับท่านเลย คนประเภทนั้นความรู้ท่านเกิน ออกไปแนวสญชัยปริพาชก


ถาม : เขาบอกว่าไม่ให้ไหว้พระพุทธรูปด้วย ?
ตอบ : ที่ไม่ไหว้พระพุทธรูปก็เพิ่งจะต้องอาบัติปาราชิกไป ๑ ราย เดี๋ยวดูว่ารายนี้จะออกไปทางไหน การสวดมนต์ไหว้พระเป็นอนุสติ ระลึกถึงพระตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน คุณศึกษาพุทธวจนะอีท่าไหน บอกห้ามไหว้พระพุทธเจ้า ไม่สวดมนต์ไหว้พระ อย่าไปเถียงกับเขาเลย ไม่มีประโยชน์หรอก เกิดกิเลสเสียเปล่า ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2016 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 23-04-2016, 21:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เดินทางไปทางไหนดี ?
ตอบ : ต้องถามตัวเอง ไม่มีหัวไม่มีปลาย อยู่ ๆ ถามอย่างนั้นใครจะไปตอบได้ ให้ปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ก็แล้วกัน อย่าให้หลุดจาก ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ถูกทางทั้งนั้นแหละ

มีโยมชอบถามปัญหา ลักษณะคำถามแบบรู้กันเองแค่ ๒ คน แล้วจะให้อาตมาตอบอยู่เรื่อย ขอบอกว่าอย่าทำบ่อย มาผิดท่าผิดทางจะโดนด่าอีกต่างหาก ประเภทมาถึงก็ “เดินถูกทางหรือเปล่าครับ ?” “ที่ทำอยู่ใช่ไหมคะ ?” โปรดระวัง...จะโดนเหวี่ยง..! อาตมาเสียเวลาตอบไปโยมก็ได้คนเดียว คนอื่นไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2016 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 23-04-2016, 21:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อวานมีพระท่านถามว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้เคารพอาตมามากมายนัก แต่ฝันถึงบ่อย ตอนนี้เคารพแบบมอบกายถวายชีวิตเลย ทำไมไม่ฝันอีกเลย ? การปฏิบัติแย่ลงใช่ไหม ?

อาตมาก็บอกว่า “เมื่อไม่อยู่บ้านเราก็คิดถึงบ้าน พออยู่บ้านเราจะคิดถึงบ้านอีกทำไม ?” ยังอุตส่าห์ถามปัญหาแบบนี้ได้ ก็น่าสงสัยเหมือนกันนะ ยืนได้แล้วเขามีแต่ตั้งหน้าตั้งตาเดินไปให้ถึงเป้าหมาย ไม่ใช่ว่ารอให้ครูบาอาจารย์ไปเข้าฝัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2016 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 24-04-2016, 12:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวไว้มีโอกาสอาตมาจะเปิดกองทุนการศึกษาเพราะว่าช่วงนี้จ่ายเยอะมาก ปีนี้มีพระใหม่ที่จะเรียนปริญญาโทอีก ๔ รูป จบมา ๑ เรียนเพิ่ม ๔ อาตมาได้กำไรแบบนี้ทุกปี

ส่วนท่านแบงค์ก็ดวงยากเข็ญ ไปเรียนปริญญาโทวิปัสสนาภาวนา แรกเริ่มก็ต้องไปเข้าปริวาส ๑ เดือนเพื่อความบริสุทธิ์ หลังจากนั้นก็ไปอยู่ปฏิบัติกรรมฐาน ๗ เดือน ความจริงเขาบอกให้แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ ๔ เดือน กับ ๓ เดือน ปรากฏว่าพอไปอยู่ที่โน่นแล้ว ครูฝึกท่านบอกว่าเอา ๗ เดือนรวดไปเลย เพราะว่าอารมณ์ปฏิบัติกำลังดี แล้วค่อยกลับมาเรียนวิชาการ ท่านก็เลยอยู่ยาวไป ๗ เดือน แต่ปรากฏว่าทางมหาวิทยาลัยไม่ยอม ท่านก็เลยเสียฟรีไป ๘ เดือน กลายเป็นเรียนช้ากว่าเพื่อนไป ๑ ปี

เรียนช้ากว่าเพื่อน ๑ ปี พอเรียนเสร็จก็ต้องไปเข้ากรรมฐานอีก ๗ เดือน ได้บุญเยอะจริง ๆ...! เรื่องหัวข้อวิทยานิพนธ์ท่านก็ไม่ได้บอกอาตมาว่าหัวข้อเป็นอย่างไร ถึงเวลาถามว่า “หัวข้อผ่านหรือยัง ?” ตอบว่า “ผ่านแล้วครับ” “คุณได้หัวข้ออะไร ?” “วิเคราะห์การบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้าครับ” อาตมาสะดุ้งเฮือก “เฮ้ย..! นั่น ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เลยนะ” “ครับ.. ผมก็เพิ่งรู้ตอนที่ท่านอาจารย์ที่ปรึกษาบอกนั่นแหละครับ” เพราะฉะนั้น...ทุกวันนี้ รุ่นน้องคือท่านปลัดเผื่อนจบปีนี้ แต่รุ่นพี่คือท่านแบงค์ยังง่วนอยู่กับวิทยานิพนธ์

อาตมาบอกเขาว่า “รวบลงมาให้เหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วก็ตีเอาเฉพาะหัวข้อใหญ่ ๆ ก็พอ” ก็ไม่รู้ว่าท่านรวบลงหรือเปล่า ? ไม่ได้กลับวัดมา ๒ เดือนกว่าแล้ว อยู่ที่มหาวิทยาลัยเลย มีอะไรจะได้ถามอาจารย์ได้ทุกวัน บอกให้มารับเงินเดือนก็ไม่มารับ นี่ถ้ามารับทีอาตมาต้องจ่าย ๒๐,๐๐๐ บาทเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2016 เมื่อ 16:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 24-04-2016, 12:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สามเณรไม่จำเป็นต้องบวชในเขตเสมา เพราะไม่ใช่สังฆกรรม สามเณรบวชที่ไหนก็ได้ ขอให้มีพระอุปัชฌาย์ก็แล้วกัน อย่างสมัยก่อนท่านบอกว่า ให้นั่งกระโหย่งไหว้เท้าพระอุปัชฌาย์ กล่าวคำถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็เป็นสามเณรแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2016 เมื่อ 16:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 24-04-2016, 12:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าใครวางแผนจะบวชที่วัดท่าขนุนให้ท่องคำขอบวชแบบอุกาสะไว้ อาตมาจะเริ่มบวชให้ตั้งแต่งานฉลองพระอุปัชฌาย์เดือนมิถุนายนนี้ ถ้าใครตั้งใจจะบวชหมู่แล้วอยู่จำพรรษาก็ได้ แต่ถ้าใครจะบวชเดี่ยวแล้วหวังให้อาตมาว่างนี่ยากสุด ๆ เพราะว่าต้องสอนหนังสือหลายแห่ง ไม่ค่อยได้อยู่วัด

เพราะฉะนั้น...วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือบวชตามตารางของวัด เพราะถ้าตามตารางของวัด อาตมาอยู่แน่ ๆ แต่ก็ไม่แน่นักหรอก ขนาดงานเป่ายันต์เกราะเพชรยังยกเลิกมาแล้ว เจอคำสั่งเจ้านายให้ไปปฏิบัติธรรม พระอาจารย์มหาสันติตอนแรกก็บอกว่ามีงานนั้นงานนี้ พอไปพักอยู่ด้วยกัน “อ้าว...ทำไมไม่ไป ?” ”โอ้...ขนาดงานเป่ายันต์ฯ อาจารย์ยังยกเลิกเลย งานผมเล็กกว่าตั้งเยอะ” สรุปว่ามีคนเลียนแบบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2016 เมื่อ 16:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 24-04-2016, 13:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนที่ไปอบรมกรรมฐานของพระอุปัชฌาย์ใหม่ มีการเลือกประธานรุ่นกัน เพื่อน ๆ ก็เสนอชื่อหลวงพ่อพระครูโสภิตปัญญากร วัดป่าประดู่ พระอารามหลวง ที่ระยอง กับหลวงพ่อชำนาญ มีเสียงสนับสนุนประมาณครึ่ง ๆ แล้วมีคนเสนอชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมเสียงเดียว ปรากฏว่าเลือกไปเลือกมา พระครูวิลาศกาญจนธรรมเป็นประธานรุ่นไปเฉยเลย อาตมาก็งง ๆ กับชีวิตเหมือนกัน

เพื่อนกันจากกาญจนบุรีคือพระปลัดธวัช สุทฺธจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดสวนมะม่วง ท่านบอกว่าตอนทำวัตรเย็นผมอุทิศส่วนกุศลและอธิษฐานว่า ถ้าพระอาจารย์เล็กบารมีมากจริงต้องได้เป็นประธานรุ่น แล้วท่านก็ปล่อยให้คนอื่นเสนอชื่อกันจนไม่มีใครเสนอ แล้วค่อยเสนอชื่ออาตมาขึ้นมาคนเดียว ตอนแรกก็มีเสียงสนับสนุนเสียงเดียว สรุปแล้วอาตมาก็ไม่รู้ว่าเพื่อนพาซวยหรือไม่ ? เพราะในรุ่นด้วยกัน ๙๒ รูป อาตมาอาวุโสเป็นอันดับที่ ๒๗ มี ๔๐ กว่า ๕๐ กว่าพรรษาเยอะแยะไปหมด ถามว่าแก่ขนาดไหน ? ก็ต้องบอกว่าเข้ากรรมฐานได้ ๓ วัน มีมรณภาพไป
แล้ว ๑ รูป..!

ทางด้านหลวงพ่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางท่านบอกว่า “เอาอย่างนี้ ใครอายุเกิน ๗๐ แล้วไม่ต้องไปเข้ากรรมฐาน” ปรากฏว่าไม่ค่อยมีใครใช้สิทธิ์ แปลกมากเลย อาจจะเป็นเพราะว่าท่านต้องการไปคลุกคลีตีโมง สร้างความสนิทสนมกับท่านอื่น ๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน หรือไม่ก็สปิริตแรงกล้า ไม่อยากจะใช้สิทธิ์

อายุ ๗๔ – ๗๕ ปี ท่านไปยกหนอ ย่างหนอ บางท่านไม่ค่อยแข็งแรงก็เซไปเลย

เวลาไปอยู่กับเพื่อนแล้ว อาตมารู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากคนอื่นเขา ที่เห็นชัดที่สุดก็คือตอนฉันอาหาร อาตมาฉัน ๕ – ๑๐ นาทีก็ไปแล้ว แต่ท่านอื่นฉันเป็นชั่วโมง เอาพุงที่ไหนไปใส่ก็ไม่รู้ แล้วอย่าคิดว่าฉันน้อยนะ ที่อาตมาลุกก่อนคือฉันมากกว่าเขาเท่าหนึ่งเป็นอย่างน้อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2016 เมื่อ 17:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 24-04-2016, 13:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติวันอาทิตย์ของเดือนเมษายน ทางบ้านสายลมจะทำบุญวันเกิดให้ท่านเจ้ากรมเสริม (พล.อ.ท. ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์) แสดงว่าพรุ่งนี้จะมีงาน ให้รู้ไว้ว่านั่นคืองานวันเกิดของท่านเจ้ากรม แม้ว่าท่านจะเสียชีวิตไปแล้ว เขาก็ยังทำบุญวันเกิดให้ บางคนอาจจะงงว่าบวงสรวงอะไรกัน

ท่านเจ้ากรมเสริมเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมาก และทำตัวติดดินมาก เป็นหม่อมราชวงศ์ เป็นเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ เป็นพลอากาศโท ถึงเวลาก็ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ท้ายศาลา อาตมาเดินผ่านก็ “อ้าวลุง...ทำไมไม่ไปนั่งข้างหลวงพ่อ ?” ท่านบอกว่านั่งมาเยอะแล้ว ให้โอกาสคนอื่นเขาบ้าง นั่งอยู่ท้ายศาลา ๒ ไร่ คนไม่รู้จักก็นึกว่าตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้มานั่งทอดหุ่ยอยู่คนเดียว กว่าจะรู้ว่าเป็นเจ้าของบ้านสายลม บางคนก็ไล่เจ้าของบ้านไปแล้ว..!

ท่านเจ้ากรมเสริมแต่เดิมเป็นตำรวจ พอได้ยศร้อยตำรวจเอกแล้วก็ย้ายเหล่าเป็นทหารอากาศ ป้าอ๋อย (คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์) เวลาคุยกับพวกเราท่านก็แซวเล่นอยู่เรื่อย “ฉันรักกับตำรวจ แต่แต่งงานกับทหารอากาศ” ท่านน่ารักมาก คนไม่รู้ประวัติก็ตาปริบ ๆ ว่าป้าเราหลายใจขนาดนี้เลยหรือ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2016 เมื่อ 11:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 24-04-2016, 20:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาสวดมนต์ตอนเช้ามักจะหลับเลย มีอะไรผิดพลาดไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก ยกเว้นว่าต้องการมากกว่านั้น สิ่งที่ทำถือว่าเป็นกุศลแล้วเพราะมีทั้งสวดมนต์และภาวนา แต่ถ้าจะเอามากกว่านั้นต้องตามดูลมหายใจให้จี้ติดยิ่งไปกว่านั้น เพราะถ้าสติห่างเมื่อไรจะเผลอหลับ แต่ในช่วงนั้นอย่างน้อยสมาธิก็เริ่มจะเป็นปฐมฌาน ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างหยาบก็เถอะ ปล่อยให้หลับไป ตั้งใจว่าถ้าเราตายก็ขอไปอยู่กับพระท่านก็จบแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2016 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 24-04-2016, 20:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พอเริ่มสวดมนต์แล้วรู้สึกปวดท้อง แต่พอสวดต่อไปอีกสักพักก็หาย ?
ตอบ : มี ๒ อย่าง อย่างที่ ๑ ขันธมาร คือร่างกายเขาขวางไม่ต้องการให้เราทำความดี เห็นเราสู้ต่อเขาก็ถอย อย่างที่ ๒ สมาธิทรงตัว จิตกับประสาทแยกออกจากกัน ไม่รับรู้อาการทางร่างกาย อาการก็หายไป ยังต้องการคำอธิบายอะไรอีก ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2016 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 25-04-2016, 17:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นบางคนโดยเฉพาะวัยรุ่น กังวลกับรูปร่างของตัวเองมาก อาตมาขอยืนยันว่าไม่ต้องกังวล ต่อให้อ้วนหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ให้แข็งแรงเข้าไว้ ฉะนั้น...ออกกำลังบ้าง อย่าไปนั่งจมอยู่กับไลน์หรือไปหน้าทิ่มอยู่กับหน้าจออินเตอร์เน็ต แต่ละคนทำบุญทำทานมาไม่เท่ากัน สิ่งในอดีตที่เราสร้างไว้จะกลายเป็นปัจจุบันของเรา

ถ้าไปอ่านในพุทธวงศ์จะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ มีอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ แต่ละอย่างล้วนเกิดจากการสร้างบุญมาในอดีตทั้งนั้น ว่าทำอะไรแล้วจะได้แบบไหน โบราณเขาถึงใช้คำว่ารูปธรรมนามธรรม คือธรรมชาติสร้างเสริมมาอย่างนั้นอยู่แล้ว

ไม่ต้องไปใส่ใจเขาหรอก ต่อให้อ้วนหน่อยแต่ก็แข็งแรงแล้วกัน ใครมาหือกับเราก็จับทุ่มออกนอกหน้าต่างไปเลย กินเข้าไป กินแล้วออกกำลัง ทำงานให้คุ้ม ถ้าหากว่าเกิดมาแล้วอด ๆ อยาก ๆ ทำเหมือนเร่ร่อนอยู่ในแดนเปรตและอสุรกายแล้วจะเกิดมาเป็นมนุษย์ทำไม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2016 เมื่อ 19:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 25-04-2016, 17:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีเพื่อนพระสังฆาธิการส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ ถามอาตมาว่ารักษาสุขภาพมากเลยหรือ ถึงไม่ค่อยอ้วนกับใคร บอกเขาไปไม่รู้ว่าเข้าใจหรือเปล่า บอกไปว่า “ทำให้มากกว่าที่กินนะ” ฉะนั้น...เวลาไปวัดบางทีโยมก็ไปนั่งเถียงกันว่าต้องไม่ใช่เจ้าอาวาสแน่เลย เห็นกำลังกวาดวัดอยู่ รดน้ำต้นไม้อยู่ แล้วที่เถียงกันก็คือคนที่รู้จักนั่นแหละ พอไปเห็นตอนเล่นบทบาทกรรมกรเข้าทำเป็นจำไม่ได้

บ้านเราไม่ต้องไปไกลหรอก สมัยรัชกาลที่ ๖-๗ จนกระทั่งสมัยอาตมาเด็ก ๆ เขาหาสาวที่อวบระยะสุดท้าย เพราะว่าคนสมัยก่อนการคลอดลูกต้องคลอดตามธรรมชาติ ถ้าแม่ไม่แข็งแรงมีสิทธิ์ตายเลย เขาต้องหาผู้หญิงที่ค่อนข้างท้วม ร่างกายแข็งแรง คลอดลูกจะได้ปลอดภัยหน่อย แม้กระทั่งทุกวันนี้ประเทศอินเดีย สังเกตไหมว่าสาวอินเดียทุกวันนี้รูปร่างเป็นอย่างไร ถ้าผู้หญิงอินเดียผอมเขาถือว่าเป็นกาลกิณี ฉะนั้น...ถ้าน้ำหนักต่ำกว่า ๖๐ กิโลกรัมไม่ต้องไปอินเดีย ไม่มีใครเขาแลหรอก ต้อง ๖๐ กิโลกรัมขึ้นไป

ถ้าใครดูภาพวาดยุคเก่า ๆ สมัยเรเนซองส์ จะเห็นว่าผู้หญิงแต่ละคนอ้วน ๆ ทั้งนั้น ฉะนั้น...ถ้าใครว่าเราอ้วน บอกไปได้ด้วยความภูมิใจเลยว่า มาจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เป็นคนสวยของสมัยนั้น ต่อไปเลิกเครียดกับความอ้วนได้แล้ว เราก็ออกกำลังของเราไป กินอย่างมีความสุขไปด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2016 เมื่อ 19:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 25-04-2016, 17:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนใหญ่ที่คนของเราอ้วนเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่ ๑ เพราะเอาอาหารของคนเมืองหนาวมากิน อาหารพวกนั้นจะให้พลังงานสูงมาก เพราะเอาไว้สู้กับความหนาว คราวนี้ประเทศของเราเป็นเมืองร้อน ก็เลยกลายเป็นส่วนเกินไป มีแต่อ้วนกับอ้วน

อีกส่วนหนึ่งก็คือพวกเราขาดวินัยในการควบคุมตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมปากตัวเองก็ดี หรือว่าควบคุมให้ตัวเองออกกำลังก็ตาม ไม่ค่อยมีวินัยกัน อย่างเก่งก็ไฟไหม้ฟาง วันสองวันเลิกแล้ว เครื่องออกกำลังกายซื้อมาหมื่นสองหมื่นเอาไว้ตากผ้า ฉะนั้น...การควบคุมตัวเองก็คือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง เราควบคุมปากเราได้ ควบคุมกาย วาจา ของเราได้ ก็เท่ากับว่าเราควบคุมตัวเราให้รักษาศีลและทรงสมาธิได้เช่นกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2016 เมื่อ 19:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 25-04-2016, 17:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(มีโยมพาเด็กมาถวายสังฆทาน) "เป็นอย่างไรครับลูก ? ทำหน้าอย่างกับจะบรรลุมรรคผลวันนี้เลย เจ้าตัวเล็กทำหน้าเบื่อหน่ายได้อารมณ์มาก ใครปฏิบัติธรรมอยู่ มาเห็นหน้าเขานี่ก็คงจะบรรลุกันเดี๋ยวนั้นเลย เด็กเขาไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ไปเล่นสนุก ทำไมต้องมายกพระถวายสังฆทาน แล้วก็มานั่งไหว้กันอย่างนี้ด้วย บางทีเห็นความฝันของเด็ก ๆ แล้วรู้สึกว่าเรียบง่ายดี

ปีนี้วาวาที่เป็นเด็กวัดสอบเข้า ม.๑ ได้ ช่วงที่ไปสอบโอเน็ตเห็นว่าเขาเรียนช้า เพราะแม่เป็นต่างด้าว ลูกเรียนอยู่ปีสองปีก็ออกมาทำงาน พอมีสตางค์ก็กลับไปเรียนใหม่ ปีหนึ่งก็ต้องออกมาทำงานอะไรอย่างนี้ จนกระทั่งอาตมาเอามาอยู่วัด ถึงได้ส่งให้เรียนต่อเนื่อง แม้ว่าจะรุ่นเดียวกับพวกน้ำหวานแต่เพิ่งจะจบ ป.๖ ทั้ง ๆ ที่น้ำหวานขึ้น ม.๕ แล้ว ปรากฏว่าขึ้น ม.๑ ได้ดีอกดีใจมาก ถามว่าทำไม ? “จะได้ไว้ผมยาวเสียที” คือเขาต้องนับว่าเป็นรุ่น ม.๕ เป็นสาวแล้ว แต่ต้องไปตัดสั้นแค่หู เข้าโรงเรียนใหม่ได้ดีใจมาก จะได้ไว้ผมยาวเสียที

ต้องบอกว่าเด็ก ๆ ที่วัดโอกาสที่จะเรียนแทบจะไม่มี ถ้าไม่มาอยู่วัดให้หลวงพ่อส่งก็ไม่ได้เรียน ฉะนั้น...ถึงเวลาเขาจึงตั้งใจเรียนกัน แต่ขณะเดียวกันเด็กในกรุงเทพฯ เด็กในเมือง มากต่อมากด้วยกัน พ่อแม่แทบจะทุ่มเทให้ทั้งชีวิต แต่กลับไม่ค่อยจะใส่ใจเรียน คนมีโอกาสไม่พยายาม ส่วนคนไม่มีโอกาสต้องตะเกียกตะกายให้ได้โอกาสมา แต่เชื่อเถอะ...คนประเภทหลังจะประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะเขาต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง จนกระทั่งมีความสามารถแท้จริง

เด็กในเมืองส่วนใหญ่แล้วฉาบฉวยผิวเผิน นอกจากประสบการณ์ในเมืองแล้วอย่างอื่นไม่มีอะไรเลย เอาไปทิ้งไว้ในป่าก็อดตาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2016 เมื่อ 19:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 26-04-2016, 14:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาจับภาพ ถ้าจับภาพแดนพระนิพพานจะหมุนไม่ได้ แต่ถ้าเกิดจับภาพพระสมเด็จองค์ปฐมจะหมุนได้ ?
ตอบ : ไม่ทราบเหมือนกันเพราะอาตมาไม่เคยเล่นอย่างนั้น ด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้าก็เลยไม่กล้าล่วงเกินด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น ในเมื่อไม่เคยทำก็เลยตอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือ มีโทษอะไรหรือเปล่า

ถาม : แต่การฝึกจับภาพไม่ได้เป็นการล่วงเกินไม่ใช่หรือครับ หรือว่าได้แต่ย่อขยายภาพ ?
ตอบ : ถ้าคิดกันแบบหยาบ ๆ ก็ไม่มีโทษ ถ้าละเอียดกว่านั้นหน่อยก็มี

ถาม : ผมกราบขอความเมตตาพระท่าน ?
ตอบ : อย่าว่าแต่ขอเลย แม้แต่คิดตูยังไม่กล้าคิด พระพุทธเจ้าไม่ใช่เพื่อนเรานี่หว่า..!

ถาม : อย่างนี้เวลาฝึกจับภาพย่อขยายใช้วิธีแบบไหนครับ ?
ตอบ : พระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราเคยชิน แล้วการย่อขยายนั้นเป็นไปตามระดับกำลังใจของเรา ถ้าสมาธิเราถึง ต้องการให้ใหญ่ก็ใหญ่ ต้องการให้เล็กก็เล็ก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2016 เมื่อ 15:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 26-04-2016, 14:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาจับภาพดวงแก้วหรือแสงสว่างอยู่ข้างหน้า แต่ไม่ทราบว่าวิธีจะนำไปใช้อย่างไร ? อย่างเพื่อนผมเวลาจับภาพสมเด็จองค์ปฐม เขาจะขอให้ระลึกชาติได้บ้าง ทำนองนี้ ?..

ตอบ : สารพัด ๑๐๘ เพราะญาณทั้งหมดพื้นฐานก็คือทิพจักขุญาณ ทิพจักขุญาณคือการรู้เห็น เมื่อรู้แล้วถ้าต้องการรู้เห็นอดีตก็เป็นอตีตังสญาณ รู้เห็นอนาคตก็เป็นอนาคตังสญาณ รู้เรื่องในตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ก็เป็นปัจจุปันนังสญาณ เป็นต้น

ฉะนั้น...จะใช้อะไรก็ใช้ในหลักของญาณ ๘ นั่นแหละ ไม่ได้ต่างกันเท่าไรหรอก พื้นฐานเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนวิธีใช้นิดเดียว


ถาม : เวลาเราอยากรู้ก็รู้เลย หรือว่าต้องขอความเมตตาพระ ?
ตอบ : ถ้ามีความคล่องตัวแค่คิดก็เป็นแล้ว ถ้ายังต้องไปเสียเวลาขอก็ยังห่างไกล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2016 เมื่อ 15:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 26-04-2016, 15:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ความสำคัญของการฝึกลม ๓ ฐาน เพื่อให้สมาธิรวมตัวมั่นคงใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำจนเป็นสมาธิแล้ว การอยู่กับลมหายใจเข้าออกคืออยู่ปัจจุบัน การอยู่กับปัจจุบันคืออยู่กับตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่ไปในอดีต ไม่ไปในอนาคต การปรุงแต่งใด ๆ ไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นไม่ได้ ก็แปลว่ากรรมใหม่ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เราไม่ได้สร้าง ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ถ้าเราสร้างความดีใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ กรรมเก่าของเราก็จะค่อย ๆ จางลง เหมือนอย่างกับเติมน้ำจืดลงในน้ำเค็ม เติมไปมาก ๆ ความเค็มไม่ได้ไปไหน แต่ความจืดกลบกลืนไปหมด เราเองก็จะมีความบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าบริสุทธิ์ถึงที่สุดก็จะหลุดพ้นไปเอง ฉะนั้น...อย่าเห็นว่าเป็นแค่อานาปานสติหรือแค่ลม ๓ ฐานเท่านั้น

ถาม : ทีนี้เวลาฝึกจับลม ๓ ฐานควบกับกสิณที่เป็นภาพ ก็สามารถควบกันได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เขาควบกันเป็นปกติ ฝึกกสิณถ้าไม่ควบกับลมหายใจ ชาตินี้ก็ไม่มีทางได้กสิณหรอก นอกจากภาพติดตาเล็ก ๆ น้อย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2016 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 26-04-2016, 15:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,200 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเรานึกถึงภาพพระพุทธรูป ถ้าเราตั้งต้นจากความไร้รูป แล้วจะแปรเปลี่ยนเป็นเพชรหรือแก้ว คือวิธีการที่จะทำให้...?
ตอบ : สรุปว่าตั้งคำถามผิดเพราะไม่เคยทำมา แต่ดันทะลึ่งมาถาม เราต้องกำหนดรูปขึ้นมาก่อนถึงเข้าสู่ภาวะไร้รูปได้ การที่กำหนดภาวะไร้รูปขึ้นมาแล้วจะให้เป็นรูปนั้นกลับข้างกัน เป็นไปไม่ได้

ถาม : ที่ไร้รูปเป็นการ...?
ตอบ : มีอยู่อย่างเดียวคือว่าถ้าเรามีความคล่องตัว ต้องการให้ภาพมาก็มา ต้องการให้ภาพหายก็หาย แต่ไม่ใช่อรูป เพราะอรูปต้องทิ้งรูปทั้งหมด

ถาม : ที่ว่าเป็นรูป ทำไมถึงว่ายิ่งใสยิ่งดี ?
ตอบ : ความใสของภาพที่เห็นก็คือระดับสมาธิของเรา ยิ่งระดับสมาธิสูงมากเท่าไรภาพก็ใสสว่างมากเท่านั้น เหมือนอย่างกับคนมีเงิน เขาบอกว่ายิ่งมีเยอะก็ยิ่งดี

ถาม : แก้วก็มีแก้วขาว แก้วใส แก้วมีประกาย อันไหนดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : แล้วแต่เรา ถ้ากำลังใจของเราเป็นปุถุชนกิเลสหนา ได้ขาวธรรมดาก็ดีตายชักแล้ว ถ้ากำลังใจเริ่มเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้า ใสเป็นแก้วเองก็ยังอยู่แค่ระดับโคตรภู ถ้าหากว่าใสแล้วมีประกายออกมาถึงจะเริ่มเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าอย่างแท้จริง แล้วก็หวังว่าจะใสทั้งดวง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นไปเองตามกำลังใจของเรา ไม่ใช่ไปนั่งคิดแล้วจะเป็น...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2016 เมื่อ 15:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว