กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 21-10-2014, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่เขาว่า......แปลว่าอะไร ตกภวังค์แล้วขึ้นฌานใหม่หรือครับ ?
ตอบ : ต่อให้เป็นฌานสี่ก็ได้ยิน จิตที่ละเอียดจริง ๆ จะรับรู้หมด ได้ยินหมด เพียงแต่ว่าถ้าเป็นฌานในลักษณะที่นิ่งอยู่ข้างใน จะไม่รับรู้อาการข้างนอก แต่ถ้าคล่องตัวจริง ๆ ก็รับรู้ได้หมด

ถาม : ที่เราทุกข์เป็นข้างนอกทั้งนั้นหมดเลย ?
ตอบ : จริงแล้วเป็นข้างนอกแทบทั้งนั้นแหละ พอใจเราส่งออกไปข้างนอก ก็ทำอันตรายเราทันที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2014 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 21-10-2014, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมาบัติคือตั้งอยู่ในฌานตลอด ?
ตอบ : แค่เข้าถึงก็พอ เข้าถึงฌานใดฌานหนึ่งเรียกว่าสมาบัติ ถ้าคลายออกมาเมื่อไรก็ไม่ใช่ ฉะนั้น..ไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่ตลอด

ถาม : ที่บอกว่าตั้งอยู่ ๗ วัน ?
ตอบ : นั่นเป็นพวกประเภทซักซ้อมจนชำนาญ มีความชำนาญในการเข้าออกชนิดที่กำหนดเวลาได้

ถาม : อย่างปฐมฌานเข้า ๗ วันได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้..ถ้าคล่องตัวจริง ๆ เราต้องการเท่าไรก็ได้ อาตมาเคยตั้งอยู่เป็นเดือน ๆ ขี้เกียจประเภทหลุดออกมาแล้วโดนกิเลสตี เอาไปเลยเดือนหนึ่ง

ถาม : เดือนหนึ่งแล้วไม่ผิดปกติหรือครับ ?
ตอบ : เหมือนปกติทุกอย่าง กำลังใจจะทรงตัวเองไม่คลายออกมา แต่ถ้าเผลอเมื่อไร พ้นเวลาแล้วไม่ตั้งใหม่ก็โดนทันทีเลย หลุดออกมาเองเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-10-2014 เมื่อ 11:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 21-10-2014, 19:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทรงสมาธิแบบกำหนดเวลา ?
ตอบ : เราจะทำอะไรสมาธิก็ไม่เคลื่อนออกมา หกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ทรงตัว ต้องคอยระมัดระวังตรวจสอบดูว่า นิวรณ์กินใจเราอยู่หรือเปล่า ? อารมณ์ใจของเราทรงตัวไหม ? สติของเราควบคุมอยู่ไหม ? ถ้าสติไม่ควบคุมไว้ บางทีทั้ง ๆ ที่ตั้งเอาไว้ก็เผลอหลุดได้ ถ้าอารมณ์ใจเริ่มทรงตัวได้ มีอย่างเดียวคือเอาสติประคองไว้ ถ้าเราจะอยู่เท่าไรให้ตั้งใจไปเลย แรก ๆ ก็ไม่ได้อย่างใจหรอก แต่พอนาน ๆ ไปแล้วเหมือนกับว่า ถ้าไม่ถึงเวลาเขาจะไม่คลายออกมา เขาจะอยู่ของเขาได้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2014 เมื่อ 19:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 21-10-2014, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่วางแผนสร้างเมรุ อาคารเมรุส่วนหนึ่งจะเอาไว้เป็นที่นอนของโยม เพราะจะให้คนตายที ๓-๔ ศพพร้อมกันก็คงเป็นไปไม่ได้..ใช่ไหม ? อยากนอนเมรุกันไหม ? กลัวผีกันหรือเปล่า ? เดี๋ยวติดเครื่องปรับอากาศให้ เอาเครื่องปรับอากาศมาล่อ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2014 เมื่อ 19:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 22-10-2014, 15:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนไปพุทธาภิเษกรูปหล่อหลวงปู่เปลี่ยน (พระวิสุทธิรังษี) อดีตเจ้าอาวาสวัดใต้ที่กาญจนบุรี สมาธิยังไม่คลายออกก็รู้ว่าไม่พอ จึงนั่งไปเรื่อย ๆ เมื่อรู้สึกว่าพอแล้วลืมตาขึ้นมา พระมหาจีรพันธ์ เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดบอกว่า “อาจารย์ครับ..ผมเปลี่ยนเทียนไป ๖ เล่มพอดี” ไม่รู้ว่าเทียน ๖ เล่มใช้เวลาจุดนานเท่าไร เทียนปากบาตรน้ำมนต์ขนาดมาตรฐานเล่มละ ๑ บาทนะ

วันนั้นไม่ได้เจตนา ตั้งใจจะเอาเงินไปช่วยสนับสนุนงานเขา ปรากฏว่าไปถึงหลวงพ่อเจ้าคุณปัญญากำลังจะทำบวงสรวงพอดี พอเห็นนี่แทบจะกระโดดกอดเลย “โอ๊ย..อาจารย์เล็ก มาเลย มาช่วยทำให้หน่อย” คราวนี้พอบวงสรวงเสร็จอธิษฐานเสร็จ ท่านบอกนิมนต์เข้าไปปลุกเสกให้ด้วย เข้าไปถึงก็เจอแต่รุ่นครูบาอาจารย์ทั้งนั้น

พระที่เคยร่วมพุทธาภิเษกด้วยกันมา จะมีหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร องค์นี้ท่านบอกชัดเลย องค์อื่นยังไม่ชัด ครั้งไปพุทธาภิเษกที่วัดเนินสุทธาวาสของหลวงปู่เกลี้ยง พอรู้สึกว่าเต็มลืมตาขึ้นมา หลวงพ่อฟูท่านก็ลืมตาหันมามองพอดี แล้วท่านก็พยักหน้าบอกว่า “เต็มแล้วนะ..ไปกันเถอะ” องค์อื่นยังไม่เคยเจอพูดชัดขนาดนี้ มีหลวงพ่อฟูนี่แหละ..ที่บอกชัดที่สุด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2014 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 22-10-2014, 15:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การพุทธาภิเษกต้องเข้าฌานเต็มกำลังไหมครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นสายหลวงพ่อวัดท่าซุง ต้องแล้วแต่พระท่านบอก อันดับแรกเลย คือ ส่งใจไปกราบพระข้างบน กราบครูบาอาจารย์ ขอบารมีท่านช่วยสงเคราะห์ แล้วท่านบอกให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ท่านบอกให้ตั้งสมาธิแบบไหน ให้ใช้คาถาบทไหน หรือให้นึกถึงภาพพระลักษณะอย่างไหน ต้องทำตามอย่างเดียว ก็เลยกลายเป็นว่า พวกเรานี่พอถึงเวลาแล้วท่านก็จะบอกว่าพอหรือยัง ตำราอื่นเขาปลุกพระ ตำราของวัดท่าซุงต้องรอพระปลุก ถึงเวลาพระท่านจะปลุกเองว่าพอแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 17:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 22-10-2014, 15:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พุทธาภิเษกวัตถุมงคลแบบเมตตามหานิยม ?
ตอบ : ทำยากที่สุดเลย อย่างอื่นง่าย แต่เมตตายาก เพราะว่าตัวเมตตานี่ต้องออกจากใจของเราจริง ๆ ถ้ากำลังใจเราเมตตาไม่ถึง ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จหรอก

ถาม : คำว่าเมตตาถึง ?
ตอบ : ต้องเคยปฏิบัติเกี่ยวกับพรหมวิหาร ๔ มาจนคล่องตัว ถ้าเป็นอย่างอื่นไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด ใช้แค่อุปจารสมาธิ ขนลุกก็ใช้ได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 17:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 22-10-2014, 16:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่เสกวัตถุมงคลทางด้านเมตตา โยมควรตั้งกำลังใจอย่างไรถึงได้อานุภาพสูงสุดครับ ?
ตอบ : ตั้งว่ากูจะทำชั่วให้ได้..! ถ้าเราตั้งใจชั่วขนาดนั้นแล้ว อานุภาพพระยังรักษาให้คนเขาเมตตาเราได้ ก็แสดงว่ามีอานุภาพสูงสุด ตูว่าตูอธิบายชัดที่สุดแล้วนะ

ตำรานี้เขาเรียกว่าถามแบบมักง่าย คงได้รับการครอบครูมาจากบ้านสบายใจ ไอ้ถามทำนองนี้คือไม่ยอมใช้สมองคิด..!


ถาม : ก็ผมโง่นี่ครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่โง่..แต่ฉลาดเกินไป จนไม่ยอมคิดเอง พวกโง่ ๆ เขาต้องหัดคิดเอง วันนี้ทำไมโดนหลายยกแท้วะ ? อยู่ ๆ ก็ยื่นหัวมาให้ตี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 18:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 22-10-2014, 16:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “คนที่เขาทำอะไรเป็นหลักเป็นฐาน เป็นการเป็นงาน แสดงออกถึงความละเอียดของใจ แต่ขณะเดียวกัน คนที่ไม่ได้เตรียมตัวมา ถ้าสามารถตัดสินใจปุบปับได้เลย แสดงว่ากำลังใจดีมาก ถ้าตัดสินใจไม่ได้ ประเภทคิดแล้วคิดอีก มองแล้วมองอีกก็ยังอีกนาน กำลังใจบางอย่างจะแสดงออกได้ชัดมาก

เรื่องของการทำบุญทำทานก็เหมือนกัน ทางด้านวัดท่าขนุน โยมมาถึงก็กราบงาม ๆ ๓ ที เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วค่อยล้วงกระเป๋า เอาเงินขึ้นมานับ ตัดสินใจว่าทำเท่าไร แล้วก็เก็บที่เหลือ จากนั้นค่อยคลานมาถวาย ถ้าเป็นอย่างนั้นสัก ๒๐ คน พระมีหวังอดเพลแน่ เพราะมัวแต่นั่งรอกันอยู่”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 18:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 22-10-2014, 16:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัวเมตตากับกรุณา เมื่อแผ่ไปถึงทุกคนนั้นต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ต่างกันตรงที่..เมตตาคือรักเขาเหมือนกับตัวเรา เราอยู่ดีมีสุขอย่างไร ก็อยากให้เขาอยู่ดีมีสุขแบบนั้น กรุณานั้นสงสารที่เห็นเขาตกอยู่ในกองทุกข์ อยากให้เขาพ้นจากห้วงทุกข์ กำลังใจต่างกันอยู่นิดเดียว

ถาม : ควรวางกำลังใจอย่างไร ?
ตอบ : มีหน้าที่อยู่อย่างเดียว คือ พยายามช่วย ถ้าไม่เกินกำลังกาย กำลังปัญญา กำลังทรัพย์ก็ช่วยเขา ถ้าเกินนั้นก็จะมีตัวอุเบกขาไว้คอยเบรก ไม่อย่างนั้นแล้วจะไปทุกข์ใจแทนเขา พระพุทธเจ้าท่านสุดยอดเลย เอาอุเบกขามาแปะท้ายไว้

ขาดอุเบกขานี่บางคนช่วยคนอื่นจนตัวเองเป็นโทษ อย่างมีโยมอยู่คนหนึ่งที่เก็บขยะขาย เขาเลี้ยงหมาไว้ ๒๐๐ กว่าตัว อันนั้นตัวเองเดือดร้อน แต่ว่าด้วยความที่เมตตากรุณามาก ก็ยอมอดให้หมาอิ่ม อันนั้นแสดงว่าขาดอุเบกขา คือทนเห็นเขาลำบากไม่ได้ หมาที่ไหนลำบากเอามาเลี้ยงหมด ก็เลยกลายเป็นเมตตาเกินประมาณ อย่างที่หลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ วัดเจดีย์หลวง ท่านว่าไว้ เมตตาเกินประมาณตัวเองก็เดือดร้อน เก็บขยะขายวัน ๆ จะได้สักกี่สตางค์ แล้วต้องเลี้ยงหมาตั้ง ๒๐๐ กว่าตัว


ถาม : แล้วผลบุญไม่ส่งเลยหรือครับ ?
ตอบ : ต้องรอชาติหน้า รับรองว่ามีบริวารช่วยเพียบเลย หรือถ้าชาตินี้ทำได้สม่ำเสมอต่อเนื่องกันเป็นสิบ ๆ ปี ท้าย ๆ ก็อาจจะได้ บางทีเห็นท่านทั้งหลายเหล่านี้ทำแล้ว ยังรู้สึกสะท้อนใจว่า เออ..กำลังใจเราสู้เขาไม่ได้ เขาตัดสินใจทำขนาดนั้นได้ ตัวเองยอมอดให้คนอื่นอิ่ม

อาตมาเข้าไปที่พุทธมณฑลตอนประมาณตีห้ากว่ายังไม่ทันจะหกโมง ทันทีที่เห็นแสงไฟ หมาเป็นร้อยตัววิ่งไล่ตามรถ เขาคิดว่าคนที่เลี้ยงเขามาแล้ว แต่ความจริงอาตมาจะไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์ที่นั่น ถ้าไปสายคนจะเยอะ เลยไปตั้งแต่เช้า กะว่าอาศัยความเป็นพระไปขออนุญาตพระท่านที่เฝ้าเข้าไปไหว้ก่อน ไปกันตั้งแต่ก่อนหกโมงเช้า หมาเห็นไฟรถนี่วิ่งตามกันมาเลย คิดว่าคนมาเลี้ยงแล้ว

แสดงว่าคนที่เขาปฏิบัติธรรมโดยที่ตัวเองไม่รู้ว่าปฏิบัติธรรมมีเยอะมากเลย อย่างพวกบรรดาหมอที่สละตัวเองไปรักษาผู้ป่วยอีโบล่า นั่นเป็นฝรั่งมังค่าเอง เขาก็ไม่ได้เข้าใจว่าเรื่องของเมตตาพรหมวิหารคืออะไร รู้แต่ว่าตัวเองอยากทำ อยากช่วย ทนเห็นเขาลำบากไม่ได้

ถาม : เพราะเขาขาดเรื่องอธิษฐานบารมีหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จะขาดอะไรก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าชาตินี้เขาทำขนาดนั้น เดี๋ยวชาติหน้าเขาก็เลี้ยวเข้ามาถูกทางเอง

ถาม : หมายถึงว่า เขาทำโดยที่ตัวเองไม่รู้ว่าปฏิบัติ ?
ตอบ : บางทีก็ขาดอธิษฐานบารมี บางทีก็สร้างบุญนอกเขตพระพุทธศาสนา ในเมื่อกำลังบุญยังส่งผลไม่พอ ก็ไม่ได้เข้ามาในเขต แต่ก็ยังทำต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 18:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 22-10-2014, 16:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัวมุทิตาเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : มุทิตานี่เรายินดีเมื่อเห็นเขาอยู่ดีมีสุข เขาจะตั้งใจว่าขอให้มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ท่านที่มีความสุขความเจริญดีอยู่แล้ว ขอให้มีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเถิด ไม่ได้อิจฉาเขา มีแต่สนับสนุนอยากให้เขาได้ดียิ่งไปกว่านั้น เสียงรถยนต์วิ่งมานี่ “โห..น่าดีใจนะ เขามีรถขี่” ทั้ง ๆ ที่เราเดินเท้าอยู่นี่แหละ แต่ดีใจว่าเขามีรถขี่

ถาม : แล้วผลของมุทิตาเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ลักษณะเดียวกันว่าถ้าเขาทำถึง คนที่สภาพจิตเริ่มละเอียดจะรับได้ หรือไม่ก็สภาพจิตอยู่ในระดับอุปจารสมาธิจะรับได้ บางทีก็รู้สึกเห็นแล้วก็รักก็ชอบ อยากเข้าใกล้โดยไม่มีสาเหตุ แต่จริง ๆ สาเหตุมี..แต่ตัวเองยังไม่ชัดเจน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 18:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 22-10-2014, 16:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่เขาบอกว่าเจริญเมตตาจนกระทั่งสัตว์เดรัจฉานเขาสัมผัสได้ ?
ตอบ : พระอาจารย์ของพระเจ้าอโศกมหาราชที่เป็นอดีตปริพาชก เข้าไปในสำนักของพุทธศาสนา แล้วเห็นเสือกับกวางอยู่ด้วยกันได้ ไม่เป็นศัตรูกัน ก็สงสัยว่าเป็นตัวอะไร จึงถามพระภิกษุในพระพุทธศาสนา พอถามอะไรก็ตาม ท่านบอกว่า “อนัตตา” ทั้งหมด ท่านก็เลยขอฟังธรรม พอฟังธรรมแล้วกลายเป็นอรหันต์จึงขอบวช กลายเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา แล้วพวกทหารก็รับเข้าวังไป รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ของพระเจ้าอโศกมหาราช เพราะว่าท่านทำนายไว้ตั้งแต่เด็กว่า พระเจ้าอโศกมหาราชต้องฆ่าพี่น้องตัวเอง แต่ว่าต่อไปจะเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่มาก

แสดงว่าเรื่องของอภิญญาสมาบัติ เรื่องของอนาคตังสญาณท่านชำนาญมาแล้ว เพียงแต่ว่าการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ท่านยังไม่มี แล้วบุญเก่าส่งให้ท่านไปเจอพระภิกษุในพุทธศาสนาพอดี ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจไปอวดเขาว่าเราเป็นปริพาชก ได้เป็นอาจารย์ของพระเจ้าแผ่นดิน เขาส่งวอมารับ ท่านเองเป็นพระในพุทธศาสนา ท่านได้อะไรบ้าง แต่ปรากฏว่าเข้าไปถึงก็เจอของดีเข้า


ถาม : แล้วจริงไหมคะที่สัตว์จะสัมผัสได้ดีกว่าเรา ?
ตอบ : ของเขาจะดีกว่าเรามาก เพราะสัตว์ทั่ว ๆ ไปเขายังใช้ภาษาเสียง ภาษากาย ภาษาใจ ๓ อย่างรวมกัน ของเราได้แต่ภาษาเสียงกับภาษากาย ภาษากายก็อ่านไม่ค่อยออกแล้ว ยกเว้นบางท่าที่เป็นสากลจริง ๆ อย่างผลักมือออกก็ NO คราวนี้เมื่อภาษากายยังอ่านไม่ค่อยออก ภาษาใจ สภาพจิตที่หยาบก็อ่านไม่ออกไปด้วย

สมัยก่อนเขาไม่ต้องใช้ภาษามากมาย เพราะว่ามีภาษาใจเป็นหลัก แต่พอสภาพจิตของคนหยาบขึ้น ๆ จนรับภาษาใจไม่ได้ ก็ต้องเปล่งเสียงออกมาเพื่อสื่อสารกัน ก็เลยกลายเป็นภาษาโน้นภาษานี้เยอะแยะไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 18:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 22-10-2014, 16:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรรมมาขวางมากกว่า ?
ตอบ : ต้องบอกว่าคนเราสร้างกรรมไว้มากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่มาขัดขวางความสะดวกสบายที่ได้อำนวยจากบุญก็เลยน้อยลง จึงทำให้พวกความเป็นทิพย์ พวกภาษาใจต่าง ๆ ค่อย ๆ หายไป แล้วภาษากาย ภาษาเสียง ก็เจรจากันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เพราะต่างคนต่างแบกทิฐิมา

ลองไปคุยดูสิว่า ฉันปฏิบัติกรรมฐานสายนี้ดีกว่า เดี๋ยวมีคนมาช่วยกันเยอะเลย มาช่วยเสวนาด้วย ถึงได้บอกว่าคนเราสู้หมาไม่ได้ ลองอุ้มหมาไปประเทศฝรั่งเศส โยนลงไปเจอหมาด้วยก็คุยกันรู้เรื่องทันที ไม่เห็นต้องไปหัดภาษาฝรั่งเศสเลย เอาไปประเทศไหนก็ได้ โยนลงไปก็คุยกันได้ เพราะเขามีภาษากาย มีภาษาใจด้วย ของเรามีภาษาเสียงอย่างเดียวจึงสู้เขาไม่ได้

ถาม : อย่างนี้การรับรู้ด้วยใจเลย ก็ดีกว่าการแปลงเป็นเสียง ?
ตอบ :
ดีกว่าเพราะเป็นความจริง เรื่องของวาจาเป็นมายาหลอกลวงกันได้ ใจคิดอย่างหนึ่ง ปากพูดอีกอย่างหนึ่ง มีน้องอยู่คนหนึ่ง เขาแทบจะรับสภาพสังคมปัจจุบันไม่ได้ เพราะว่าใครอยู่ใกล้นี่เขาอ่านความคิดได้หมด แล้วทำไมถึงพูดคนละอย่างกับที่เขาคิด เขาก็เลยเครียดอยู่คนเดียว อันนั้นก็ว่าเขาไม่ได้หรอก เขายังปล่อยไม่เป็น วางไม่เป็น ไปคิดอยู่อย่างเดียวว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เครียดอยู่คนเดียว แต่ถ้าเราเห็นว่าปกติธรรมดาเขาก็เป็นอย่างนั้น อยากว่าอะไรก็เออ ๆ ค่ะ ๆ ไปตามเรื่องก็จบแล้ว

อย่างเรื่องที่เขาว่า ถ้าหากใครพูดอะไรมา แล้วเราอยากว่าเขาตอแหล ให้พูดว่า “อ๋อ..หรือคะ ?” อย่าไปด่าว่าเขาตอแหลนะ คุณแม่สอนไว้ ถ้าเขามาพูดโกหกก็ให้พูดว่า “อ๋อ..หรือคะ ?”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-07-2017 เมื่อ 22:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 22-10-2014, 17:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปเช่าธงมหาพิชัยสงคราม เพื่อจะนำไปแจกทหารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ?
ตอบ : ให้ใช้คาถา “พุท ธะสัง มิ” ในการปลุกธง ก็คือ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นวัตถุมงคลที่อาตมาติดตัวอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ชายแดน รับประกันคุณภาพ ชอบใจอยู่อย่างเดียวว่า จะปืนจะระเบิดอะไรยิงออกหมด แต่ไม่มีถูก นิสัยของอาตมาชอบเสียงดัง ๆ ได้ยินแล้วคึก ได้ยินแล้วจะวิ่งสวนกระสุนท่าเดียว หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกว่า ลูกของท่านนี่กลัวไม่ได้

ถ้าพกธงมหาพิชัยสงครามอยู่ ตกอยู่ในวงล้อมนี่ เสียงปืนด้านไหนแน่นที่สุด ให้ฝ่าออกไปทางด้านนั้น วัดกันชัด ๆ เลยว่า เรายังกลัวหรือเปล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 18:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 22-10-2014, 17:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อุเบกขาพรหมวิหารเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าอุเบกขาที่ทำถึงที่สุดเลยก็คือ ปล่อยวางแม้แต่สังขารร่างกายของเรา ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นได้ ก็ต้องเป็นพระอรหันต์ไปเลย ที่เขาเรียกว่าสังขารุเปกขาญาณ ปล่อยวางในการปรุงแต่งทั้งปวง เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ได้รสสักแต่ว่าได้รส สัมผัสสักแต่ว่าสัมผัส หยุดการคิดเพราะเห็นโทษในสิ่งทั้งปวง นับว่าเป็นอุเบกขาที่แท้จริง

ถาม : แล้วกระแสแผ่ออกไปจะมีผลอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าบางคนไม่สังเกต บางทีท่านนั่งอยู่ก็ไม่เห็นท่าน เหมือนกับว่าท่านวางหมดทุกอย่างแล้ว จุดที่ท่านอยู่ก็เลยเหมือนกับไม่มีอะไรเลย ถ้าคนไม่สังเกตบางทีไม่เห็นท่านหรอก

ถาม : ตอนแรกคิดว่าอุเบกขาจะไม่มีการแผ่ออกไปอีก ?
ตอบ : แผ่ได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าลักษณะของการทำไปถึงอุเบกขาแล้ว ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยปัญญามากเป็นพิเศษ เพราะมีปัญญาตั้งแต่รู้ว่า ในเมื่อเราแก้ไขไม่ได้ ดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์..ใช่ไหม ? ปัญญาขั้นต้นก็ไล่ไปสิ ไล่ไปจนกระทั่งถึงเห็นทุกข์เห็นโทษก็เลยปล่อยวาง ไม่ไปแตะต้อง ทุกข์โทษเหล่านั้นก็ไม่เกิดขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 18:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 22-10-2014, 17:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วอุเบกขาจะเป็นฐานให้เข้าถึงอรูปฌานได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นอุเบกขา กำลังใช้ได้ แต่ถ้าจะทำอรูปฌาน อย่างน้อย ๆ ต้องจับภาพกสิณอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา ยกเว้นอากาสกสิณ หรือถ้าไม่มีความคล่องตัว ก็ต้องเว้นอาโลกกสิณไปด้วย

ถาม : ถ้ามีความคล่องตัวในอาโลกกสิณ ?
ตอบ : อาโลกกสิณจับเป็นดวงกสิณได้ยากเพราะอาศัยแสงสว่างเป็นดวงกสิณ

ถาม : แล้วถ้ามีความคล่องตัวก็จะแยกได้ ?
ตอบ : สามารถแยกได้ แต่คราวนี้ถ้าไม่มีความคล่องตัวก็เว้นไปเลย ไปจับกสิณที่อาศัยรูปชัด ๆ แทน คราวนี้พอจับกสิณแล้ว กำลังสมาธิที่ได้มาจากพรหมวิหาร ก็จะช่วยให้ดวงกสิณมั่นคงได้เร็ว จับติดตาได้ง่าย แล้วระดับการเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นเร็ว เพราะว่าสมาธิทรงตัวแล้ว

ถาม : แปลว่าต้องเปลี่ยนกองกรรมฐาน ?
ตอบ : ให้กลับมาใช้คำภาวนากับจับรูปก่อน แต่ว่าสมาธิก็เท่าเดิมที่เราเคยทำได้ ในเมื่อพื้นฐานสมาธิมี เรื่องนี้ก็ง่ายแล้ว

ถาม : แต่จริง ๆ พรหมวิหารก็เป็นตัวสนับสนุนกันใช่ไหมคะ ? ถ้าเราแผ่เมตตาไปด้วยสมาธิจะรวมตัวเร็ว อันนั้นคือเราเจริญพรหมวิหาร ?
ตอบ : เรื่องของพรหมวิหาร ๔ ช่วยให้กำลังใจไม่แห้งแล้ง เกิดความชุ่มชื่นเบิกบาน ทำแล้วไม่อิ่ม ไม่เบื่อ ไม่หน่าย ถ้าไม่มีพรหมวิหาร ๔ คอยช่วยอยู่ บางทีก็รู้สึกแห้งแล้งอย่างไรไม่รู้ แล้วก็พาให้เบื่อไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2014 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 22-10-2014, 17:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปฏิบัติธรรมงวดนี้คงได้สอนมากหน่อย เพราะว่าระยะหลายวัน ส่วนใหญ่อยากจะนำมาก แต่ก็ติดที่ว่าต้องทำวัตรเช้า ต้องบิณฑบาต ก็สอนได้วันละหน่อย บางคนก็สงสัยว่า "ไม่มีอะไรมากกว่านี้หรือ ?" อยากจะบอกกับเขาว่า "ถ้าเอ็งทำจริง ๆ จบเลยนะนั่น" แต่เขาไม่ค่อยจะสังเกตกัน แต่ที่เขาชอบกันเพราะว่า พอทำตามแล้วอารมณ์ใจทรงตัวเร็ว อาศัยคำแนะนำเป็นการโยงใจให้เกิดสมาธิ แต่ส่วนใหญ่พอถึงเวลาทำวัตรก็ปล่อยหลุดหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2014 เมื่อ 18:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 22-10-2014, 17:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่พระโพธิสัตว์จะบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงยกปฏิจจสมุปบาทขึ้น ในขณะนั้นมีฌานหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีกำลังฌาน การพิจารณาจะไม่ชัดเจน พอไป ๆ แล้วกำลังสมาธิหมด บางทีเหมือนกับคิดต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ทรงฌานคล่องตัวนี่การพิจารณาทุกอย่างประโยชน์จะน้อยมาก ต้องบอกว่า “จำเป็นต้องทรงฌานเลย ถ้าจะพิจารณา”

ถ้าเราสังเกตหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะบอกว่า “เข้าสมาธิให้เต็มที่ คลายออกมาแล้วพิจารณา” ก็คือเอากำลังจากสมาธินั่นแหละ ถ้าหากว่ารู้สึกมันจางไป พิจารณาไม่ชัดเจนก็เข้าสมาธิใหม่ คลายออกมาแล้วว่าใหม่ จำเป็นที่จะต้องใช้เลย ฉะนั้นเรื่องของสมาธินี่ทิ้งไม่ได้เด็ดขาด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 22-10-2014, 18:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเป็นโสดาปัตติมรรคเขาเรียกว่าอาสวักขยญาณไหมครับ ?
ตอบ : ยังไม่ถึง แต่ไม่ถอยหลังแล้ว เหมือนอย่างกับคนได้กินอาหารอร่อยแล้วติดใจ อย่างไรก็ต้องขึ้นหน้าไปกินให้ได้

ถาม : แล้วที่เขาว่าอาสวักขยญาณหมายถึงมรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑
ตอบ : อย่างน้อยต้องเป็นโสดาปัตติผลขึ้นไป ก็ตัดกิเลสไปได้ตามกำลังใจของตนเอง ถ้ายังไม่ได้โสดาปัตติผลขึ้นไปจะยังไม่เรียกว่าอาสวักขยญาณ เพราะว่าตัดกิเลสบางตัวยังไม่ได้

ถาม : ที่ถามอย่างนี้เพราะว่า ถ้าเข้าฌานสี่แล้วสามารถไปได้ถึงอาสวักขยญาณ
ตอบ : ถ้าหากว่ากำลังฌานสี่พอนี่ตัดได้ถึงระดับสุดท้ายเลย ถ้าหากว่าจะเอาเบื้องต้นอย่างพระโสดาบัน แค่ปฐมฌานก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีก็ฌานสี่ปลอดภัยกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 22-10-2014, 18:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อภิญญากำลังใจที่จะใช้อยู่ระดับฌานไหนครับ ?
ตอบ : อย่างน้อยต้องเป็นฌานสี่คล่องตัว ถ้าได้สมาบัติแปดยิ่งดี บุคคลที่ทรงอภิญญาจริง ๆ แทบจะไม่ละจากการทรงฌานเลย ยิ่งพวกที่ใช้เป็นปกติ พูดง่าย ๆ ก็คืออยู่กับฌานไปเลย เพียงแต่ว่าขึ้น ลง อธิษฐานจนเกิดความคล่องตัว ท้ายสุดคิดแล้วก็เป็น ไม่ต้องเสียเวลาไปอธิษฐาน

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ถ้าไม่มีกำลังของฌานก็ต้องเป็นอุปจารสมาธิอย่างต่ำ แต่ว่าพวกอภิญญานี่ต้องเป็นกำลังฌานสี่ทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-11-2014 เมื่อ 06:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว