กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 20-09-2012, 21:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ามีคนมานินทาเรา เรารู้แล้วไปนินทาเขากลับ อย่างนี้ถือเป็นการแก้แค้นไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่เจตนา ถ้าเราคิดเพื่อการสร้างสรรค์จริง ๆ ก็ไม่เป็นการแก้แค้น พูดง่าย ๆ ก็คือ ในเมื่อฉันใจกว้างพอที่จะฟังคำวิจารณ์ของคุณ คุณก็ต้องใจกว้างพอที่จะฟังคำวิจารณ์ของฉันด้วย ถ้าหากมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไป ตามที่เขาบอกว่าไม่ดีแล้วเราแก้ไขให้เป็นดี ก็เท่ากับว่าเราสร้างความเจริญให้กับตัวเอง เขาก็สร้างความเจริญให้กับตัวของเขาเอง

แต่ถ้าเราวิจารณ์เพราะตั้งใจว่า “มึงว่ากู..กูต้องเอาคืน” อย่างนั้นก็เป็นการแก้แค้นแน่ ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2012 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 21-09-2012, 21:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ร่างกายคือตัวทำลายความอร่อย ความหิว พอเอาเข้าปากก็ไม่ได้อยากอีก ?
ตอบ : ในบทสวดชื่อธาตุปฏิกูลปัจเวกขณะ ที่ว่า "ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง.." ความจริงแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มิได้มีความสกปรก สักแต่ว่าเป็นธาตุเท่านั้น แต่เมื่อได้สัมผัสกับร่างกายนี้จึงกลายเป็นของสกปรก อันนี้อยู่ในลักษณะพิจารณาให้เห็นความจริง

ถาม : ทำไมจากของที่ไม่ได้สกปรก แต่พอไปสัมผัสกับร่างกายจึงกลายเป็นของสกปรกคะ ช่วยขยายความด้วยค่ะ ?
ตอบ : ทำไมต้องไปขยายความ ? ไม่ซักผ้าสัก ๓ วันก็รู้เอง เวลาซักผ้าสะอาดแล้วก็สะอาดเลยใช่ไหม ? ที่ผ้ามาสกปรกใหม่เพราะเราเอามาใส่ ท่านให้พิจารณาทั้งอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นปกติก็เป็นเพียงธาตุ ๔ เท่านั้น แต่พอมาสัมผัสกับร่างกายของเราแล้ว เราก็ไปรังเกียจว่าสกปรก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2012 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 22-09-2012, 13:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "การปล่อยชีวิตสัตว์ที่พวกเราทำกันประจำทุกเดือน ส่วนใหญ่แม่ค้าเขาคอยถามว่า "ครั้งหน้าจะมาเมื่อไร ?" ถ้าบอกไปเขาก็จะเตรียมไว้ให้ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของเรา วัตถุประสงค์ของเราคือต้องการจะช่วยชีวิตเขา ถ้าเขาเตรียมไว้ให้ก็จะเป็นการสร้างความลำบากให้กับสัตว์โดยใช่เหตุ แล้วที่เขาเตรียมไว้ไม่ได้แปลว่าเขาขายเพื่อให้ฆ่า เขาเตรียมไว้เพื่อให้เราปล่อย เราจะไม่ได้อานิสงส์ในการต่อชีวิต จะได้แค่เมตตาบารมีเฉย ๆ

รู้สึกว่าจะเป็นเมตตากะพร่องกะแพร่งด้วย เพราะเขาอยู่ดี ๆ แล้วไปตีอวนมาให้เขาเดือดร้อน พระครูไพโรจน์ภัทรคุณ วัดสระพัง ปล่อยปลาที่ไรก็ใช้วิธีนี้แหละ อาตมาบอกท่านว่าให้ไปเหมาในตลาด ท่านว่าในตลาดมีน้อยไป สั่งให้เขาตีอวนมาทีหนึ่ง ๓ - ๔ ตัน ต้องบอกว่าพุทธภูมิก็เป็นแบบนั้นแหละ เอาจำนวนมากไว้ก่อนเพื่อต้องการบริวาร

นึกถึงหลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ วัดดาวดึงสาวาส ปรมาจารย์นักเทศน์ ท่านเป็นอาจารย์สอนเทศน์ให้หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านไปปล่อยปู ท่านบอกกับพวกปูว่า “ไอ้ปูอีปูเอ๊ย..ข้าจะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า ไม่ได้ต้องการพวกเอ็งไปเป็นบริวารหรอก ข้าเห็นพวกเอ็งลำบาก ข้าก็เลยเอาพวกเอ็งมาปล่อย เอ็งไปทางไหนได้ก็ไปตามทางของเอ็ง ไม่ต้องตามข้าไปหรอก” ถ้าขืนให้ปูไปเกิดตามท่าน ก็คงตามกันไม่หวาดไม่ไหว..เพราะอีกนานเหลือเกิน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-09-2012 เมื่อ 23:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 22-09-2012, 13:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงอามหาเวกตั้งใจจะเป็นนักเทศน์แบบหลวงพ่อวัดท่าซุง ไปอยู่วัดดาวดึงส์จนกระทั่งมรณภาพ แต่ว่าหลวงปู่พระครูโวฯ ท่านประกาศตนชัดว่าท่านเป็นพุทธภูมิ ปรารถนาพระโพธิญาณ ขนาดปล่อยปูยังบอกตรง ๆ เลยว่า "ข้าจะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า..!"

เสียดายพระที่เป็นอัจฉริยะในการเทศน์แบบท่านหายาก สมัยนั้นพระนักเทศน์ทั่วประเทศไทยเป็นลูกศิษย์ของท่านกันหมด ตอนจัดงานศพตัวเอง ท่านบอกว่า “ถ้าข้าตายแล้วไม่ได้เห็น ข้าอยากจะเห็นตอนเป็น ๆ นี่แหละ” ว่าแล้วท่านก็จัดงานศพตัวเอง ลูกศิษย์มาช่วยงานกัน เอาผ้าไตรมาถวายคนละไตร ปัจจัยอีกคนละร้อยบาท เราต้องนึกถึงสมัยที่ก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ราคา ๕ สตางค์ เงินร้อยหนึ่งบาทมีมูลค่าสูงมาก สมัยนี้น่าจะเหมือนกับถวายเงินเป็นแสน

ตอนจัดให้เทศน์ปรากฏว่าจัดไม่ลงตัว เพราะลูกศิษย์ที่มาเป็นนักเทศน์ระดับเซียนของพื้นที่กันทั้งนั้น ก็เลยมีเทศน์ ๕๐๐ ธรรมาสน์ มีครั้งเดียวในประเทศไทยและไม่มีอีกแล้ว ว่ากันคนละประโยคก็หมดไปเป็นวันแล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2012 เมื่อ 16:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 22-09-2012, 14:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ความจริงหลวงปู่พระครูโวฯ ท่านรู้ว่าท่านหมดอายุ แต่งานยังมีอยู่ ก็เลยจัดงานศพตัวเองเป็นการสะเดาะเคราะห์ใหญ่ เวลาใครถามท่านก็บอกว่า “ข้าตายแล้วไม่ได้เห็น จัดตอนเป็นนี่แหละ จะได้รู้ว่าพวกเอ็งทำอะไรให้ข้าบ้าง”

ท่านเป็นองค์ที่หลวงพ่อเล่าให้ฟังตลก ๆ ว่า พอเสียงหวอขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด หลวงปู่ท่านเผ่นไปนอนอยู่กับชาวบ้านกลางทุ่ง พอเสียงหวอบอกว่าเครื่องบินผ่านไปแล้ว ชาวบ้านก็กลับขึ้นศาลา หลวงปู่พระครูโวฯ ก็เดินตุ้บตั้บมาพร้อมกับย่าม และคัมภีร์ที่ถือติดมือไปด้วย หลวงพ่อท่านยังนั่งอยู่บนธรรมาสน์ พอหลวงปู่ขึ้นมาถึงก็ใส่เลย “ตัวเองเป็นพระเป็นเจ้า สอนชาวบ้านเขาให้รู้จักมรณานุสติ จะได้ไม่กลัวความตาย แต่นี่วิ่งก่อนเลย”

หลวงปู่ท่านถามว่า “มึงว่าใครวะ ?” หลวงพ่อท่านก็ว่า “ไอ้คนไหนทำอย่างนั้น ก็ว่าคนนั้นแหละ” หลวงปู่ชี้หน้ามาบอกว่า “ไอ้ที่มึงว่าแสดงว่าไม่รู้นะสิ ว่ามึงน่ะอกตัญญู” ถามว่าอกตัญญูตรงไหน ? ท่านบอกว่า “มึงรู้ไหม กูนี่พระสงฆ์ ไอ้ที่ในมือกูถือนี่นะพระธรรม แล้วที่คอสวมพระเอาไว้ทั้งพวง นี่แหละพระพุทธ กูไปครบพระรัตนตรัย ตามไปคุ้มครองโยม มึงเสือกนั่งอยู่บนศาลา มึงนั่นแหละอกตัญญู” เป็นอาตมาก็ไปไม่เป็นแล้ว ท่านไปได้ลื่นเลย

พอเทศน์เสร็จหลวงพ่อเข้าไปกราบขอขมา “ขออภัยครับหลวงพ่อ ต้องเล่นครับ เพราะได้มุมพอดี” หลวงปู่ท่านบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก รู้ท่าอยู่ว่าเอ็งเอาแน่” ต้องบอกว่าปฏิภาณท่านสุดยอดเลย ใส่ชนิดไม่ให้ตั้งหลัก ท่านยังไปได้ลื่น ๆ เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2012 เมื่อ 16:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 22-09-2012, 14:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"องค์นี้แหละที่ตั้งนะโมฯ ขึ้นอุเทศแล้วชาวบ้านงง เขานิมนต์ท่านเทศน์กะทันหัน ท่านเพิ่งจะเทศน์วัดนี้แล้วเขานิมนต์ต่อเลย ท่านตั้งหลักไม่ทัน ไม่ได้เตรียมเรื่องเทศน์ไว้ ถึงเวลาท่านขึ้นธรรมาสน์ได้ก็ตั้งนะโมฯ เลย จากนั้นจึงขึ้นอุเทศไม่เหมือนใคร ท่านขึ้นว่า "รัตนะมาลา จะ การาจี เอสเอบี พาหุรัดสะโตติ" มีลงติ..ถูกต้องตามแบบเลยนะ แล้วท่านก็เทศน์ไปเรื่อย

โยมที่ฟังคิดว่าเป็นภาษาบาลี แต่ไม่ใช่หรอก รัตนมาลาเป็นร้านขายโคมไฟในสมัยนั้น การาจีเป็นร้านขายผ้าของแขกที่พาหุรัด เอสเอบีก็คือสี่แยก พาหุรัดสโตร์ก็เป็นร้านขายผ้าเหมือนกัน รู้สึกว่าเป็นอุเทศที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาอยู่อุเทศเดียว ตั้งหัวข้อตามสถานที่ซึ่งตัวเองผ่านไปเห็นเข้าพอดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2012 เมื่อ 16:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 22-09-2012, 14:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้ค่าเรียนของพระวัดท่าขนุน ทั้งปริญญาตรี โท เอก และบาลี เดือนหนึ่ง ๕๐,๐๐๐ - ๖๐,๐๐๐ บาท อาตมากำลังรอจังหวะเปิดกองทุนการศึกษา ตอนนี้เปิดบัญชีและใส่เงินไปเองแล้ว แต่ส่วนที่จะเปิดให้พวกเราทำบุญยังหาจังหวะไม่ได้ เพราะยังมีงานอื่นแทรก คงต้องรอให้หลังกฐินไปแล้ว

ใครต้องการพระกริ่งพิชัยสงครามให้เตรียมเงินไว้ อาตมาไปค้นเจอมีรุ่น ๒ (สีเงิน) อยู่ ๘๓ องค์ คิดหนึ่งหมื่นบาทเท่าเดิม จะเอาเข้ากองทุนการศึกษา ไปค้นเจอพระหลงอยู่ที่ห้องนอนที่เกาะพระฤๅษี ด้วยความที่เก็บไว้นาน กล่องชั้นนอกที่เป็นกระดาษติดกันเป็นแผงเลย เก็บนานไปหน่อย ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔-๒๕๔๕ ประมาณ ๑๐ กว่าปีแล้ว เพิ่งจะรู้สึกว่าท่านสั่งให้สร้างเมื่อไม่นานนี้เอง

อาตมาไปพม่าหลายเที่ยวก็พกไปองค์เดียวนี่แหละ ที่ไม่พกพระอย่างอื่นไป เพราะว่าส่วนใหญ่โยมช่วยทำกรอบเป็นทองให้ ถ้าทหารพม่าค้นเจอแล้วสงสัยว่าทำไมรวยแท้ เดี๋ยวโดนยึด อาตมาก็เลยพกพระกริ่งพิชัยสงครามไปองค์เดียว ลุยไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแล้ว"


"ที่ขำไม่ออกก็คือ พวกตำรวจทองผาภูมิเขาคิดว่าอาตมาพูดเล่น อาตมาบอกว่าราคา ๑,๐๐๐ บาทเฉพาะวันนี้ พอ ๖ โมงเย็นไปแล้วจะขึ้นเป็น ๑๐,๐๐๐ บาท พระท่านสั่งมาอย่างนั้น อาตมาก็ทำอย่างนั้น ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นตำรวจค่อยมา ควักเงินมา ๑,๐๐๐ บาทเพื่อบูชาพระกริ่งพิชัยสงคราม อาตมาบอกว่า “ไม่ทันกินแล้วเอ็ง ขึ้นไปเป็นหมื่นหนึ่งแล้วว่ะ..!” อยู่แค่หลังวัดแท้ ๆ ถ้าเดินขึ้นสะพานแขวนไปก็เป็นบ้านพักตำรวจแล้ว เลี้ยวขวาไปอีกไม่กี่ก้าวเป็นสถานีตำรวจ ดันมาช้าจนเจอของแพง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2012 เมื่อ 16:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 22-09-2012, 14:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครมีความรู้เกี่ยวกับราคาไข่มุกบ้าง ? เพราะมีโยมถวายไข่มุกสีทองมา ๗ - ๘ เม็ด ขนาดประมาณ ๑๘ มม. เห็นราคาแปะว่า ๕๐,๐๐๐ บาท เม็ดหนึ่งแพงขนาดนั้นเลยหรือ ? เขามีใบรับรองมาให้ด้วย

เคยมีคนส่งรูปแหล่งผลิตไข่มุกสีทองมาให้ดู เขาทำอย่างกับมีกองทัพส่วนตัวเลย เจ้าหน้าที่ติดอาวุธทุกคน เวลาไปต้องบินด้วยเฮลิคอปเตอร์ ห้ามเรือทุกชนิดเข้าไปในเขตพื้นที่ของเขา ไม่อย่างนั้นโดนยิงหมด

ระยะหลังไข่มุกเซ้าท์ซีของบ้านเรามีราคาสูง เพราะว่ามุกจีนกับญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นมุกเลี้ยง และเขาใช้วัสดุใหญ่ เวลาหอยเคลือบมาจะมีน้ำมุกอยู่นิดเดียว ต้องบอกว่าคนเราอาศัยความเจ็บปวดทรมานของหอยมาเป็นอุตสาหกรรม ไข่มุกธรรมชาติเกิดจากเม็ดกรวดเม็ดทรายหลุดเข้าไปในเนื้อหอย พอหอยเจ็บหรือระคายเคืองก็ขับน้ำมุกออกมาเคลือบไว้ เพื่อที่จะไม่ให้ไปโดนเนื้อของตัวเอง ก็คงเหมือนกับแผลสด ๆ ไปโดนไม้เขี่ยอย่างนั้นแหละ พอเคลือบไปเพื่อรักษาตัว คนกลับเห็นว่าเป็นของสวย

คนที่คิดการผลิตมุกเลี้ยงออกมาได้ ต้องบอกว่าใจคอโหดมาก เพราะเขาต้องเอาพวกนี้ยัดเข้าไปในหอยทุกตัว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2012 เมื่อ 16:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 22-09-2012, 14:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พิพิธภัณฑ์ไข่มุกทะเลที่ภูเก็ตมีไข่มุกสีทองจากหอยสังข์ทะนานเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณไข่นกพิราบ วันนั้นอาตมาไปพอดีว่าฝนตก ที่นั่นจึงไม่มีคนเลย แล้วพระก็ดันเข้าฟรีอีก อาตมาก็เลยเข้าไปถ่ายรูปจนทั่วพิพิธภัณฑ์ ทั้ง ๆ ที่เข้าห้ามถ่ายนั่นแหละ

เขาเอาพวกหอยทะเลที่เป็นฟอสซิล ฟันปลาฉลามดึกดำบรรพ์มาจัดแสดงด้วย ซึ่งทำได้สวยมาก ถ้าเขาขุดมายาวสัก ๒ ฟุต เขาจะขัดแค่บางส่วนให้เงาขึ้น เพื่อให้เห็นว่าสวยแค่ไหน ส่วนที่เหลือก็ปล่อยเป็นธรรมชาติไว้ มีพวกฟอสซิลปลาดึกดำบรรพ์ด้วย

ถ้าพวกเรามีโอกาสก็เข้าไปดู เพราะของพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะมีได้ทั่ว ๆ ไป พวกบรรดาเปลือกหอยต่าง ๆ เขาจัดไว้เป็นหมวดหมู่สวยงามมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2012 เมื่อ 16:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 22-09-2012, 15:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ จริง ๆ แล้วเป็นตัวตนหรือจิตวิญญาณของท้องถิ่นนั้น เมื่อเจอที่ไหนก็ควรวิ่งใส่ที่นั่น แต่บ้านเราไม่นิยมเข้าพิพิธภัณฑ์กัน นิยมไปเดินห้างแทน

ต้องดูอย่างประเทศอังกฤษ บ้านเขาทันสมัยกว่าเราเยอะ โลกไซเบอร์พวกอินเตอร์เน็ตเขามีใช้กันแทบทุกคน แต่เด็ก ๆ ของเขาเข้าคิวกันยาวเป็น ๑๐๐ เมตรเพื่อจะเข้าห้องสมุด ต่างกับบ้านเรามากเลย บ้านเราเห็นหนังสือก็ปวดหัวแล้ว

ประเทศอังกฤษเอาหลักสูตรสอนสมาธิเข้าไปในระดับมหาวิทยาลัย ระดับวิทยาลัย เพราะเห็นว่าเป็นของดีมาก แต่บ้านเราเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ลดหลักสูตรสมาธิลง เพราะเขารู้สึกทุกข์ทรมานกว่าที่จะจบหลักสูตรได้ ต่างประเทศเขาเห็นประโยชน์แต่บ้านเรากลับไม่เห็นประโยชน์

การที่จะเก็บรากเหง้าของตัวเองเอาไว้ให้คนรุ่นต่อไปได้รู้ได้เห็น อย่างพิพิธภัณฑ์จ่าทวี พิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปของกำนันมานะก็ดี เขาต้องอาศัยกำลังของตัวเอง พอไม่ไหวจะของบประมาณจากทางราชการช่วยก็ไม่มี ต้องระดับพิพิธภัณฑ์ของคิงส์เพาเวอร์ ถ้าอย่างนั้นก็ทำไปเถอะ เขามีเงินนี่...

มีพิพิธภัณฑ์พระที่อยู่ระหว่างแม่จันกับเชียงแสน เป็นพิพิธภัณฑ์พระเหมือนกัน แต่ที่นั่นแอบถ่ายรูปไม่ได้ เพราะเขาส่งเจ้าหน้าที่ตามประกบเลย อธิบายให้ฟังไปด้วย จนกระทั่งบางทีอาตมารำคาญ ต้องบอกเขาว่า “อีหนูดูเสียใหม่..ที่เธอว่ามานั่นไม่ใช่ พระยุคสุโขทัยต้องเป็นอย่างนี้ ที่เธอว่ามาเป็นยุคต้นอยุธยา ยังติดแบบสุโขทัยมา แล้วเธอก็ไปเหมาว่าเป็นสุโขทัย ลองดูดี ๆ สิว่าจริงอย่างที่อาตมาว่าไหม ?” เขาต้องยอมรับเพราะอาตมารู้มากกว่า

พุทธศิลป์บางทีก็คาบเกี่ยวกัน พุทธศิลป์ที่คาบเกี่ยวกัน อย่างเช่นปลายสุโขทัยต้นอยุธยา หรือไม่ก็ปลายเชียงแสนต้นสุโขทัย ในเมื่อพุทธศิลป์คาบเกี่ยวกันนี่สายตาต้องถึง ถ้าไม่ถึงก็ดูไม่ออก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2012 เมื่อ 16:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 24-09-2012, 19:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นิมิตที่เห็น สงสัยว่าเป็นแก้วใช่ไหม ?
ตอบ : ต้องถามว่านิมิตอะไร ? ถ้านิมิตคือภาพที่เห็นทั่วไป เราจะเห็นอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าเป็นนิมิตกสิณ ขึ้นอยู่กับลำดับของการปฏิบัติว่าอยู่ขั้นไหน ถ้าขั้นต้นไม่มีทางที่จะเป็นแก้วได้อยู่แล้ว

ถาม : ออกไปแบบมโนมยิทธิ เวลาฟังควรจะวางจิตอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าออกไปแบบมโนมยิทธิได้ก็จะฟังออกทุกภาษา นี่แสดงว่ายังไม่ได้ไปจริง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-09-2012 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 24-09-2012, 19:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ควรออกรถสีอะไรคะ ?
ตอบ : ถ้าตามตำราหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าออกรถได้ไม่จำกัดสี ให้เว้นสีดำสีเดียว คนสมัยนี้ชอบสีดำ แต่หลวงพ่อท่านว่าเป็นการไว้ทุกข์ให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว ท่านให้ออกรถวันพฤหัสบดี เอาไปไว้ที่บ้าน แล้วไปประเดิมใช้วันอาทิตย์ หรือออกรถวันอาทิตย์ แล้วไปประเดิมใช้วันพฤหัสบดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-09-2012 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 24-09-2012, 20:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เทคโนโลยีในสมัยนี้ โดยเฉพาะดาวเทียม ช่วยให้รู้สภาพได้ดีมาก แต่เขาไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์กัน ระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งเอาไว้ แค่เปลี่ยนรัฐบาลก็จะโดนทิ้งทันที ไม่มีการสานต่อ เพราะเหมือนกับไปทำตามรัฐบาลเก่า ก็เลยทำให้บ้านเราประสบความสูญเปล่าไปมากต่อมากด้วยกัน

บ้านเรานักการเมืองยังขาดจิตสำนึกสาธารณะมากมาย ส่วนใหญ่ยังทำเพื่อพวกพ้องและตัวกูเอง เราจะไม่เห็นนักการเมืองบ้านเราค้านแบบสร้างสรรค์ แต่เขาจะค้านทุกเรื่อง ไม่มีอะไรให้ค้านมากุข่าวเล่นก็ยังเอา ขอเพียงชาวบ้านเชื่อเท่านั้น ฉะนั้น..ในเรื่องของคะแนนเสียงเกิดจากอารมณ์มากกว่าความจริง ขอเพียงทำให้ชาวบ้านมีอารมณ์ร่วมและเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำนั้นใช่ เขาจะแห่ตามเลย

เราจะเห็นว่าคนแค่ไม่กี่คนทำให้ประเทศชาติแตกแยกวุ่นวายจนทุกวันนี้ เพราะสิ่งที่กรอกหูชาวบ้านอยู่หลาย ๆ เดือนจนกระทั่งเป็นปี กลายเป็นสารพัดข้อมูลที่สับสน จริงบ้างโกหกบ้าง โดยเฉพาะการขยายข้อมูลจนเกินจริง ทำให้คนส่วนหนึ่งเชื่อและคล้อยตามไป ทำให้เกิดความเกลียดชังอีกฝ่ายหนึ่ง

โดยเขาลืมไปว่าบุคคลที่รับภาระหนักที่สุดก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าเขาจะทะเลาะกัน ตีกัน ฆ่ากันขนาดไหน ก็เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน พวกเขาคือลูกที่พ่อต้องปกป้องดูแลทุกคน แต่ลูกไม่เคยสำนึกตัว เอาไฟเผาบ้านมากี่ครั้งแล้ว ? พ่อต้องดับไฟมากี่ครั้งแล้ว ? เขาไม่เคยคิด มีแต่แหย่ไฟเข้าไป เผาบ้านต่อไป..!

ถ้าพ่อไม่มีปัญญาลุกขึ้นมาดับไฟวันไหน แล้วเขาจะมีปัญญาดับเองหรือ ? ไปนึกถึงที่บางคนพูดเล่น แต่น่าจะเป็นจริงว่า ประเทศไทยมีดีทุกอย่าง แต่เสียอย่างเดียวที่มีคนไทยอยู่ ถ้าเอาคนไทยออกไปได้ ประเทศชาติจะเจริญ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-09-2012 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 24-09-2012, 20:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บ้านเราเมืองเราไม่ว่าจะยุ่งยาก วุ่นวาย ห่วยแตกอย่างไรก็ตาม ถ้าเราไม่ใส่ใจเรื่องข่าวคราวโลกภายนอกมากนัก เราก็อยู่อย่างมีความสุข ถ้าเราไปใส่ใจเรื่องราวภายนอก มีสปิริตสูง มีความรับผิดชอบสูง เราก็จะเครียด

ถ้าหากทุกคนมีความรับผิดชอบสูงอย่างที่ว่า ก็แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะลืมไป มักจะไปมองหน้าที่ของคนอื่น คนอื่นทำได้ไม่ดี เราก็ไปเครียดแทนเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-09-2012 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 24-09-2012, 20:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาตายแล้วมาคุยกับผม ?
ตอบ : วันแรกที่เขาตาย อาตมาอยู่ที่ภูเก็ต เขาไปบอกยันในห้องน้ำเลย อาตมาบอกว่า "เอ็งมีมารยาทหน่อยสิวะ เป็นผีแล้วยังนิสัยเสียอีก พระกำลังสรงน้ำอยู่ เสือกโผล่มาบอก..!" เขาเป็นห่วงลูก มาบอกว่าฝากลูกฝากเมียด้วย อาตมารับฝากไม่ได้หรอก เพราะว่าพ่อตาแม่ยายเขารับผิดชอบแทนอยู่แล้ว ...(หัวเราะ)...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-09-2012 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 24-09-2012, 23:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์นำพระสมเด็จพิมพ์ไกเซอร์ แกะจากหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด มาให้บูชาร่วมบุญกฐินที่บ้านวิริยบารมี "มีใครได้พิมพ์ไกเซอร์ไปบ้างไหม ? พิมพ์ไกเซอร์คือพิมพ์ที่หัวโต หูยาน ไม่มีเกศ เป็นพิมพ์ที่หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดระฆัง ถวายรัชกาลที่ ๕ ตอนที่เสด็จไปยุโรป พระองค์ท่านพกเอาไว้ในกระเป๋าฉลองพระองค์ พระเจ้าไกเซอร์ตรัสว่าเห็นแสงอะไรออกมาจากกระเป๋า แสดงว่าพระองค์ก็เป็นคนมีบุญมากนะถึงได้เห็น

เขาก็เลยเรียกพระสมเด็จพิมพ์นั้นว่า พิมพ์ไกเซอร์มาตลอด เพราะได้รับการรับรองคุณภาพจากพระเจ้าไกเซอร์เอง"


__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-09-2012 เมื่อ 07:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 24-09-2012, 23:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงพวกหนังสือหนังหาสมัยก่อนเขาเขียนลงสมุดข่อย เขาก็เลยเรียกว่าสมุด เมื่อเรียกสมุดกันจนเคยชิน ห้องเก็บหนังสือก็เลยกลายเป็นห้องสมุด (library) พวกเราอาจจะสงสัยว่า ทำไมห้องเก็บหนังสือถึงเรียกว่าห้องสมุด ? เพราะเคยชินจากการที่เราใช้สมุดข่อยสมุดไทยในการจารึกตัวอักษรแล้วเก็บไว้ ก็เลยกลายเป็นห้องสมุด ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นห้องสมุด ไม่ยอมเปลี่ยนเป็นห้องหนังสือ"

"ส่วนคำว่าหนังสือ มาจากการจารึกลายสือ (ตัวอักษร) ลงบนแผ่นหนัง ส่วนมากใช้ในการส่งข่าวยามศึกยามสงคราม ต้องจารึกลงบนแผ่นหนังเพื่อความทนทาน จนกลายเป็นคำว่าหนังสือ คือลายสือที่จารึกลงบนแผ่นหนัง นี่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนมาจนบัดนี้เช่นกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-09-2012 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 26-09-2012, 08:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมเอาพระเศรษฐีนวโกฏิมาถวายพระอาจารย์ ท่านกล่าวว่า "คนสร้างพระพุทธรูปไม่ได้คิดเลยว่าสร้างออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร เขาเรียกว่าพระเศรษฐีนวโกฏิ แต่ละใบหน้าเขาถือว่าทำแทนมหาเศรษฐีในพุทธกาลคนหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่สมควรที่จะทำเป็นพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า

ต้องบอกว่านี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่เขาพยายามจะฉีกแนวออกไปไม่ให้เหมือนใคร เขาลืมไปว่าทำแล้วออกไปทางเทพเจ้าของฮินดูแทน ถ้าไปถึงวัดท่าขนุนนี่อาตมาเก็บเข้ากรุอย่างเดียว ไม่ให้โผล่มาให้ชาวบ้านเห็นเลย บางคนเขาไม่รู้ว่าอะไรสมควร อะไรไม่สมควร ต้องบอกว่าแนวความคิดดี แต่ขาดสติสัมปชัญญะไปหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 26-09-2012, 08:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยเด็ก ๆ ถ้าผู้ใหญ่เอาลูกหมาตัวใหม่มา เขาจะเอาไปไหว้หมาตัวเก่าก่อน หมาตัวเก่าจะได้ยอมรับ แต่ความจริงไม่ใช่หรอก พอยกขาไหว้หมาตัวเก่าก็ดมกลิ่น จำได้ว่าเจ้าตัวนี้เจ้านายพามา หมาเก่าจึงรับได้ หมาเขาจะเห็นเจ้าของเป็นจ่าฝูง ถ้าจ่าฝูงพาตัวใหม่เข้ามาเขารับได้ แต่ถ้ามาเองก็โดนกัดกระจาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2012 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 26-09-2012, 08:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,342 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เคยมีนักเลงสมัยก่อนอยู่คนหนึ่ง เป็นผู้กว้างขวาง มีเพื่อนฝูงมาก ใครโดนรังแกมาก็ช่วยคุ้มครองป้องกันเขา ไม่เหมือนกับนักเลงสมัยนี้ ที่ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊กไปทั่ว นักเลงคนนี้แขวนพระปิดตาหลวงปู่ทับ วัดทอง แล้วหนังเหนียว ใครทำอะไรเขาไม่ได้ จะดวลปืนดวลมีดก็ไม่ไม่ได้กินเลือดเขา

วันนั้นมีคนมาขอดูพระ ด้วยความพาซื่อจึงให้เขาดู พอเขากระตุกหลุดจากคอ เขาชักปืนยิงเลย..นั่นเสียท่าเขา ที่เล่ามาก็เพราะเห็นพวกเราถอดพระให้คนอื่นเขาดูทั้งพวงเลย ถ้าเจอคนแปลกหน้ามาขอดู ให้ระวังไว้บ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2012 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:50



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว