กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 10-09-2016, 16:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ป้าจี๋จองควายธนูไป ได้ลองหาข้อมูลบ้างไหม ? ถ้าควายธนูต้องหลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ ถ้าวัวธนูดังที่สุดต้องหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง แล้วก็หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก ส่วนใหญ่แล้วต้องใช้วัตถุอาถรรพ์ พวกที่ปั้นขึ้นมาจากดิน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นดิน ๗ ป่าช้า แต่ถ้าสานขึ้นมา ถ้าใช้ไม้ไผ่ต้องเป็นไม้ไผ่ที่ล้มขวางทางเดิน แล้วถ้ายิ่งเป็นทางช้างเดินยิ่งดี ไม้ไผ่ล้มขวางทาง ตัดมาสานหยาบ ๆ ก็พอ ตอนปลุกขึ้นมาก็กลายเป็นวัวเป็นควายทั้งตัว หรือไม่ก็บางคนใช้สายสิญจน์จูงผี หรือสีผึ้งปิดหน้าผี แต่ต้องตายวันเสาร์ เผาวันอังคารเท่านั้น

มีของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ที่มีวัวธนูแกะจากเขากระทิงด้วย เพราะวัวธนูที่ใช้ครั่งพุทรานั้นหายาก ก็ต้องเอาครั่งจากกิ่งพุทราที่ยื่นไปทางทิศตะวันออกเท่านั้น แกะด้วยเขากระทิงยังหาง่ายกว่า ส่วนควายธนูของหลวงปู่จันทร์ส่วนใหญ่เป็นดินอาถรรพ์

ครูบาอาจารย์เก่ง ๆ มีเยอะ แล้วที่อัศจรรย์ก็คือฆราวาสเก่ง ๆ ก็มีเยอะมาก แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็ถ่ายทอดกันในตระกูล ถ้าคนไหนรู้ไปก็อ้อนวอนกันแล้วอ้อนวอนกันอีก ต้องให้ดูพฤติกรรมกันเป็นปี ๆ พอเห็นว่าไม่เอาวิชาไปใช้ในทางที่ผิด มั่นใจแล้วท่านถึงจะยอมถ่ายทอดให้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2016 เมื่อ 20:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 10-09-2016, 16:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่รู้จักกัน บ้านเขาก็มีวิชารักษาโรค แล้วก็ถ่ายทอดกันเฉพาะลูกหลาน เหมือนคนในบ้านจะมีความเชื่อว่า ถ้าไม่ใช่ลูกหลานแล้วจะสอนไม่ได้ ไม่เชื่อฟังกัน หรือฟังกันไม่เข้าใจ ?
ตอบ : ตรงนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คือความหวงวิชา อยากให้เก็บไว้ในตระกูลตัวเอง หลายรายก็ปิดบังวิชาทีเด็ดเอาไว้ กลัวว่าจะไปเจอลูกศิษย์คิดล้างครูเข้า คราวนี้ปิดไปปิดมาก็ตายไปกับตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2016 เมื่อ 20:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 11-09-2016, 12:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีผู้ส่งจดหมายน้อยมาถามว่า ผมเป็นลูกศิษย์พระศรีวิสุทธิโมลี (ชุบ มหาวีโร) ท่านป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม วันนี้จะมีงานพระราชทานเพลิงศพที่วัดสระเกศ ผมติดตามกระทู้เก็บตกที่บ้านวิริยบารมี ท่านเคยพูดถึงสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม มรณภาพแล้วไปได้สวย สมกับเป็นศิษย์หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ผมอยากเรียนถามว่าท่านเจ้าคุณชุบคติไปได้สวยเหมือนสมเด็จฯ วัดชนะสงครามหรือไม่ครับ ?

คำถามนี้ต้องแบ่งเป็นหลายประเด็นด้วยกัน ประการที่หนึ่ง...หลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งห้ามอาตมาว่า ใครถามว่าคนตายไปไหนห้ามบอก ประการที่สอง...อาตมาไม่ได้ไปงานศพของหลวงพ่อเจ้าคุณชุบ ก็เลยไม่สามารถที่จะสัมผัสได้ว่าท่านตายแล้วไปไหน สวยหรือไม่สวย จาก ๒ ประการที่ว่ามา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้..!

หลวงพ่อเจ้าคุณชุบ อาตมาเรียกท่านว่าหลวงพี่ชุบมาตั้งแต่ต้น เรียกจนเปลี่ยนไม่ได้ สมัยโน้นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมีมือวิ่งทำงานในกรุงเทพฯ ให้ท่านอยู่ ๓ ท่านด้วยกัน คือพระมหาชุบ วัดเลียบ พระมหาวิจิตร วัดภาวนา กับพระมหาดำ วัดขี้เหล็ก ประมาณปี ๒๕๒๖ หลวงพี่ชุบของอาตมาได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระราชาชั้นสามัญที่พระศรีวิสุทธิโมลี อาตมาก็ไปแหย่ท่านเล่นกันว่า

“หลวงพี่ครับ ทำไมติดนายพลก่อนรุ่น ?” คือในรุ่นท่านยังไม่มีใครขึ้นเลยสักคน หลวงพี่ชุบของอาตมาท่านก็ตอบเสียงดังฟังชัดตามสไตล์ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงว่า “กูก็ไม่ได้อยากเป็นหรอก แต่มันเสือกวิ่งเต้นกันกู กูเลยทำให้มันรู้ว่า คนอย่างกูถ้าจะเอาแล้วต้องได้..!” จบ...เพราะฉะนั้นอย่าวิ่งเต้นกันอาตมานะ เดี๋ยวจะของขึ้นเหมือนหลวงพี่ชุบ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2016 เมื่อ 03:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 11-09-2016, 12:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนหลังหลวงพี่ชุบควรจะได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเลียบ แต่ปรากฏว่าไม่ได้เป็น ก็เลยไปอยู่ป่าดีกว่า แม้ตอนหลังหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดชนะสงคราม จะขอให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดราชคฤห์วรวิหาร ท่านบอกว่าคนอย่างท่านคิดทีเดียว ทำทีเดียว เรื่องอะไรที่หันหลังแล้วไม่ย้อนคืนมาอีก ท่านก็เลยไปอยู่คลองสะท้อนที่นครราชสีมา อยู่น่าจะถึง ๓๐ ปี พวกอาตมาก็แวะไปเยี่ยมไปยามท่านบ้างเหมือนกัน

แต่อาจจะเป็นเพราะว่าท่านอยู่ป่าจนเบื่อความวุ่นวายทางในเมืองแล้ว เมื่อพวกเรานิมนต์มางาน ท่านก็มักจะไม่ได้มา เมื่อไม่นานนี้ท่านก็เข้าโรงพยาบาล พวกอาตมาเห็นแล้วใจคอไม่ดี เพราะว่าท่านผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ท้ายสุดก็เป็นเหมือนกับผู้เป็นมะเร็งทั่วไป ก็คือ หมดสภาพแล้วก็มรณภาพไป

บุคคลที่ไปเยี่ยมมากที่สุดก็คือหลวงพ่อพระเทพมหาเจติยาจารย์ หรือหลวงพ่อเจ้าคุณชัยวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม หลวงพ่อเจ้าคุณชัยวัฒน์ติดอยู่ที่ตำแหน่งพระศรีรัตนมุนี ๒๓ ปี หลวงพ่อเจ้าคุณท่านก็ไม่ดิ้นไม่รน ไม่ขอ ให้ก็รับ ไม่ให้ก็ไม่เอา จนกระทั่งเพื่อนร่วมรุ่นอีกท่านหนึ่งก็คือ สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศน์วิหารปัจจุบันนี้ ขึ้นเป็นพระพรหมมุนีแล้ว ก็นึกถึงเพื่อนว่าติดอยู่นานเหลือเกิน จึงช่วยขอเลื่อนเป็นพระราชรัตนมุนี ปัจจุบันท่านเป็นพระเทพมหาเจติยาจารย์

เราจะได้เห็นว่าจริง ๆ แล้วพระที่มาทางสายปฏิบัติ เรื่องของยศของตำแหน่งจะอยู่ในลักษณะที่ว่า "ให้ก็รับไว้ ไม่ให้ก็ไม่ไขว่คว้า" บรรดาท่านประเภทนี้ก็มักจะไม่ได้รับความนิยมจากผู้บังคับบัญชาเท่าไร เพราะว่าประจบใครไม่เป็น อย่าลืมว่าหลวงพ่อสมเด็จพระวันรัตท่านเป็นสมเด็จพระราชคณะแล้ว หลวงพี่ชุบของอาตมาที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ยังเป็นเจ้าคุณชั้นสามัญอยู่ตามปกติของท่านนั่นแหละ เพราะว่าท่านไม่เอายศเอาตำแหน่งอะไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2016 เมื่อ 04:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 11-09-2016, 12:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยก่อนที่วิ่งเต้นให้กับหลวงพ่อวัดท่าซุง โดยเฉพาะในส่วนที่หลวงพ่อท่านโดนใส่ความจากทางฝ่ายปกครองจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งไม่ชอบใจที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านดังเกินหน้าเกินตา แล้วผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ให้ความเมตตา โดยเฉพาะหลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์วัดสามพระยา

พวกนั้นก็หาเรื่องใส่ความบ้าง ให้คนฟ้องร้องบ้าง ก็ได้หลวงพี่ชุบ หลวงพี่วิจิตร แล้วก็หลวงพี่ดำช่วยกันวิ่งเต้นให้อยู่ หลวงพี่วิจิตรชิงมรณภาพไปก่อน ตามด้วยหลวงพี่ชุบ ตอนนี้เหลือแต่หลวงพี่ดำ เป็นเจ้าคุณโสภณธรรมเมธี พวกเรารุ่นหลัง ๆ มักจะไม่ค่อยรู้จักกัน แต่ว่าท่านก็รับนิมนต์ไปที่วัดเขาวงอยู่หลายครั้ง เวลาพุทธาภิเษกก็ไปกราบท่าน ท่านก็มองหน้า "เฮ้ย...คุ้น ๆ ว่ะ" ก็คุยความหลังกันสนุกสนาน

แต่ต้องบอกว่าเสียดายหลวงพี่มหาดำ ท่านก็อยู่ในลักษณะเป็นลูกน้องใหญ่เกินหน้าเกินตาเจ้านาย เลยไปต่อไม่ได้ เนื่องจากสมัยก่อนมีค่านิยมว่า เรื่องยศของตำแหน่งจะใหญ่เกินผู้บังคับบัญชาไม่ได้ สมัยก่อนหลวงปู่เจ้าคุณพุฒิ (พระราชอุทัยกวี วัดทุ่งแก้ว) ท่านติดอยู่ที่เจ้าคุณชั้นราช ๔๐ กว่าปี เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าเจ้าคณะภาคเป็นแค่ชั้นเทพ หลวงปู่ก็เลยขึ้นไม่ได้ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ค่านิยมเริ่มเปลี่ยน ถ้าลูกน้องเก่งสามารถแซงหน้าเจ้านายได้

ใครที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง อยากจะทราบปฏิปทาลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงที่เป็นพระภิกษุรุ่นเก่า ๆ ซึ่งแม้จะไม่ได้อยู่ในวัดท่าซุง ว่ามีปฏิปทาการทำงานปฏิบัติงานอย่างไร ก็ไปกราบหลวงพ่อเจ้าคุณดำได้ที่วัดสุวรรณคีรีหรือวัดขี้เหล็ก ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่แค่บางกอกน้อยนี่เอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2016 เมื่อ 04:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 11-09-2016, 12:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ญาติโยมบางคนที่สงสัยว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งอาตมาห้ามบอกญาติโยมที่ถามว่าคนตายแล้วไปไหน เพราะท่านบอกว่าบอกไปแล้วมีแต่เสมอตัวกับขาดทุน ไม่มีกำไร เนื่องจากว่าสมัยก่อนอาตมามักจะบอกเขาบ่อย อาตมากราบเรียนถามเหตุผลหลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว ท่านบอกว่า

“ถ้าคนทำดีมาทั้งชีวิต แต่ถึงเวลาก่อนตายใจเศร้าหมองแล้วลงนรก แกคิดว่าลูกหลานเขาจะมีอารมณ์ทำความดีไหม ? แล้วถ้าคนทำชั่วมาทั้งชีวิต ก่อนตายคิดถึงความดีได้ไปสวรรค์ คนก็ทำชั่วกันบรรลัยหมด..!”

ในเมื่อเป็นคำสั่งของหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาก็ไม่เคยละเมิดคำสั่งนั้น แล้วท่านอาจจะสงสัยต่อไปว่าแล้วทำไมเรื่องของหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดชนะสงคราม อาตมาถึงบอก ที่บอกเพราะโยมไม่ได้ถาม..! ก็ท่านสั่งว่าใครถามห้ามบอก อาตมาก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกกล่าวอะไรหรอก แค่เจออะไรก็เอามาเล่าให้ฟัง...! คราวนี้โยมถามมาเลยบอกไม่ได้ ถ้าไม่ถามอาจจะบอกไปแล้ว

เรื่องของครูบาอาจารย์ท่านสั่งอย่างไรต้องทำอย่างนั้น ฉะนั้น... ๒ เรื่องที่ท่านสั่งไว้เพราะอาตมาเฮี้ยนไปหน่อย ก็คือ ห้ามให้หวย กับห้ามบอกว่าคนตายแล้วไปไหน จึงต้องทำตามที่ท่านสั่ง ทำให้หนทางทำกินหายไปเยอะเลย ไม่อย่างนั้นให้หวยสัก ๒-๓ งวดก็ไม่ต้องเสียเวลามานั่งรับสังฆทานหรอก จะเอาสตางค์สร้างวัดเท่าไรก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2016 เมื่อ 04:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 11-09-2016, 12:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีท่านใดจะส่งเสริมงานของสมาพันธ์ปกป้องคุ้มครองพุทธศาสนา ก็ซื้อหนังสือที่ตั้งไว้ข้าง ๆ อาตมานี่ อาตมาเป็นที่ปรึกษาสมาพันธ์เขาอยู่ หาทุนให้เขา เดี๋ยวนี้จะรอให้พระคุ้มครองอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เราต้องคุ้มครองพระบ้าง

ลองอ่านดูจะได้รู้ว่าสถานการณ์พุทธศาสนาเราในปัจจุบันย่ำแย่ขนาดไหน ศาสนาอื่นส่วนใหญ่แล้วเขาชิงออกเป็นกฎหมายแล้วได้รับการสนับสนุน ของเราจะออกกฎหมายทีไรโดนเตะสกัดสุดชีวิต ก็เลยไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไร

ตอนนี้สิ่งที่พวกเรารออยู่ก็คือคนที่สนับสนุน ถ้ามีโอกาสเลือกตั้งก็ได้แต่หวังว่าเขาจะได้รับเลือกเข้าไปทำหน้าที่ให้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องบอกว่า คนทำงานด้านพุทธศาสนาชื่อเสียงไม่เพียงพอ เพราะมักจะเป็นคนดีเกินไป ในเมื่อเป็นคนดีเกินไป ไม่ซื้อเสียง ไม่โจมตีคนอื่น ก็กลายเป็นว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เขาก็ไม่เลือก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-09-2016 เมื่อ 17:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 11-09-2016, 12:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยวออกพรรษาแล้วอาตมาจะทำงานใหญ่ งานใหญ่นี่ไม่ใช่งานอะไรหรอก งานเอาวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์มาหลอม ก็ตั้งใจว่าจะทำ "ไม้ถือ" กับ "บาตรน้ำมนต์"

คราวนี้มีวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ที่สามารถหลอมได้ ก็คือ พวกมีดหมอ มีดตั้งแต่สมัยหลวงปู่รุ่ง หลวงพ่อเดิมลงมา หลวงพ่อกวย หลวงพ่อแจ่ม หลวงพ่อบุญมี และอีกมากมายเยอะแยะ หรือไม่ก็ยุคเก่ากว่านั้นก็ หลวงปู่บุญ หลวงปู่ยิ้ม หลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ ต้องบอกว่าสำนักไหนมีชื่อเสียงก็ใส่ไป อย่างน้อยก็ชิ้นหนึ่ง ถ้าสำนักไหนมีมาก ๆ อย่างหลวงพ่อกวยก็อาจจะลงไปถึง ๘ เล่ม ๑๐ เล่ม

แต่ก่อนที่จะทำอย่างนั้นก็ต้องทำพิธีขอขมาก่อน จึงกลายเป็นงานใหญ่ ไปนึกถึงว่าวัตถุมงคลแต่ละชิ้นราคาสูงมาก ถึงเวลาทำออกมาเสร็จเรียบร้อย ญาติโยมจะมีปัญญาบูชากันไหม ?”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2016 เมื่อ 04:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 11-09-2016, 13:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนมีญาติโยมท่านหนึ่งบอกว่า มีอาการเหมือนกับถูกของมานานแล้ว ช่วยแก้ไขให้หน่อย อาตมาก็บอกว่าให้ไปหาหมอ บอกหมอว่าแก่แล้วฮอร์โมนพร่อง ช่วยจัดยาให้หน่อย เขาไม่รู้ตัวว่าเป็นวัยทอง อยู่ในวัยร่ำวัยรวยแท้ ๆ

บางคนอาการวัยทองจะมีอาการแปลก ๆ ก็เลยคิดว่าไปโดนไสยศาสตร์มา อาตมาเป็นตอนอายุ ๕๕ ปี นอน ๆ อยู่เหงื่อแตกท่วมตัวเลย ไปหาหมอ เขาบอกว่าไม่มีอะไรครับ เป็นวัยทอง เลยสงสัยว่าผู้ชายเป็นวัยทองด้วยหรือ ? เขาบอกว่าเป็นครับ พอหลัง ๓๕ ก็เริ่มเป็น เพียงแต่ว่าของพระอาจารย์ทำไมมาช้านัก มาตอนอายุ ๕๕ ปี แสดงว่าอาตมาทำบุญไว้น้อยเลยรวยช้า คนอื่นเขาวัยทองกัน ๓๕-๔๐ ปี อาตมาเป็นตอน ๕๕ ปี

ช่วงวัยทองนับเป็นวัยวิกฤตชีวิต ถ้ามีลูกมีหลานก็กำลังวัยรุ่นเลย กำลังฮอร์โมนเกิน ส่วนคนพ่อแม่หรือพี่ป้าน้าอาก็กำลังฮอร์โมนพร่อง ทะเลาะกันบ้านแตกทุกรายแหละ คนหนึ่งเกินคนหนึ่งขาด ไม่มีพอดีสักราย ฉะนั้น...ต้องปฏิบัติธรรมเพื่อให้มีสติ จะได้รู้ยับยั้งชั่งใจตนเอง ไม่อย่างนั้นอยู่ ๆ ได้ทะเลาะกันบ้านแตกสาแหรกขาดไม่รู้ตัว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2016 เมื่อ 04:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 16-09-2016, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่ผมยกชุดสังฆทานมาถวายหลาย ๆ ชุดโดยให้คนนั้นคนนี้ทีละชุด กับถวายทีเดียว มีผลต่างกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต่างกันที่ง่ายกว่าหรือยากกว่าเท่านั้นเอง เมื่อเราทำบุญ บุญนั้นเป็นของเรา จะให้ใครก็อยู่ที่เราตั้งใจอุทิศให้ บุญไม่ได้มีการแยกเป็นส่วน ๆ ว่า ทำแล้วส่วนนี้ให้คนนี้แล้ว จะให้คนอื่นไม่ได้

ถาม : ถ้าต้องการจะให้แบบเจาะจง ?
ตอบ : ถ้าจะเจาะจงเมื่อทำเสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศล ก็ออกชื่อออกนามสกุลไปทีละคน หลังจากนั้นแล้วจะให้ทั่วไปก็ได้ ต่อให้เราไม่ได้ทำใหม่ บุญเก่าที่เราทำก็มีอยู่ สามารถอุทิศให้ได้ทุกเวลา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2016 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 16-09-2016, 22:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราจะทราบได้อย่างไรว่าแนวทางที่ครูบาอาจารย์สอน เราจะทำได้ไหม ?
ตอบ : ทำไม่ได้ก็ต้องทำ ไม่ใช่มาพิจารณาว่าทำได้ไหม

ถาม : ทำไว้ก่อน จะทำได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่...มัวแต่มาพิจารณาก่อนว่าทำได้ไหมก็เสียเวลาเปล่า ๆ ไม่ทำก็ไม่ทำ ทำก็ทำสิวะ..!

ถาม : ถ้าทำไปแล้ว ไม่ได้ตามผลก็ไม่เสียเปล่าใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าแบบนี้เราทำไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2016 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 16-09-2016, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในแต่ละวันผมเห็นอะไรก็มาพิจารณาถึงความทุกข์อะไรไปเรื่อย ๆ ถูกต้องไหมครับ ?
ตอบ : ต้องทำอย่างนั้นให้เป็นปกติ

ถาม : เคยนั่งรถแล้วพิจารณาไปเรื่อย ๆ แล้วมีเสียงก้องเข้ามาในหัวว่า “ไอ้เหี้...ดัดจริต..!” ?
ตอบ : ตอบไปว่า “ดัดจริตก็เรื่องของกู ไม่ใช่เรื่องของมึง” การปฏิบัติธรรมต้องประกอบไปด้วยศรัทธา และต้องเป็นอจลศรัทธา คือมั่นคงไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด ๆ ต่อให้ครูบาอาจารย์สั่งให้เราไปตายเราก็ต้องไป คนอื่นเขาจะคัดค้านอย่างไรเราก็ไม่ใส่ใจ เพราะว่าศรัทธามั่นคงเสียแล้ว ถ้าหากว่ายังหวั่นไหวอยู่ ประเภทยังเป๋ตามเขาอยู่ ก็แปลว่าศรัทธาเรายังน้อยเกินไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2016 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 16-09-2016, 23:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ภาวนามยปัญญา เราต้องใช้สมาธิระดับใดถึงจะภาวนาแล้วเกิดปัญญาได้ครับ ?
ตอบ : ปฐมฌานขึ้นไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2016 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 16-09-2016, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของการสั่งสมบารมี เพราะเราไม่ใช่บุคคลประเภทอุคฆฏิตัญญู ฟังธรรมแล้วบรรลุเลย ก็ต้องค่อย ๆ สร้าง ค่อย ๆ สมไปทีละเล็กละน้อย

ถ้าไปดูในอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านบวชตั้งอายุ ๒๐ ปี ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในอานาปานสติ ก็คือ พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม โดยไม่ว่างเว้น แม้กระทั่งถ้ำที่ตัวเองอยู่มีรูปเขียนสีสวยงามอย่างไรก็ไม่เคยเห็น เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินจงกรมพิจารณาอยู่ จน ๖๐ ปีให้หลัง คือท่านอายุได้ ๘๐ ปี สิ่งที่ท่านปฏิบัติมาไม่ว่าจะเป็นสมถะและวิปัสสนาก็รวมตัวกันเพียงพอ จึงได้บรรลุมรรคผลตอนนั้น

ฉะนั้น...ที่บอกว่าทำแล้วทำไม่ได้ นั่นทำมาครบ ๖๐ ปีแล้วหรือยัง ? พวกเราสมัยนี้ส่วนใหญ่ใจร้อนเกินไป พอใจร้อนเกินไปถึงเวลาทำได้ ๓ วัน ๕ วันไม่เห็นผลก็เบื่อ อยากจะเลิกแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อีกหลายชาติกว่าจะได้อะไรกับเขาบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2016 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 18-09-2016, 15:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โยมภาวนาคาถาเงินล้านวันละ ๑๐๘ จบ ปรากฏว่าขายที่ได้ ๒ แปลง เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากเลยค่ะ ?
ตอบ : ไม่ต้องเหลือเชื่อหรอก อาตมาสร้างวัดมา ๙ วัด ๑๐ วัดก็ด้วยพระคาถาบทเดียวนี่แหละ เพราะว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านมาบอกว่า ถ้าสามารถภาวนาได้วันละ ๑ ชั่วโมงจะสร้างโบสถ์กี่หลังก็ได้ ก็เลยอยากจะทดสอบดูว่าจริงไหม ปรากฏว่าได้จริง ๆ จะทำอะไรก็ได้ ขนาดสร้างศาลาหลวงปู่สายเขาประเมินราคาไว้ ๔๐ ล้านบาท ทำไปจริง ๘๐ กว่าล้าน ให้ไปทำต่อ...จะได้ขายได้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-09-2016 เมื่อ 20:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 18-09-2016, 15:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่ออาทิตย์ที่แล้วป่วยเป็นไข้หวัด ไซนัส ปวดหัวมาก เลยจับลมหายใจ แล้วตื่นมาก็เหมือนฝัน หรือเป็นจิตหลุดไป คำถามคือกลับมานี่จิตหลุดไปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าหลุดก็คือไปสถานที่อื่น ถ้าอยู่กับที่ก็คือทรงสมาธิอยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้น...เราต้องรู้เองว่าเราไปที่อื่นหรือเปล่า ถ้าไปที่อื่นก็แปลว่าออกไปแล้ว ถ้าไม่ได้ไปก็แปลว่าจิตเข้าสมาธิลึกกว่าเดิมเท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2016 เมื่อ 18:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 18-09-2016, 17:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมพกวัตถุมงคลติดตัว ผมอยากจะให้อานุภาพวัตถุมงคลทุกชิ้นส่งผลเวลาภาวนา ?
ตอบ : ควรจะเป็นเช่นนั้น

ถาม : ก็คือพกชิ้นใดชิ้นหนึ่งแล้วภาวนา ดีกว่าใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ดี...เพราะกำลังใจคุณห่วยแตก ต้องหลาย ๆ ชิ้นถึงจะดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2016 เมื่อ 18:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 18-09-2016, 18:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มรณานุสติจะทำให้เป็นฌาน เราต้องพิจารณาอย่างไรครับ ?
ตอบ : พิจารณาจนถึงที่สุดแล้วภาวนาต่อ

ถาม : คำภาวนาที่เราใช้คือ ?
ตอบ : ก็แค่ต่อยอดการพิจารณาด้วยอานาปานสติแค่นั้นเอง จะใช้ "มรณัง...มรณัง" ก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2016 เมื่อ 18:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 18-09-2016, 20:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฝึกภาวนาแล้วหลุดออกไป ผมไปที่ไหนครับ ?
ตอบ : แล้วตูจะรู้ไหม ? ตั้งใจไปไหนก็ที่นั่นแหละ ดันมาถามคนอื่น

ถาม : ถ้าเรายกจิตขึ้นพระนิพพาน แต่ผมไม่รู้ว่าได้ไปถึงพระนิพพานจริงหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ อันดับแรกให้นึกได้ก่อน ถ้าเรานึกถึงอยู่ตลอดเวลาก็เป็นอนุสติ ต่อไปถ้ากำลังของ ศีล สมาธิ ปัญญา ดีขึ้นก็จะไปได้เอง

ถาม : ถ้ายกจิตขึ้นไปได้จริง เห็นได้จริง เราจะได้ประโยชน์อะไรบ้างครับ ?
ตอบ : อันดับแรกระหว่างที่เห็น รัก โลภ โกรธ หลง ไม่มี ประโยชน์มหาศาลเพียงพอหรือยัง ? อันดับที่ ๒ ถ้าหากว่าสงสัยก็หาท่านใดที่เจอแถวนั้น ถามอะไรที่พิสูจน์ได้ในระยะสั้น ๆ แล้วกลับมาพิสูจน์ว่าจริงไหม

การปฏิบัติธรรมที่สำคัญที่สุดคือให้ รัก โลภ โกรธ หลง หมดไปจากใจของเรา การที่เราได้ไปเห็นอะไรแสดงว่าสมาธิต้องทรงตัว รัก โลภ โกรธ หลง ไม่มี ถึงจะมองเห็น แล้วกำลังใจขนาดนั้นจะไม่มีประโยชน์หรืออย่างไร ?


ถาม : ถ้าตัวเรา รัก โลภ โกรธ หลง น้อย พฤติกรรมเราเปลี่ยน ถือว่าเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดเจนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ขนาดนั้นถ้าคิดว่ายังไม่ชัดเจน ก็จงโง่ต่อไป..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2016 เมื่อ 06:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 18-09-2016, 20:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,164
ได้รับอนุโมทนา 4,420,343 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่ภาวนา ลมหายใจเบาก็รู้ ลมหายใจหนักก็รู้ แล้วถ้าลมหายใจหายไป เราต้องดึงกลับมาที่ลมหายใจ หรือ..?
ตอบ : ก็ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจไม่มี เหมือนกับเราขึ้นบันไดไป ๗-๘ ขั้น จะถึงขั้นท้าย ๆ แล้วเรากลับมาหาลมหายใจก็เท่ากับมาเริ่มต้นขึ้นขั้นหนึ่งใหม่ แต่ส่วนใหญ่ก็กลับมาเริ่มที่ขั้นหนึ่งใหม่ทุกทีเพราะกลัว อยู่ ๆ ไม่หายใจเลยตะเกียกตะกายไปหายใจกันใหม่ ก็ไม่ต้องไปไหนกันสักที

แสดงว่าลืมไม้ตายที่ครูให้ไว้ ครูทุกท่านจะให้ไม้ตายไว้ว่า "ถึงตายลงไปเราก็ยอม" แม้กระทั่งตอนสมาทานพระกรรมฐาน ก็บอกว่า "ขอมอบกายถวายชีวิต" แต่พอรู้สึกว่าจะตายทีไร ก็เลิกมอบกายถวายชีวิตทุกที สรุปแล้วปฏิบัติไปก็เสียเวลาเปล่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2016 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:41



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว