กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 20-11-2014, 18:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนั้นนั่ง ๆ อยู่ก็เห็นว่าร่างกายเราเหมือนถุงอุจจาระ เหมือนกับว่าเราเห็นเป็นปกติ ?
ตอบ : ตอนนั้นเป็นการเห็นด้วยปัญญา เขาเรียกว่า วิปัสสนาญาณ วิ แปลว่า วิเศษ แจ้ง ต่าง , ปัสสนา แปลว่าการเห็น รวมแล้วแปลว่า เห็นอย่างวิเศษ เห็นอย่างแจ่มแจ้ง เห็นต่างไปจากปกติ

ฉะนั้น..ต้องพยายามรักษาอารมณ์อย่างนั้นเอาไว้ จะได้ไม่โดนกิเลสหลอก ถ้ารักษาไว้ไม่ได้ก็โดนหลอกไปเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 21-11-2014, 16:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงป๋าวิวัฒน์นอนโรงพยาบาลยาวเลย มะเร็งกระดูกเวลาออกอาการ แปลว่ากระดูกโดนกินผุหมดแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2014 เมื่อ 17:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 21-11-2014, 17:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การขายเครื่องปรับอากาศหรือบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศมาขายไปใช้ในวัด หรือว่าไปใช้ในผับในบาร์คนกินเหล้ากัน ?
ตอบ : ถ้าเขาทำแล้วมาให้วัดใช้ฟรี ๆ เป็นบุญ แต่ถ้าเขาทำแล้วเอามาขายนี่ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เพราะว่าทางวัดได้ตอบแทนด้วยการจ่ายเงินไปแล้ว

ถาม : แล้วการขายให้พวกที่เอาไปทำไม่ดี จะเป็นบาปไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่คนเอาไปใช้ อาวุธใช้เป็นเครื่องป้องกันตัวก็ได้ เอาไปฆ่าเขาก็ได้ ขึ้นอยู่กับคนที่เอาไปใช้ ฉะนั้น..คนขายไม่มีบุญไม่มีบาปอะไรกับเขาหรอก ยกเว้นว่ายุว่า เอาไปแล้วไปยิงกบาลเขา นั่นถึงจะมีโทษ เรามีหน้าที่ขายก็ขายไป ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับบุญบาปของใคร

ถาม : แล้วที่พระพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวกับมิจฉาวณิชชา ?
ตอบ : ในส่วนที่พระองค์ท่านตรัสท่านไม่ได้บอกว่าเป็นบาป แต่บอกว่าพุทธมามกะไม่ควรทำ เพราะว่าชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย อย่างเช่น ขายอาวุธ ขายยาพิษ เหมือนคุณสนับสนุนให้เขาไปฆ่าคนอื่นนี่ แต่ความจริงไม่ได้เกี่ยวกันเลย อยู่ที่คนเอาไปใช้ แต่คนที่เข้าใจผิดจะไปว่าเขาอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 21-11-2014, 17:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเอาเหล้าไปให้เจ้านาย จะบาปไหมครับ ?
ตอบ : การให้เหล้าคนอื่นเป็นการให้ทานที่ไม่มีอานิสงส์ ยกเว้นว่าเราตั้งใจว่าเอาไปแล้วคุณต้องกินนะ มีการกำชับกำชาด้วย ถ้าอย่างนั้นเราก็จะมีส่วนผิดไปด้วย แต่ถ้าหากว่าให้ไปเฉย ๆ เป็นทานที่ไม่มีอานิสงส์ พระพุทธเจ้าตรัสกับพระภิกษุเกี่ยวกับประวัติของพระเวสสันดร เล่าว่าพระเวสสันดรให้ทานทุกอย่าง แม้กระทั่งให้สุราแก่นักเลงสุรา พระอานนท์กราบทูลถามว่า สุราเป็นสิ่งที่ผิดศีล แล้วให้ไปจะมีบุญมีบาปอย่างไร ? พระองค์ท่านตรัสว่าเป็นทานที่ไม่มีอานิสงส์ เพราะว่าให้ไปคนกินก็ไปทำผิดเสียเปล่า ๆ แต่ว่าที่พระองค์ท่านเจตนาให้ เพราะว่าต้องการให้ทุกอย่างที่คนเขาชอบใจ นักเลงเหล้าให้อย่างอื่นก็ไม่ชอบใจ นอกจากให้เหล้า พระองค์ท่านก็เลยให้ไปด้วย

ฉะนั้น..ถ้าหากว่าได้มาเราให้ต่อได้ แต่อย่าไปกำชับว่า "ให้แล้วต้องกินนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเสียใจมาก" ถ้าแบบนี้ก็ผิดเต็ม ๆ


ถาม : แล้วคนขายสุราบาปไหมครับ ?
ตอบ : คนขายไม่บาป อย่าไปตั้งใจว่าเราขายเพื่อให้เขากินให้เมา คิดเสียว่าเราทำงานของเรา แต่อย่างที่ว่านั่นแหละว่า ทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่าย พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญ ถึงได้บอกว่าเป็นอาชีพที่พุทธมามกะไม่ควรทำ

ถาม : โดยเจตนา ถ้าเราให้ไวน์เพื่อรักษาสุขภาพ ?
ตอบ : ถ้าเพื่อสุขภาพจริง ๆ แล้วได้ แต่คนส่วนใหญ่มักจะกินเกินขนาด เขาให้กิน ๑ แก้ว เราก็ไปล่อเสีย ๓ ขวด ๕ ขวด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 21-11-2014, 17:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนเป็นครู สอนเด็ก ๆ มีจิตวิญญาณของความเป็นครู อย่างนี้เขาจะได้บุญไหมครับ ?
ตอบ : นั่นเป็นส่วนของธรรมทานเลย ได้บุญของธรรมทานไปด้วย แต่ว่าเป็นธรรมทานบริสุทธิ์แค่ไหนเท่านั้น ถ้าเป็นธรรมทานบริสุทธิ์คือหลักการปฏิบัติธรรมแท้ ๆ นี่อานิสงส์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม ส่วนที่เหลือก็ลดหลั่นลงไปแต่ว่าได้ธรรมทานแน่นอน

ถาม : แล้วการขายยารักษาโรคละครับ ?
ตอบ : ถ้าเราขายยายังไม่ได้อะไร เพราะว่าเขาต้องมาซื้อจากเรา แต่ถ้าเราเป็นหมอยาอย่างสมัยก่อน เขาจ่ายยาให้ รักษาด้วยเมตตา ได้อานิสงส์ไปเต็ม ๆ อย่างสมัยอาตมาเด็ก ๆ คนไข้บางคนอาการหนัก แล้วยาสมุนไพรไม่ใช่ปุบปับออกฤทธิ์เหมือนสมัยใหม่ บางทีต้องกินต่อเนื่องกันไป ๑๐ วันหรือครึ่งเดือนถึงจะออกฤทธิ์เต็มที่ คราวนี้คนมาเงินทองก็ไม่มี เจ็บได้ป่วยมา หมอเขาก็รับให้กินให้อยู่ รักษาพยาบาลจนหาย บางทีเงินไม่มีจริง ๆ ก็ให้ค่ารถกลับบ้านด้วย ถ้าลักษณะอย่างนั้นได้อานิสงส์ไปเต็ม ๆ เพราะคุณเป็นหมอตั้งใจรักษาโรค

แต่สมัยนี้ความตั้งใจตรงนั้นไม่มี เขาขายเพื่อที่จะเอากำไร ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เรื่องผลบุญที่จะได้จากการรักษาคนอื่นด้วยยาก็เลยไม่มี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 21-11-2014, 17:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระนิพพานเที่ยงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเถียงกันเรื่องที่ต่างคนต่างไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็พูดกันไม่รู้จบ เอาเป็นว่าทำถึงเมื่อไรก็รู้เองดีกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 21-11-2014, 18:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ใจเที่ยงไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าสภาพจิตใช้คำว่าเที่ยง ไม่มีเที่ยงแน่นอน เพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลงเสวยอารมณ์ไปเรื่อย ๆ

ถาม : ใจเราฆ่าแล้วไม่ตายใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ตายแต่ร่างกาย ใจอยู่ในลักษณะเปลี่ยนรูปเปลี่ยนขันธ์ไปตามบุญตามกรรม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 21-11-2014, 18:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กำลังใจตกครับ ?
ตอบ : ไปตั้งใจทำใหม่เลย ของเคยทำแล้วก็ทำได้อีก เพียงแต่ว่าทำได้แล้วอย่าเปิดโอกาสให้กิเลสลุยเข้ามาอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 21-11-2014, 18:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีตะกรุดมหาสะท้อน (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ไม่ต้องไปกังวลตรงนั้น คิดดี พูดดี ทำดีเข้าไว้ สิ่งที่ดีย่อมย้อนกลับมาหาเราเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 21-11-2014, 18:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของธรรมทานระยะหลังนี่ต้องระวัง เพราะว่าคำสอนผิด ๆ มีเยอะ วันก่อนในเว็บพลังจิตอาตมาเพิ่งจะปิดกระทู้ไปกระทู้หนึ่ง ประเภทพระโสดาบันยังเสื่อมได้ ในเมื่อพระโสดาบันของแกเสื่อมได้ ข้าก็เลยจัดการให้เสื่อมไปเลย..!

อริยะ แปลว่า ผู้เจริญโดยส่วนเดียว ในเมื่อเจริญขึ้นก็ย่อมไม่มีวันตกต่ำ เขาดันเก่งกว่าพระพุทธเจ้า ส่วนอีกรายหนึ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะเฉ่งดีหรือไม่ดี เพราะเขาแกล้งบ้า คราวนี้เขาชักจะเล่นแรงขึ้น เขาบอกว่าไปคาราโอเกะ แล้วอยากจะชวนเจ้าชายสิทธัตถะมาเต้นด้วย กำลังพิจารณาความประพฤติอยู่ มีมาอีกสัก ๒-๓ กระทู้เดี๋ยวได้โดนแน่..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 21-11-2014, 18:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงมีฎีกานิมนต์ถึงหลวงพ่อครูบาสนิท ถึงตุ๊พ่อสิงห์ แต่ว่ามีโยมคนหนึ่งบอกว่าเขาไปทั่วประเทศอยู่แล้ว เขาอาสาไปส่งให้ ไม่อย่างนั้นว่าจะฝากคุณติ๊กไป ปีหน้าวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ จะหล่อพระประธานในศาลา ตั้งใจว่าจะนิมนต์ท่านไป

มีส่วนหนึ่งที่นั่งปรกคุมธาตุทั้ง ๘ ทิศ อีกส่วนหนึ่งก็เจริญชัยมงคลคาถาตอนหล่อพระ ทีนี้ต้องส่งฎีกาแต่เนิ่น ๆ เพราะเดี๋ยวท่านรับงานคนอื่นแล้วจะไปไม่ได้

มีสายทางแม่กลองอยู่ท่านหนึ่งที่ยังไม่เคยนิมนต์ไปวัด แต่รู้จักกันมานานแล้ว ก็คือ หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ (พระครูพิศาลจริยาภิรม) น่ารักมาก นั่งเคี้ยวหมากทั้งวัน สมัยก่อนพระที่เคี้ยวหมาก ท่านเคี้ยวไปภาวนาไป ลักษณะว่าอิริยาบถและสัมปชัญญะ จับการเคลื่อนไหวของร่างกาย จิตจะได้ไม่เคลื่อนไปที่อื่น ก็ใช้วิธีเคี้ยวหมากไปภาวนาไป ถึงเวลาหมากจืดคายออกมานี่ เอาไปแขวนคอได้เลย ขลังแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 21-11-2014, 18:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (โยมแจ้งว่าหลวงพี่โอป่วย)
ตอบ : ตอนไปเยอรมันท่านก็ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลไปครั้งหนึ่ง จะว่าไปท่านก็อายุมากแล้ว เพราะท่านอายุมากกว่าท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสอีก อาตมากับเจ้าคุณเจ้าอาวาสนี่ต่างกันรอบหนึ่งพอดี เพราะฉะนั้น..อายุตัวเองบวกไป ๑๒ ก็จะได้อายุท่าน

อาตมา ๕๕ ปี ของท่านก็ต้อง ๖๗ ปีแล้ว หลวงพี่โอท่านแก่กว่าอีก หลวงพี่โอนี่รุ่นไล่เลี่ยกับหลวงตาวัชรชัย น่าจะประมาณ ๗๐ แล้ว ทางด้านพี่วิรัชก็ ๖๔-๖๕ ปี หลวงตาชลอก็ไล่ ๆ กัน


ถาม : เป็นกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ?
ตอบ : แสดงว่าน่าจะเป็นเส้นเลือดบางส่วนตีบ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยของพระจริง ๆ แล้ว ทำให้เรารู้ว่าตัวเองมีต้นทุนเท่าไร เหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างหนึ่ง การเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างหนึ่ง กำลังใจที่ทำไว้จะมารวมตัวกัน ทำให้เรารู้ว่าเรามีต้นทุนเท่าไร ? เพียงพอหรือเปล่า ? ตายตอนนี้เราจะไปพระนิพพานได้จริงไหม ? จะบอกชัดเลย

ถาม : เคยไม่สบายแล้วรู้สึกว่าอยากตาย ?
ตอบ : ถ้าอยากตายยังไปพระนิพพานไม่ได้หรอก บางคนปฏิบัติธรรมมาถึงระดับที่รู้สึกว่าอยากตาย อาตมาขอยืนยันว่า ดีไม่ดีลงข้างล่างไปเลย เพราะตัวอยากตายนี่จิตหมอง ต้องทำไปปัญญาเห็นแจ้ง ไม่มีความปรารถนาในร่างกาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะตาย จะอยู่ในลักษณะอยู่ก็ได้ตายก็ดี ถ้าอยู่เรายังได้สร้างบุญสร้างบารมี ถ้าตายเราก็ไปนิพพาน กำลังใจจะอยู่ในระหว่างอยู่ก็ได้ตายก็ดี ไม่จำเป็นต้องไปอยากตาย

พุทธภูมิก็เป็นนะ แล้วต้องเป็นมากกว่าด้วย ไม่ใช่ว่าพุทธภูมิไม่แตะอารมณ์พระอริยเจ้าเลย พุทธภูมินี่เน้นอารมณ์พระอริยเจ้ามากกว่าปกติสาวกหลายเท่า เพราะถ้ารู้ไม่ละเอียดก็สอนคนอื่นไม่ได้ พุทธภูมิเขามีกำลังใจเทียบเท่าพระโสดาบัน เทียบเท่าพระอนาคามี เทียบเท่าพระอรหันต์ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 21-11-2014, 18:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(โยมกำลังอ่านหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์) "อย่าอ่านมาก อ่านแล้วจะติด ท่านอาจารย์ดร.มนตราบอกว่า รับหนังสือจากอาตมาไป ก่อนนอนคิดว่าเปิด ๆ ดูสักหน้าสองหน้า ปรากฏว่าอ่านจนหมดเล่มเลย อย่างหนังสือที่ไปพม่า ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ถ้าหากว่ามุมมองของเราเห็นเป็นเรื่องสนุก ก็ไม่รู้สึกว่าลำบาก แต่ถ้าคนอื่นไปอาจจะร้องจ๊าก ว่าลำบากขนาดนี้ยังหัวเราะได้อีก ขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา คนที่ไปด้วยกันต้องกำลังใจใกล้เคียงกัน ไม่อย่างนั้นแล้วไปไม่รอดหรอก ลำบากหน่อยก็ขอกลับแล้ว มีบางช่วงที่ออกธุดงค์ก็บาดเจ็บสาหัสเลย

เมื่อล่าสุดก็ ๕-๖ วันที่ผ่านมา พอเริ่มเดินบิณฑบาต อาตมาก็โดนตะขาบกัดตั้งแต่ต้นทางเลย เพราะว่าเดินออกจากวัด จะต้องผ่านป่าอยู่ช่วงหนึ่งแล้วถึงขึ้นถนน ตะขาบกำลังออกหากินหรือจะกลับบ้านก็ไม่รู้ ? ไปเหยียบเข้าเลยโดนตั้งแต่ต้นทาง กว่าจะเดินกลับถึงวัดก็ ๕ กิโลเมตรเห็นจะได้ ก็เดินไปเรื่อยหน้าตาเฉย

มาถึงวัดแล้วพระลูกศิษย์เขาเห็นขาบวมขนาดนั้นอาจารย์ยังไปได้อีก จึงบอกไปว่า “ก็อย่าไปคิดซีวะว่าเจ็บ” สภาพร่างกายของเรา กับใจ กับความรู้สึกสุขทุกข์ เป็นคนละส่วนกัน ถ้าหากว่าภาวนาไปจนใจสงบมาก ๆ จะแยกออกเอง จะเห็นชัดเลยว่านี่ร่างกายส่วนร่างกาย ตัวผู้รู้ก็รู้ นิ่ง ชัดเจนอยู่ เวทนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เจ็บปวด เมื่อยขนาดไหนก็ตาม ก็เป็นส่วนของเวทนาทางร่างกาย ถ้าแยกออกได้ชัด ๆ ต่อไปเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย ก็จะไม่รู้สึกห่วงใย เพราะรู้ว่าเป็นคนละส่วนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 21-11-2014, 18:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ศาลพระภูมิตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ?
ตอบ : เอาให้แน่ ๆ นะ ต้องอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวบ้าน

ถาม : ใช่ครับ จะถอนครับ ต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าจะถอนต้องตั้งศาลใหม่ก่อนให้ถูกทิศ แล้วก็อัญเชิญท่านไปที่ศาลใหม่ก่อน แล้วค่อยถอนของเก่า ไม่ใช่ไปรื้อบ้านท่านก่อนแล้วสร้างทีหลัง ช่วงนั้นท่านจะไปอยู่ที่ไหน ? จริง ๆ แล้วท่านไม่ได้อยู่ที่ศาลหรอก แต่ว่าควรทำให้ถูกต้อง ตั้งใหม่ก่อนแล้วค่อยรื้อของเก่า

ถาม : ถอนศาลนี่ใช้มีดหมอแล้วก็คาถาถอนโบสถ์ได้ไหมครับ ?
ตอบ : อันนั้นเขาไม่เรียกว่าถอนศาล เขาเรียกว่าไล่เจ้าที่เลย โอ้พระเจ้า..! ปกติเขาทำน้ำมนต์ธรณีสาร หรือไม่ก็ทำน้ำมนต์ถอนโบสถ์ แต่เราถ้าคิดว่าเชิญท่านขึ้นศาลใหม่ด้วยความเคารพ แล้วขออนุญาตรื้อก็รื้อไปเลย เพราะจะให้ไปทำครบพิธีบางทีก็สวดไม่เป็น แหม..เล่นใช้มีดหมอแล้วล่อคาถาถอนโบสถ์ อันนั้นไล่กันชัด ๆ ระวังท่านจะไล่เราบ้างนะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 21-11-2014, 18:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ศาลพระภูมิมีท่านท้าวมหาราชได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ามีท้าวมหาราชนี่ยิ่งกว่าศาลพระภูมิอีกนะ แต่เพียงแต่ว่าเป็นหมู่บ้านที่มีศาลรวมหรือเปล่า ?

ถาม : ที่บ้านเองค่ะ ?
ตอบ : ถึงเวลาจุดธูปไหว้พระก็นึกถึงท่านด้วย บอกกับท่านว่าถึงเวลาเราไหว้พระก็เท่ากับเราแสดงความเคารพท่านด้วย ขอให้ท่านมาโมทนาบุญ ก็เท่ากับเราระลึกถึงท่านอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับมีศาลของตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 21-11-2014, 19:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานอุปสมบทหมู่ถวายหลวงปู่สายที่ผ่านมา ได้พระทั้งหมด ๑๑๒ รูป ปรากฏว่านาคทุกคนได้รับคำชมจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ว่ามีความคล่องตัว เข้าใจขั้นตอนการบวชและท่องขานนาคได้พร้อมเพรียงกันดีมาก เรื่องนี้ถือว่าเป็นความดีของทิดกวาง

เมื่อตอนทิดกวางยังบวชอยู่ อาตมาเองก็สอนในสิ่งที่พระควรจะทำ ควรจะเป็น เมื่อท่านสึกไป ท่านก็ว่า ปกติแล้วเรื่องอย่างนี้ที่อื่นไม่เคยได้ยินเขาสอนกัน ผู้ที่บวชเข้ามาอาจจะทำผิดทำพลาดได้ ก็เลยขออนุญาตทำหน้าที่แทนอาตมา ถึงเวลามีการบวชหมู่ของทางวัด ไม่ว่าจะช่วงมาฆบูชา วิสาขบูชา เข้าพรรษาหรือว่าลอยกระทง ก็จะอาสาไปเป็นพี่เลี้ยงฝึกซ้อมให้ โดยเฉพาะการบวชหมู่ครั้งนี้ เขานัดฝึกซ้อมกันเป็นเดือน ให้ไปท่องกันเองให้คล่อง แล้วมาจับคู่ฝึกให้พร้อมเพรียงกัน

ฉะนั้น..พระอุปัชฌาย์อาจารย์จึงชมว่า ทุกคนมีความคล่องตัวและมีความเข้าใจพิธีกรรมมาก ทำให้ไม่ช้า สามารถบวชเสร็จแล้วก็สวดมนต์ฉลองพระใหม่ พร้อมกับฉันเพลได้ทัน

อาตมานึกว่าบวชชุดหนึ่ง ถ้าคู่สวดคล่อง ๆ ก็ใช้เวลาประมาณ ๒๐ นาที ๑ ชั่วโมงได้ ๓ ชุด บวชอย่างน้อย ๑๒ ชุด ก็ใช้เวลาประมาณ ๔ ชั่วโมง ถ้าบวช ๖ โมงเช้าก็ไปเสร็จเอา ๑๐ โมงเป็นอย่างต่ำ ดังนั้น..จึงเป็นเรื่องที่ว่า ถ้านาคไม่คล่องตัวก็จะลากระยะเวลายาวขึ้นไปอีก เท่าที่ผ่านมาวัดท่าขนุนยังไม่มีเรื่องให้ขายหน้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ เพราะอาตมาบังคับว่า ถ้าท่องขานนาคไม่ได้ก็ไม่ให้บวช"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 21-11-2014, 19:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ช่วงก่อนบวชหมู่ มีโยมคนหนึ่งพาลูกชายมาขอบวช กำหนดว่าจะบวชวันนั้นวันนี้ อาตมาบอกว่าโยมกำหนดได้ แต่ถ้าลูกชายขานนาคไม่ได้อาตมาก็ไม่ให้บวช ตกลงว่าเขาเลยย้ายไปบวชวัดอื่น เพราะว่าต้องการความแน่นอน

ความจริงแล้วการขานนาค คือการที่ผู้บวชเข้าไปร้องขอต่อพระอุปัชฌาย์อาจารย์และคณะสงฆ์ ให้ยกตนเองขึ้นเป็นอุปสัมบันในพระพุทธศาสนา ต้องกล่าววาจาด้วยตนเอง ร้องขอด้วยตนเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นสอนให้ทีละประโยค ทีละคำ ไปนึกถึงหลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ท่านไม่รู้หนังสือ อยากจะบวชก็ต้องไปอยู่วัดซ้อมขานนาค ให้พระพี่เลี้ยงบอกทีละประโยคแล้วก็ท่องตาม ใช้เวลาอยู่ ๗ เดือนเศษ กว่าจะจำได้หมด

เมื่อพระบวชไปแล้ว อาตมาก็แนะนำแล้วว่า อานิสงส์ในการบวชนั้นมหาศาลมาก ให้อธิษฐานขอสิ่งดี ๆ ในชีวิตของตนเอง ปรากฏว่าพ่อเจ้าประคุณสึกแล้ว จำนวนหนึ่งตามอาตมาลงไปทอดกฐินปลดหนี้ที่ปักษ์ใต้ ไปเห็นเขาตักมัจฉาพาโชคกัน เลยไปอธิษฐานขอรางวัลใหญ่ที่นั้น ได้จักรยาน ได้เตียงนอน ได้พัดลมกันมาหมด จนเขาต้องปิดร้านไปเลย เพราะรางวัลใหญ่ไม่มีแล้ว สรุปว่าบวชมาแทบตายต้องการแค่นั้นแหละ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 21-11-2014, 19:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนแรกอาตมาอยู่ในที่พักก็สงสัยว่าเสียงอะไรเฮ ๆ บอกพระที่ติดตามว่า ไปดูทีว่ามีอะไรกัน สักพักหนึ่งก็กลับมาแจ้งให้ทราบว่า บรรดาทิดไปตักมัจฉาพาโชค อธิษฐานขออะไรก็ได้อย่างนั้น พอตักได้อย่างที่ขอก็เฮกันใหญ่ คนมีเงินเป็นล้านไปซื้อจักรยานคันเดียว ไม่ได้ก็ให้รู้ไป แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า พอไปซื้อจักรยานแล้ว เงินที่เหลือก็ไม่พอซื้ออย่างอื่น

ที่บวชไป พอถึงเวลาอาตมาอบรมต่อเนื่องอยู่ ๗ วัน มีหลายท่านบอกว่า ไปบวชที่อื่นไม่มีใครเขาบอกอย่างนี้เลย ทำผิดก็ผิดเป็นโทษเฉพาะตัวไป บวช ๓ วันแรกก็ให้ฉันที่หอฉัน เพราะว่าพระเป็นร้อย ๆ ไปบิณฑบาตญาติโยมจะลำบาก ก็ปรากฏว่าโยมเขาขอร้องมาว่าอยากใส่บาตรพระเยอะ ๆ อาจารย์นำพระออกบิณฑบาตสักหน่อย ก็เลยว่าถ้าอย่างนั้นขอรบกวนวันเดียว ขอไปบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้งวันที่ ๔ คือบวชวันที่ ๑๖-๑๗-๑๘ วันที่ ๑๙ ก็ไปบิณฑบาต พอโยมเห็นพระเดินเป็นแถวเป็นร้อย ๆ ก็เกิดศรัทธา

บางคนเห็นตรงนั้นก็วิ่งไปหาซื้อของมาใส่ตอนนั้นเลย บางคนก็เข็นของมาทั้งรถเข็น บอกว่าใส่ไม่ไหว ขอถวายอาจารย์คนเดียวแล้วกัน ช่วยเอามือแตะรับหน่อย เดี๋ยวที่เหลือจะช่วยยกขึ้นรถของทางวัดให้ มีไม่กี่รายที่สามารถใส่ได้ตั้งแต่รูปที่ ๑ ถึงรูปที่ ๑๕๐ กว่าได้ เพราะว่าพระที่วัดแต่เดิมก็เกือบ ๔๐ รูป บวชเข้าไปอีก ๑๑๒ ดังนั้น..ใส่ไม่ถึงท้ายสักราย เพราะว่าถ้าใส่คนละชิ้นก็ ๑๕๐ ชิ้นเห็นจะได้ บะหมี่สำเร็จรูปลังหนึ่งเพิ่งจะมีแค่ ๓๐ ซองเอง บวชพระเยอะ ๆ พอถึงเวลาสึกไม่ค่อยจะดี เพราะสึกทีเยอะ ๆ พระเก่าเห็นก็เลยสึกตามไปด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 21-11-2014, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ช่วงออกพรรษาญาติโยมก็ไปปฏิบัติธรรมกัน วันรุ่งขึ้นตักบาตรเทโวฯ กับทอดกฐินสามัคคี ช่วงเช้าก็เป็นการตักบาตรเทโวฯ ตอนบ่ายก็ทอดกฐินสามัคคี อาตมาสั่งให้แม่ชีแจกของแห้งให้หมดคลัง เพราะว่าวันตักบาตรเทโวฯ จะมาอีกมหาศาลเลย ปรากฏว่าส่วนใหญ่ที่ให้ของไปก็เป็นหน่วยป่าไม้และ ตชด.

โดยเฉพาะบรรดาหน่วยป่าไม้ต่าง ๆ ในทุ่งใหญ่นเรศวร และศูนย์สงเคราะห์เด็กชาวเขาของแม่ชีแจ๊ก ก่อนหน้านี้เลี้ยงเด็กไว้ ๘๐ กว่าคน ตอนนี้เด็กที่อยู่ประจำมีประมาณ ๓๐ คน เพราะว่าที่เหลือเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ แม่ชีคนเดียวสู้ได้ กำลังใจถึงมาก เพียงแต่ว่าเด็กช่วงวัยรุ่นกินมาก รายจ่ายเรื่องอาหารจะสูงเป็นพิเศษ อาตมาบอกว่าให้ไปขนที่วัดท่าขนุนได้เลย ของหมดเมื่อไรให้ไปเอาได้ทันที แล้วก็มอบให้ท่านอาจารย์อังกุระเอาข้ามไปทางวัดตองไว ไปมอบให้บรรดาวัดวาอารามทางฝั่งพม่าที่เขาลำบากยากจน โดยเฉพาะบรรดาผ้าไตรต่าง ๆ ที่มีมากเป็นพิเศษ ก็ส่งไปให้ ปรากฏว่าเพิ่งจะโละผ้าไตรได้หมดคลัง ช่วงกฐินน่าจะเข้ามาเกิน ๓๐๐ ไตรอีกแล้ว กลายเป็นว่ายิ่งให้ก็ยิ่งเพิ่ม

พอตักบาตรเทโวฯ เสร็จ พวกแม่ชีแจ๊กและพวกป่าไม้ก็มาขนไปอีกรอบหนึ่ง รู้สึกว่ายุบไปหน่อยเดียว พอมาอีกไม่กี่วันก็บวชพระร้อยกว่ารูป แล้วไปบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้งอีก ตอนนี้ก็ล้นคลังเหมือนเดิม ต้องไล่แจกไปเรื่อย ๆ มีญาติโยมหลายคนพอเห็นแล้วก็มาขอ บอกว่าจะเอาไปแจกที่โน่น มอบให้ที่นี่ อาตมาบอกว่าไม่ให้ เขาก็ถามว่าแล้วทำไมคนโน้นคนนี้ให้ได้ บอกไปว่า “ที่ให้ไปเพราะอาตมามั่นใจว่า เขาเอาไปช่วยเหลือคนอื่นจริง ๆ แต่ของคุณเป็นใครอาตมาก็ไม่รู้จัก อยู่ ๆ มาขอ ถ้าเอาไปขายอยู่ในตลาดนัดอาตมาก็ไม่อาจจะทราบได้ เพราะฉะนั้น..ถ้าไม่ใช่รู้จักมักคุ้นกันจริง ๆ แล้วจะไม่ให้” บอกไปอย่างนั้น เหมือนกับเลือกที่รักมักที่ชังแต่ไม่ใช่ เป็นการป้องกันการทุจริต

คนที่เขามีเจตนาดีจริง ๆ อาจจะมีแต่น้อย ไม่อยากจะพลาดแบบวัดอื่น ๆ ที่พอไปขอเสร็จแล้วไปขายถูก ๆ ในตลาดนัด เปิดร้านขายในตลาดนัดเลย เสียค่าร้าน ๒๐ บาท ขายได้ตั้งหลายพัน เพราะของขอมาเฉย ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 21-11-2014, 19:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,962 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "กฐิน ๓ วัด วัดท่าขนุน ๑,๓๕๐,๐๐๐ บาท วัดพุทธบริษัทกับเกาะพระฤๅษีได้ที่ละ ๑๗๐,๐๐๐ บาท ความจริงของเขาได้ไม่ถึง แต่อาตมาตัดจากของท่าขนุนให้ไปเพื่อให้ลงท้ายเป็นเลขกลม ๆ ที่ท่าขนุนได้มาก เพราะว่าเจ้าภาพ ๓ - ๔ รายระบุว่าถวายเฉพาะวัดท่าขนุนแห่งเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:12



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว