กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 05-12-2013, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอริยบุคคลจะรู้ตัวหรือไม่ว่าท่านเป็นพระอริยะ ?
ตอบ : ถ้าอยู่ตั้งแต่ระดับวิชชาสามขึ้นไปจะรู้ แต่ถึงรู้แล้วท่านก็ไม่ประมาท ก็ยังคงทำไปตามปกติ กติกาใดที่ทำเพื่อความหลุดพ้นก็ยังคงทำต่อไป แต่ถ้าต่ำกว่านั้นลงมา บางทีเป็นทั้งชาติก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ว่าถือกติกาครบถ้วนสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา รู้อยู่ว่าต้องทำอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไรเสียด้วยซ้ำไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2014 เมื่อ 04:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 05-12-2013, 12:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำว่าดวงตาเห็นธรรม คือ ?
ตอบ : ดวงตาเห็นธรรม ตามที่เขาอธิบายเอาไว้หมายถึงว่า เข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน ก็คือสามารถเป็นพระอริยบุคคลเบื้องต้นขึ้นไป ถึงจะเรียกได้ว่าเห็นธรรมจริง ๆ ถ้ายังไม่เห็นก็คือปัญญายังไม่พอ ก็ไม่น่าจะเรียกว่าดวงตาเห็นธรรม

คำว่าดวงตาในที่นี้ไม่ใช่สายตาของเรา เขาเรียกปัญญาจักษุ ก็คือดวงตาของปัญญา เห็นด้วยปัญญา ไม่ได้เห็นด้วยตาเนื้อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 05-12-2013, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : .......วิชชาธรรมกาย.. ?
ตอบ : นั่นเป็นแค่ในส่วนของสมาธิเท่านั้น อย่างเช่นว่าเห็นดวงปฐมมรรคก็คือจิตเริ่มเข้าสู่อุปจารสมาธิ จนถึงกายพระอรหันต์ละเอียดก็คือฌาน ๔ เต็มระดับ ต้องเรียกว่าเป็นส่วนของสมถกรรมฐานเต็ม ๆ เลย จนกว่าเราจะนำกำลังนั้นมาพิจารณาตัดกิเลส ต้องไปศึกษาในส่วนท้ายที่ท่านอธิบายไว้ในหนังสือมรรคผลพิสดาร

เอาเป็นว่าเมื่อหลายปีก่อน บรรดาแม่ชีในโรงธรรมวิชาบอกว่า “พวกฉันจะทำวิชา ส่งให้หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ เป็นพระสังฆราช” หลายปีมาแล้วนะ แล้วดูแนวโน้มตอนนี้ว่าเป็นไปได้ด้วย เพราะปัจจุบันนี่ถ้าเลือกเมื่อไรก็หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ เป็นพระสังฆราชเมื่อนั้น

ถ้าเรามีกองทัพคอยหนุนอยู่แบบนี้ก็ดี แต่ไม่ต้องมาทำอะไรเผื่ออาตมาแบบนั้น รับภาระทั้งประเทศไม่พอ ยังต้องรับทั้งโลกไปด้วย เหนื่อยตายเลย ลูกศิษย์หวังดีแต่ไม่รู้หรอกว่าอาจารย์เหนื่อยจะตาย

ตอนนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดสระเกศ ยังปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราชอยู่ ก็แปลว่าถ้าพระสังฆราชปุบปับเป็นอะไรไป ก็คือหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ต้องเป็นพระสังฆราช แต่แม่ชีเขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า เขาจะช่วยกันทำวิชาส่งหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ เป็นพระสังฆราชให้ได้


ถาม : อย่างนี้ถือว่าฝืนกรรมไหมคะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าอะไรก็ตามที่สามารถทำได้ ไม่ถือว่าฝืนกฎของกรรม เพียงแต่ว่าในส่วนนี้ พวกเราก็แค่รับรู้ไว้เป็นข้อมูลเฉย ๆ เราอาจจะคิดว่าเป็นฝีมือแม่ชีทั้งหลายเหล่านั้นก็ได้ แต่คิดอีกที บารมีหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านสร้างมา ท่านจะต้องเป็นของท่านอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีแม่ชีท่านก็ต้องเป็นจนได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 05-12-2013, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไปนึกถึงพลเอกเจ้าพระยาพิชเยนทร์โยธิน ตอนที่ในหลวงรัชกาลที่ ๘ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านก็เป็นหนึ่งในคณะนั้น พอมาในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ท่านก็เป็นหนึ่งในคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน คราวนี้นับแล้วก็เท่ากับท่านครองราชย์ ๒ สมัย แสดงว่าบารมีที่ท่านสร้างมานี่ อยู่ในระดับจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินเลย จึงต้องไปทำหน้าที่นั้นอยู่ถึง ๒ วาระด้วยกัน

แล้วก็มานึกถึงหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านทำหน้าที่พระสังฆราชอยู่ ๒ วาระเหมือนกัน วาระแรกก็คือทำหน้าที่แทนไปเลย วาระที่สองก็คือเป็นประธานคณะผู้ทำหน้าที่แทน ก็ลักษณะเดียวกันคือของท่านก็เท่ากับเป็นพระสังฆราช ๒ รอบ แต่ว่าสมเด็จพระสังฆราชในนามก็คือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก แต่คนทำหน้าที่จริง ๆ คือหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ เพราะฉะนั้นนับแล้วหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ เท่ากับเป็นพระสังฆราชไป ๒ รอบ หนักกว่าอีก

แต่หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ถ้าท่านขึ้นมาก็เท่ากับเป็น ๒ รอบเหมือนกัน เป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ ๑ รอบ และเป็นเอง ๑ รอบ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ต้องใช้รถยนต์หลวงประจำพระองค์ เพราะฉะนั้น..ใครก็ตามที่ทำหน้าที่นั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต้องประสานสำนักพระราชวัง ขอรถยนต์หลวงประจำตำแหน่ง

มีอยู่เที่ยวหนึ่งไปประชุมเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมที่วัดสุวรรณภักดี ที่จังหวัดตราด หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศติดภารกิจ มอบหมายให้หลวงพ่อพระพรหมดิลก วัดสามพระยา ไปทำหน้าที่แทน เท่ากับท่านเป็นองค์แทนผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เขายังต้องประสานขอรถยนต์หลวงไปส่ง

เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ถ้าเราเข้าใจในเรื่องของยถากัมมุตาญาณ คือบุญเก่าที่ทำมา ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเราไม่เข้าใจในตรงจุดนี้ก็อย่างที่เขาว่ามา คือเชื่อว่าเขาทำจนเป็นไปได้เหมือนกัน เขาบอกว่าเขาจะทำหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ให้เป็นพระสังฆราชให้ได้ เขาก็ทำของเขาจนได้ แต่ถ้าเรามาดูตรงจุดนี้ว่า ถ้าหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ทำบุญบารมีของท่านมา อย่างไรก็ต้องขึ้นเป็นพระสังฆราช ต่อให้ไม่มีคณะแม่ชีมารวมทำวิชา ท่านก็ต้องเป็นจนได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 05-12-2013, 13:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ามีคนทะเลาะกัน ไปขอให้พระท่านสงเคราะห์ ขอให้ท่านช่วยอย่าให้มีการบาดหมางกันจะเป็นไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นไปได้ เพียงแต่ถ้าเป็นพระจริง ๆ ส่วนใหญ่ท่านยอมรับกฎของกรรม ท่านก็จะแนะนำไปตามสภาพของท่าน ต้องออกไปทางแนวไสยศาสตร์เลย อย่างสมัยก่อนไปหาท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี เอาน้ำมันหนูกับแมวไปใช้ คือท่านเสกน้ำมันเอาไปทาหนูกับแมว แล้วให้อยู่กรงเดียวกันได้ บางทีเขาเรียกคาถาวัวกินนมเสือ หนูกินนมแมวอะไรพวกนั้น ต้องเล่นไปทางด้านโน้น

ถาม : ก็ดีนะครับ ทำให้คนไม่ทะเลาะกัน
ตอบ : ใช่...แต่ว่าส่วนใหญ่ท่านอาจารย์ชุมจะให้แต่เฉพาะครอบครัวที่แตกแยก ก็คือผัวเมียทะเลาะกัน แต่ถ้านอกเหนือจากนั้นท่านก็ไม่ไปยุ่งกับเขาหรอก

ถาม : เขามีคาถาหรือครับ ?
ตอบ : เขาเสกน้ำมันตามวิชาของเขา แล้วก็เอาน้ำมันนั้นไปใช้ เสียดายท่านอาจารย์ชุมท่านตายไปแล้ว คุณลองไปค้นดู สมัยก่อนท่านอาจารย์ชุมท่านตั้งสำนัก ชื่อสำนักกุญแจไสยศาสตร์ ลองไปดูในอินเตอร์เน็ต ไม่รู้ว่ามีลูกศิษย์สืบสายมาหรือเปล่า ? ถ้ามีก็ไปขอน้ำมันนี้มา

จริง ๆ ช่วยได้เยอะนะ ท่านเองก็อยู่ลักษณะสร้างบารมีช่วยคนอื่นเขา โดยเฉพาะลูกน้องกับเจ้านายไม่ชอบหน้ากัน เจอท่านอาจารย์ชุมเข้าไปนี่ เจ้านายรักลูกน้องตอนไหนก็ไม่รู้ น้ำมันขวดเดียวทาหนูกับแมวแล้วจับยัดเข้ากรงเดียวกัน ไม่ทำอะไรกันเลย อยู่ด้วยกันได้ ก็เลยเรียกว่าน้ำมันหนูกับแมว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 05-12-2013, 13:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคาถาบริกรรมไหมครับ ?
ตอบ : เขาจะมีตำราของเขาอยู่ ท่านอาจารย์ชุมศึกษามาจากสายเขาอ้อ

ถาม : จะได้ผลแค่ชั่วคราวหรือเปล่า
ตอบ : ถ้าไม่ไปฝืนคำห้ามของเขาก็ใช้ได้ผลตลอดไป เขามีพวกข้อห้ามของเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าไปฝืนบางทีของตัวเองก็เสื่อม ทางสายเขาอ้อเขาจะค่อนข้างเคร่งครัดมาก แบบพ่อปู่ขุนพันธ์สมัยก่อน ท่านกินข้าวยังต้องเสกข้าวทีละคำ อาตมาก็ว่าตายห่..เราเป็นพระยังไม่ขนาดนั้นเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 06-12-2013, 12:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่เขาบอกว่ามีคนทำพิธีให้เขาทำมาหากินดีขึ้น มีจริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถ้าตามที่เคยได้ยินมา เขาบอกว่าที่ดินตรงไหนขายไม่ได้ ให้ตั้งโต๊ะหมู่บูชา อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงขึ้นไป จุดธูปเทียนบูชาแล้วประกาศบอกเจ้าที่ตรงนั้นว่า พื้นที่ผืนนี้ เราได้รับพระบรมราชานุญาตจากในหลวงให้เป็นผู้ครอบครองแล้ว ท่านใดที่เป็นเจ้าที่รักษาบริเวณนี้ ให้รับทราบว่า เราจะทำอะไรในที่นั้น อย่างเช่นจะขาย หรือจะปลูกบ้านอยู่ ให้ประกาศบอกท่านด้วย

อ้างพระปรมาภิไธยในหลวง ให้รู้ว่าท่านคือพระเจ้าแผ่นดิน ท่านคือเจ้าของแผ่นดินทั้งประเทศ เรามีที่อยู่ยังไม่ใช่ที่ของเราเลย อย่าลืมว่าโฉนดทุกฉบับก็โดยพระบรมราชานุญาต ลองไปตั้งโต๊ะหมู่ดู อัญเชิญรูปในหลวงขึ้นไป บอกว่าเราได้รับพระบรมราชานุญาตให้มีสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้ จะขอขายที่ดินผืนนี้ ขอให้เจ้าที่ช่วยเหลือด้วย แล้วเราจะถวายสังฆทานอุทิศให้ท่าน


ถาม : ถ้าไม่มีเอกสารสิทธิ์ละคะ ?
ตอบ : ไม่มีเอกสารสิทธิ์ก็เป็นของพระเจ้าแผ่นดินอยู่ดี เพียงแต่จะไปอ้างเอาท่าไหน เมื่อไม่มีหลักฐาน

ถาม : เจ้าที่ไม่ต้องดูแลหรือคะ ?
ตอบ : พระภูมิเจ้าที่ท่านดูแลเขตนั้นหลายตารางกิโลเมตร ๑ ตารางกิโลเมตรนี่ ๖๒๕ ไร่นะจ๊ะ แต่ว่าบริวารของท่านอยู่ทั่ว ๆ ไป ก็คือบรรดาพวกสัมภเวสีบ้าง พวกเปรต อสุรกายบ้าง แล้วพวกนี้แหละที่หวงที่ ไม่ใช่เจ้าที่ท่านหวง พวกนี้หวงที่เพราะเขาอยู่ตรงนั้น ไม่อยากให้ขาย เพราะฉะนั้น..ก็เลยต้องบอกเสียหน่อย ถ้าเจ้าที่ท่านตกลง ลูกน้องก็ไม่กล้าหือ

ถาม : เคยเจอท่านที่มา กายเป็นสีแดง
ตอบ : ถ้าเป็นพระภูมิเจ้าที่ ส่วนใหญ่มือขวาจะเป็นสีแดง ตั้งแต่ข้อศอกลงมา ถ้าแดงมากก็แสดงว่ามีอานุภาพมาก

ถาม : แดงแค่ตรงมือหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็แค่มือ ถ้ามากกว่านั้นแสดงว่าตั้งใจแกล้งแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 06-12-2013, 13:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนธรรมดาไปเที่ยวพระนิพพานได้ไหมครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่ามีความสามารถแค่ไหน ถ้าความสามารถพอก็ไปได้

ถาม : ไปได้ทั้งตัวไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าได้อภิญญา ๕ วางกำลังใจเทียบเท่าพระโสดาบันได้ ก็ไปทั้งตัวเลย ถ้าได้มโนมยิทธิ วางกำลังใจเทียบเท่าพระโสดาบันได้ก็ถอดจิตไป ต้องบอกว่าคนที่ทำได้เขาไปกันเป็นปกติ ถ้าถามว่าไปได้ไหม ? ต้องถามกลับว่าทำได้ไหม ? ถ้าทำได้ก็ไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 06-12-2013, 13:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่ได้อภิญญา ๕ กับคนที่เป็นเทวดา ฤทธิ์จะต่างกันไหมครับ ?
ตอบ : เทวดาเหนือกว่าหลายร้อยเท่า เพราะของท่านเป็นโดยธรรมชาติ คนที่เป็นโดยธรรมชาติ กับคนที่หัดขึ้นมานี่ต่างกัน คนที่หัดขึ้นมาก็เด็กหัดใหม่ดี ๆ นี่เอง

ถาม : กำลังของคนที่ได้อภิญญา ๕ พอสิ้นแล้วนอกจากไปเกิดเป็นพรหมแล้ว สามารถไปเป็นเทวดาได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ได้

ถาม : ถือว่าเป็นวิบากหรือเปล่า ?
ตอบ : จะว่าไปแล้ว บางทีการตั้งความปรารถนาอย่างนั้น ก็เป็นความชอบเฉพาะตัว หลวงพ่อวัดท่าซุงไปเจอภูมิเทวดาเป็นพระอนาคามี ท่านตกใจว่าระดับนั้นทำไมไม่ไปอยู่สุทธาวาสพรหม พระภูมิท่านบอกว่า ตอนก่อนตายคิดว่าเพื่อนอยู่แถว ๆ นี้ ก็เลยจะไปหาเพื่อน แทนที่จะไปอยู่สุทธาวาสพรหม ตัวเองเป็นพระอนาคามีกลับต้องมาเกิดเป็นภุมมเทวดา เพราะตอนสุดท้ายใจไปเกาะอยู่ที่นั่น

ถาม : พระอนาคามีท่านละกามรูปได้แล้ว แต่ทำไมยังมาเกิดในกามาวจรอีกครับ ?
ตอบ : ท่านเองไม่ได้ไปตามกติกา แต่ไปตามสภาพปรุงแต่งใจของตัวเองว่าต้องการอยู่ตรงนั้น ในเมื่อคนที่มีเงินมาก แต่เขาต้องการอยู่กระต๊อบ คุณก็อยู่ไปเถอะ..เป็นสิทธิของคุณ จริง ๆ แล้วอยู่บนโน้นก็แบบเดียวกับท้าวมหาราชทั้งสี่ ที่ปัจจุบันที่เป็นพระอนาคามี ถึงเวลาพ้นก็พ้นไปเลย ถ้าสูงกว่าแล้วมาอยู่ต่ำกว่าไม่น่าเกลียด แต่ถ้าต่ำกว่าขึ้นไปอยู่ที่สูงกว่าไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 06-12-2013, 13:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผู้ที่อยู่นิพพานเขาทำอะไรครับ ?
ตอบ : ไปเสียเองจะได้หายสงสัย ไม่อย่างนั้นบอกไปก็เท่านั้นแหละ ก็ยังคันอยู่เหมือนเดิม สงสัยอยู่เหมือนเดิม

สมมติว่าเราเรียนจบแล้ว เรียนจบแล้วยังมีงานทำไหม ? ก็มี ส่วนใหญ่ท่านที่อยู่บนพระนิพพาน เรียนจบแล้วก็ไปเป็นครูเขา คอยดูว่าใครพอจะสงเคราะห์ได้บ้าง ต้องบอกว่าเหนื่อยไม่เลิก เรียนจบแล้วก็ยังเหนื่อยต่อ เพียงแต่ท่านเหนื่อยแบบไม่มีภาระ สงเคราะห์ตามวาระบุญตามวาระกรรมก็เท่านั้น ถ้าเกินนั้นไปก็ยืนดู เมื่อไรมีโอกาสก็ช่วยใหม่ แต่เป็นการช่วยในลักษณะของการประคับประคอง ให้เป็นไปตามกุศลที่จะพึงได้ พยายามที่จะให้ห่างอกุศลให้ได้ ก็อาจจะต้องช่วยด้วยการดลจิตดลใจให้ไปสร้างกุศลเพิ่มขึ้น


ถาม : พระนิพพานนี้ไม่มีขันธ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไปว่าตามแบบที่เราเข้าใจนี่เราว่ามี แต่ถ้าบุคคลที่อยู่ตรงนั้น จะเรียกว่าเป็นขันธ์ก็เป็นส่วนที่พิเศษนอกเหนือการปรุงแต่งไปแล้ว กลายเป็นอสังขตธรรม ธรรมที่นอกเหนือการปรุงแต่งไปแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนนอกเหนือการปรุงแต่ง ถ้าพูดเป็นภาษามนุษย์ก็อธิบายกันตายไปข้างหนึ่ง

สรุปว่าท่านที่ไปได้เห็นว่ามี แต่ว่าสภาพที่มี ไม่ใช่มีลักษณะอย่างที่พวกเรามีกัน ส่วนจะมีอย่างไรก็ต้องไปว่ากันอีกทีหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 06-12-2013, 14:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเข้าถึงพระนิพพานของแต่ละคนเหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ไปถึงที่โน่นแล้วเข้าถึงความบริสุทธิ์เหมือน ๆ กันหมด แต่ว่าความมากน้อยของการสร้างบารมีมา ทำให้มีความต่างอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นว่ามีรัศมีกว้างกว่า มีกายใหญ่กว่า เหล่านั้นเป็นต้น แต่ว่าเข้าถึงความบริสุทธิ์เหมือน ๆ กัน

ถาม : ไปพระนิพพานแล้วเบื่อพระนิพพานไหมครับ ?
ตอบ : ไปให้ได้ก่อน ถ้าเบื่อนี่คาดว่าคุณจะเป็นคนแรกเลย ไม่เป็นไร ถ้าเบื่อแล้วอนุญาตให้ลาออกได้ แค่เทวดายังหลงมัวเมาจนกระทั่งลืมตายเลย แล้วถ้าไปถึงพระนิพพาน ความเป็นทิพย์ละเอียดขนาดนั้น ถ้ามีการเบื่อได้ก็ดีสิ อารมณ์ใจท่านหมดการปรุงแต่งไปแล้ว ความเบื่อเป็นเรื่องของมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ในเมื่อท่านพ้นการปรุงแต่งไปแล้ว ไม่หวั่นไหวด้วยสิ่งใด ๆ ทั้งปวง แล้วจะเอาอะไรมาเบื่อวะ..?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 06-12-2013, 14:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สายวัดป่ามีคำว่า การม้างกาย ใช่กายคตาสติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็กายคตาสตินั่นแหละ คำว่าม้างกาย ก็คือค้นให้กระจายเป็นชิ้น ๆ ไปเลย ลักษณะเหมือนกับทำลายให้เป็นชิ้น ๆ ไปเลย นั่นก็คือการพิจารณากายคตาสติ ดูอาการ ๓๒ ภาษาอีสานเขาว่าอย่างนั้น เขาไม่ได้ใช้บาลีเท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 06-12-2013, 14:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอริยะที่เป็นพระท่านจะสึกไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นจริง ๆ คิดว่าคงสึกยาก เพราะว่าด้วยความที่ท่านเคารพพระรัตนตรัยจริง ๆ แล้วตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยไปแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะสึกไปทำไม ? เพราะฉะนั้น..รีบเป็นเสียตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาสดีกว่า ถ้าเป็นตอนเป็นพระเดี๋ยวไม่ได้สึก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 06-12-2013, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระโสดาบันในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ยังไม่สามารถตัดกิเลสได้ จนมาเจอพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ทำไมจึงไม่มีกล่าวในพระสูตรว่า พระโสดาบันได้มาอุบัติในชาตินี้แล้วก็ทำมรรคผลให้เกิด ?
ตอบ : ไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ แต่ก็พอที่จะอนุมานได้ อย่างคู่ของปิปผลิมาณพกับนางภัททกาปิลานี ที่ตอนหลังก็คือพระมหากัสปะกับภัททกาปิลานีภิกษุณี คู่นี้แต่งงานกัน นอนหันหลังให้กันอยู่ตั้งหลายปี คาดว่าถ้าไม่ได้ถึงขนาดพระสกทาคามีหรือโสดาบันละเอียด ย่อมไม่มีทางทำได้

ถาม : หมายความว่าก่อนมาเกิดท่านเป็นพรหมมาก่อน ?
ตอบ : อาจจะใช่ อย่าลืมว่าจะเป็นพรหมหรืออะไรก็ตามเถอะ ลงมาโลกมนุษย์ก็กิเลสท่วมหัวเหมือนเดิม ยกเว้นอย่างเดียวว่าท่านต้องเป็นพระอริยเจ้าระดับนั้น เพราะว่าถ้าเป็นพระโสดาบันเอกพีชี หรือพระสกทาคามี รัก โลภ โกรธ หลง บางเต็มทีแล้ว ท่านถึงสามารถนอนหันหลังให้กันอยู่ตั้งหลายปี ของเราสมัยนี้ขนาดอยู่ปราสาท ๗ ชั้น ยังตะกายขึ้นไปหากันเลย

เพราะฉะนั้น..ในส่วนที่กล่าวถึงตรง ๆ นั้นไม่มี แต่ในส่วนที่เราพออนุมานได้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีเหมือนกัน เพียงแต่ท่านไม่ได้บอกไว้ตรง ๆ เท่านั้นเอง


ถาม : เป็นเพราะว่าผู้ที่มาจากชั้นพรหมเป็นผู้ที่ได้ฌานมาก่อน แล้วอุุบัติมาในมนุษย์โลก ด้วยวิสัยเดิมที่ชอบใจในฌานหรือข่มกิเลสได้ ก็ทำให้ไม่ชอบในราคะ ?
ตอบ : ย้อนกลับไปที่ฤๅษีตกสวรรค์ กรณีนั้นเข้าอภิญญาด้วยซ้ำไป เหาะผ่านเห็นสาวอาบน้ำยังร่วงเลย แล้วนั่นท่านนอนอยู่ห้องเดียวกัน ถ้าไม่มั่นคงขนาดกำลังพระอริยเจ้าเอาไม่อยู่หรอก

ถาม : แต่ท่านไม่ได้กล่าวรายละเอียดไว้ ?
ถาม : ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรไว้ แต่นี่เป็นการอนุมานเอาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 20-12-2021 เมื่อ 23:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 06-12-2013, 15:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระโสดาบันเวลาฌานเกิดขึ้นแล้วเสื่อมได้ไหมครับ ?
ตอบ : กำลังฌานเสื่อมได้ แต่ว่ามรรคผลที่ได้ไม่เสื่อม เพราะว่ากำลังฌานเนื่องด้วยกายมาก เอากำลังฌานแล้วใช้ปัญญาควบไปในการตัดกิเลส ตัดขาดแล้วขาดเลย เพราะฉะนั้น..ฌานเสื่อมได้ แต่มรรคผลไม่เสื่อม

ถาม : รวมถึงโลกุตรฌานไหมครับ ?
ตอบ : คำว่าฌานสมาบัติ พอถึงพระโสดาบันก็คือโลกุตรฌาน แต่ทีนี้ฌานสมาบัติเนื่องด้วยร่างกาย ถ้าร่างกายไม่ดีก็เสื่อม เอาแค่พระอัสสชิแล้วกัน นั่นพระอรหันต์นะ เวลาฌานเสื่อมถึงขนาดเจ็บปวดโอดโอย จนต้องส่งพระไปถามพระพุทธเจ้าว่า “ความดีของข้าพระพุทธเจ้าสูญไปหมดแล้วหรือ พระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า “ดูก่อน..อัสสชิ เธอเห็นร่างกายนี้เป็นของเธอหรือเปล่า ?” “ไม่ได้เห็นเลยพระเจ้าข้า” “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เสื่อม”

เพียงแต่สมาธิตก กำลังคุมร่างกายไม่ได้ อาการเจ็บปวดแสดงเต็มที่ ก็โอดโอยไปตามสภาพ เป็นปกติ เพียงแต่สภาพจิตของท่านที่ตัดกิเลสได้แล้วไม่ได้เสื่อม แค่กำลังสมาธิตก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 06-12-2013, 16:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เข้าสมาธินานดีกว่าเข้าน้อย ๆ จริงไหมครับ ?
ตอบ : ดีกว่าจริงนะ แต่ถ้าสำหรับท่านที่ไม่คล่องตัวจริง ๆ ก็ต้องพัก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวน็อก โดยสภาพร่างกายแล้วตามปกติก็ต้องพักตามสภาพของเขา วิศวกรอาจจะบอกว่ารถยนต์เดินรอบเบา ดีกว่าไปดับทิ้งไว้เฉย ๆ เพราะอย่างน้อยการหล่อลื่นมีตามปกติ พอดับเครื่องทิ้งแล้วน้ำมันหล่อลื่นตกไปก้นแทงก์ กว่าจะดึงขึ้นมาใหม่ในระยะของการสตาร์ทใหม่ การสึกหรอจะมีมาก เราเองไม่ต้องไปดับเครื่องหรอก เราติดเครื่องไปตลอดก็ได้ ถ้าตามตำราเขาว่ามาก็ใช่ แต่เดี๋ยวน้ำมันหมด เพราะฉะนั้น..ให้พักบ้างเถอะ

ถาม : บางทีคิดจะนอนก็รู้สึกว่าเสียเวลา นั่งสมาธิสวดมนต์ก็ยังดี ?
ตอบ : อย่างไรก็ให้นอนหน่อยแล้วกัน ไม่ได้ ๘ ชั่วโมง เอาสัก ๒ - ๓ ชั่วโมงก็ยังดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 07-12-2013, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในขณะที่เข้าฌาน กายก็ได้พัก หัวใจก็เต้นช้ามาก เบามาก ก็น่าจะเป็นการพักผ่อน ?
ตอบ : เป็น..แล้วก็เป็นการพักผ่อนที่แท้จริงด้วย แต่ในความรู้สึกของคนทั่ว ๆ ไปไม่ใช่การพัก เพียงแต่ว่าในสภาพของร่างกายของเรา ถ้าทำในลักษณะนั้นอยู่บ่อย ๆ เหมือนกับอวัยวะภายในบางส่วนได้พักไปด้วย เพราะว่าหยุดการทำงาน หรือว่าทำงานน้อยลง จริง ๆ จะว่าไปแล้วให้ผลดีมากกว่าเสียด้วยซ้ำไป แต่ว่าในส่วนของสภาพร่างกายบางส่วน อย่างเช่นสมอง บางทีไม่ได้หยุดพักตามสภาพ อย่างน้อย ๆ ก็ปิดให้สักหน่อยก็ยังดี

ร่างกายของเราได้พักเป็นปกติ สภาพจิตไม่ได้หลับหรอก สภาพจิตตื่นรู้ของตนอยู่ จะหลับจะตื่นความรู้สึกเท่ากัน เพราะฉะนั้น..ร่างกายบางทีหลับได้ยินเสียง
กรนด้วย แต่เอ๊ะ..เราไม่ได้หลับแล้วกรนได้อย่างไร ? ก็ตัวหลับไปแล้ว

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อยู่ที่เราว่ากำหนดจิตให้ตื่นเวลาไหน หรือว่าเราขอให้เทวดาท่านช่วยสงเคราะห์ แต่ถ้าตามประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาป่วยมาก ๆ บางทีก็ไม่มั่นใจเรื่องสมาธิตัวเอง ต้องขอเทวดาท่านช่วยสงเคราะห์ อย่างเช่นว่าก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะเรียก ๑๕ นาที ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ให้รู้ตัวก่อน แล้วมีกำลัง มีสติเพียงพอที่จะทำงานได้อย่างเต็มที่ ถึงเวลาอยู่ ๆ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยคลายไปเฉย ๆ ลุกขึ้นนั่งพรวดพราดได้ หูตาสว่างเต็มที่ ดูนาฬิกาได้เลย ๑๕ นาทีพอดี หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะโทรมา

การพักในฌานจริง ๆ จะว่าไปแล้วช่วยอะไรต่อมิอะไรได้เยอะมากเลย อย่างที่ฝรั่งเขาทดสอบพวกโยคี ขนาดจับฝังดินเป็นเดือน ๆ ขุดขึ้นมายังไม่เป็นไรเลย เพราะว่าระบบร่างกายหยุดหมด เหลือแต่ลมหายใจละเอียดซึ่งต้องการออกซิเจนน้อยมากเลย แค่โลงใบหนึ่งอากาศตั้งเท่าไร ใช้ได้เป็นเดือน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 07-12-2013, 19:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : บุคคลที่ไม่มีลมหายใจมีอยู่ ๘ ประเภท คนสลบที่อาการเหมือนกับหลับลึก ก็คือประเภทนี้ อาการเหมือนกับคนไข้ช็อก แต่จริง ๆ แล้วคนที่จะสลบประเภทนี้ได้ ต้องมีพื้นฐานสมาธิมามากพอ ไม่ใช่สลบธรรมดา แต่เป็นสลบแบบเข้าฌาน

คราวนี้ภาษาชาวบ้านเขาใช้คำว่าสลบ แต่รู้อยู่ข้างใน แล้วคนประเภทนี้แหละที่เวลาหมอเขาผ่าตัดแล้ว โอ๊ย..เจ็บจะตายชัก เพราะรู้ทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ได้คลายสมาธิออกมา สลบแบบเข้าสมาธิ ท่านบอกว่า ทารกในครรภ์ บุคคลที่ดำน้ำ พรหมเทวดา บุคคลที่ถึงแก่วิสัญญีภาพไป ฯลฯ มีอยู่ ๗ - ๘ ชนิด รวมถึงบุคคลที่เข้าฌานสมาบัติในระดับสูง เป็นบุคคลที่ไม่มีลมหายใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 07-12-2013, 19:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาร่างกายเราไม่ไหวมาก ๆ เราแค่บอกไปว่าเดี๋ยวก็ดีเอง
ตอบ : ระวังจะกองอยู่ข้างทาง ร่างกายของเรา เราสั่งได้ ก่อนจะถึงที่เหมาะสม อย่าเพิ่งปล่อย ถ้าคลายกำลังใจออก จะไปเลย

มีโยมอยู่คนหนึ่ง เป็นมาลาเรียเหมือนอาตมา แล้วเขาก็สงสัยว่าทำไมไปร่วงกลางทางประจำเลย เขาใช้คำว่า "หลวงพี่ยังทำได้เลย" อาตมาทำได้นี่ทำแบบไหน เขารู้ไหม ? ถ้าไม่ถึงที่ อาตมาไม่คลายกำลังใจออก ก็ไปได้ ของเขาไม่ดูตาม้าตาเรือ..ไปเรื่อย ๆ พอหมดสภาพก็ร่วง เพราะฉะนั้น..ถ้าถึงเวลาเราต้องสั่งร่างกาย ไปให้ถึงที่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน


ถาม : บอกภายในกายว่า ถ้าตราบใดที่เรายังมีลมหายใจเข้าออก ร่างกายยังไม่ร่วง เราก็ต้องอดทน ?
ตอบ : ถ้าจิตกับประสาทเริ่มแยกจากกัน จะไม่รับรู้อาการของร่างกาย ก็ไปทื่อ ๆ เหมือนกับหุ่น บางทีร่างกายไม่ไหว เราก็ต้องเข็นไป อาตมาเดินบิณฑบาต เตะก้อนหินจนกระทั่งเล็บหลุดมาทั้งอัน แต่ไม่รู้ตัวหรอก ไปยืนรอรับบาตรแล้วพระเขาชี้ให้ดู โอ้โฮ...เลือดเป็นกองเลย ช่วงยืนรอรับบาตรจากโยมหน่อยเดียว เลือดไหลเรื่อย ตอนเดินก็ไม่รู้ตัว ตอนยืนมากองให้เห็นถึงจะรู้ อ้าว..ตายห่..เล็บหายไปอันหนึ่งแล้ว

อย่าพยายามเข็นมากนัก หากว่าพักได้รักษาได้ก็จัดการเสียก่อน ช่วยให้อยู่ในสภาพที่ไม่ชำรุดมากนัก ถ้าเราจำเป็นต้องใช้ต่อ จะได้อยู่ในลักษณะพอมีคุณภาพบ้าง ถ้าชำรุดมาก ๆ เดี๋ยวหมดคุณภาพขึ้นมา ก็รวนแย่เหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 11:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 07-12-2013, 19:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,232 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างกำหนดนั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง เราเกิดฟุ้งซ่าน เราควรจะนั่งครบครึ่งชั่วโมงไหมครับ ?
ตอบ : ทำให้ครบ ตั้งใจว่าไม่ครบไม่เลิก ร่างกายของเราพอโดนบังคับเข้าบ่อย ๆ รู้ว่าไม่ถึงเวลาไม่ได้เลิก ท้ายสุดก็จะยอมรับเอง แต่ส่วนใหญ่พอกวนหน่อย เราก็..เลิกก็ได้วะ แบบนี้ก็เสร็จ..!

ถาม : อะไรกวนคะ ?
ตอบ : กิเลสกวน กิเลสที่อาศัยร่างกายเขาเรียก ขันธมาร กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในใจเรียกว่า กิเลสมาร กิเลสที่อาศัยผู้อื่นเขาเรียกว่า เทวปุตตมาร กิเลสที่อาศัยการปรุงแต่งของสภาพจิตใจของเรา ไม่ว่าจะไปในเรื่องของกุศล อกุศล เขาเรียก อภิสังขารมาร แล้วพวกสุดท้ายไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็พาเราตายไปเลย เรียกว่า มัจจุมาร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:19



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว