กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 19-10-2012, 20:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนนี้ทางวัดเขาอ้อกำลังตามลูกชายของท่านอาจารย์ รศ.ดร.สมพร แสงชัยอยู่ อยากให้ไปเรียนวิชาสายนั้นแล้วเป็นเจ้าอาวาส เพราะเขาไปแล้วใช้ทิพจักขุญานดู เจอพระเครื่ององค์หนึ่งเกิดชอบใจ ไปปลุกหลวงปู่กลั่นตั้งแต่ตอนตี ๕ บอกว่าเห็นภาพพระเครื่ององค์นี้ หน้าตาแบบนี้ ช่วยหาให้หน่อย

หลวงปู่กลั่นบอกว่าหมดไปนานแล้ว เขาบอกว่ายังมี หลวงปู่จึงต้องให้ลูกศิษย์ช่วยค้นทั้งกุฏิ ปรากฏว่าเจอจริง ๆ มีเหลืออยู่องค์เดียว ก็เลยต้องให้เขาไปเพราะเขารู้จริง และยังบอกว่าให้ช่วยมาเรียนวิชาหน่อย จะได้เป็นเจ้าอาวาสต่อ แต่คราวนี้ท่านไม่เอา..หนีเลย สายนั้นเขาชอบคนที่รู้จริงลักษณะนี้ เขาบอกว่าเรียนวิชาแล้วจะทำได้ขึ้นมาก

สมัยก่อนตอนที่หลวงปู่กลั่นอยู่ อาตมาก็จะแวะไปทุกครั้งที่ลงพัทลุง แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้ว ไม่รู้จะคุยกับใคร พระอาวุโสสายใต้ตอนนี้มีหลวงพ่อคง วัดบ้านสวน หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง

แต่คนรุ่นหลัง ๆ สมัยนี้ความอดทนไม่ค่อยมี วิชาไหนยากก็ไม่เอา ไม่มีความพยายามเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2012 เมื่อ 12:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 22-10-2012, 20:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อวานท่านแบงค์ (พระทรงพล กิตฺติปญฺโญ) พระของวัดท่าขนุน พาครอบครัวมาทำบุญ เนื่องในโอกาสที่น้องสาวเอารถไปชนเละมา..! น้อง ๆ ไม่เคยเข้าวัดเข้าวาอะไรเลย มาแล้วทำตัวไม่ถูก เก้ ๆ กัง ๆ เวลาอยู่ต่อหน้าพระ เขาเอารูปถ่ายมาให้ดู เพิ่งออกรถมาได้เดือนกว่า ๆ รถชนจนไม่มีชิ้นดี ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยอีกต่างหาก แต่คนกลับไม่เป็นอะไรเลย

เขาบอกว่าในรถมีพระปิดตาวัดท่าขนุนอยู่องค์เดียว อาตมาเลยบอกว่า "ไม่ต้องบอกว่ารุ่นไหน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวราคาจะแพงกว่านี้..!" ต้องบอกว่าเป็นกุศโลบายในการนำคนเข้าวัดอย่างหนึ่ง พระท่านถึงสงเคราะห์ให้ขนาดนั้น ปกติแล้วเวลารถชน ไม่ต้องหนักขนาดนั้นหรอก ถ้าไม่ได้คาดเข็มขัดก็มักจะบาดเจ็บทุกราย แต่นี่ชนจนรถหมดสภาพ คนกลับไม่เป็นอะไร แล้วท้ายที่สุด คนที่ไม่เคยเข้าวัดเข้าวาก็เข้าวัด อาจจะเป็นเพราะดีใจที่รอดตาย..!


เมื่อเข้าวัดมา..การทำความดีขั้นพื้นฐานคือทาน ซึ่งได้ทำไปแล้ว ต่อไปก็เหลือแต่ศีลกับภาวนา การทำความดีแม้ว่าจะเป็นเพียงขั้นพื้นฐานก็ตาม เท่ากับเป็นการหว่านเพาะเมล็ดความดีขึ้นในชีวิตของเขา ถึงเวลาก็ย่อมออกดอกออกผล ส่งผลดีให้ในภายภาคหน้าเอง เพราะว่า
ความดีความชั่วจะทำโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม เมื่อถึงเวลาก็ย่อมส่งผลให้ทั้งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 13:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 22-10-2012, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างไรเรียกว่ามีการประมาณในการกิน ?
ตอบ : กินเพื่ออยู่ ถ้าพิจารณาแบบพระ เขาบอกว่า จะไม่กินเพื่อความอ้วนพีของร่างกาย ไม่กินเพื่อความผ่องใสของผิวพรรณ ไม่กินเพื่ออวดร่ำอวดรวย ไม่กินเพื่อยังกิเลสให้เกิดขึ้น ภาษาบาลีเขาว่า นะ มัณฑะนายะ นะ วิภูสะนายะ กินเพื่อประดับ กินเพื่อตกแต่ง

พวกนี้เป็นประเภทกินเพื่ออวดร่ำอวดรวย ไม่ใช่คาร์เวียร์ไม่กิน ไม่ใช่ไวน์อายุร้อยปีไม่กิน ท้ายที่สุดออกมาก็เป็นสิ่งปฏิกูลเหมือนกัน ลองถามท่านกอล์ฟสิ..รายนั้นมักจะมีแนวคิดแปลก ๆ ตอนที่เขาอวดกันว่ากินไวน์ขวดละแสน ท่านกอล์ฟบอกว่า ถ้ากินเข้าไปแล้วควรจะอั้นไว้สัก ๔ - ๕ ชั่วโมง จะได้คุ้มกับราคาหน่อย..!


ถาม : ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าเรากินเพราะต้องกิน หรือกินเพราะติดในรสอาหาร ?
ตอบ : อาตมาเตือนพระเณรไว้ว่า ตักช้อนแรกไปแล้ว ถ้าตักซ้ำช้อนที่สองในอาหารอย่างเดิมนี่ ให้คิดแล้วว่าเรากินเพื่อยังอัตภาพร่างกายนี้ หรือว่ากินเพราะอร่อย ? พูดง่าย ๆ ก็คือ กินให้ร่างกายอยู่ได้ หรือกินเพราะตามใจกิเลส

อย่างอาตมาก็จะตักไล่ไปเรื่อย กว่าจะครบอย่างละช้อนก็แทบตายแล้ว ถ้าไปจ้วงซ้ำสองเมื่อไรต้องนึกแล้วว่ากินตามใจกิเลสหรือเปล่า ? เพราะอาหารอาจจะอร่อยจึงทำให้เราตักเพิ่ม

ถาม : ตอนลดความอ้วน ใช้สูตรไม่กินอะไรเลย ๓ วัน หิวก็จิบน้ำอ้อยเอา น้ำอ้อยแค่ครึ่งลิตรก็อยู่ได้ทั้งวัน ไม่หิว แสดงว่าที่เรากินอยู่ทุกวันนี่สนองกิเลสล้วน ๆ หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จะไปยากอะไรก็ลองลดเหลือมื้อเดียว ดูซิว่าเราจะอยู่ได้ไหม ? ถ้าอยู่ได้แสดงว่าที่ผ่านมากิเลสหลอกเรามาตลอด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-10-2012 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 22-10-2012, 21:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงสอนว่า ถ้าช่วงเย็นหิวขึ้นมา ให้เอาน้ำร้อนหนึ่งแก้ว ใส่น้ำตาล ๑ ช้อนชา คนให้เข้ากันแล้วฉันลงไป แค่นั้นก็พอแล้ว ท่านบอกว่าน้ำร้อนจะทำให้กระเพาะขยายตัว ไม่บีบรัด ทำให้ไม่หิว น้ำตาลไปเพิ่มสารอาหารให้ ร่างกายจะได้ไม่เรียกร้องอีก

แต่อาตมาเคยชินกับน้ำเปล่า เพราะว่าหลวงพ่อทวน โฆสโฏ วัดตีนตก ท่านพาพระลูกพระหลานไปธุดงค์ ย่ามของท่าน ๒ ใบ ตอนนั่งพักอาตมาลองไปขอยกดู ใบเดียวยังยกไม่ขึ้นเลย..! พอท่านล้วงออกมาให้ดู ปรากฏว่ามีน้ำตาลอยู่ ๑๓ กิโลกรัม..! ท่านแบกไปเผื่อคนอื่นทั้งนั้น ตัวท่านเองไม่ได้ฉันหรอก พระที่ตามไป ๗ - ๘ รูป หลวงพ่อทวนท่านแบกไปเลี้ยงทั้งหมด อาตมาก็เลยเห็นโทษว่า ถ้าต้องแบกเยอะขนาดนี้ ไม่ไปยุ่งกับของกินดีกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 22-10-2012, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อวานนี้ อาจารย์สมชาย วัดเกาะแก้ว อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์มาตอนอาตมาอยู่เขตสุพรรณบุรีพอดี ท่านบอกว่า “ปีนี้โยมอยากจะไปรับยันต์เกราะเพชรกันจำนวนมาก ผมสู้ค่ารถไม่ไหว ขออนุญาตจัดให้โยมรับยันต์กันที่วัดได้ไหมครับ ?”

อาตมาบอกว่า “ได้สิ..ปกติผมก็อยากให้รับอยู่ที่วัดหรือที่บ้าน ไม่อยากให้มาวัดผมหรอก วัดผมเล็กเกินไป คนไปมากก็เกะกะ ไม่มีที่พอจะรองรับ” ท่านก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นถึงเวลาแล้วจะเปิดการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ตให้โยมฟัง แล้วก็ปฏิบัติตาม

ท่านถามว่าต้องมีบายศรีไหม ? อาตมาก็เรียนท่านไปว่า ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง เตรียมบายศรีไว้ด้วยก็ดี เพราะเท่ากับว่าเราตั้งใจบูชาพระจริง ๆ เมื่อถึงเวลาก็บูชาพระรวมกันด้วยเครื่องบายศรีนั้น หลังจากนั้นตอนรับ ต่างคนก็ใช้ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ถ้ามีโยมที่ท้องมาก็เตรียมให้ลูกในท้องอีกชุดหนึ่ง รู้สึกว่าท่านโล่งใจมากที่แก้ปัญหาได้

ส่วนใหญ่แล้วพระจะมีญาติโยมติดตามมาก แต่พอติดตามแล้วท่านไปแบกภาระแทนเขา แทนที่จะจัดรถแล้วให้โยมเขาจ่ายค่ารถกันเอง ท่านก็ไปเหมารถรับโยมไป พอคนมาก ๆ เข้า ไม่มีเงินค่ารถก็เดือดร้อน

ญาติโยมทางทองผาภูมิก็เหมือนกัน มีต่อว่ามาหลายครั้ง ว่าเมื่อไรอาตมาจะพาเขาไปเที่ยววัดนั้นวัดนี้บ้าง อาตมาบอกว่าโยมอยากไปก็ไปเอง ถ้าไม่ใช่งาน อาตมาไม่ไปวัดใครหรอก พวกเขาเคยชินกับระบบที่บรรดาเจ้าอาวาสพาไปทำบุญวัดนั้นทำบุญวัดนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 22-10-2012, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาตั้งใจจะทำใต้ฐานของสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกเป็นห้องสมุดประชาชน คนไปวัดหรือชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าไปอ่านหนังสือได้ ให้อ่านอย่างเดียว ไม่ให้ยืม

จะตั้งคอมพิวเตอร์ไว้สัก ๖ เครื่อง ต่ออินเตอร์เน็ตให้ ห้ามเล่นเกม ห้ามดูหนัง จะโหลดความรู้อะไรไปทำได้ ลักษณะให้ชาวบ้านใช้ฟรี ทางด้านหน้ากับรอบ ๆ ด้านข้าง จะตั้งเป็นซุ้มสำหรับขายของ เหมือนตลาดชุมชน ทองผาภูมิมีของดีอะไรก็เอาไปตั้งขายรวม ๆ กันที่นั่น

คิดว่าจะให้เขาตั้งฟรีไปเลย แม้กระทั่งซุ้มขายของทางวัดก็จะทำให้ เพื่อจะได้หน้าตาเหมือน ๆ กัน อยู่ในแถวแนวเดียวกัน อย่างไรต้องมีคนไปแวะนมัสการพระอยู่แล้ว ในเมื่อจะไปกราบพระ อย่างน้อย ๆ ของวัดก็ต้องมีดอกไม้ธูปเทียนจำหน่าย คนอื่นอาจจะไปจำหน่ายพวกน้ำดื่ม พวกของที่มีชื่อเสียงของทองผาภูมิ เช่น ผลไม้ตามฤดูกาล ปลาส้ม เห็ดโคน เป็นต้น

ตอนนี้สั่งช่างให้เตรียมเทพื้นคอนกรีตเต็มพื้นที่โดยรอบ จำนวนหลายไร่นะ ความหนาเท่ากับถนนคอนกรีตเข้าหมู่บ้าน เพื่อที่ว่าสิบล้อจะได้เข้าไปขย่มเล่นได้ ถึงเวลาก็อาศัยเป็นลานจอดรถได้ อย่างน้อย ๆ ก็จอดได้อีกหลายคัน

คราวนี้ทางวัดท่าขนุนมีที่อีกผืนหนึ่งอยู่เกือบ ๒ ไร่ ที่ฝั่งตรงข้ามวัด ว่าจะจัดในลักษณะของพื้นที่พักของผู้เดินทาง เดี๋ยวว่าจะไปติดต่อทางอบต.ท่าขนุน เพราะเป็นเขตของอบต. ปัจจุบันยกขึ้นเป็นเทศบาลตำบลท่าขนุนไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 22-10-2012, 21:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ว่าจะติดต่อขอเจาะทางจากพื้นที่ของวัด ตรงไปที่รอยพระพุทธบาทเลยจะได้ไหม ? อาตมาจะเป็นคนสร้างถนนเอง ๒ ข้างถนนอนุญาตให้ทางเทศบาลตำบลท่าขนุน หาคนมาตั้งซุ้มขายของได้ แต่ให้รักษาความสะอาดให้กับวัดด้วย ส่วนทางด้านนี้เป็นเขตของเทศบาลตำบลทองผาภูมิ เดี๋ยวให้นายกเทศมนตรีประเทศฯ หาของมาขาย คุณต่างคนต่างเอาฐานเสียงของคุณมาก็แล้วกัน แต่รักษาความสะอาดให้วัดด้วย

คาดว่าเขาน่าจะตกลง เพราะเขาไม่ต้องลงทุนอะไร แต่อาตมาสิ..หมดไปหลายต่อหลายล้านแล้ว แต่ว่าทางฝั่งนั้นค่าน้ำค่าไฟจะให้เทศบาลตำบลท่าขนุนจ่าย ฝั่งนี้ค่าน้ำค่าไฟให้เทศบาลตำบลทองผาภูมิจ่าย ผลงานกลายเป็นของคุณ ให้ไป
อ้างได้เลย “นี่ผมทำตลาดชุมชนมา เพื่อพี่น้องจะได้ไปตั้งร้านขายของได้” แต่ความจริงเป็นฝีมือพระเสีย ๙๙ เปอร์เซ็นต์

มุมมองที่เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนนี่ ถ้าไม่ใช่พระที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อละจริง ๆ ทำไม่ได้ จะต้องมีพวกกู ของกู

ห้องสมุดจะติดเครื่องปรับอากาศให้ คุณจะไปนั่งฟุบหลับอยู่กับโต๊ะก็ได้ อาตมาไม่ได้ว่าอะไร หายเหนื่อยแล้วค่อยเดินทางต่อ ตั้งใจว่าจะขนเอาหนังสือที่พอมีเหลืออยู่บ้าง ที่ยังไม่ได้ให้ชาวบ้านเขาไปหมด เอาไปใส่ตู้ หาใครสักคนที่รู้งานจัดระบบสักหน่อย ถ้าไม่มีเดี๋ยวให้แม่ชีจัดกันมั่ว ๆ ไปก่อน แต่กว่าจะมั่วได้ต้องอ่านทุกเล่ม ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะเอาเล่มไหนใส่ตรงไหน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 23-10-2012, 20:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอาตมาลงไปภูเก็ต ญาติโยมที่นั่นไม่ได้เจอหน้าอาตมาปีกว่าแล้ว เขาจึงไม่ยอมให้พัก แต่ละคนขออยู่นาน ๆ อาตมาก็นั่งตั้งแต่ประมาณ ๖ โมงเช้าจนถึง ๒ ทุ่ม ต้องหลับตาพูดแล้ว..ไม่ไหวแล้ว..แรงจะนั่งก็ยังไม่มี แต่น่าชื่นใจตรงที่ว่า ไม่ค่อยได้ลงไปก็จริง แต่เขาปฏิบัติได้ผลกันดีมาก

อย่างภรรยาของ
ทิดรัตน์ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยชอบที่สามีเข้าวัด อาจจะเป็นวาระบุญของเขาก็ได้ พอภรรยาทิดรัตน์ไปนั่งปฏิบัติ สภาพจิตเห็นธรรม เขาเห็นว่าชีวิตเราไม่มีแก่นสารขนาดนี้เลยหรือ ? วันหนึ่ง ๆ ตื่นขึ้นมาก็ทำนั่นทำนี่ ทำมาหากินเสร็จ หมดไปอีกวันหนึ่งแล้ว พอพิจารณาลึกไป ๆ ท้ายสุดก็เหลือตัวคนเดียว คนอื่นก็ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอด จึงนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะปีติเกิด

ลักษณะแบบนี้ตีก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนีแล้ว อีกหลายคนก็อยู่ในลักษณะที่ปฏิบัติแล้วมีความก้าวหน้ามาก อาตมาไม่ได้ลงไปเป็นปีก็จริง แต่โยมเขาเหมือนกับคนหิว ถึงเวลาจึงกินของเขาเต็มที่ ทำให้ได้ผลในส่วนของเขาไปเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 23-10-2012, 20:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางทีจึงรู้สึกว่า การที่พวกเรามีครูบาอาจารย์ ได้เจอหน้ากันบ่อย สู้คนที่ไม่ค่อยได้เจอไม่ได้ มีหลายท่านตั้งคำถาม อย่างเช่นว่า “รบกวนท่านแสดงธรรมให้ฟังด้วยเถอะครับ” อาตมาบอกว่า “ไม่มีอารมณ์ที่จะแสดงว่ะ ที่พวกคุณรู้มาก็มากเกินไปแล้ว เหลือแต่ว่าทำให้เกิดประโยชน์จริง ๆ เท่านั้น แสดงธรรมเพิ่มเข้าไปก็ไร้ประโยชน์ ตราบใดที่ของเก่าเรายังทำไม่ได้ ของใหม่เราก็ตะกายไม่ถึง"

มีบางท่านก็บอกว่า ให้ช่วยแสดงธรรมที่ทำให้เขาเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงด้วย อาตมาบอกว่านอกจากพระพุทธเจ้าแล้วสงสัยว่าจะยาก การที่เราจะเลื่อมใสพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ต้องเกิดจากการที่เราประพฤติปฏิบัติแล้วเกิดผลแก่ตัวเอง ความเลื่อมใสมั่นคงต่าง ๆ จึงจะเกิดขึ้นได้

ถ้าจะให้อาตมาแสดงธรรมแล้วญาติโยมเกิดความเลื่อมใสอย่างแท้จริง จะต้องบรรลุอย่างน้อยพระโสดาบันขึ้นไป ก็คงจะมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่อาตมาหรอกที่ทำอย่างนั้นได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 23-10-2012, 20:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : การขอขมาพระรัตนตรัยให้ไปขอต่อหน้าพระประธาน ไม่ใช่ไปขอต่อหน้าตัวตนของเขา ล่วงเกินพระรัตนตรัยต้องไปขอขมาพระพุทธเจ้า ไม่ใช่มาขอขมาอาตมา

ถ้าอาตมาถือสาหาความก็ไล่เตะไปตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าไม่ไล่เตะก็แปลว่าไม่ถือโทษหรอก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 23-10-2012, 20:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คัมภีร์พระเวทของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร จะมีอยู่ ๖ เล่มด้วยกัน เรื่องของเวทมนต์คาถา เลือกบทที่เราชอบใจขึ้นมาบทหนึ่ง แล้วทำให้เกิดผล ถ้าทำแล้วได้ผล บทอื่น ๆ จะใช้กำลังเท่ากัน ก็แค่เปลี่ยนตัวคาถา เปลี่ยนกำลังใจในการมุ่งให้คาถาสำเร็จผลเท่านั้น

แค่ซักซ้อมให้คล่องตัว ก็เอาเสียคาถาหนึ่ง อย่างที่ภาษิตจีนเขาว่า "ไม่กลัวว่ารู้พันกระบวนท่า เกรงว่าชำนาญเพลงเดียว" คนที่รู้จักพันกระบวนท่า ถ้าไม่มีความชำนาญ เราสู้ได้สบาย แต่ถ้าเขาเก่งเพลงเดียวนี่เราแย่ เพราะเขาถนัดที่สุด คล่องตัวที่สุด

คนใช้คาถาก็เหมือนกัน เลือกบทที่เราชอบ จากนั้นก็ว่าให้ช่ำใจไปเลย นึกเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น คิดเมื่อไรก็ทำได้เมื่อนั้น ในเมื่อเป็นอย่างนั้น
ก็จะรู้จริง ในเมื่อรู้จริง ถึงเวลาก็สามารถใช้งานได้ผลจริง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 23-10-2012, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระโสณะเถระที่กลายเป็นผู้หญิง ตอนหลังกลับเป็นผู้ชาย..?
ตอบ : ท่าจะบ้า..! พระโสณะเถระอยู่หลังพุทธกาลมา ๓๐๐ กว่าปี เขาเรียกว่าจับแพะชนแกะไปเรื่อย อันนี้คุณรู้มากเกินไปจนสับสน

โสเรยยะเศรษฐี..ไม่ใช่พระโสณะ เนื่องจากพระมหากัจจายนะประกอบไปด้วยมหาปุริสลักษณะหลายประการ มีความงามเป็นพิเศษ โสเรยยะเศรษฐีเห็นแล้วจึงเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเมียเราสวยอย่างนี้ก็ดี คิดแค่นั้นก็กลายเป็นผู้หญิงไปเลย พอกลายเป็นผู้หญิงก็อาย หนีไปต่างเมือง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็หนีไปต่างประเทศ

พอไปต่างเมืองเจอผู้ชายมาชอบพอ ไม่รู้เกี้ยวพาราสีกันอย่างไร ตกร่องปล่องชิ้นแต่งงานกันไป ทั้ง ๆ ที่ตอนเป็นโสเรยยะเศรษฐีก็มีครอบครัว มีลูกอยู่แล้ว พอไปแต่งงานไป ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงก็เลยตั้งท้อง มีลูกด้วยกันอีก ๒ คน

จนกระทั่งเพื่อนเก่าจากเมืองเดิมตามมาเจอเข้า ท่านก็เข้าไปสอบถามถึงครอบครัวของท่าน พอรู้เรื่อง..เพื่อนฝูงก็เลยแนะนำให้ไปขอขมาพระเถระเสีย พอขอขมาเสร็จกลับมาเป็นผู้ชาย คราวนี้แย่ตรงที่ว่า คนหนึ่งสามีหายไปเป็นปี พอกลับมาก็ไม่ว่ากัน แต่อีกคนหนึ่งแต่งเป็นเมียแล้ว และเมียกลายเป็นผู้ชาย..(หัวเราะ)..ถ้าเป็นพวกเราคงทำใจยากน่าดู

ท่านเลยหอบลูกกลับเมืองเดิมของท่าน ไปอยู่กับครอบครัว พอมีคนถามว่า ลูกเดิมที่เกิดจากภรรยาตัวเอง กับลูกใหม่ ๒ คนที่เกิดจากตัวเอง รักคนไหนมากกว่า ? เขาบอกว่ารักลูกที่เกิดจากตัวเองมากกว่า เขาต้องอุ้มท้องทรมานมาตั้ง ๑๐ เดือน อันนี้เป็นกรรมที่ล่วงเกินพระเถระเข้า..(หัวเราะ)..


ถาม : เป็นเพราะเป็นกรรมเนื่องกันมาให้รักมากกว่า หรือเพราะเป็นแม่จึงรักมากกว่า ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติของคนเป็นแม่จ้ะ อุ้มท้องมาลำบากลำบนแทบตาย ก็ต้องรักมากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 23-10-2012, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกรายคือพระปิลินทวัจฉเถระ อดีตชาติท่านเกิดเป็นพราหมณ์ต่อเนื่องกันมา ๕๐๐ ชาติ จึงทำให้ท่านเห็นคนวรรณะอื่นต่ำกว่าหมด ท่านมีคำติดปากเรียกคนอื่นว่า "ไอ้ถ่อย" บาลีเรียกว่า วสละ คนสมัยก่อนถ้าโกนหัวเขาถือว่าเป็นคนกาลกิณี อยู่ ๆ มีคนกาลกิณีมาเรียกว่าไอ้ถ่อย คนได้ยินก็โกรธ

วันหนึ่ง พ่อค้าดีปลีเข็นดีปลีมาทั้งคันรถ เดินสวนกับพระปิลินทวัจฉเถระ ต้องบอกว่าท่านอัธยาศัยดี เจอหน้าก็ทักก่อน "จะไปไหนล่ะไอ้ถ่อย ? แล้วนั่นเข็นอะไรมา ?" พ่อค้าก็โกรธ ด่าคืนไปว่า "เข็นขี้หนูมาสิวะไอ้ถ่อย" พอไปถึงตลาด เปิดเสื่อหุ้มรถออก ดีปลีทั้งคันรถกลายเป็นขี้หนูหมดเลย..!

เพื่อนพ่อค้าเห็นก็ตกใจ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อค้าก็เล่าให้ฟัง เพื่อนสงสัยว่าพระเถระรูปนั้นจะเป็นพระอรหันต์ เมื่อล่วงเกินเข้าจึงเกิดเหตุอันนี้ ให้รีบตามไปขอขมาพระเถระเสีย พ่อค้าเลยเข็นรถวิ่งไล่หาพระเถระ ไปเจอกลางทาง เข้าไปกราบขอขมาแล้วเล่าเรื่องให้ฟัง ขอให้พระเถระช่วยแก้ไข ขอให้ขี้หนูกลายเป็นดีปลีตามเดิม

พระเถระท่านบอกว่า "ไม่ต้องแก้หรอกไอ้ถ่อย ดีปลีก็ต้องเป็นดีปลีวันยันค่ำ" พอเปิดเสื่อดู..ขี้หนูกลายเป็นดีปลีทั้งคันรถเหมือนเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 23-10-2012, 21:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ท่านปิลินทวัจฉเถระเห็นว่า โทษของคนล่วงเกินท่านโดยไม่ได้เจตนายังหนักขนาดนี้ ท่านก็เลยตัดสินใจไปอยู่ป่าแทน พอท่านอยู่ป่าก็มีเทวดา มีนางฟ้า มีพรหม มาขอฟังธรรม มาปรนนิบัติรับใช้ มาถวายภัตตาหาร ปัดกวาดเช็ดถู ตั้งน้ำใช้น้ำฉันให้ เลยกลายเป็นที่รักของพวกพรหมเทวดา พระพุทธเจ้าทรงตั้งให้เป็นเอตทัคคะทางด้านเป็นที่รักของเทวดา เป็นคนเดียวที่ไม่เหมือนใคร

จากที่เล่ามาเราจะเห็นว่า บรรดาเทวดานางฟ้าก็ปรารถนาบุญเป็นปกติ อย่างพระมหากัสสปเถระ มีลาชเทวธิดามาปัดกวาดเช็ดถูที่อยู่ให้ พระมหากัสสปเถระท่านไล่ไปเลย ท่านบอกว่าท่านเป็นพระ ลาชเทวธิดาเป็นผู้หญิง ถ้าคนอื่นมาเห็นจะตำหนิท่านได้ ลาชเทวธิดาจึงนั่งร้องไห้

ตรงจุดนี้จะเห็นได้ว่า พรหมเทวดาที่กำลังใจของท่านยังไม่สูง ก็ยังมีการทุกข์โศกร่ำไรเช่นเดียวกับมนุษย์เหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 23-10-2012, 21:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่เป็นกระเทย แต่กลับใจเป็นผู้ชาย จะบวชในพุทธศาสนาได้ไหมครับ ?
ตอบ : กลับใจได้..แต่กลับตัวคงยาก อย่าลืมว่ากระเทยมี ๒ อย่าง อย่างแรกเป็นลักษณะของอุภโตพยัญชนก คือ บุคคลที่เป็นทั้งเพศชายเพศหญิงอยู่ในคน ๆ เดียว อันนี้บวชไม่ได้เลย ถือเป็นวิบัติ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะบวช

กระเทยอีกประเภทหนึ่งอยู่ในลักษณะว่า กำลังใจของตนเป็นตรงข้ามกับเพศสภาพของตัวเอง ถ้าลักษณะอย่างนั้น บวชเข้าไปแล้วเก็บอาการได้ ไม่ไปวี้ดว้ายกระตู้วู้ก็ถือว่าไม่เป็นไร แต่เขาปรับโทษพระอุปัชฌาย์ คือ ปรับอาจารย์ว่าไม่ดูให้ดี แต่ถ้าเป็นอุภโตพยัญชนก บวชเมื่อไรเขาจะนาสนะ คือ บังคับให้สึก


ถาม : ที่ไม่ให้บวชเป็นเพราะว่าไม่บรรลุธรรมหรือคะ ?
ตอบ : เรื่องที่แย่ที่สุดคือทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย คนเห็นไปกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายก็หมดอารมณ์ที่จะเข้าวัดแล้ว เรื่องบรรลุธรรมไม่ต้องไปพูดถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 23-10-2012, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเกิดเดือนมิถุนายน แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านตายแล้วฟื้นในเดือนตุลาคม ท่านก็เลยถือว่าวันนั้นเป็นวันเกิด ฉะนั้น..ถ้าไปดูวันเกิดจริง จะงงว่าทำไมถึงมาจัดวันเกิดเดือนตุลาคม ห่างกันตั้ง ๔ เดือน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 23-10-2012, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูเป็นคนหูหนวก ขอกราบเรียนถามวิธีรักษาคนขวัญเสียจากอุบัติเหตุ ?
ตอบ : โยมเขาหูหนวก เขียนคำถามมา อาตมาตอบไปเขาจะได้ยินไหมนี่ ? พาไปวัดให้พระท่านรดน้ำมนต์ ๗ วัด (วัฑฒ์) น้ำมนต์ ๗ วัดที่ว่า ไม่ใช่ตะกายไปจนครบ ๗ วัด แต่เป็นน้ำมนต์ที่เสกด้วยคาถามงคลจักรวาฬน้อย ที่มี ายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโกฯ

ถ้าเป็นโบราณก็ต้องไปให้หมอขวัญเรียกขวัญกลับมา เสียเงินให้หมอขวัญอีก "มาเย้อ..ขวัญเอย" ตอนเด็ก ๆ ฟังยังติดหู ต้องเสียหมากพลูบุหรี่ให้กับหมอขวัญ หมอขวัญก็ไปทำพิธีเรียกขวัญ เอาตะแกรงไปตักขวัญกลับมา แล้วมาบอกกล่าวว่าตอนนี้เจ้าของร่างอยู่ที่นี่ ให้ขวัญกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวสักที

แต่ก็แปลกนะ ถึงเวลาก็หายเป็นปกติเพราะมีกำลังใจ รู้สึกว่าได้ทำพิธีถูกต้องแล้ว อย่างเราไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก พาไปรดน้ำมนต์ก็พอจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 24-10-2012, 21:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีโยมคนหนึ่งบอกว่า ปัจจุบันนี้รักษาศีล ๘ แต่ศีลขาดบ่อย อาตมาถามว่าขาดอย่างไร ? เขาบอกว่าเผลอไปเคี้ยวลูกอมเข้า

อาตมาก็เลยบอกว่า ในเรื่องของศีล ๘ ศีลตั้งแต่ข้อ ๖ - ๘ ขาดไปไม่ตกนรกหรอก แต่ในส่วนของธรรมะจะบกพร่อง การเข้าถึงธรรมจะช้าลงนิดหนึ่ง
ถ้ารักษาศีลละเอียดได้ ส่วนของธรรมะไม่บกพร่อง การเข้าถึงธรรมก็จะง่ายขึ้น

แต่ในส่วนที่คุณบอกว่าศีลบกพร่องเพราะไปเคี้ยวลูกอม อาตมาไม่เห็นว่าจะพร่องตรงไหน บาลีใช้คำว่า ขาทนียะ โภชนียะ แปลเป็นไทยตรง ๆ ว่า ของเคี้ยว ของฉัน ของเคี้ยวท่านตีความว่า เป็นพืชมีหัว พวกเผือก มัน เหง้าบัว เป็นต้น ส่วนของฉันคืออาหารทั่วไป เขาหมายถึงอาหารมื้อหลัก ไม่ใช่ลูกอมที่คุณอม ที่อย่างน้อย ๆ ช่วยให้ร่างกายหายกระวนกระวาย พอได้น้ำตาลไปหน่อยหนึ่งจะได้ไม่มากวนเรา ฉะนั้น..มีปัญญาก็เคี้ยวไปเถอะ เพียงแต่ว่าเคี้ยวมาก ๆ เดี๋ยวฟันผุ..!

ส่วนใหญ่แล้วมักจะเข้าใจผิด ในเมื่อคุณคิดว่าคุณเคี้ยวแล้วถึงผิด ถ้าคุณต้มโจ๊กแล้วเอาหลอดดูดก็สบายสิ..! เพราะฉะนั้น..แยกให้ออกว่าอย่างไหนเป็นอาหารหลัก อย่างไหนเป็นปานะ หรือเป็นของฉันนอกเวลา ไปว่าตามพยัญชนะของบาลีที่เขาแปลมาตรง ๆ เลยก็แย่ เขาบอกของเคี้ยวของฉัน ถ้าไม่เคี้ยวแล้วฉันได้ก็สบาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 10:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 24-10-2012, 21:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูทำงานเกี่ยวกับการตรวจดูอาการป่วยของสัตว์ต่าง ๆ ทั้งที่รู้ว่าถ้าตรวจผ่านเขาก็เอาไปฆ่า ?
ตอบ : เราทำแค่หน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่ตรวจโรคเราก็ตรวจไป ถึงเวลาก็แจ้งผลไปตามความจริงแค่นั้น ส่วนเขาจะเอาผลไปทำอะไร เราไม่ต้องไปใส่ใจ ตัดกำลังใจได้แค่นี้จะไม่มีโทษอะไร เพราะหน้าที่เราไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับส่วนที่เขานำไปฆ่า เราทำแค่หน้าที่เฉพาะหน้าของเราเท่านั้น

ส่วนหน้าที่ของเราทำไปแล้ว คนอื่นเขาเอาผลไปขยายเพื่อทำอะไรอีกไม่เกี่ยวกับเราแล้ว ถ้าหากว่าตัดกำลังใจไม่เป็น เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเราไปส่งเสริมให้เขาตายอีก


ถาม : ไม่ได้เป็นการสนับสนุนให้เขาฆ่าหรือคะ ?
ตอบ : เราไม่ได้บอกให้เขาว่าตัวนี้ปลอดโรคเอาไปฆ่าได้ เราแค่รายงานผลไปเฉย ๆ ว่าผลเป็นอย่างไร ส่วนเขาจะไปทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ถ้าตัดกำลังใจไม่เป็นเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 24-10-2012, 21:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,149 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วางกำลังใจไม่ให้หมากัดเข้า ?
ตอบ : อยู่ที่กำลังใจของเราเอง ถ้ากำลังใจมั่นคงจะไม่เข้าหรอก อย่างไอ้ดอกรักกัดอาตมาจนเหนื่อย ท้ายสุดมันก็ต้องยอมแพ้ไปเอง แต่ไปกัดอาจารย์สมพงษ์จนแหว่งเลย แม่ชีต๋อยยังไปแหย่อีกว่า “โอ๊ย..หมายังกัดเข้า ออกเหรียญรุ่นแรกไม่ได้หรอก” อาจารย์สมพงษ์โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลย..! หมาของตัวเองไปกัดเจ้าอาวาส แม่ชีในวัดยังปากดีอีก สมควรได้รางวัล..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว