กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 16-10-2012, 20:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างปัจจุบันนี้ พระทั่วประเทศของเราจะห่มจีวรกันหลายสี มีสีกรักทอง สีเหลืองส้ม สีแดงแบบพระพม่าหรือแดงแบบทางเหนือของเรา สีกรักออกเขียว ๆ แบบพระธรรมยุติ และสีกรักออกม่วงน้ำตาล

ตอนนั้นหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลางอยู่ ท่านเป็นพระที่เด็ดขาด ตรงไปตรงมาที่สุด มีคนถามท่านว่า “ทำไมหลวงพ่อไม่สั่งให้เขาห่มสีเดียวกัน จะได้เหมือนกันทั้งประเทศ” ท่านบอกว่า “พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม ผมไม่สามารถที่จะไปทำอะไรซึ่งเป็นการล้มล้างพระบัญญัติของพระพุทธเจ้าได้”

พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ใช้สีกรัก สีเหลือง และสีเหลืองเจือแดงเข้ม ท่านอนุญาตให้ทั้ง ๓ สี แต่ทางเหนือของเรานี่เหลืองเจือแดงเข้มเขาไม่ได้ดูที่มา เพราะเหลืองเจือแดงเข้มจริง ๆ เกิดจากพระอัญญาโกณฑัญญะเถระ ท่านอยู่ที่ฉัททันตะสระ ในป่าหิมพานต์ แถวนั้นจะหาต้นไม้ที่นำเปลือกมาทำเป็นน้ำย้อมฝาดไม่ได้ ท่านก็เลยเอาดินลูกรังมาต้มย้อมผ้าแทน ผ้าของท่านก็เลยออกลักษณะนั้น สีเหลืองก็จริง แต่ปนแดง ๆ

พอพระอัญญาโกณฑัญญะเถระไปกราบพระพุทธเจ้า พวกพระเล็กเณรน้อยเห็นก็นินทา “ดูหลวงตารูปนั้นสิ..มาจากไหนก็ไม่รู้ ? ผอมจนเอ็นขึ้นสะพรั่งไปทั้งตัว ห่มจีวรสีอย่างกับเลือด” พระพุทธเจ้าต้องรีบเสด็จเข้าไปในอุปัฏฐานศาลา ตรัสว่า “ภิกขเว..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอกำลังสนทนากันเรื่องอะไรกันอยู่หรือ ?”

พระก็ทูลให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอไม่รู้จักพี่ชายใหญ่ของเธอหรือ ? นั่นแหละพระโกณฑัญญะเถระ พระสงฆ์รูปแรกในพระธรรมวินัยของตถาคต เป็นพี่ชายใหญ่ของพวกเธอ”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2012 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 256 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 16-10-2012, 21:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนแรกหลวงพ่อวัดท่าซุงก็แปลกใจ เพราะช่วงนั้นพระของวัดท่าซุงก็ห่มผ้าหลายสีเหมือนกัน ใครชอบใจสีไหนก็ห่มสีนั้น อย่างอาตมาห่มสีเหลือง หลวงพี่สามารถห่มสีกรัก หลวงพี่สมานห่มสีกรัก หลวงพี่เกรียงไกรห่มสีกรักเขียวแบบธรรมยุติ ลายไปหมดทั้งโบสถ์เลย ลงโบสถ์ทีหนึ่ง มองไป ๔ - ๕ สี

หลวงพ่อท่านก็ข้องใจ ตอนพักอยู่ท่านเห็นพระรูปหนึ่งเดินเข้ามา ห่มจีวรสีเหลืองแบบย้อมขมิ้น แต่ไม่มีตัว มีแต่จีวรเป็นรูปคนเดินเข้ามา หลวงพ่อท่านก็ถามว่า “ใครน่ะ ?” มีเสียงตอบว่า “ผมโมคคัลลาน์ครับ” หลวงพ่อถามว่า “แล้วมาทำไม ?” พระโมคคัลลาน์บอกว่า “มาให้ดูว่าสมัยนั้นผมห่มจีวรสีนี้ครับ” หลวงพ่อบอกว่า “อ้าว.! สีนี้ก็ใช้ได้ด้วยหรือ ?” ท่านตอบว่า “พระพุทธเจ้าอนุญาตผ้าย้อมน้ำฝาด แล้วขมิ้นหวานไหมเล่า ?” ตกลงว่าใช้ได้

สมัยโบราณเขาห่มผ้าย้อมขมิ้นกัน พอห่มไป ๆ สีจะหลุด จับติดผิว ถ้ายิ่งพระบวชนาน ๆ จะเหลืองเป็นขมิ้นเลย ผิวเหลืองเพราะขมิ้นย้อม สมัยนี้ต้องเข้าสปาขัดผิว เห็นมีบางวัดเข้าสปากันทุกอาทิตย์ เขาบอกว่าออกมาผิวจะได้ผ่อง ๆ ญาติโยมดูแล้วจะได้ศรัทธา อาตมาได้ยินแล้วก็คิดว่า มัวแต่ไปยุ่งเรื่องขันธ์ ๕ อยู่ ก็ไม่ต้องทำมาหากินเรื่องอื่นแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2012 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 254 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 16-10-2012, 21:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วัดใหญ่บางวัดมีลูกศิษย์เป็นคุณหมอมีความสามารถ บรรดาพระก็ไปให้หมอช่วยเจาะเลือดไปทำ Stem cell ให้ พอเวลาฉีดกลับเข้าไป เขาก็มาคุยกัน “คอยดูนะ เดี๋ยวผมจะกลับเป็นหนุ่มใหม่ ผิวพรรณจะผ่องใสกว่านี้อีก” อาตมาได้ยินแล้วก็นั่งเซ็งในอารมณ์ ตกลงว่าบวชมาเอากันแค่นี้เองหรือวะ..!

ยิ่งนานไปสัทธรรมปฏิรูปจะแทรกเข้ามาในพระพุทธศาสนามากขึ้น ๆ ทำให้วัดที่มีวัตรปฏิบัติที่เข้มแข็ง รักษาพระธรรมวินัยเคร่งครัด ต้องคล้อยตามเขาไปหมด กลาย
จากผิดเป็นถูก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2012 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 254 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 18-10-2012, 05:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกดื้อ บอกแล้วไม่ค่อยฟัง
ตอบ : ตีเสียบ้าง..พระพุทธเจ้าตรัสว่า สรรพสัตว์ล้วนกลัวอาชญา เขาถึงได้บอกว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ถ้าเขาเจ็บตัวแล้วจะจำ พอจำแล้วครั้งต่อไปก็จะรู้ว่าควรทำอย่างไร เขาจะตั้งสติไว้ก่อนทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 09:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 18-10-2012, 05:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางทีผู้ใหญ่ก็ทำผิดโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่น พอเด็กทำผิดแล้วเราก็ไปเอะอะโวยวายใส่เขา แต่ในสายตาเด็กกลายเป็นว่า ก่อนหน้านั้นพ่อแม่ไม่ได้สนใจเรา พอเราทำผิดแล้วพ่อแม่สนใจ ก็เลยทำผิดอยู่เรื่อย ๆ เพราะอยากให้พ่อแม่สนใจ เป็นจิตวิทยามุมกลับอย่างหนึ่ง

เวลาเด็กทำความดีเราก็เฉย ๆ ไม่ได้ชมเขา ไม่ได้บอกเขาว่าดี ให้ทำอีก แต่พอถึงเวลาทำแก้วแตก วิ่งพรวดมาดูทั้งบ้านเลย เด็กจะรู้สึกว่า "ที่แท้อย่างนี้พ่อแม่ถึงจะสนใจ" ว่าแล้วก็ทำอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 09:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 18-10-2012, 05:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงนี้...(ไม่ได้ยิน)..
ตอบ : เขาเรียกว่า "มารแกล้ง" พอกำลังใจเริ่มจะดี เขาก็มากวนเราให้พัง เป็นเรื่องปกติ ตั้งสติให้ดี ๆ ให้รู้ไว้เลยว่าพอก้าวเข้าเขตความดี เขาจะขวางเราทุกวิถีทาง เราก็ต้องพยายามตั้งสติระงับอารมณ์ ระมัดระวังอย่าให้รัก โลภ โกรธ หลง โผล่ออกมา

ความโกรธมีได้..ไม่เป็นไร แต่ให้อยู่ภายในอกเรา อย่าให้ลามไปหาคนอื่น โกรธก็อย่าให้ออกมาทางกาย ทางวาจา ให้โกรธอยู่ในใจเฉย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 09:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 18-10-2012, 06:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีอยู่วันหนึ่ง ปีนบันไดไปหยิบของ พื้นรกมาก ทำให้บันไดสะดุด ความรู้สึกก็คือขาขวาแตะที่ปลายเท้าอยู่ตรงบันได ขาซ้ายจะค่อย ๆ ลง ข้าวของค่อย ๆ หล่น อันนี้เทวดาช่วยหรือสติคะ ?
ตอบ : ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน สติสมาธิปกติจะมีความเร็วยิ่งกว่าแสงอีก จะทำให้ทุกอย่างเหมือนกับช้า อย่างเวลาเกิดอุบัติเหตุ บางคนถ้าสติดี ๆ จะเห็นเหมือนกับภาพช้าเลย แต่จริง ๆ แล้วเป็นความเร็วปกตินั่นแหละ เพียงแต่ว่าสภาพความไวของจิตมีมากกว่า ทำให้เห็นว่าทุกอย่างช้า ในเมื่อเราเห็นว่าช้า ก็จะหาทางหลบหลีกป้องกันได้ทัน

เมื่อวานซืนนี้อาตมาก็เกิดเหตุแบบนี้ ต้นชัยพฤกษ์ที่ปลูกที่ลานธรรมเริ่มใหญ่ กิ่งยาวไปกดสายไฟที่เข้าหมู่บ้าน การไฟฟ้าขอตัดมาจะครบปีหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ได้มาตัดสักที วันนั้นอาตมาว่างก็เลยตัดเอง ตัดไปถึงกิ่งหนึ่งใหญ่ประมาณหน้าแข้ง ขึ้นไปยืนอยู่บนบันไดอะลูมิเนียม ๙ ขั้น น่าจะสูงประมาณ ๓ - ๓.๕ เมตร

พอปลายกิ่งขาด โคนกิ่งที่อาตมาเหนี่ยวอยู่ก็ดีดขึ้น คราวนี้สุดช่วงยืนพอดี ก็เท่ากับตีนพ้นบันไดออกมา พระก็เผ่นกันหมด ด้วยความที่สติไม่ขาด รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ถ้าเป็นคนทั่ว ๆ ไปก็มี ๒ ทาง ทางหนึ่งก็คือ พยายามตะเกียกตะกายจะหยั่งบันได อีกทางหนึ่งก็คือ อาจจะปล่อยมือทิ้งตัวลงไปเลย

แต่อาตมามีทางที่สามดีกว่านั้น ก็คือ ทิ้งเลื่อยแล้วก็โหนตามกิ่งที่ดีดขึ้นไป แล้วปีนลงทางต้น พระเพิ่งจะหลบกิ่งไม้ที่ตกลงไปเสร็จ ก็ถามว่า “หลวงพ่อลงมาได้อย่างไรครับ ?” อาตมาบอกว่า “ก็ปีนขึ้นไปทางโน้น” ปีนลงทางด้านต้น ก็กิ่งงัดจนลอย อาตมาก็พลิกตัวปีนขึ้นไปบนกิ่ง ลงทางด้านโน้นเลย

พระเขาเห็นอาตมาปีนลงมาได้ ก็บอกว่า “ขอโทษครับหลวงพ่อ พวกผมลืมช่วยหลวงพ่อเลย มัวแต่หลบกิ่งไม้กันอยู่” อาตมาบอกว่า “ถ้าหากผมต้องรอให้พวกคุณช่วย ก็คงไม่ได้โตมาจนป่านนี้หรอก..!”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 09:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 247 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 18-10-2012, 09:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมพาลูกไปใส่บาตร พอใส่บาตรเสร็จ หลวงตาก็ให้ขนมลูกกลับมา จะแก้อย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ ปล่อยให้หลวงตาติดหนี้สงฆ์ไป

ถาม : ไม่เกี่ยวกับลูกผมใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เกี่ยว..หลวงตาท่านให้ ในเมื่อหลวงตาคิดว่าเป็นของหลวงตา หลวงตาก็ติดหนี้สงฆ์ไป

ถาม : ลูกผมมากินไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก..ถ้าข้องใจ ราคาเท่าไร เราก็ซื้อของใส่บาตรไป ถ้าไม่คาใจก็แล้วไป

ถาม : ใส่เงินก็ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ได้..แต่ที่สำคัญก็คือ ส่วนใหญ่แล้วพระท่านไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้เลี้ยงพ่อกับแม่เท่านั้น เพราะถ้าเลี้ยงคนทั่วไป คนใส่บาตรจะขาดศรัทธา ต่อไปศาสนาจะอยู่ไม่ได้

ถาม : เราบอกท่านจะน่าเกลียดไหมครับ ?
ตอบ : น่าเกลียด

ถาม : พอใส่เสร็จท่านก็เรียกลูกมาเอาแอปเปิ้ลไปกิน เอาขนมไข่ไปกิน ลูกผมก็วิ่งเลย เพราะได้ขนม
ตอบ : ไม่เป็นไร หลวงตารับผิดชอบเองได้ เป็นความเฮงของหลวงตาที่ไม่คิดว่าจะเจอ ในเมื่อท่านคิดว่าเป็นส่วนตัวของท่านแล้วให้คนอื่น ท่านก็ติดหนี้สงฆ์เอง

ถาม : ถ้าเราซื้อไปเหมือนเดิม ใส่คืนให้ท่านจะหายไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าติดใจเรา คือเรากลัวเป็นหนี้สงฆ์ ก็คืนไป แต่ท่านเป็นแล้วเป็นเลย ท่านต้องแก้ของท่านเอง ไม่ใช่เราไปแก้ให้ท่าน

แม้กระทั่งพ่อแม่ พระพุทธเจ้าท่านก็ให้สงเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ ตามสมควร ก็คือพอดำรงชีพอยู่ได้ แต่มีหลายท่าน ประเภทปลูกบ้านให้แม่อยู่ ๒๐ ล้านบาท ซื้อรถเบนซ์ให้พ่อแม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าอนุญาตแล้ว ถ้าเป็นเงินส่วนตัวของท่านก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นเงินสงฆ์นี่เฮงไม่รู้จบเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-10-2012 เมื่อ 11:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 18-10-2012, 09:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่บริษัทตั้งศาลพระพรหมและศาลอากาศเทวดาอยู่ข้างกัน ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบริษัท ตั้งอยู่บนพื้นระดับเดียวกัน ศาลพระพรหมมีลักษณะเสาเดียวแต่ฐานใหญ่ เป็นซุ้มโค้งคล้ายที่อยู่หน้าโบสถ์วัดท่าซุงและมีพระพรหมสี่หน้าประดิษฐานอยู่ อยากทราบว่าศาลพระพรหมควรตั้งอย่างไร ? และควรบูชาอย่างไรคะ ?
ตอบ : ศาลพระพรหมไม่ควรตั้ง ทั่วโลกมีไม่กี่แห่งที่พระพรหมท่านดูแลอยู่

สาเหตุที่ตั้งศาลพระพรหมที่โรงแรมเอราวัณ เพราะชื่อโรงแรมไปคล้องกับเอราวัณเทพบุตร เขาก็เลยตั้งศาลพระพรหมเพื่อให้ท่านเกรงใจ งานทุกอย่างจะได้สะดวก ถ้าไม่ใช่สถานที่ที่เรารู้ชัดว่าพรหมท่านดูแลอยู่จริง ไม่ต้องตั้งศาลพระพรหม เกินความจำเป็นไปมาก และถ้าไปตั้งลักษณะนั้น เจตนาเหมือนจะใช้งานท่าน เดี๋ยวจะเจริญมากอีก..! เพราะฉะนั้น..ในเมื่อไม่ต้องตั้งก็ไม่ต้องบูชา


ถาม : เมื่อเราตั้งศาลอากาศเทวดาผิดทิศทางและเราไม่สามารถบอกคนอื่นให้เห็นตามได้ เราควรปฏิบัติตัวเพื่อความปลอดภัยของเราอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ปิดหู ปิดตา ปิดปาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 09:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 18-10-2012, 10:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เนื่องจากดิฉันได้ฟังวิทยุ เป็นรายการธรรมะ มีชายคนหนึ่งเคยบวชเป็นพระอยู่ประมาณ ๑ พรรษา เขาสารภาพว่า ระหว่างที่บวชได้ฉันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกเย็น ปัญหาก็คือ อาจารย์ที่ตอบปัญหาบอกว่า ฉันตอนเย็นยังผิดน้อยกว่าพระที่บิณฑบาตแล้วให้พร เนื่องจากเป็นการแสดงธรรมโดยไม่สมควร พระจะต้องอาบัติหนักกว่าการฉันตอนเย็น และพระยืนให้พรแล้วญาติโยมนั่งรับพรยิ่งไม่สมควร เพราะการยืนเป็นการให้เกียรติ การที่โยมนั่งรับพรยิ่งไม่เหมาะสม โยมควรจะยืนรับพรจึงจะถูก ถ้าพระนั่งโยมต้องนั่ง พระยืนโยมต้องยืน ไม่เช่นนั้นพระจะต้องอาบัติ ไม่ทราบว่าอาจารย์ท่านนั้นกล่าวผิดหรือถูกประการใดคะ ?

ตอบ : พระอาจารย์ท่านนั้นอยู่วัดไหน ไปให้ห่าง ๆ อย่าไปใกล้วัดนั้น..!

การฉันอาหารในเวลาวิกาล คือหลังเที่ยงไปแล้ว เขาปรับอาบัติปาจิตตีย์ ส่วนพระที่แสดงธรรมกับผู้ที่นั่งอยู่ เขาปรับอาบัติแค่อาบัติทุกกฎ พูดง่าย ๆ ว่าปรับเท่ากับจับเงินนั่นแหละ แต่นี่ดันบอกว่าฉันอาหารเย็นอาบัติน้อยกว่า ก็เจริญมากแล้ว..!


ความจริงการที่ญาติโยมนั่ง บ้านเราถือว่าเป็นการแสดงออกถึงความเคารพ และการที่พระให้พร จริง ๆ แล้วไม่ใช่การแสดงธรรม


ถ้าเป็นการแสดงธรรม เขาบอกว่าภิกษุนั่งอยู่ในที่ต่ำกว่า ไม่ให้แสดงธรรมแก่ผู้ที่นั่งสูงกว่า ภิกษุไปในทาง ไม่ให้แสดงธรรมแก่ผู้นอกทาง ภิกษุเดินไปข้างหน้า ไม่ให้แสดงธรรมแก่ผู้ที่อยู่ข้างหลัง ฯลฯ เหล่านี้ท่านตั้งเจตนาเอาไว้เพื่อให้บุคคลเคารพในธรรม ดังนั้น..ในบ้านเราการนั่งลงไหว้ถือว่าเป็นการเคารพที่สุดแล้ว ดีไม่ดีก็กราบกับพื้นตรงนั้น
เลย

ถ้าเป็นการแสดงธรรม ตามการตีความของอาตมาถือว่าแสดงได้ เพราะโยมแสดงออกซึ่งความเคารพ เพราะว่า อภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง แปลความว่า ปกติของผู้อ่อนน้อมกราบไหว้ต่อผู้ทรงศีลนั้น วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ ย่อมเป็นผู้เจริญด้วยธรรม ๔ ประการคือ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง ถ้าเขาถือว่าเป็นการแสดงธรรม ถ้าเห็นว่าญาติโยมให้ความเคารพก็แสดงไปเถอะ แต่เจตนาที่แท้จริงของเราก็คือให้พร

คำว่าให้พร คือ ตั้งใจว่าสิ่งใดก็ตามที่ญาติโยมตั้งความปรารถนาไว้ ถ้าไม่เกินวิสัยแล้ว ขอบารมีพระช่วยสงเคราะห์ให้ประสบความสำเร็จด้วย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่การแสดงธรรม เมื่อสรุปลงมาแล้ว ถ้ารู้ว่าวัดนั้นอยู่ที่ไหนก็ไปห่าง ๆ ถ้าเห็นท่านมาก็หยิบขันข้าวหนีไปใส่วัดอื่น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 18-10-2012, 10:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เพราะเหตุใดพระจึงต้องถือตาลปัตรเวลาให้ศีลญาติโยมครับ ?
ตอบ : บังหน้ากันสาว ๆ ปิ๊งพระ..! ที่มีตาลปัตรบังหน้า เพื่อไม่ให้เก้อเขิน เพราะถ้าพระเขินขึ้นมา มักนึกไม่ออกว่าจะสวดอะไรต่อไป ตกม้าตายกลางธรรมาสน์มาเยอะแล้ว

ในสมัยแรกตาลปัตรมีไว้เพื่อตั้งใจบังหน้า ป้องกันไม่ให้พระและโยมเก้อเขินต่อกัน สมัยหลังมีการปรับใช้เป็นพัดก็ได้ ใช้บังแดดก็ได้ แล้วกลายเป็นเครื่องหมายประดับยศด้วย จึงมีการทำให้ตาลปัตรวิจิตรพิศดารกันมากขึ้น แต่เจตนาดั้งเดิมจริง ๆ ก็เพื่อป้องกันการเก้อเขินระหว่างพระกับโยม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 18-10-2012, 11:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยนำรูปหล่อทองเหลือง จำพวกสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ ไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกเป่ายันต์เกราะเพชร อยากทราบว่าอานุภาพใดจะถูกลงในสิ่งเหล่านี้ครับ ?
ตอบ : ก็พุทธานุภาพสิวะ..!

ถาม : มีผลเหมือนวัตถุมงคลที่เข้ายันต์เกราะเพชรหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เรื่องของพุทธานุภาพอยู่ที่เราอธิษฐานเอา

ถาม : หากนำรูปหล่อทองเหลืองที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกนี้ ไปหล่อพระพุทธรูปจะเป็นการสมควรหรือไม่อย่างไร ?
ตอบ : ไม่สมควร..แต่ถ้าตั้งใจจะหล่อให้เป็นพระพุทธรูปก็ทำได้ เพราะรูปพระพุทธรูปคนเห็นแล้วให้ความเคารพมากกว่า ส่วนบรรดารูปสัตว์ต่าง ๆ ที่เอาพิธีนั้น คนที่ไม่รู้ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นวัตถุมงคลหรือเปล่า ? ส่วนคนที่รู้อย่างเรา รู้ว่าสิ่งนี้ประกอบด้วยพุทธานุภาพแล้วเอาไปหลอม แล้วจะทำใจได้หรือเปล่า ?

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 12:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 18-10-2012, 11:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วันงานพุทธาภิเษกพระกริ่งพระเจ้าพรหมมหาราช และดาบพระเจ้าพรหมมหาราช ที่วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๕ หลวงพ่อกำลังจะพูด แต่มัคคนายกพูดแทรกขึ้นมา หลวงพ่อท่านจึงกลับ โดยที่ญาติโยมรอฟังท่านพูดอยู่ครับ ขอกราบเรียนถามหลวงพ่อครับว่า ท่านจะกล่าวอะไรที่สำคัญในวันงานวันนั้นครับ ?
ตอบ : จะบอกว่ากลับแล้วจ้ะโยม ไม่อย่างนั้นเขาจะว่าเอาได้ว่าไปไม่ลามาไม่ไหว้ คนที่มีมารยาทต้องลาก่อน พอดีมัคคนายกเขาพูดแทรก อาตมาก็กลับเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 12:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 18-10-2012, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราเป็นพระภิกษุ เกิดอาพาธแล้วไปรักษาที่โรงพยาบาล ที่โรงพยาบาลนั้นมีกองทุนรักษาพยาบาลภิกษุและสามเณรฟรี แล้วเราไปรักษา อย่างนี้ถือว่าเราติดหนี้สงฆ์หรือเปล่าครับ?
ตอบ : โดนอาบัติปาราชิกไปก่อนหรือเปล่า ? ถ้าโดนอาบัติปาราชิกไปก่อนก็ติดหนี้สงฆ์เพราะไม่ใช่พระแล้ว ถ้าไม่โดนอาบัติปาราชิกไปก่อนก็รักษาฟรีได้ ก็ไม่ได้ติดหนี้สงฆ์

ถาม : แล้วสังฆาทิเสสไหมครับ ?
ตอบ : นั่นยังถือว่าเป็นพระอยู่ แต่ไม่เต็มองค์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 12:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 18-10-2012, 11:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ใบฎีกาหรือเอกสารเกี่ยวกับงานบุญ อ่านแล้วรวบรวมขายให้กับซาเล้งได้ไหมคะ ? หรือจะต้องทำอย่างอื่นเพื่อไม่ให้เกิดโทษ ?
ตอบ : ได้..แต่ถ้ามีรูปพระอยู่ด้วยก็แยกออกมา แล้วจำเริญด้วยไฟหรือน้ำตามถนัด โบราณเขาใช้คำว่า จำเริญ ก็คือ เผาหรือลอยน้ำไปก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมลอยน้ำ เพราะเห็นว่าน้ำเย็นกว่า

หลายวัดพิมพ์ฎีกาแบบไม่เกรงใจว่าโยมจะตกนรก เล่นพิมพ์สี่สีเต็มที่เลย ข้างบนเป็นรูปสมเด็จองค์ปฐม ซ้ายขวาเป็นรูปหลวงปู่ปานและหลวงพ่อวัดท่าซุง ต่ำลงมาเป็นรูปท่านปู่ท่านย่า พูดง่าย ๆ คือ ไหน ๆ แล้วก็ให้คนรับลงอเวจีไปเลย จะได้ไม่ต้องมาทำบุญกันอีก


ถาม : เกี่ยวกับสีด้วยหรือครับ ขาวดำโทษเบากว่าหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นรูปพระไม่ควรทั้งนั้น แต่หลายวัดทำภาพสี่สีเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 12:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 18-10-2012, 11:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีเคล็ดลับในการลดทิฐิมานะอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ไปเกิดใหม่..!

ถาม : จะลดได้หรือครับ ?
ตอบ : ได้..พอเกิดใหม่เป็นเด็ก ขืนมีทิฐิมากผู้ใหญ่ก็ตบบ้องหูเอา..!

ถาม : เอาชาตินี้ก่อน..ใจร้อนครับ
ตอบ : การจะลดทิฐิมานะนั้น อันดับแรก..เราต้องเห็นโทษก่อน ว่าทิฐิมานะทำให้เราโดนร้อยรัดติดกับวัฏสงสาร ไม่สามารถจะหลุดพ้นไปได้ อันดับที่สอง..ต้องเห็นคุณประโยชน์ว่า ถ้าเราลดทิฐิมานะแล้ว จะเกิดประโยชน์แก่ตัวเราและผู้อื่นอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของอปจายนมัย คือ การอ่อนน้อมถ่อมตนนั้น เป็นการได้บุญที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

ในเมื่อเราเห็นโทษและเห็นประโยชน์แล้ว ก็จะค่อย ๆ พยายามลด ละและเลิก ไปเอง แต่ถ้าเราไม่เห็นโทษและเห็นประโยชน์ ส่วนใหญ่ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วก็แบกไปอย่างเต็มที่ จะว่าไปแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ตำหนิใครไม่ได้ เพราะว่าทิฐิมานะเป็นสังโยชน์ใหญ่และละเอียดมากด้วย ต้องมีกำลังความดีสูงมาก จึงจะตัดละได้เด็ดขาด

ถ้าใครตั้งใจลดตรงจุดนี้ สติสมาธิและปัญญาต้องสมบูรณ์พร้อม ถ้าไม่ได้สมบูรณ์พร้อมถึงขนาดนั้น ก็ต้องค่อย ๆ ลด ๆ ค่อย ๆ ละ ไปทีละเล็กละน้อย ถ้าตั้งใจทำ ท้ายสุดก็ทำได้ แต่ถ้าจะเอาทีเดียวเลยต้องดูว่ากำลังเราสู้ไหวไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2012 เมื่อ 12:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 19-10-2012, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างไรว่าการมีลูกเป็นทุกข์ ?
ตอบ : อย่าไปเสียเวลาอธิบาย ถ้ามัวเสียเวลาอธิบายอยู่ ก็คงไม่ได้ไปบวชหรอก

ถาม : ถ้าเราทำผิดกับพ่อแม่ ?
ตอบ : ถ้าท่านยังอยู่..ไปขอขมาท่านก็จบแล้ว

ถาม : ทำกับพ่อแม่จะได้รับกรรมทันตาหรือคะ ?
ตอบ : มีลูกเมื่อไรก็เจอเมื่อนั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2012 เมื่อ 14:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 19-10-2012, 20:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ท่านแม่จามเทวีเป็นราชธิดาของอาณาจักรละโว้ (ลวะปุระในสมัยก่อนคือละโว้ บันทึกของจีนเขียนว่า เสียมหลอฮกก๊ก หลอฮกก็คือละโว้)

สมัยก่อนละโว้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม พระองค์ท่านใช้เวลาเดินทาง ๗ เดือน จากละโว้ไปถึงลำพูน หรือเมืองหริภุญไชยซึ่งฤๅษีวาสุเทพกับเพื่อน ๆ ฤๅษีช่วยกันสร้างเมืองไว้ก่อนแล้ว

ฤๅษีวาสุเทพเองเท่ากับเป็นพ่ออุปถัมภ์ของพระนางเจ้าจามเทวี เพราะว่าเก็บพระองค์ท่านได้จากการที่เหยี่ยวโฉบเอามา จะเอาเด็กไปเป็นอาหาร ฤๅษีวาสุเทพจึงไล่เหยี่ยวไป รับเด็กเอาไว้เลี้ยง จับยามสามตาดูว่าจะต้องส่งเด็กไปเป็นราชธิดาของพระเจ้ากรุงละโว้ จึงทำแพลอยน้ำไป อาศัยเทวดาช่วยสงเคราะห์ พาไปขึ้นที่ละโว้

ทางด้านเจ้ากรุงละโว้เห็นว่าเด็กเป็นคนมีบุญญาธิการมาก จึงแต่งตั้งให้เป็นพระราชธิดา ตอนหลังต้องออกรบแทนเจ้ากรุงละโว้ จนได้ชัยชนะศึกกลับมาก็เป็นที่ไว้วางใจ พอเขาขอพระองค์ท่านไปครองเมืองหริภุญไชย จึงเต็มใจยกให้ ขนเอาช้างม้าวัวควาย ข้า ทาส ช่างเงินช่างทองไปเยอะแยะ ที่แน่ ๆ คือ เพิ่งแต่งงานไม่นานกับพระเจ้ารามราช เดินทาง ๗ เดือน ไปถึงไม่กี่วันก็คลอดลูกเลย

ท่านแม่จามเทวีมีกุศโลบายในการดึงชาวบ้านด้วยการสร้างวัดตามสถานที่ต่าง ๆ ตามที่พักเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งไปถึงหริภุญไชยแล้วก็ยังสร้างวัดสี่มุมเมือง ได้เอาพระแก้วเสตังคมณี กับพระรอดหลวงไปจากละโว้ด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2012 เมื่อ 14:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 19-10-2012, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในส่วนของพระรอด สันนิษฐานว่าท่านสร้างแจกทหารตอนสมัยรบกับขุนหลวงวิรังคะ บาลีเขาเรียกชาวมิลักขะ แปลว่าป่าเถื่อนล้าหลัง แต่ความจริงก็คือราชาของพวกลัวะ

พระรอดทำให้ทหารแคล้วคลาดปลอดภัย นอกจากนี้ยังสร้างพระคงเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ

พระแม่เจ้าอายุยืนมาก นอกจากสร้างหริภุญชัยแล้ว ยังช่วยสร้างเขลางค์นครให้พระโอรสไปปกครอง ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองลำปาง ตอนท้ายสละราชสมบัติออกบวชเป็นแม่ชี สวรรคตเมื่อพระชนมายุ ๙๒ ปี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2012 เมื่อ 14:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 19-10-2012, 20:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,228 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ทางสายวัดเขาอ้อจะทำพิธีหุงข้าวเหนียวดำ คือ พิธีกินเหนียวกินมันของเขา จะมีหุงข้าวเหนียวดำกับหุงน้ำมันงา น้ำมันงานี่เสกจนแข็งเป็นก้อน แล้วให้ลูกศิษย์กิน ข้าวเหนียวเขาถือเคล็ดคำว่าเหนียว

ปัจจุบันนี้เหลืออาจารย์ประจวบ คงเหลือ อยู่รายหนึ่ง ส่วนใหญ่ลูกศิษย์วัดเขาอ้อมักจะใช้ชีวิตฆราวาสจนโชกโชนแล้วค่อยมาบวช เขาจะมีสายพระกับสายฆราวาส บางอย่างที่พระทำแล้วอาจจะผิดวินัย เขาก็จะให้ลูกศิษย์สายฆราวาสทำ แต่ลูกศิษย์สายฆราวาสพอท้าย ๆ แล้วก็มักจะมาบวช

อย่างหลวงปู่นำ วัดดอนศาลา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ท่านเป็นฆราวาสจนกระทั่งอายุ ๗๐ ปีแล้วกระมัง ถึงได้มาบวช เป็นเจ้าอาวาสอยู่ไม่กี่พรรษาก็มรณภาพ


ทางด้านนั้นเขาไม่ถือพรรษา เขาถือความสามารถว่าเก่งจริงหรือเปล่า ? ถ้าเก่งจริงก็ให้เป็นเจ้าอาวาสไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2012 เมื่อ 14:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว