|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง พอเข้าไปใจจะสงบทันที เพราะกระแสบุญที่ไปทางเดียวกันช่วยเสริม
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ครูบาน้อยเขาตามไปเก็บเอาดินแต่ละสถานที่มา ให้เขาชำระหนี้สงฆ์และก็ขุดใส่ถุงมา ตอนนี้กลายเป็นพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านไปเรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่าพระปิดตาที่ราคาถูกที่สุด คือ พระปิดตาเนื้อผง แต่จริง ๆ แล้วส่วนผสมมากที่สุด อาตมายืนยันว่า พระปิดตาเนื้อนวโลหะกับเนื้อผง ส่วนผสมมากที่สุด อย่างพระปิดตาเนื้อเงินหรือเนื้อทอง เอาส่วนผสมอื่นใส่ไปแล้ว ก็จะเสียของ ต้องใส่เฉพาะชนวนที่เป็นเงินหรือทองแท้ แต่พระปิดตาเนื้อทองนี่ได้เปรียบ เพราะมีตะกรุดมหาสะท้อนไปสองดอกแล้ว ยังมียันต์ครูอีก ๕ บาท และตะกรุดโสฬสทองคำอีก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 02:59 |
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
ถาม : การที่เรายึดมั่นในธรรม ยึดมั่นในการปฏิบัติ ยึดไปยึดมากลายเป็นสักกายทิฏฐิและมานะ ซึ่งตรงนี้เป็นเพราะเราไปคิดว่า ธรรมนั้น หรืออารมณ์การปฏิบัตินั้นเป็นของเราหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ใช่เลย ถาม : ทีนี้ก็เลยกลายเป็นว่า ไม่ว่าเราจะเข้าถึงธรรม ถึงอารมณ์ในตัวไหน ก็ต้องมีการพิจารณาลงที่ว่า ไม่มีตัวตน ไม่มีการยึดมั่นถือมั่น ? ตอบ : ท้ายสุดก็ต้องคลายการยึดมั่นถือมั่นไป แม้กระทั่งในธรรมที่ปฏิบัติได้ ก็สักแต่เป็นดีชั่วเท่านั้น ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ในเมื่อไปถึงตรงจุดนั้น ดีก็ไม่เกาะ ชั่วก็ไม่เกาะแล้ว ทำดีเพราะรู้ว่าดี ละชั่วเพราะรู้ว่าชั่ว ถาม : อย่างเวลาเราอยู่ในอารมณ์กรรมฐานกองใด ณ เวลานั้น ทีนี้พอเราคลายออกมาเพื่อมารับรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเพื่อออกมาปฏิสัมพันธ์ หรือเพื่อออกมาทำงานใดงานหนึ่ง พอเราเห็นว่างานนั้นเสร็จแล้ว เราก็กลับไปอยู่ตรงอารมณ์เดิมของเรา ถึงจะเป็นสมถะก็จริง แต่หนูมองว่าเป็นปัญญาด้วย เพราะเรารู้ว่า ถ้าปล่อยให้อยู่กับตรงนั้นนาน ๆ แล้ว จะมีการปรุงแต่งต่อไป ตอบ : เป็นโลกียปัญญา เพราะต้องอาศัยกำลังสมถะในการช่วยป้องกัน ถ้าหากว่าเป็นโลกุตรปัญญา ในส่วนของปัญญาจริง ๆ ก็คือ เห็นแล้วปล่อยวางได้ แต่ว่าเราจำเป็นต้องทำอย่างนั้นไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่ปลอดภัย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 03:01 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
ถาม : เรื่องการทรงฌาน ได้ฌาน ภิกษุกับฆราวาสมีการได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ภิกษุมีเวลาทำมากกว่า ถาม : แล้วศีลเป็นปัจจัยหนึ่งหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ศีลทำให้พระเสียเปรียบเขาเยอะ ถาม : ถ้าถือศีลแปด จะทรงฌานได้ง่ายกว่าหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ศีลแปดเป็นส่วนที่ละเอียดอ่อน เน้นในธรรมะมาก ถ้าปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจริง ๆ จะได้ง่ายกว่า แต่ในเรื่องของฌานสมาบัติไม่ได้เกี่ยวกันตรงจุดนี้ เรื่องของฌานสมาบัติสำคัญที่ว่า ทำดี ทำถูก หรือเปล่า ? ถาม : ผมได้ยินมาว่า ถ้าเข้าฌานจะทำให้เกิดปัญญาแหลมคมในการตัดกิเลสได้มากขึ้น นี่ถูกหรือเปล่าครับ ? ตอบ : มีส่วนช่วยเป็นอย่างมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 03:02 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าคนที่ตั้งใจจะไปบวชที่วัดท่าขนุน ควรลองไปศึกษาดูก่อนที่วัดสัก ๓ เดือน แบบประเพณีโบราณ เพื่อที่จะดูว่าตัวเองทนต่อพระวินัยได้หรือเปล่า ?
ตอบ : ต้อง ๓ ปี จะได้รู้ว่าทนได้จริงหรือเปล่า ?..(หัวเราะ).. ก็ตามใจ ไม่ได้ห้าม อย่างน้อยควรจะเข้าวัดก่อนบวชสัก ๗ วัน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 03:03 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
ถาม : คำว่า ปัจจัยไทยธรรม เริ่มมาจากประเทศไทยหรืออย่างไรครับ ? เห็นเขียนว่า ไทยธรรม
ตอบ : เป็นการเปลี่ยนจากคำว่า "ไทยทาน" เป็น "ไทยธรรม" คำว่า "ไทย" กับคำว่า "ทาน" มีความหมายเดียวกัน แปลว่า ให้ ถ้าเป็นไทยทาน หมายถึงให้ซ้อนให้ ถ้าเป็นไทยธรรม หมายถึงของที่ควรให้ ฉะนั้น..คำที่ถูกต้อง เขาสรุปว่าควรเป็นไทยธรรม ถาม : ถ้าไทย แปลว่าให้ แล้วที่เราตั้งชื่อว่า คนไทยละคะ ? ตอบ : คนละศัพท์กัน ไทยของเรา ตัวนี้ความหมายคือ อิสระ(เป็นใหญ่) หรือเจริญ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 10:23 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
ถาม : พวกปลวกที่มากัดกินคัมภีร์ ก็เท่ากับตกนรกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : โทษเขามีน้อย เพราะว่าเขาไม่รู้ แต่พวกเรานี่รู้ ๆ อยู่แล้วไปทำ โทษสาหัสกว่ากันเยอะเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 10:24 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกสัตว์..ถ้าเขาฆ่าพ่อฆ่าแม่ ไม่เป็นอนันตริยกรรม เพราะว่าเขาไม่รู้ เขาอยู่ในภพภูมิที่มืดบอดกว่า
แต่คน..ถ้าไปฆ่าพ่อฆ่าแม่ โทษเป็นอนันตริยกรรม เจตนาหรือไม่เจตนาก็โดน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเทวดามีโทสะเมื่อไร ก็จะเสียกายทิพย์ไป แปลว่าต้องจุติ ไฟโทสะจะทำลายกายทิพย์ของเทวดา เขาเรียกว่า โกรธาพลขัย (หมดอายุเพราะความโกรธ) ฉะนั้น..เทวดาห้ามโกรธ โกรธเมื่อไรก็จุติเลย"
ถาม : แล้วถ้าเทวดาหมั่นไส้ละคะ ? ตอบ : หมั่นไส้ก็ยังพอได้ แต่อย่าให้มากกว่านี้นะ เพราะหมั่นไส้ก็มีพื้นฐานมาจากความโกรธ อย่าให้ถึงขีดก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 10:25 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
ถาม : ถามเรื่องการใช้ซอฟต์แวร์ผิดลิขสิทธิ์ ?
ตอบ : ต้องใช้คำว่าจำเป็น ถาม : แล้วอย่างนี้ผิดศีลหรือเปล่า ? ตอบ : ผิดแน่นอน ถาม : ถ้าเราคิดว่ามีอยู่แล้วในท้องตลาด แล้วเราเดินไปซื้อมา อย่างนี้จะได้ไหมครับ ? ตอบ : เท่ากับรับซื้อของโจร..! ถาม : แต่อย่างกรณีสัตว์ตาย เรายังไปซื้อซากสัตว์มากินได้ ตอบ : นั่นคนละกรณีกัน ถ้าสัตว์นั้นเขาขโมยมา คุณไปซื้อก็ผิด เรื่องของธรรมะเขาว่ากันตรงไปตรงมา ผิดคือผิด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2010 เมื่อ 12:52 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า
"ดอกบัวเมืองไทย แบ่งง่าย ๆ ออกเป็น ๓ เหล่า คือ ๑) บัวหลวง จุดเด่นคือ ก้านชูสูงเหนือน้ำและมีหนาม สีขาว เรียกว่า ปุณฑริกา สีแดง เรียกว่า ปัทมา ๒) บัวสาย สีขาว เรียกว่า กมุท หรือโกมุท สีแดง เรียกว่า สัตตบุศย์ หรือสัตตบรรณ ๓) บัวผัน บัวเผื่อน ดอกค่อนข้างเล็ก สายเล็ก ๆ สีม่วงน้ำเงิน เรียกว่า นิลุบล หรือนิโลตบล สีเหลือง เรียกว่า จงกลนี พันธุ์บัวที่เหลือในปัจจุบัน เป็นบัวลูกผสมหรือบัวต่างประเทศทั้งนั้น ถ้าอยากรู้จักบัวให้มาก ๆ ให้ไปที่ปางอุบล ของอาจารย์เสริมลาภ วสุวัต ท่านเป็นด็อกเตอร์ทางบัวโดยเฉพาะ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2010 เมื่อ 12:53 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราติดอยู่ในนิวรณ์เบื้องต้น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทำอย่างไรจะเบรกให้ชะงัดเลยคะ ?
ตอบ : อันดับแรก สมาธิต้องทรงตัวจริง ๆ ถ้าหากสมาธิทรงตัว ยิ่งได้ระดับฌานสี่ ก็ยิ่งเบรกได้อยู่หมัดเลย ถาม : ถ้าหากยังฟุ้งอยู่ละคะ ? ตอบ : ถ้าหากว่ายังฟุ้งอยู่ โอกาสเบรกไม่มีหรอกจ้ะ เขาลากเราไปทุกที ถาม : ไม่อยากถลำลึกค่ะ ตอบ : รีบ ๆ ไปฝึกสมาธิ ให้เป็นอัปปนาสมาธิตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป แล้วอย่าให้หลุด ก็จะเบรกได้ แต่ถ้าจะเอามั่นคง ต้องเป็นฌานสี่แบบคล่องตัว ถ้าเราได้ฌานสี่แบบคล่องตัวนี่เป็นพื้นฐานของพระอนาคามีเลย ถ้าขึ้นถึงอนาคามีเมื่อไรก็ไม่ต้องเบรกแล้ว เลิกกันไปเลย ถาม : ยากค่ะ ตอบ : ไม่ยากหรอก ลองดู ขอให้ทำจริง ๆ เถอะ ให้นึกว่า ขนาดชั่วเรายังชั่วมาด้วยความตั้งอกตั้งใจ แล้วถ้าเราลองดีด้วยความตั้งอกตั้งใจดูบ้าง เคยตั้งใจชั่วมาแล้วก็ตั้งใจดีบ้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2010 เมื่อ 12:55 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
พระอาจารย์บอกว่า "พระปิดตารุ่นนี้มีอยู่หลายองค์ที่เนื้อเกิน เนื้อเกินอย่าไปแกะออกนะ ถือว่าดี อะไรที่งอก ที่เกินมา โบราณเขาถือว่าเป็นมงคลทั้งนั้น
เนื้อเกินนั้นเกิดจากว่า เวลาเขาฉีดแบบด้วยขี้ผึ้ง แล้วขี้ผึ้งล้น เกินไปเท่าไรเนื้อก็จะยื่นมาเท่านั้น บางองค์ก็เป็นเม็ดกลม ๆ เหมือนกับพระธาตุงอก บางองค์ก็อาจจะมีก้านขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ถ้าใครเจอถือว่าโชคดีมาก ๆ เก็บไว้ให้ดี ๆ "
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2010 เมื่อ 12:56 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
อ้างอิง:
ขอนำไปเผยแพร่เป็นธรรมทานครับ (ขอรวมไว้ทั้งหมดด้วยนะครับเผื่อจะทยอยนำไปเผยแพร่) |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กาแฟ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้เลยนะ เรื่องทำน้ำมนต์แล้วออกเป็นหวย อาตมาไม่ได้มีเจตนาแม้แต่ครั้งเดียว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเอง บังคับไม่ได้
ครั้งที่ชัดที่สุดก็คือ ไปตั้งศาลที่อุดรธานี ทำน้ำมนต์ไปเรื่อย แล้วน้ำตาเทียนก็ไหลยืดออกไปเหมือนกับตัวเลข แล้วลื่นปรู๊ดไปอยู่ที่ขอบขัน เรียงตัวเลขให้เสร็จสรรพสามตัว ปรากฏว่าพวกที่ไปด้วยกัน ๗ - ๘ คน ไม่มีใครเล่นสักคน พอเอามาเล่าให้ที่นี่ฟัง แม่ทองดี (เจ้าของบ้านอนุสาวรีย์) ถูกไปสองหมื่น..! ฉะนั้น..เรื่องนี้ไม่ได้เจตนา จะถูกจะผิดห้ามมาโทษกัน เขาเป็นของเขาเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2010 เมื่อ 13:05 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมเด็จองค์ปฐมรุ่นแรก หลวงพ่อสั่งสร้างสามหมื่นองค์ พอถึงวันพุทธาภิเษก ช่างเพิ่งจะทำได้แค่สามพันองค์ เพราะเวลาถอดแบบแล้วซุ้มมักจะหัก ลองนึกดู คนไปงานเป็นแสน ๆ แต่มีพระแค่สามพันองค์ ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ?
อาตมาเองบูชาไว้ ๑๐๐ องค์ แต่ไม่เหลือเลยสักองค์ พอพุทธาภิเษกเสร็จเราก็รีบเก็บใส่ย่าม ดันมีคนเห็น..! ตอนที่ไปยืนจำหน่ายอีก ๒,๙๐๐ องค์ ปรากฏว่า ส.ห. ๕ คนเอาไม่อยู่ คนซื้อดันจนเคาน์เตอร์พัง ลุยเข้าไปข้างใน หลวงพี่วิรัช (พระปลัดวิรัช โอภาโส) ผ้าผ่อนกะรุ่งกะริ่งเลย ไม่ต้องห่วง รับรองจ่ายเงินทุกคน แต่เขาขอคว้าพระไว้ก่อน..! ที่ชอกช้ำที่สุดมีอยู่รายหนึ่ง ก็คือ ลูกศิษย์หลวงพี่สามารถ เอาสมเด็จองค์ปฐมแขวนไว้หน้ารถ คนมาเห็นเข้า จัดการทุบกระจก นิมนต์พระไป จ่ายค่ากระจกพร้อมกับค่าพระไว้ให้สองพัน เขาเอาเงินวางไว้ให้ในรถเลย อะไรจะศรัทธาจนขาดสติขนาดนั้น..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2010 เมื่อ 13:07 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
"สมเด็จองค์ปฐมรุ่นแรกพอสร้างแล้วมีกริ่ง คนก็ไปเขย่ากันใหญ่ ไม่รู้เป็นอะไรกัน รู้ว่ามีกริ่ง แต่ก็ยังจะเขย่า อยากฟัง
พอรุ่นสองหลวงพ่อท่านก็เลยไม่ให้บรรจุกริ่ง ท่านบอกว่าทำลักษณะนั้นเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
ถาม : ข้อห้ามของเป่ายันต์เกราะเพชรมีสองข้อ คือ ห้ามลักขโมยกับห้ามดื่มสุรา อย่างที่ทำงานเขาให้ไปซื้อกระเช้า เขามีของแถมมา แล้วคนไปซื้อเอาของแถมไว้เอง อันนี้ผิดถึงขั้นลักทรัพย์ไหมคะ ?
ตอบ : ทำไมไม่ให้เขาไปเลย ? ถาม : ก็คนซื้ออยากได้ ตอบ : ก็บอกเขาไปสิ ว่ามีของแถมมา เราขอของแถมนะ คุณเอากระเช้าไปก็แล้วกัน จะได้พ้น ๆ ไปเลย ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจแบบนี้ ถาม : แล้วถ้าไม่บอกเข้าข่ายลักทรัพย์ไหมคะ ? ตอบ : เขาต้องการกระเช้า เราหากระเช้าให้เขาได้ ก็แปลว่าเขาได้ไปตามวัตถุประสงค์แล้ว เพียงแต่ว่าอย่าไปทำอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อการศีลขาดอย่างนี้อีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
ถาม : วัตถุมงคลที่เราได้มาจากครูบาอาจารย์องค์อื่น เราแล้วเอาไปเข้าพิธีอื่นอีก เป็นการปรามาสไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ได้ปรามาสหรอกจ้ะ เพียงแต่ว่าขาดความมั่นใจ บางทีก็อยู่ที่กำลังใจของเราว่า ยังไม่มั่นคงต่อพระรัตนตรัย ทำให้เข้าถึงธรรมช้า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาเราถวายพระพุทธรูป สมเด็จองค์ปฐม สมเด็จองค์ปัจจุบัน พระแก้วมรกต แต่ละองค์อานิสงส์แตกต่างกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ที่เขาถวายพระ เขาต้องการอย่างเดียว คือ อานิสงส์การสร้างพระ ในเมื่อต้องการอานิสงส์การสร้างพระ คุณจะถวายพระพุทธรูปแบบไหน องค์ไหน ก็ได้อานิสงส์การสร้างพระเหมือนกัน คราวนี้สำคัญตรงที่ว่าใหญ่หรือเล็กเท่านั้น ถ้าหากว่าสร้างพระใหญ่ก็ได้อานิสงส์มาก ตรงนี้จริงหรือไม่?..ก็ไม่แน่ว่าจะจริงนะ ถ้าคนสร้างพระองค์เล็ก ๆ แต่สร้างบ่อย กับคนสร้างองค์ใหญ่ครั้งเดียว คนสร้างบ่อย ๆ ก็อานิสงส์เยอะกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนนี้มีเศรษฐีคนหนึ่งจะตั้งโรงงานหลอมแก้วให้ แต่เขาติดเรื่องเสื้อแดงเสียก่อน
ตอบ : ปล่อยให้เป็นไปตามวาระ คือ จะได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่ อย่าไปตั้งความหวัง เพราะว่าถ้าเราได้มาก็เหนื่อย ในเรื่องของธรรมะนั้นแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าเราอยากมักจะไม่ได้ ตัดความอยากได้เมื่อไรก็จะมา เพราะฉะนั้น..เราต้องวางกำลังใจให้เป็นไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้า ถ้าหากสมควรอย่างไรที่จะต้องทำ ก็ขอให้เป็นไปตามอย่างที่เขาบอกมา ถ้าหากไม่สมควร เขาจะไม่ทำให้ ก็เรื่องของเขา ไม่อย่างนั้นเราจะเครียดเปล่า ๆ ถาม : ช่วงนี้เป็นช่วงหาคน ช่วงหาคนนี่เหนื่อย ถ้าเหตุการณ์เสื้อแดงทำให้บ้านเมืองไม่ปกติ จนเศรษฐีเขาไม่ตั้งโรงงานให้ ผมจะได้หยุดหาเสียที เพราะเหนื่อยเหมือนกัน พระอาจารย์ว่ามีโอกาสไหมครับ ? ตอบ : มีโอกาสที่จะเหนื่อย บุคคลประเภทอย่างพวกเรานั้นสบายไม่ได้หรอก สถานการณ์จะบังคับให้เป็นเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-04-2010 เมื่อ 15:47 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|