กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-12-2023, 19:06
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,576
ได้ให้อนุโมทนา: 217,008
ได้รับอนุโมทนา 748,787 ครั้ง ใน 36,472 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-12-2023, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,284 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ภารกิจสำคัญของกระผม/อาตมภาพก็คือต้องออกรายการทีวีของ ป.ป.ช. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) โดยมีผู้ดำเนินรายการและผู้ร่วมรายการ ได้แก่ท่านอาจารย์มาณี (รศ.ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ) ผู้ดำเนินรายการก็คือคุณเทอร์โบ (ณัฐปกรณ์ ประเสริฐสุข) ปรากฏว่าหลังจากถ่ายทำแล้ว ก็ยังต้องแสดงพระธรรมเทศนาต้านทุจริต โดยกระผม/อาตมภาพขอแสดงในกัณฑ์สุดท้าย คือสรุปหลักธรรมว่าด้วยการต้านทุจริต เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วถึงได้นั่งคุยกัน

ท่านอาจารย์มาณีนั้นต้องถือว่าเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งของกระผม/อาตมภาพเช่นกัน เพราะว่าได้ติดตามศึกษาการบรรยายของท่านผ่านระบบซูมมีตติ้งออนไลน์ ในเรื่องของการบูรณาการหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เข้ากับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อที่จะให้เด็กรุ่นใหม่ของเราได้เรียนกัน

กระผม/อาตมภาพติดตามท่านบรรยายการต้านทุจริตศึกษาทั้ง ๔ ภาค ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และบรรยายการต้านทุจริตทั้ง ๔ ภาค ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เท่านั้นยังไม่พอ แม้แต่ในหัวข้อ "เป็น อยู่ คือ อย่างเรียบง่ายในภาวะวิกฤต" กระผม/อาตมภาพก็ยังเข้าเรียนด้วย จึงทำให้ค่อนข้างจะรู้จักมักคุ้นท่านอาจารย์อยู่ด้านเดียว แต่ว่าท่านอาจารย์มาณีก็ศึกษาประวัติของกระผม/อาตมภาพเอาไว้แล้ว

โดยเฉพาะในเรื่องของการแสดงพระธรรมเทศนาต้านทุจริตศึกษาก็ดี หรือว่าการถ่ายทำรายการต้านทุจริตของ ป.ป.ช. ก็ตาม เท่าที่ทราบมา ทางด้านจังหวัดสุพรรณบุรีก็ถ่ายทำรายการ โดยมีท่านเจ้าคุณประไพ - พระสุพรรณวชิราภรณ์, ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นผู้ร่วมรายการ

ทางด้านจังหวัดกาญจนบุรีแห่งนี้ ก็มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณประสงค์ - พระเทพเมธาภรณ์ (ประสงค์ วราสโย ป.ธ.๘) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีฝ่ายธรรมยุต และพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีฝ่ายมหานิกาย ก็แปลว่าทั้ง ๔ ราย ซึ่งถ่ายทำรายการนี้ มีกระผม/อาตมภาพรูปเดียวที่ไม่ใช่เจ้าคณะจังหวัด ก็แปลว่า การคัดสรรของทางสำนักงาน ป.ป.ช. นั้น ได้ดูแล้วดูอีกว่าจะเอาพระเถระรูปใดมาออกรายการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้เข้าชมเข้าฟังรายการนี้

หลังจากที่มานั่งคุยกันแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังแสดงความหนักใจ เนื่องเพราะว่าการที่เราจะนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเข้าไปในโรงเรียนนั้นเป็นของยาก โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ สังคมไม่เอื้ออำนวยแล้ว ถ้าเป็นสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่
ผู้คนยังรักเกียรติ รักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเป็นอย่างยิ่ง จึงพยายามที่จะระมัดระวัง ไม่ทำอะไรที่จะทำให้เสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลของตน แต่ว่าสังคมในปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ถึงขนาดยอมรับกันว่า ถ้าหากว่าท่านรวย เราก็จะไม่ถามถึงความประพฤติของท่านว่าเป็นอย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2023 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-12-2023, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,284 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดคอยตีกรอบ แล้วในขณะเดียวกัน ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองก็ดี ในครอบครัวก็ตาม น้อยรายที่สามารถเป็นตัวอย่างให้กับเยาวชน หรือว่าเด็กเล็กลูกหลาน ได้ประพฤติปฏิบัติตาม เมื่อสังคมไม่เอื้ออำนวย ผู้ใหญ่ไม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้ ก็คงต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย ๒ - ๓ ชั่วคน ในการสร้างเด็กรุ่นใหม่ ให้รังเกียจการทุจริต โดยเฉพาะถ้าหากว่ากำลังใจไม่มั่นคงพอ ก็ย่อมจะโดน รัก โลภ โกรธ หลง ดึงให้ไหลตามกระแสโลกไป ก็คือบูชาเงิน หรือว่าวัตถุเป็นใหญ่ ทำให้การทุจริตเกิดขึ้นได้ง่าย

การที่ท่านทั้งหลายจะมีกำลังในการต่อต้านกระแสโลกนั้น อันดับแรกเลย เราต้องเพียรพยายามรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ การที่ท่านทั้งหลายตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังให้ศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์นั้น ย่อมทำให้สมาธิเกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อสมาธิเกิดขึ้น เราก็นำไปใช้พินิจพิจารณา เห็นว่าสิ่งใดก่อให้เกิดประโยชน์ สิ่งใดก่อให้เกิดโทษ ไม่ว่าจะแก่ตัวเอง ครอบครัว สังคม หรือว่าประเทศชาติ แล้วก็เลือกเอาสิ่งที่ก่อประโยชน์ ละเว้นในสิ่งที่เป็นโทษ ซึ่งหลักธรรมตรงนี้ก็คือสังวรปธาน และปหานปธาน สังวรปธานก็คือในเรื่องของการระมัดระวังป้องกัน ปหานปธานก็คือในเรื่องของการเพียรพยายามแก้ไขข้อผิดพลาด

หลังจากนั้นแล้วก็มาภาวนาปธาน ก็คือเพียรสร้างคุณงามความดีขึ้นในใจของเรา แล้วปิดท้ายด้วยอนุรักขนานุปธาน ก็คือเพียรรักษาความดีนั้น ๆ เอาไว้ เราถึงจะมีกำลังเพียงพอในการต่อต้านการทุจริต ซึ่งมีโลภะและโมหะเป็นมูลได้

เพราะว่าความโลภ โดยเฉพาะความหลงผิด เห็นว่าความร่ำรวยเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่ไม่สนใจวิธีการที่ทำให้ตนเองร่ำรวย ถึงขนาดยอมทำการทุจริต ก็แปลว่าเราประกอบไปด้วยโมหะ ปราศจากปัญญา ยอมให้โลภะชักจูงเราไปในด้านผิดพลาด ดังนั้น..ถ้าใช้หลักปธานทั้ง ๔ ก็คือการพากเพียรป้องกัน พากเพียรแก้ไข พากเพียรสร้างสรร และ พากเพียรรักษา ก็จะทำให้เราท่านทั้งหลายมีหลักธรรมที่จะใช้ในการนำชีวิต

โดยเฉพาะอีกส่วนหนึ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือโลกบาลธรรม ได้แก่ หิริ มีความละอายต่อความชั่ว ไม่กล้ากระทำความชั่วนั้น ๆ และโอตัปปะ เกรงกลัวผลของความชั่วนั้นจะส่งผลให้เราลำบาก เดือดร้อน จึงไม่กล้าที่จะกระทำความชั่ว ถ้าหากว่าเด็กรุ่นใหม่ของเรามีความละอายชั่วกลัวบาป รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เขาย่อมมีปัญญาพอเพียงที่จะมองเห็นว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่วอย่างแท้จริง และโดยเฉพาะต้องไม่เป็นคนที่ทนต่อความชั่ว เห็นสิ่งไหนเป็นสิ่งไม่ดีไม่งาม ก็ต้องรู้จักคัดค้าน ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราไม่ชอบ แต่หลบห่างไปเฉย ๆ ก็ได้แค่ตัวเอง ไม่ได้แก่สังคมและประเทศชาติเลย

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั้นมีประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง ที่ใช้ระยะเวลา ๔๐ ปี ในการสร้างเด็ก ๆ ให้มีความซื่อสัตย์ซื่อตรง ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ไม่แสวงหาลาภที่ได้มาโดยไม่ชอบ คือการทุจริต เป็นต้น แม้ว่าจะมีปลาเน่าอยู่ไม่กี่ตัว แต่ก็ยังโดนสังคมบีบบังคับ เบียดเบียน จนกระทั่งไม่สามารถที่จะอยู่ได้ เรียกว่าถ้าหากว่าใครทุจริตคอรัปชั่นในสังคมญี่ปุ่น โดนจับได้เมื่อไร ก็หมดอนาคตไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2023 เมื่อ 15:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-12-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,284 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราที่มีความพากเพียรพยายาม จะนำเอาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เข้าไปให้เด็กรุ่นใหม่ศึกษาเล่าเรียนนั้น อันดับแรกเลย ต้องมีการสั่งการลงมาจากเบื้องบน อย่างเช่นว่าคำสั่งนายกรัฐมนตรีบ้าง คำสั่งรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านการศึกษาบ้าง ในการสั่งการให้นำหลักสูตรเหล่านี้เข้าไปในโรงเรียน

แล้วขณะเดียวกัน โรงเรียนก็ต้องให้จัดกิจกรรม ซึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับวัดวาอาราม ซึ่งจะอบรมให้เด็ก ๆ ทั้งหลายมีความละอายชั่ว กลัวบาป รู้จักรักษาศีล ปฏิบัติธรรม ก็จะเป็นการ
วางพื้นฐานทั้งภายนอก ก็คือการศึกษาเรียนรู้จากครูบาอาจารย์ และการวางพื้นฐานภายใน คือสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในจิตในใจ ถ้าเป็นไปในลักษณะแบบนี้ ถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ ในการสร้างบุคคลรุ่นใหม่ที่รังเกียจการทุจริต ใฝ่แต่ความสุจริตทั้ง ๓ ประการ ก็คือ สุจริตทางกาย สุจริตทางวาจา และสุจริตทางใจ

น่าเสียดายที่ว่าหลักสูตรรุ่นเก่า ๆ อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยศึกษามา อย่างเช่นว่า "สมบัติผู้ดี" เป็นต้น สมัยนี้ไม่มีการศึกษาเล่าเรียนแล้ว จึงทำให้เด็กรุ่นใหม่ ๆ ของเรา ห่างไกลจากสิ่งที่ดีงาม หรือว่าหลักการประการใดที่ก่อให้เกิดความดีงามก็ไม่รู้ จึงได้แต่หวังว่า ถ้านำเอาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเข้าไปให้เด็ก ๆ และมีการประสานกับทางวัดวาอาราม ซึ่งมีครูพระสอนศีลธรรมอยู่ เข้าไปช่วยในการขัดเกลาเด็ก ๆ ของเรา ก็อาจจะประสบความสำเร็จเร็วกว่าประเทศญี่ปุ่น

เนื่องเพราะว่าทางด้านญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้มีหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่เข้าไปประกอบอย่างชัดเจน นอกจากความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง ที่จะไม่ทำชั่ว แล้วทำให้ตัวเองและครอบครัวมัวหมอง ในเมื่อเรามีหลักธรรมเป็นเครื่องประกอบ และทุกฝ่ายทุ่มเทกันอย่างจริงจัง ก็เชื่อว่าการต้านทุจริตภายในสังคมไทยของเรานั้น น่าจะประสบความสำเร็จในระยะเวลาที่น้อยกว่าประเทศญี่ปุ่นได้ดำเนินการมา

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2023 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว