กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-10-2023, 17:53
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,893 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-10-2023, 23:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,684 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดตะคร้ำเอน หมู่ที่ ๖ ตำบลตะคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เช้ามืด เพื่อร่วมงานประชุมพหุภาคีของอำเภอท่ามะกา ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างคณะสงฆ์ ที่ว่าการอำเภอท่ามะกา หัวหน้าส่วนราชการทั้งหมด ตลอดจนกระทั่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และไวยาวัจกรของอำเภอท่ามะกา

ระยะหลังนี้หน่วยงานต่าง ๆ ของทางราชการก็เห็นชัดเจนแล้วว่า ในส่วนที่ทำแล้วออกมาเป็นรูปธรรมที่สุดนั้นก็คืองานของคณะสงฆ์ จึงทำให้บรรดาข้าราชการระดับสูงในกระทรวง กำหนดลงมาเป็นนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับงานของทางด้านคณะสงฆ์

อย่างเช่นว่าคณะสงฆ์มีโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ทางราชการก็มีโครงการหมู่บ้านยั่งยืน มีโครงการหมู่บ้านศีลธรรม เหล่านี้เป็นต้น จึงทำให้เกิดการประชุมร่วมกันเพื่อทำความเข้าใจ ในแนวทางการบริหารงานให้สอดคล้องกัน ทั้งทางส่วนของวัด บ้าน และหน่วยราชการ ซึ่งก็คือทฤษฎีบวร ที่สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้วางทฤษฎีนี้เอาไว้ ประกอบไปด้วย บ. คือ บ้าน - ว. คือ วัด - ร. คือ โรงเรียนและส่วนราชการ ซึ่งถ้าหากว่าสามารถประสานสามัคคีกันเข้าไปได้ โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง ก็จะทำให้ชุมชนนั้น ๆ เข้มแข็งและมีความสุขมาก

โดยเฉพาะทางด้านเจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน ที่กระผม/อาตมภาพเรียกท่านมาตั้งแต่ต้นว่า "หลวงพ่อโท" คือ พระครูวิสาลกาญจนกิจ ท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภอท่ามะกา ปีนี้ก็อายุกาลผ่านวัยถึง ๗๕ ปีแล้ว เวลาเดินทางไปไหนมาไหน ท่านจะถือไม้เท้าติดมือไปด้วยความไม่ประมาท เนื่องเพราะว่าคนอายุมาก อาจจะมีการเดินเซ หรือถ้าหากว่าลุกเร็ว ก็อาจจะมีการหน้ามืด ถือไม้เท้าติดตัวเอาไว้ย่อมสามารถที่จะช่วยงานได้ดีกว่า

โดยเฉพาะว่ากิจการงานคณะสงฆ์ ไม่ว่าจะใหญ่จะเล็กขนาดไหนก็ตาม หากต้องการใช้สถานที่ของทางวัดตะคร้ำเอนที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ท่านก็พร้อมที่จะจัดการทุกอย่างให้โดยเรียบร้อยสมบูรณ์ หรือถ้าหากทางด้านคณะสงฆ์อำเภออื่น ๆ ต้องการให้ท่านช่วยเหลือในการตั้งโรงทาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม หรือว่าอาหาร ตลอดจนกระทั่งช่วยเป็นปัจจัยเงินทอง ท่านก็พร้อมอย่างเต็มที่ พูดง่าย ๆ ว่า มีท่านอยู่ ก็เท่ากับเป็นแก้วสารพัดนึกนั่นเอง

นี่คือพระสงฆ์ที่เป็นสงฆ์อย่างแท้จริงรูปหนึ่ง เป็นผู้ที่ทำงานเพื่อคณะสงฆ์ ทำงานเพื่อวัด โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ทั้ง ๆ ที่อายุก็อยู่ในระดับหลวงปู่หลวงตาแล้ว ยังวางแผนเอาไว้ว่าจะสร้างอุโบสถไม้ก่อนที่จะมรณภาพอีก ๑ หลัง
กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่เอาใจช่วยว่า ท่านจะสามารถทำอุโบสถไม้สวย ๆ ทั้งหลัง เอาไว้เป็นผลงานสุดท้ายก่อนที่จะล่วงลับดับขันธ์ไป แต่ถ้าหากว่าท่านมีอันเป็นไปเสียก่อน ก็ขอให้เจ้าอาวาสรูปใหม่ที่มาแทน อย่าได้ลืมว่าท่านตั้งใจจะทำงานอะไร แล้วก็พยายามทำไปตามนั้นด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2023 เมื่อ 23:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-10-2023, 23:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,684 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อการประชุมเริ่มขึ้น พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มาเป็นประธานในการเปิดและให้โอวาท ตลอดจนกระทั่งชี้แจงแนวทางต่าง ๆ ให้บรรดาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาล ว่าที่ต้องมีการประชุมพหุภาคี นอกจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงของท่านทั้งหลาย ได้ทำ MOU ก็คือหนังสือขอความร่วมมือกันระหว่างคณะสงฆ์และหน่วยราชการแล้ว ก็ยังมีการที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

โดยเฉพาะกำนัน เทศบาล ตลอดจนกระทั่งองค์การบริหารส่วนตำบล ถ้าหากว่าในเขตของท่านมีวัดอยู่ ๕ วัด ๑๐ วัด แล้วมีคนถามว่าเจ้าอาวาสวัดนั้นชื่ออะไร อายุกาลพรรษาเท่าไร มีจริตนิสัย ตลอดจนกระทั่งการงานเด่นในด้านในบ้าง แล้วท่านไม่สามารถที่จะตอบได้ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการทำงานของท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความบกพร่อง ทั้ง ๆ ที่ส่วนในการประกาศผลงานของตนของเหล่าท่านทั้งหลายได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คือวัด

หลังจากที่ได้ร่วมพิธีเปิดและถ่ายรูปหมู่เสร็จสิ้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวออกเดินทางไปยังศูนย์สุขภาพพระสงฆ์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลวังด้ง หมู่ที่ ๑ ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าภาพในการสร้างอาคารเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตแก่เด็ก ๆ หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า "เรือนไม้ไผ่" เพื่อที่จะให้โรงเรียนต่าง ๆ นำเด็กเข้ามาศึกษาเรียนรู้

เมื่อไปตรวจดู ก็เห็นว่าการงานนั้นเสร็จลงแล้ว แต่ว่ามีข้อผิดพลาดเล็กน้อย ก็คือในขณะที่คิดจะกันฝนนั้น ทางด้านพระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม ท่านใช้พลาสติกอย่างหนาสอดไว้ตรงกลาง ซึ่งก็คือลักษณะเหมือนอย่างกับถุงพลาสติก เพียงแต่ว่าเป็นแผ่นใหญ่และหนากว่าพลาสติกปกติ เพียงแต่ว่าเมื่อหมดอายุ หรือว่าโดนแดดโดนฝนมาก ๆ แล้ว ก็มีการฉีก ขาด แตกร้าว

ซึ่งต่างกับที่กระผม/อาตมภาพได้ทำไว้ที่เกาะพระฤๅษี ตลอดจนกระทั่งวัดท่าขนุนและตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ก็คือใช้วิธีมุงข้างล่างด้วยหญ้าคาและสอดแผ่นเมทัลชีท หรือว่าสังกะสีแผ่นเรียบไว้ตรงกลาง หลังจากนั้นก็มุงด้านบนด้วยหญ้าคาไว้ด้านบนอีก ในสายตาของคนทั่วไปก็คือเป็นอาคารมุงแฝกนั่นเอง เพียงแต่ว่าเป็นอาคารที่อยู่ทนทานได้นานหลายปีมาก เพราะว่าตรงช่วงกลางนั้นก็คือสังกะสีแผ่นเรียบหรือว่าเมทัลชีทนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2023 เมื่อ 23:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-10-2023, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,684 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ต้องเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างมา จึงจะรู้ว่าควรที่จะทำอย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดประสบการณ์แบบนี้ ก็คือเมื่อถึงเวลาก็จะต้องรื้อถ้าไม่ใช่ด้านบนก็ด้านล่างออกทั้งหมด เพื่อที่จะได้ใส่สิ่งป้องกันฟ้าฝนเข้าไป กว่าที่จะทำเสร็จอีกที ก็คงจะเหนื่อยกว่าสร้างใหม่อีกมาก

กระผม/อาตมภาพเอง ในระยะแรกที่อยู่วัดท่าซุงนั้น เอาแต่เรื่องของการภาวนา นอกจากหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายแล้ว อย่างอื่นไม่แตะต้องเลย โดยเฉพาะในส่วนของการก่อสร้าง แต่ว่าเมื่อออกจากวัดมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษี พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งมรณภาพไปแล้ว ท่านมาสั่งให้ทำโน่นทำนี่จำนวนมากต่อมากด้วยกัน หลังจากที่ทำงานไปแล้ว ก็สามารถที่จะคำนวณได้ว่า ถ้าเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กหลังหนึ่ง ขนาดเท่านี้จะราคาประมาณเท่าไร

ถึงขนาดเมื่อมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่าขนุน ช่างซึ่งรับทำการปูพื้นในส่วนของป้ายวัดท่าขนุน ที่กระผม/อาตมภาพทำเป็นขั้นบันได สำหรับพระภิกษุสามเณรไว้ถ่ายรูปหมู่ ตอนช่วงอุปสมบทหมู่ หรือว่าช่วงจำพรรษาก็ตาม ช่างมารายงานว่ากระเบื้องขาดไป ๑๑ แผ่น กระผม/อาตมภาพบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าคำนวณมาพอดีแล้ว ช่างจึงต้องสารภาพว่าทำกระเบื้องหล่นแตกเอง ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีพระรูปไหนคำนวณวัสดุก่อสร้างได้พอดิบพอดี จนกระทั่งไม่สามารถที่จะทำเสียได้เลยแบบนี้

กระผม/อาตมภาพเองก็ยังนึกสมน้ำหน้าตัวเอง ว่าสมัยที่อยู่วัดท่าซุง แม้ว่าจะฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า สิ่งที่ท่านสร้างวัดท่าซุงก็คือการใช้หนี้กรรมในอดีต ที่ไปทำลายบ้านทำลายเมืองเขาในยามศึกสงครามไปมากต่อมากด้วยกัน ฟังแล้วก็ผ่านหูไป โดยที่ลืมไปว่าตนเองนั้นติดตามท่านออกศึกสงครามมาเท่าไรต่อเท่าไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งต้องมาสร้างวัดวาต่าง ๆ และบูรณะวัด วิหาร เจดีย์ มณฑป ตลอดจนกระทั่งสร้างโบสถ์เสียหลายหลัง ถึงได้เข้าใจว่าทำไมตนเองต้องมาทำงานแบบนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2023 เมื่อ 23:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-10-2023, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,684 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการก่อสร้างนั้น ถ้าหากว่าเราสามารถวางกำลังใจได้ ก็จะเห็นหน้าเห็นหลัง มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจนไปเลย แต่ถ้าวางกำลังใจไม่ได้ ก็จะเครียดเสียมาก โดยเฉพาะบรรดาเจ้าอาวาสรุ่นใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีบารมีเพียงพอที่จะรวบรวมกำลังใจของญาติโยมได้ ก็ต้องไปขอความช่วยเหลือจากที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง ซึ่งกระผม/อาตมภาพ ถ้าหากว่ามีใครขอความช่วยเหลือมา ก็จะจับเรียงเอาไว้ในบัญชี ท่านที่ขอความช่วยเหลือมาในระยะหลัง ๆ บางรายนั้น บัญชีจะอยู่ในระดับที่อีก ๔๐ ปีข้างหน้า..! ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่มรณภาพเสียก่อนจะไปทำให้

โดยเฉพาะบางท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าคุณชั้นราช แต่ว่าขอให้กระผม/อาตมภาพช่วยทำอุโบสถให้สักหลัง เหล่านี้เป็นต้น กระผม/อาตมภาพก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ท่านเองมีต้นทุนทางโลกสูงมากขนาดนั้น แล้วทำไมยังจะต้องมาขอความช่วยเหลืออีก ? ขณะที่บุคคลที่ต้นทุนน้อยกว่า ควรที่จะได้รับความช่วยเหลือก่อน ก็จำเป็นต้องรอคิวต่อจากท่านไป

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะมีแนวคิดอย่างไร กระผม/อาตมภาพเองนั้น ครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ดังนั้น..ถ้าสามารถช่วยได้ก็ช่วย สามารถทำได้ก็ทำ เหมือนอย่างกับหลวงพ่อโท - ท่านพระครูวิสาลกาญจนกิจ เจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน รองเจ้าคณะอำเภอท่ามะกา ซึ่งท่านก็ทำงานทุกอย่างเพื่อคณะสงฆ์ ก็แปลว่าทำเพื่อพระพุทธศาสนานั่นเอง และโดยจริตนิสัยแบบนี้ ทั้งหลวงพ่อโทและกระผม/อาตมภาพ ก็คงจะทำงานกันไปจนกระทั่งวันมรณภาพนั่นเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-10-2023 เมื่อ 08:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว