กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-09-2023, 17:13
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,893 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-09-2023, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,660 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ความจริงแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องไปตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบที่จังหวัดชลบุรี แต่เนื่องจากว่าทางองค์การคุณธรรมมหาชนได้มอบรางวัลคุณธรรมอะวอร์ดของปี ๒๕๖๕ ให้กับกระผม/อาตมภาพ จึงต้องเดินทางไปรับรางวัลที่หอศิลป์แห่งชาติ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยแทน

ซึ่งในเรื่องของรางวัลนั้น เป็นรางวัลของปี ๒๕๖๕ แต่ว่ามาตัดสินเพื่อรับรางวัลกันในปี ๒๕๖๖ ก็คือนำเอาผลงานในปี ๒๕๖๕ ทั้งปีมานำเสนอ ถ้าคณะกรรมการเห็นสมควร ก็จะได้รับรางวัลคุณธรรมอะวอร์ดของปี ๒๕๖๕ ไป แต่ว่ามาแจกกันภายในปี ๒๕๖๖ นี้

ความจริงแล้ว ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้ส่งชื่อกระผม/อาตมภาพเข้ารับรางวัลครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี ๒๕๖๔ แต่ว่าไม่ผ่านเข้ารอบ เนื่องเพราะว่าทางเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นคนทำรายงานให้เอง ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นแล้วว่าไม่ตรงประเด็น เพราะว่าไปรวบเอาผลงานทุกประเภทมารวมกัน ทำให้ไม่ชัดเจนว่าผลงานเด่นในด้านใดกันแน่

ดังนั้น..เมื่อทางนางสาวสุภาภรณ์ เจริญศิริโสภาคย์ ผู้อำนวยการกลุ่มกิจการพิเศษ ได้บอกให้กระผม/อาตมภาพส่งชื่อเข้าชิงอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ผลงานของปี ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพจึงขอทำประวัติด้วยตนเอง เนื่องเพราะมั่นใจว่าตนเองตีโจทย์แตกมากกว่า เมื่อทำส่งไปจึงผ่านเข้ารอบ ได้รับรางวัลในฐานะบุคคลผู้มีจิตสาธารณะ แล้วก็มารับรางวัลกันในวันนี้

เมื่อเดินทางไปถึงหอศิลป์แห่งชาติ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ ก็ได้พบกับคนรู้จักก็คือ ท่านเจ้าคุณพระโกศัยเจติยารักษ์, ดร. (วิชาญ กิตฺติปญฺโญ ป.ธ.๓) รองเจ้าคณะจังหวัดแพร่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุช่อแฮ ซึ่งท่านก็มารับรางวัลเช่นกัน แล้วก็ยังมีบรรดา FC ซึ่งเป็นทั้งพระภิกษุสามเณรและฆราวาส แห่กันมาขอถ่ายรูปด้วยเป็นการใหญ่ จึงทำให้ไม่รู้สึกว่าเหงา ต่อให้มาคนเดียวก็ตาม เนื่องเพราะว่ามีคนรู้จักมากมายไปหมด

เมื่อถึงเวลาทางด้านองค์กรคุณธรรมได้ถวายภัตตาหารเพล กระผม/อาตมภาพตักเข้าปากแล้วก็นึกว่า "เวรกรรมละกู..!" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถั่วฝักยาวผัดพริกหมู รสชาติหวานเหมือนกับขนม..! กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรสชาติอาหารของบ้านเราถึงได้เพี้ยนไปไกลจนขนาดนั้น

ในระยะหลังแล้ว ส่วนมากอาหารจะหนักไปทางรสหวานเสียหมด แม้กระทั่งน้ำพริกก็หวาน หรือแม้กระทั่งแกงส้มก็หวาน..! ถ้าลองว่าแกงส้มยังหวานก็แปลว่าอนาถแล้ว เนื่องเพราะคำว่า "ส้ม" แปลว่า เปรี้ยว ในเมื่อแกงส้มกลายเป็นแกงหวาน ก็ไม่ต้องไปคิดถึงว่าอย่างอื่นจะหวานหรือไม่ ?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2023 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-09-2023, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,660 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาหารไทย กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าที่ออกรสหวานมีเพียงพวกแกงบวนแกงบอนเท่านั้น อาหารอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในลักษณะเปรี้ยว เค็ม เผ็ด แล้วแต่ว่าเป็นอาหารชนิดไหน แล้วรสไหนจะขึ้นนำ ส่วนใหญ่แล้วพวกเราทั้งหลายก็ไปอ้างว่าเป็นตำรับชาววัง ทำให้อาหารมีรสหวาน กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า ตำรับชาววังอาหารก็ไม่ได้หวาน

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอาหารไทยของเรานั้น มีของหวานตามมาทีหลัง หลายบ้านก็จัดเป็นสำรับของหวานอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการไปเลย อาหารจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีรสหวาน และรสหวานนี่แหละที่เป็นสาเหตุให้คนไทยเป็นเบาหวานกันขึ้นมาจำนวนมากมายมหาศาล..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคนไทยเราบริโภคน้ำตาลมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ซึ่งในประเทศอื่น ๆ นั้น บริโภคน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย ๔ - ๖ ช้อนชาต่อวัน แต่ว่าคนไทยของเราบริโภคน้ำตาลอยู่ในระดับ ๘ - ๑๒ ช้อนชาต่อวัน มีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานตายได้ง่ายมาก..!

หลังจากฉันเพลแล้ว
กระผม/อาตมภาพก็ไปเดินดูบรรดานิทรรศการและข้าวของการงานต่าง ๆ ที่เขานำมาแสดง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นชุมชนคุณธรรมที่มีผลงานเด่น ๆ แต่ว่าผลงานนั้นไม่ได้แยกประเภท อย่างเช่นว่าเป็นการฝีมือ เป็นอาหาร เหล่านี้เป็นต้น จึงทำให้ซุ้มต่าง ๆ มีอาการอยู่ในลักษณะจัดแสดงแล้วไม่ได้อารมณ์ต่อเนื่อง เพราะว่าดูซุ้มผ้าทออยู่ดี ๆ ก็โผล่ไปเจอซุ้มอาหารปักษ์ใต้ จากซุ้มอาหารปักษ์ใต้โผล่มาอีกหน่อย กลายเป็นผลงานจากกระดาษสา เหล่านี้เป็นต้น

ดังนั้น..ถ้าหากว่าคราวหน้ามีการจัดงาน ควรที่จะขอให้บรรดาผู้ที่มาออกร้าน นำสินค้าที่มีในลักษณะที่ต่อเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อย่างน้อย ๆ สัก ๓ ร้าน ๕ ร้าน แล้วค่อยเปลี่ยนไปก็ยังดี ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะออกอาการอย่างที่เห็น ก็คือเดินดูมากำลังได้อารมณ์ ก็มาสะดุดโครมเบ้อเร่อ..! เพราะว่าเนื้อหาเปลี่ยนไปอย่างชนิดที่ต่อกันไม่ติด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2023 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-09-2023, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,660 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยจากการชมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปเป็นสักขีพยานในการประกาศข้อตกลง ของสมัชชาคุณธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งมีข้อตกลงอยู่ ๖ ด้าน จำได้แค่ข้อสองข้อเท่านั้น อยู่ในประมาณที่ว่า "ให้คนดีมีที่ยืนในสังคม"

กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็ "น้ำตาจิไหล..!" การทำความดี ถ้าต้องการที่ยืนในสังคม เราจะทำได้ไม่ทน ทำได้ไม่นาน เพราะว่าเป็นการทำดีด้วยความอยากดี แต่ถ้าหากว่าเราทำดีเพราะเราอยากทำ ก็จะทำให้เราทำได้ทน ทำได้นาน ไม่ได้สนใจว่าสังคมจะอยู่ในลักษณะอย่างไร เขาจะยินดีสนับสนุน หรือว่าจะช่วยกระทืบซ้ำ เราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำของเราไป เป็นต้น

แล้วก็เป็นการแสดงในลักษณะเชิดชูรางวัลขององค์การคุณธรรมมหาชน จากนั้นก็เป็นการมอบรางวัลคุณธรรมอะวอร์ด ประจำปี ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพรับแล้วก็หลงไปอยู่บริเวณซึ่งเขาจะมอบค่ารถกลับให้ เพราะว่าโดนเจ้าหน้าที่ต้อนไป โดยที่ไม่รู้ว่าน้องกุ๊ก (นายธีรพงษ์ ลิ้มติ้ว) นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งติดตามมาเพื่อช่วยประสานงาน ได้จัดการเบิกให้เสร็จสรรพแล้ว จึงหลงไปเสียเวลาอยู่พักใหญ่

แต่ก็เป็นการดี เพราะว่าออกมาก็เจอท่านเจ้าคุณพระภาวนาธรรมาภิราม วิ. (พงษ์สวัสดิ์ กิตฺติญาโณ) จากวัดสามัคคีธรรม จังหวัดพังงา ท่านเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) หน (ใต้) เมื่อคืนในการประชุมออนไลน์ก็ยังเจอกันอยู่ ไม่นึกว่าท่านเจ้าคุณก็จะเดินทางมารับรางวัลด้วยตนเอง จึงได้มีโอกาสถ่ายรูปร่วมกัน

ก่อนที่กระผม/อาตมภาพจะบอกกับท่านเจ้าคุณพระโกศัยเจติยารักษ์, ดร. ว่า "ขออนุญาตเดินทางกลับก่อน" ท่านเจ้าคุณยังทักท้วงว่า "รอทุกคนรับรางวัลพร้อมแล้ว เรามาถ่ายรูปหมู่ของระหว่างพระด้วยกันสักชุดหนึ่ง" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่ได้ครับ เพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ แถมยังเป็นวันที่ ๑ อีกด้วย ถ้าหากว่าช้าเมื่อไร กระผม/อาตมภาพก็คงต้องติดอยู่บนถนนหลายชั่วโมง กว่าที่จะหลุดออกไปจากกรุงเทพฯ ได้"

ว่าแล้วก็กราบลาทุกท่าน ออกเดินทางมา โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งสำนักวัฒนธรรมส่วนกลาง และสำนักวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีตามมาส่งถึงรถ อาศัย "พี่กู" ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะหลอกต้มเราเมื่อไร เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพจำได้ว่าตรงนั้นต้องเลี้ยวซ้าย แต่ "พี่กู" บอกให้เลี้ยวขวาเฉยเลย เมื่อเราดื้อเลี้ยวซ้ายไป ถึงได้เปลี่ยนแผนที่ตามมา เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2023 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-09-2023, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,660 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางทีเรื่องของเทคโนโลยีก็เชื่อถือไม่ได้ ถ้าหากว่าอยู่ในสถานที่ซึ่งเป็นตรอกซอกซอยมาก ๆ ต้องอาศัย "พี่กู" นำทางให้ก็พอได้ แต่เราก็ควรที่จะมีความจำเกี่ยวกับเส้นทางเอาไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะเป็นอย่างบางคนที่ขับรถลงห้วยลงคลองเพราะเชื่อตามที่ "พี่กู" บอก ซึ่งคนทั้งหลายเหล่านั้น กระผม/อาตมภาพเห็นว่าค่อนข้างจะปัญญานิ่มไปหน่อย เห็นอยู่ว่าเป็นคลองแล้วยังอุตส่าห์ขับรถลงไป ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยเหลืออย่างไรดี..!?

โดยเฉพาะทุกวันนี้ ความเชื่อในเทคโนโลยีนั้น ทำให้ความจำของคนเสื่อมทรามไปมาก ถ้าหากกล่าวถึงประเทศเพื่อนบ้านในเอเซียของเรา คือเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันนี้คนเกาหลีใต้ ถ้าเราไปถามทาง เขาจะบอกว่าไม่รู้ ให้กดดูจากกูเกิ้ลแม็พไปเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทุกคนใช้กูเกิ้ลแม็พในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้า การนั่งรถเมล์ การนั่งรถไฟ การใช้รถยนต์ส่วนตัว

ในเมื่อใช้ต่อเนื่องกันมาหลาย ๆ ปี ทำให้ทุกคนไม่มีความจำเกี่ยวกับเส้นทางอยู่ในหัว เวลาเราไปถามทาง เขาจึงไม่สามารถที่จะบอกได้ นอกจากให้เราถามจากกูเกิ้ลแม็พประการเดียว ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ กูเกิ้ลแม็พรวนขึ้นมาเมื่อไร ท่านทั้งหลายก็คงได้หลงตายชักไปเท่านั้นเอง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือว่าในสถานที่ซึ่งมีตรอกซอกซอยมาก ๆ

กระผม/อาตมภาพเองเถียงกับกูเกิ้ลแม็พมาตั้งแต่ต้นแล้ว สมัยที่เริ่มใช้ใหม่ ๆ เขาจะให้ลัดเข้าไปในดงอ้อย ซึ่งเป็นทางสำหรับรถอ้อยวิ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือทางดินปนลูกรัง แล้วในเมื่อเรารู้ว่าทางใหญ่ ๆ ๔ เลนอยู่ตรงหน้าก็ไปถึงเหมือนกัน แล้วเรื่องอะไรจะไปเชื่อเอ็ง..! ว่าแล้วก็วิ่งตรงไปเลย แล้วก็โดนกูเกิ้ลแม็พต่อว่าเสียด้วย ว่า "ไม่เชื่อกันแล้วถามทำไม ?"

แต่บังเอิญว่ากระผม/อาตมภาพไม่ได้ปัญญาอ่อน อะไรที่ตัวเองมั่นใจก็ไปตามทางของตน จึงขอเตือนบรรดาท่านที่ใช้เทคโนโลยีมาก ๆ โปรดระมัดระวังเอาไว้ด้วย ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะโดน "พี่กู" พาไปขายเมื่อไร ถ้าเราพลาดขึ้นมา ก็คงจะมีแต่คนหัวเราะ ไม่ได้มีสักคนที่จะ "พุทโธ" สงสารเราเลย..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2023 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว