เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖

[พิชวัฒน์]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ทางด้านอำเภอทองผาภูมิ ฝนฟ้ายังคงตกต้องตามฤดูกาล ก็คือมีโอกาสเมื่อไร ก็เทลงมาทันที ไม่เลือกเวลาและไม่เลือกสถานที่ สามารถที่จะตกได้ทั้งวันทั้งคืน จึงทำให้กระผม/อาตมภาพออกอาการจมูกบี้ทันทีที่กลับมาถึงทองผาภูมิ

สำหรับวันนี้ ในช่วงเช้ามืดกระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบเดินทางเข้าไปบ้านทุ่งเสือโทน ตำบลชะแล เพื่อร่วมพิธีเปิดการอบรมพระนวกะในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ประจำปี ๒๕๖๖ ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปถึงแล้ว ทางด้านเจ้าถิ่น ก็คือผู้ใหญ่พล (นายนิติพล ตันติวานิช) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๔ บ้านทุ่งเสือโทน ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี กับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก คือรองฯ ทุ่ง (นางกนกวรรณ ตันติวานิช) รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลชะแลได้จัดขบวนรถอีแต๊ก ให้มารับพระเถระ เพื่อที่จะแห่ให้กับบรรดาพี่น้องชาวกะเหรี่ยงทั้งหลายได้เห็นหน้ากัน จะได้รู้ว่าแต่ละท่านนั้น ใครคือเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ใครคือรองคณะจังหวัดกาญจนบุรี ใครคือเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภอต่าง ๆ ทั้ง ๑๓ อำเภอ

แต่ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพนั้นเป็นที่รู้จักมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่หรือว่าเด็กเล็ก เนื่องเพราะว่าเคยเป็นเจ้าคณะตำบลชะแลเขต ๒ มาเนิ่นนาน แล้วภายหลังยังมีการให้ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนบ้านทุ่งเสือโทนเป็นปกติ โดยเฉพาะกับบรรดาชาวกะเหรี่ยงต่าง ๆ ซึ่งต้องไปร่วมงานทางวัฒนธรรม

ในฐานะที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าของงาน ก็ต้องติดต่อเข้ามา ขอให้ส่งกะเหรี่ยงไปทอผ้าบ้าง แสดงการแสดงต่าง ๆ ตามชาติพันธุ์บ้าง จึงทำให้เกือบจะทุกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ มักจะรู้จักกระผม/อาตมภาพในฐานะต่าง ๆ กันไป ไม่ว่าจะเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ไม่ว่าจะเป็นพระอุปัชฌาย์ ตลอดจนกระทั่งบางท่านก็ยังคงนึกว่ากระผม/อาตมภาพยังคงเป็นเจ้าคณะตำบลอยู่เลย เป็นต้น

ปรากฏว่าวันนี้พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งออกกรำงานตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ พร้อมกับกระผม/อาตมภาพมาหลายจังหวัด เกิดอาการสุขภาพชำรุด แจ้งว่ามาไม่ได้ เพราะว่าลุกขึ้นแล้วบ้านหมุน กระผม/อาตมภาพยังทักท้วงไปขำ ๆ ว่า "ต้องเป็นวัดหมุนครับ ไม่ใช่บ้านหมุน..!"

ดังนั้น..ผู้ที่ต้องเป็นประธานแทนในวันนี้ แทนที่จะเป็นพระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ปรากฏว่าท่านเกิดอาการต่อมลูกหมากโตกำเริบ ปัสสาวะไม่ออก ต้องรีบเดินทางกลับ ภาระหน้าที่จึงไปตกกับพระเดชพระคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ.๔) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี รองเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม(พระอารามหลวง)

[เถรี]

กระผม/อาตมภาพได้แจ้งแก่พระเดชพระคุณท่านว่า "กระผมอยู่ได้แค่พิธีเปิดเท่านั้นครับ เนื่องเพราะว่าต้องลงไปร่วมพิธีเปิดงาน "วัฒนธรรมเทิดไท้ เทิดไว้ในใจกาญจน์" ซึ่งในฐานะของประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ นอกจากต้องส่งนักแสดง ส่งสินค้าพื้นบ้านไปร่วมงานแล้ว ยังต้องไปร่วมพิธีเปิดอีกด้วย"

ทางด้านผู้ใหญ่พลและรองฯ ทุ่งจัดขบวนรถอีแต๊กแห่แหนกันอย่างสวยงาม เมื่อเข้าไปถึงแล้ว ยังมีการล้างเท้าเช็ดเท้าให้ตามแบบประเพณีโบราณ ปรากฏว่าผู้ที่อยู่ในรถขบวนท้ายสุดมา ก็คือท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์ ซึ่งรู้สึกว่าจะชอบอกชอบใจมาก เนื่องเพราะว่าไม่เคยเข้ามายังตำบลชะแลนี้มาก่อนเลย ไม่คิดว่าพื้นที่นี้จะห่างไกลได้ขนาดนี้ แต่ชาวบ้านมีจิตใจที่งดงามในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ทำเอาท่านนายอำเภอยิ้มไม่หุบ

เมื่อถึงเวลากระผม/อาตมภาพ ก็ถวายสักการะองค์ประธานในพิธีเปิด เสร็จสรรพเรียบร้อย จึงได้ขอตัวเดินทางออกมาโลกภายนอก เพื่อตรงไปยังห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน "วัฒนธรรมเทิดไท้ เทิดไว้ในใจกาญจน์" ซึ่งตอนที่ออกจากบ้านทุ่งเสือโทนมานั้น ก็ ๑๐ นาฬิกาเศษแล้ว

ทางด้านรองฯ ทุ่งจึงได้ยัดเยียดอาหารมาให้ ๒ กล่อง เอาไปแบ่งกันกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งทำหน้าที่พลขับ โดยที่บอกว่าไม่ต้องคืนกล่อง กระผม/อาตมภาพเองก็เกรงใจ เพราะดูแล้วกล่องราคาแพงมาก แต่เนื่องจากว่าคบหาสมาคมกันมาเนิ่นนานถึง ๓๐ ปีแล้ว จึงทำให้เรื่องคิดมูลค่าต่าง ๆ นั้น สำหรับผู้ใหญ่พลและรองฯ ทุ่งไม่เคยคิด แม้งานวัดท่าขนุนก็นำเอาผักผลไม้ไปถวายให้ทีเป็นคันรถ ๆ เรื่องพวกนี้ เขาจึงถือว่าเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก

กระผม/อาตมภาพเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าโรบินสันกาญจนบุรีเวลาบ่ายโมงครึ่ง ก่อนพิธีเปิดแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น นับว่าหวุดหวิดมาก เมื่อมาถึง ทางด้าน ดร.ธีรชัย ชุติมันต์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้นิมนต์ไปดูร้านค้าต่าง ๆ เสียก่อน ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ให้กำลังใจและแจกรางวัลให้แก่เด็ก ๆ ซึ่งนำเอาสินค้ามาจำหน่ายหรือว่ามาจัดแสดง

แล้วก็มามอบรางวัลให้กับนางรำตัวน้อยของโรงเรียนบ้านอู่ล่อง ซึ่งไปกวาดถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี มาแล้ว วันนี้มาทำการแสดงตามที่หลวงตาวัดท่าขนุนขอร้อง หลวงตาก็ตามมาแจกรางวัลให้จนถึงที่

[เถรี]

ครั้นได้เวลา ท่าน ดร.ธีรชัย ชุติมันต์ ก็กล่าวถึงที่มาของงาน "วัฒนธรรมเทิดไท้ เทิดไว้ในใจกาญจน์" จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ ถือว่าเป็นวันมหามงคลต่อเนื่องกัน จึงได้จัดงานนี้ขึ้นมาเป็นการเฉลิมพระเกียรติ

หลังจากนั้นแล้วก็เป็นการแสดงของเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านอู่ล่อง ในชุดรำสีนวลออกวรเชษฐ์ และการแสดงของเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านเขารักษ์ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ในเพลงเหย่ย

เมื่อเสร็จพิธี ท่านศักรินทร์ ทุมเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยมีนางสมมารถ คำถนอม วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีเป็นผู้กล่าวรายงาน แล้วมีการถวายบังคมหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เปิดกรวยถวายราชสักการะ และลงนามถวายพระพร เมื่อถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องขอตัวออกเดินทาง เนื่องเพราะว่าต้องไปให้ถึงวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

บางท่านอาจจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพงานหนักขนาดนี้ ประกอบกับเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วยังต้องเดินทางไกลขนาดนั้นอีกหรือ ? ก็ต้องบอกว่า นอกจากความผูกพันกันในฐานะพี่น้องร่วมครูบาอาจารย์ บวชมาจากโบสถ์เดียวกันแล้ว ในฐานะที่ตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ท่านอายุกาลผ่านวัยมากแล้ว ถึง ๘๐ กว่าปี ถ้าหากว่าไม่ไปช่วยให้กำลังใจเอาไว้ ในเรื่องของการสู้งาน ในเรื่องของภาระงานที่ค้างอยู่ข้างหน้า บางทีก็อาจจะทำให้ผู้เฒ่าท้อถอยได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ต่อให้ตัวเองต้องลำบาก ต้องเหน็ดเหนื่อย หรือว่าเจ็บป่วยขนาดไหนก็ตาม ก็ถือว่าในสิ่งที่เราไปนั้น เป็นการสนับสนุนให้งานพระพุทธศาสนาเป็นไปด้วยดี จึงเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งที่ต้องกระทำ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องทำ เพื่อที่จะให้พระพุทธศาสนาของเราเจริญก้าวหน้าต่อไป

ดังนั้น..จึงถือเป็นภาระทางใจ ในฐานะพี่น้องร่วมท้องร่วมอุโบสถเดียวกัน และในฐานะพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ที่จะต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ในการค้ำจุนและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับพระพุทธศาสนา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเดินทางไปร่วมงานของท่านในครั้งนี้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)