กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-07-2023, 18:44
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,642
ได้ให้อนุโมทนา: 216,880
ได้รับอนุโมทนา 747,417 ครั้ง ใน 36,409 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-07-2023, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,871 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เมื่อเช้ามืดกระผม/อาตมภาพเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติดอนเมืองก่อนเวลาไม่น้อยเลย เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ต้องขอบพระคุณเจ้าที่เจ้าทางที่ท่านให้ความช่วยเหลือตลอดทั้งทริป เนื่องเพราะว่ารายงานอากาศของประเทศศรีลังกาแจ้งว่ามีพายุเข้าทุกวัน แต่คณะของเราไม่เจอเลย แถมยังแดดจัด ถ่ายรูปสวยอีกต่างหาก แม้แต่คุณคุณอนิรุทธยังบอกว่า คณะของพวกเราโชคดีมากที่ไม่เจอฝน ซึ่งโดยปกติหน้านี้แล้วต้องโดนฝนอย่างแน่นอน

เสียดายที่ว่าเจ้าที่ทั้งสองท่าน ซึ่งเป็นเทวดาและนางฟ้าไม่อนุญาตให้ออกชื่อ เนื่องเพราะว่าชื่อเสียงของลูกศิษย์หลวงพ่อเล็กเป็นที่เลื่องลือ เมื่อรู้ชื่อแล้วก็ตามไปรบกวนกันหัวไม่วางหางไม่เว้น โดยเฉพาะประเทศศรีลังกา คนไทยไปกันเยอะมาก ท่านไม่อยากแบกภาระช่วยเหลือบางคน ซึ่งบางทีวาระกรรมก็มาถึง แต่ต้องพยายามไปช่วยเขา ตนเองก็อาจจะรับโทษบางอย่างแทนได้

สำหรับวันนี้จะเล่าเรื่องของเมื่อวานต่อ ก็คือตอนช่วงเช้า เรายังพักอยู่ที่ "โรงแรมถั่วแปบ" เหมือนเดิม แต่อากาศสบายดีมาก เพราะว่าแค่ ๒๒ องศาเซลเซียสเท่านั้น กระผม/อาตมภาพจึงเปิดหน้าต่างเสียเลย ไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ แต่ว่าทางพนักงานโรงแรมก็เตือนไว้แต่แรกแล้ว ว่าอย่าเผลอเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เนื่องจากว่าถ้าลิงหลุดเข้ามาค้นข้าวของก็จะเสียหายมาก..!

ทางโรงแรมนี้น่ารักมาก เมื่อรู้ว่าพวกเราต้องเร่งทำเวลา ก็เปิดห้องอาหารให้ตั้งแต่ ๖ โมงครึ่ง ข้าวปลาอาหารทุกอย่างก็อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะมีผลไม้ที่กระผม/อาตมภาพชอบให้อีกด้วย

ส่วนโชเฟอร์ของเราคือคุณอสังคะ ก็บริการดีเหลือใจ เนื่องเพราะว่ามาถึงตั้งแต่ประมาณ ๗ โมงเช้า พาพวกเราตรงไปยังวัดอัสคีรียะ ซึ่งเป็นวัดสายวัดป่า วัดนี้เป็นสถานที่ซึ่งประชุมเพลิงสังขารของหลวงปู่อุบาลี พระเถระสมัยอยุธยาที่มาสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ศรีลังกา ยังมีเสาปักเอาไว้ตรงจุดที่พระราชทานเพลิงให้กับท่าน เสานี้สร้างโดยพระธรรมธีราชมหามุนี (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งต่อมาก็คือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์นั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2023 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-07-2023, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,871 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นอกจากดูสถานที่พร้อมกับฟังประวัติแล้ว พวกเรายังไปชมอุโบสถเก่า ซึ่งปัจจุบันนี้สิ่งเก่าที่เหลือนั้นมีอยู่แค่อย่างเดียวก็คือเสมาในสมัยอยุธยา ส่วนอุโบสถนั้นหมดสภาพ เขาสร้างใหม่แล้ว และก็มีพระเถระและญาติโยมจากเมืองไทยช่วยกันสร้างพระประธานเป็นรูปพระพุทธชินราชจำลองเอาไว้

อีกส่วนหนึ่งที่พวกเราให้ความสนใจมากเป็นมณฑปเก่า ทางด้านนอกนั้นมีลวดลายปูนปั้นและเขียนสีสวยงามมาก ทางด้านในมีพระพุทธรูปพร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งทางด้านมัคคนายกของวัดเมตตาเปิดให้พวกเราเข้าไปกราบได้ถึงด้านใน แต่ต้องระมัดระวังว่า ตอนถ่ายรูปอย่าให้หันหลังให้กับองค์พระประธานอีก

เมื่อเสร็จสรรพจากตรงนั้น พวกเราก็วิ่งต่อไปยังวัดมัลลวัตตะ ซึ่งเป็นวัดฝ่ายคามวาสี ก็คือดูแลพระฝ่ายที่ศึกษาปริยัติธรรม แต่ปรากฏว่าคำว่า มัลลวัตตะ นั้นแปลว่า สวนดอกไม้ หรือที่เราเรียกว่าบุปผาราม แล้วคุณเอ (ฉัตตริน เพียรธรรม) ก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม ทำให้คุณอสังคะจึงพาพวกเราไปยังสวนสาธารณะแทน..!

จนกระทั่งเห็นว่าไกลเกินเหตุแล้ว คุณเอถึงได้ท้วงขึ้นมา พลขับของเรารีบขอโทษขอโพยแล้วพาย้อนกลับ แต่ว่าเวลานี้เป็นเวลาที่รถติดมาก แล้วเรานัดเจ้าหน้าที่ทางด้านวัดมัลลิกาวะ หรือว่าวัดพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเอาไว้ตอน ๙ โมง กลัวว่าจะไม่ทันเวลา จึงตรงไปยังวัดมัลลิกาวะก่อน เมื่อไปถึงก็ได้ช่วยกันซื้อเครื่องบูชาตั้งแต่ทางด้านนอกเข้าไป ส่วนทางด้านในนั้น เจ้าหน้าที่พาไปซื้อตั๋วเข้าวัด ซึ่งมีเครื่องอัตโนมัติจำหน่ายตั๋วเรียงรายกันอยู่เป็นจำนวนมาก

ที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งก็คือคนไทยของเราได้รับสิทธิพิเศษ ค่าเข้าชมจะถูกกว่าชาติอื่น ๆ เขา เนื่องเพราะว่าศรีลังกานั้นถือว่าพระพุทธศาสนาของเขาสามารถสืบทอดมาถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะได้รับเมตตาจากชาวไทย โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ส่งพระอุบาลีเถระไปสืบพระศาสนาให้

พวกเราเดินผ่านประตูเข้าไปชั้นแล้วชั้นเล่า ระยะทางค่อนข้างไกลทีเดียว แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าภายในนั้นห้ามถ่ายรูปอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือมือของพวกเราถือเครื่องบูชาที่เป็นดอกบัวหลายต่อหลายดอก คลี่กลีบเอาไว้อย่างสวยงามซ้อนกัน แล้วถ้าถือมือเดียวก็ไม่ถนัด จึงไม่มีโอกาสที่จะถ่ายรูป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นโยมวัด แต่งชุดขาวพาลัดเข้าไปทางด้านประตูข้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2023 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-07-2023, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,871 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้คือพระราชวังเก่า ซึ่งเจ้ากรุงลงกา ซึ่งไม่ใช่ทศกัณฐ์ แต่ว่าเป็นกษัตริย์ชาวศรีลังกาได้ถวายไว้เพื่อเป็นวัด ดังนั้น..สถานที่ภายใน จึงประกอบไปด้วยคูเมือง กำแพง ใบเสมา แข็งแรงมาก แต่ขนาดนั้นก็ยังมีผู้ไม่หวังดี นำเอารถยนต์บรรทุกระเบิดเข้ามา กดระเบิดจนกระทั่งทำลายกำแพงบางส่วนไป จึงทำให้มีการตรวจตราญาติโยมที่เข้าออก ค่อนข้างจะเข้มงวดเป็นพิเศษ นอกจากจะผ่านเครื่องตรวจอาวุธแล้ว ยังต้องผ่านการตรวจร่างกายอีกต่างหาก

ทางด้านเจ้าหน้าที่พาพวกเราไปถวายเครื่องสักการะบูชาไว้ที่บริเวณชั้น ๒ ของทางหอพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว แล้วให้พวกเราไปนั่งรอเวลาในสถานที่พิเศษ ทางด้านหน้าหอพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วทั้งชั้นที่ ๑ และชั้นที่ ๒ นั้น มีสิ่งหนึ่งที่ทางด้านศรีลังกาถวายเป็นพุทธบูชา ก็คืองาช้างที่ทั้งเก่าแก่ สวยงาม และยาวอย่างน้อย ๒ เมตร เป็นจำนวนหลายต่อหลายคู่ด้วยกัน ถ้านับไม่ผิด ทางด้านชั้น ๑ นั้น ก็ ๕ คู่เข้าไปแล้ว..!

เมื่อนั่งอยู่ตรงนั้น พวกเราก็นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้กับบรรดาเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ได้ยินภิกษุณีชาวศรีลังกาสวดมนต์อยู่ พอสวดถึงบทไหน กระผม/อาตมภาพก็บอกให้กับคุณเอ ซึ่งหลายบทคุณเอก็ฟังเข้าใจเองด้วย โดยที่บอกว่าชาวศรีลังกาสวดมนต์ได้ทุกบท ยกเว้นอย่างเดียวก็คือ ชยมงคลอัฏฐคาถา หรือว่าพาหุงฯ ๘ บท เนื่องเพราะว่าเป็นคาถาที่พวกเราแต่งกันขึ้นมาเองในสมัยอยุธยา

เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ลั่นระฆัง เป็นสัญญาณว่าจะเริ่มถวายสิ่งของเป็นพุทธบูชาอย่างเป็นทางการแล้ว เสียงสาธุการก็กระหึ่มขึ้นโดยรอบ โดยเฉพาะที่ชั้นล่างนั้นมีการเล่นดนตรีแบบศรีลังกาถวายเป็นพุทธบูชาด้วย ก็คือเป็นการถวายบูชาด้วยเสียง พวกเราทางด้านบนเมื่อได้รับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ ก็เดินเข้าผ่านประตูหนาแน่นแข็งแรงอีกสองชั้น เข้าไปห้องด้านในที่มีพระเถระประจำอยู่ ๒ รูป คอยมอบดอกไม้ให้กับบุคคลที่มือเปล่า เพื่อที่จะได้ถวายบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งอยู่ในผอบทองคำใหญ่โตด้านใน

กระผม/อาตมภาพวางเหรียญสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์ พิมพ์ใหญ่ เลี่ยมทองประดับเพชร ประกอบด้วยสร้อยคอทองคำอีก ๒ บาท แล้วรับดอกไม้มาถวายเป็นพุทธบูชา ขณะที่น้องโอก็ถวายสร้อยคอทองคำอีกเส้นหนึ่ง ดูจากน้ำหนักน่าจะประมาณ ๑ สลึง คนอื่น ๆ ก็ถวายปัจจัยกันตามอัธยาศัย แล้วก็ไม่อยากที่จะรบกวนด้วยการอยู่นาน เมื่อมองเต็มตาจนอิ่มตาอิ่มใจแล้ว ก็เดินออกมาทางด้านนอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2023 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-07-2023, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,871 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เจ้าหน้าที่พาเราไปกราบพระพุทธรูปสำคัญต่าง ๆ และพระบรมสารีริกธาตุทางด้านนอก ซึ่งบางส่วนก็ไม่หวง สามารถที่จะถ่ายรูปได้ แต่ว่าตรงองค์พระแก้วบุษยรัตน์ในส่วนนั้นห้ามถ่ายรูป แล้วเจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราขึ้นไปยังหอคอย สมัยก่อนคงใช้เป็นหอรักษาการ ให้พวกเราถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ แล้วก็ถ่ายรูปหมู่ด้วย

แต่ว่ารูปหมู่ที่ทางเจ้าหน้าที่ถ่ายให้กับเรานั้น ออกมาดูแทบไม่ได้เลย ก็คือตัวยาวบ้าง ตัวสั้นบ้าง แล้วแต่ว่าแกจะยืนหรือจะนั่งถ่ายให้ หลังจากนั้นคุณเอก็แจกรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน ซึ่งมีการมอบสายสิญจน์ศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นการตอบแทนแก่คณะของพวกเรา แล้วก็เดินออกมาทางด้านนอก

รอทางด้านคุณอนิรุทธที่ติดต่อมา ว่าพระมหานายกะฝ่ายอัสคีรียะ ซึ่งตอนแรกไม่ได้ออกมา เนื่องจากว่าเราไปถึงวัดท่านเป็นเวลาเช้ามาก รอที่จะพบกระผม/อาตมภาพอยู่ แต่ทางเราก็นัดพระมหานายกะฝ่ายมัลลวัตตะเอาไว้แล้ว กลายเป็นว่ามีการแย่งตัวกัน โดยมีกระผม/อาตมภาพอยู่ตรงกลาง ซึ่งเหตุนี้เป็นที่เข้าใจได้เลย

เนื่องเพราะว่าทางด้านประเทศไทยของเรานั้น นอกจากจะมีบุญคุณกับศรีลังกาในเรื่องของการสืบศาสนาแล้ว ทางประเทศของเราส่วนใหญ่แล้วพระเถระก็มักจะมีลูกศิษย์ที่มีฐานะจำนวนมาก ถ้าท่านสามารถต่อสายกันเอาไว้ได้ ต่อไปมีอะไรก็จะขอความช่วยเหลือได้สะดวก พวกเราจึงต้องยอมเสียมารยาท ให้คุณอนิรุทธเคลียร์กับทางด้านพระมหานายกะฝ่ายอัสคีรียะ แล้วก็ตรงไปวัดมัลลวัตตะเลย

ที่วัดมัลลวัตตะมีเจ้าหน้าที่ซึ่งรออยู่แล้ว พาเข้าไปชมหอประดิษฐานรูปหล่อของสมเด็จพระสังฆราชสรณังกรและหลวงปู่อุบาลี ซึ่งปรากฏว่าที่ฐานมีจารึกว่า NC Tour & Pientam Family ก็แปลว่าเป็นคณะของเอ็นซีทัวร์และครอบครัวคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ได้สร้างถวายเอาไว้นั่นเอง ต้องขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง

แล้วทางด้านมัคคนายกก็เปิดโบสถ์เก่าให้พวกเราได้เข้าไปกราบพระพุทธรูปประธาน ซึ่งโบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่หลวงปู่อุบาลีท่านมาทำการอุปสมบทกุลบุตรทางด้านประเทศศรีลังกาเป็นแห่งแรก บรรดาข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นตั่ง เป็นเตียง เป็นไม้เท้า เป็นเก้าอี้ ก็ยังอยู่ครบถ้วน

โดยเฉพาะพัดประจำตำแหน่งของหลวงปู่อุบาลีที่กษัตริย์ศรีลังกาถวายให้ท่าน เป็นระดับเดียวกับพัดยศสมเด็จพระสังฆราช เนื่องเพราะว่าตอนที่พระเจ้าแผ่นดินลังกา จะพระราชทานตำแหน่งให้ท่านเป็นพระสังฆราชของศรีลังกา แล้วท่านปฏิเสธว่าไม่สามารถที่จะใช้ภาษาศรีลังกาโดยตรงได้ อาจจะมีปัญหาในการปกครอง ขอให้แต่งตั้งพระภิกษุชาวศรีลังกาขึ้นมาปกครองแทน ดังนั้น..ท่านจึงได้ตั้งสมเด็จพระสังฆราชสรณังกรขึ้นมาทำหน้าที่นั้นแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2023 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 19-07-2023, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,871 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วพวกเราก็ไปนั่งรอจนกระทั่งท่านมหานายกะ Sri Siddhartha Sumangala เบิกตัวกระผม/อาตมภาพและคณะเข้าไปพบทางด้านใน ท่านมหานายกะเมตตาประทานพระพุทธรูปให้ ๑ องค์ พร้อมกับภาพมณฑปทองคำบรรจุพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ส่วนทุกท่านก็ได้ภาพมณฑปพร้อมกับสายสิญจน์ผูกข้อมือ เป็นที่น่าเสียดายว่า นอกจากท่านมหานายกะจะเจ็บไข้ได้ป่วยถึงขนาดต้องใส่หน้ากากกันเชื้อโรคแล้ว ท่านยังไม่สามารถที่จะใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารโดยตรงได้ ต้องผ่านการแปลของลูกศิษย์ ๒ คนที่ช่วยดูแลอยู่ภายใน

เมื่อทราบว่ากระผม/อาตมภาพเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านยังนำเอาปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยถวายให้แก่ท่านตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ ออกมาให้พวกเราชมด้วย พวกเรารวบรวมปัจจัยจำนวนหนึ่งแล้วก็ละล้าละลัง ไม่รู้ว่าควรที่จะถวายให้กับท่านอย่างไร ลูกศิษย์บอกว่าสามารถถวายกับมือท่านเลย แล้วก็รีบหาซองมาบรรจุให้

เมื่อถวายปัจจัยและรับศีลรับพรเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ตรงไปยังภัตตาหารเซียงหยุน ซึ่งเป็นภัตตาคารอาหารจีน รับอาหารกลางวันที่อุดมสมบูรณ์จนเกินเหตุ โดยเฉพาะปูศรีลังกาที่ลือกันว่าอร่อยนักอร่อยหนา กระผม/อาตมภาพเองฉันภัตตาหารไปไม่ถึง ๑ ใน ๑๐ ที่เขานำมา
ให้ จะยกไปให้ทางโต๊ะใหญ่ ก็มีมากมายจนกระทั่งไม่มีที่วางเช่นกัน จึงยกให้เป็นหน้าที่ของคุณอสังคะที่ไม่มีปัญญาจะกินได้หมดอีกด้วย..!

เป็นที่น่าเสียดายว่า ข้าวปลาอาหารที่ทางเอ็นซีทัวร์จัดมาให้นั้นมากมายเหลือเกิน จนเราไม่มีปัญญาที่จะกินจะฉันกันได้หมด แต่ว่าก็ต้องขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยให้พวกเรากินอิ่มนอนอุ่นได้ทุกมื้อ

แล้วคุณอสังคะก็พาพวกเราวิ่งไปยังโรงงานผลิตใบชาศรีลังกา ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก แต่เมื่อพวกเราไปถึงและลองชิมชาของเขาแล้ว ก็ใช้คำว่า "งั้น ๆ แหละ" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเคยชิมชาจีนแบบระดับสุดยอดมาแล้ว จึงทำให้รู้สึกว่าชาศรีลังกานั้นเหมาะกับฝรั่งมากกว่า เมื่อซื้อหาชาไปฝากกันแล้ว พวกเราก็เดินทางจากเมืองแคนดี้สู่กรุงโคลัมโบ กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้ซื้อของฝาก เพราะว่าถ้าขืนซื้อไปเมื่อไร ก็เป็นอันว่าจะได้ตีกันตาย เพราะว่าทุกคนก็อยากได้ของฝากเช่นกัน..!

ฝ่าการจราจรออกมาแล้วก็ชื่นชมบรรดานักเรียนของทางด้านประเทศศรีลังกา เพราะว่าวันนี้เป็นวันพระใหญ่ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ นักเรียนทุกโรงเรียนและทุกคนแต่งชุดขาวไปโรงเรียนกันหมด ดูแล้วน่าชื่นชมและน่าชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2023 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 19-07-2023, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,871 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเรามาจนกระทั่งถึงกรุงโคลัมโบ ก็ฝ่ารถติดไปจนกระทั่งถึงวัดเกลานิยะ หรือว่าวัดกัลยาณีในเวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เข้าไปในวัดนี้ ซึ่งเป็นวัดสำคัญอีกวัดหนึ่ง ก็คือเป็นวัดที่ทำการบวชให้กับพระทางด้านประเทศพม่าหรือว่าประเทศไทย ที่เรียกกันว่าลังกาวงศ์ โดยเฉพาะเคยบวชพระพม่าทั้งประเทศมาแล้ว ในช่วงที่พระเจ้าธรรมเจดีย์ขอร้องให้พระพม่าที่วัตรปฏิบัติหย่อนยาน ทำการลาสิกขาแล้วมาบวชใหม่กันทั้งประเทศ..!

พอพวกเราเข้าไปถึงแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ตกใจ เพราะว่าเจอ FC วัดท่าขนุนจำนวนมาก โดยเฉพาะคณะศิษย์เจ้าพ่อเห้งเจีย ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่ได้เรียกชื่อว่าซุนหงอคง แต่เรียกเจ้าพ่อเห้งเจียไปเลย หลายท่านก็บอกว่า วันที่ ๒๒ นี้จะมาร่วมงานเป่ายันต์เกราะเพชรด้วย

เราได้เข้าไปกราบสักการะพระพุทธรูปประจำพระสถูป ซึ่งคณะเหล่านี้มาช่วยกันบูรณะขึ้นมาใหม่ เมื่อถ่ายรูปภายนอกเสร็จแล้วก็เข้าไปในมหาวิหารหลังใหญ่ ซึ่งต้องขอชื่นชมว่าภายนอกมีรูปแกะสลักหินที่งดงามสุดใจแล้ว ภายในยังมีภาพวาดที่สวยงามเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นภาพตอนที่พระนางสังฆมิตตาเถรีอัญเชิญกิ่งพระศรีมหาโพธิ์มาศรีลังกาก็ดี หรือว่าเป็นภาพวาดของพระพุทธโฆษาจารย์ถวายคัมภีร์วิสุทธิมรรคก็ตาม

ภาพวาดล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือชั้นครูและบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาศรีลังกาได้ทั้งนั้น ชมเท่าไรก็ไม่รู้เบื่อ โดยเฉพาะองค์พระประธานตรงกลาง นอกจากที่เขาจะตั้งใจเอาไว้เป็นพระประธานในมหาวิหารแล้ว ยังมีการวาดเทือกเขาหิมาลัยอยู่ทางด้านหลัง เหมือนอย่างกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับทรงสมาธิอยู่ ณ เทือกเขาหิมาลัยอีกด้วย

เมื่อวนดูกันจนรอบ ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วก็ออกมาสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งได้หน่อมากจากต้นแม่ที่เมืองแคนดี เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เรียกร้องเนื่องจากว่ามีเวลาเหลือมาก โดยเฉพาะมาดามชวงขอไปดูมัสยิดแดง ที่ได้เห็นมาจากยูทูบแล้วว่างดงามเป็นหนักหนา แต่บังเอิญว่าอยู่ใจกลางเมืองจริง ๆ ประมาณย่านเยาวราชบ้านเรา รถราจึงติดหนักมาก เมื่อไปถึงแล้วพวกเราก็ว่าคุ้มค่ากับรถติดเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าอลังการน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งลักษณะสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่คริสต์ศักราช ๑๙๐๘ แล้วก็สีสันต่าง ๆ ที่ลงเอาไว้ ทำให้รู้สึกว่าอลังการงานสร้างเป็นพิเศษ

หลังจากนั้นทางคุณเอก็แถมวัดคงคาราม ซึ่งเป็นวัดที่เป็นลักษณะของโบสถ์น้ำ ยื่นเข้าไปในทะเลสาบ เอาไว้สำหรับบวชพระในลักษณะของอุทกกุเขปสีมา ทางด้านหน้าตัวอาคารมีรอยพระพุทธบาทแกะสลักจากหินอ่อน ซึ่งสร้างถวายมาโดยทางประเทศพม่า ส่วนด้านในนั้นมีทั้งพระประธานของพม่า ของไทย และของจีนอยู่กันพร้อมสามประเทศ เป็นสถานที่ซึ่งต้องบอกว่า "อยู่ท่ามกลางตึกระฟ้า แต่ว่าสงบงาม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2023 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 19-07-2023, 01:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,871 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วพวกเรายังได้ของแถมอีกแห่งหนึ่ง ก็คือศาลาประกาศอิสรภาพ ซึ่งทางด้านประเทศศรีลังกาได้ประกาศอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ เข้าไปชมประวัติต่าง ๆ ที่ได้สลักเอาไว้โดยรอบ คุณเอทำหน้าที่มัคคุเทศก์อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย แล้วก็เข้าไปยังที่สุดท้ายซึ่งกระผม/อาตมภาพสะดุ้ง เพราะว่าเข้าภัตตาคารกันตอนเย็นย่ำค่ำคืนแล้ว..!

เนื่องเพราะว่าทุกคนใช้พลังงานไปมาก จนกระทั่งต้องเข้าไปกินข้าวปลาอาหารกัน กระผม/อาตมภาพเองฉันน้ำอัดลมไป ๑ ขวด แล้วออกมานั่งส่งงานให้กับทางเมืองไทย เพื่อให้บรรดาท่านที่ติดตาม สามารถที่จะเข้าไปชมให้ได้ทันเหตุการณ์ แม้ว่าจะล่าช้าไปเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงก็คงจะไม่ว่ากัน

เมื่ออิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว ทางคุณอสังคะก็พาพวกเราขึ้นทางด่วน มุ่งตรงไปยังสนามบินนานาชาติบันดรานายะเก แต่ปรากฏว่าแถวในการเช็คอินนั้นยาวเหยียดสุด ๆ โดยเฉพาะแม้ว่าจะเปิดถึง ๖ ช่องแล้ว พวกเราก็ยังต้องรอแล้วรออีก จนกระทั่งเขาเปิดช่องใหม่ขึ้นมา พวกเราถึงได้เข้าไปได้เร็วขึ้น แล้วก็มาขำตรงที่ว่าฝากกระเป๋า ๕ ใบ น้ำหนักแค่ ๓๕ กิโลกรม เจ้าหน้าที่หญิงถามว่ามีอะไรจะฝากเพิ่มไหม เพราะว่าน้ำหนักน้อยจนเกินไป เป็นเรื่องที่ตลกแล้วหัวเราะไม่ออก

จากนั้นพวกเราก็ผ่านด่านเอ็กซเรย์ต่าง ๆ เข้าไปทางด้านใน จนถึง ตม.ศรีลังกา ซึ่งใช้เวลาครึ่งนาทีก็ประทับตราหนังสือเดินทางให้กระผม/อาตมภาพออกจากประเทศได้ ต้องขอชมการทำงานของ ตม.ศรีลังกาเป็นอย่างยิ่ง พวกเรารอเวลาขึ้นเครื่อง ก็คือ ๕ ทุ่มของศรีลังกา แต่ไม่ทราบว่าทางสายการบินนึกอย่างไร จึงเรียกขึ้นเครื่องตั้งแต่ ๔ ทุ่มครึ่ง แต่พวกเราก็ถือว่าเร็วดีกว่าช้า

เมื่อขึ้นไปเสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็นอนสลบไสล เพราะว่าตลอดระยะเวลานั้น ก็มักจะต้องรอถ่ายรูป แล้วก็รอบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน จึงไม่ได้พักผ่อนกับใคร ส่วนจะไปถึงเมืองไทยเวลาไหน ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2023 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว