กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-04-2023, 20:46
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 347
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,937 ครั้ง ใน 825 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-04-2023, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,900 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยอย่างแท้จริง แต่จะเรียกว่า "ปีใหม่ไทย" ก็ไม่ชัดเจนนัก เพราะว่าประเพณีสงกรานต์เรารับมาจากชมพูทวีป ซึ่งปัจจุบันก็เน้นเอาประเทศอินเดียเป็นหลัก

คราวนี้ในส่วนของงานสงกรานต์ตลอดทั้งสามวันที่ผ่านมา พวกเราก็มีกิจกรรมการทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ ก่อพระเจดีย์ทราย แล้วก็สรงน้ำพระ มีส่วนหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพอยากจะทำ แต่ว่ายังไม่ได้ลงมือทำก็คือ ให้พวกเราได้สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วด้วย เพียงแต่ว่าคงจะต้องหาทางสร้างกรงสักใบหนึ่งก่อน สมัยนี้ข้าวของอะไรถ้ามีราคาก็ต้องติดคุก..! เราต้องจัดตั้งเอาไว้ในกรง..!

ถ้าหากว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วก็จะลงตัวพอดี ก็คือหลวงพ่อทองคำอยู่ซ้ายสุด พระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วอยู่ตรงกลาง แล้วก็ต่อด้วยรูปหล่อหลวงปู่พุก หลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ไม่ใช่อย่างวันนี้ที่พระท่านจัดเอาไว้
กระผม/อาตมภาพไม่ได้ขึ้นไปดูหน่อยเดียว จัดเอาไว้ได้ดีมาก ถ้าหากว่าเป็นภาษาคณิตศาสตร์ เขาเรียกว่า "ได้สมมาตร" เท่ากันเป๊ะสองข้าง แต่ใช้ไม่ได้..!

เพราะว่าการสรงน้ำก็คือถวายน้ำสรงพระพุทธรูปก่อนแล้วค่อยเป็นพระสงฆ์ คราวนี้เราเอารูปหล่อหลวงปู่พุก หลวงปู่สายไปไว้ซ้ายขวา ก็ต้องถวายน้ำสรงพระพุทธรูป แล้วก็เลี้ยวซ้าย จากนั้นค่อยเลี้ยวขวา ก็เดินชนกันอยู่ตรงนั้นแหละ..! ไม่ต้องไปไหนหรอก ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด ก็คือคิดว่าถ้าจัดได้สมมาตรแล้ว ทุกอย่างจะดูดี สวยงาม แต่ว่าผิดหลักไปหน่อย

จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้พระเจ้าท่านไม่ได้ถือสา ที่ถือสาคือพวกเราเอง แบบเดียวกับบนพระนิพพาน ท่านที่สามารถขึ้นไปได้ ถ้าเห็นภาพที่แท้จริง ก็จะเห็นว่าบนพระนิพพานไม่มีการแบ่งแยกกัน บางทีท่านก็นั่งสับสนปนเปกันไปหมด เพราะว่าต่ำสุดก็คือเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2023 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-04-2023, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,900 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าพระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี แต่ละพระองค์สร้างบารมีมาไม่เท่ากัน ท่านที่สร้างบารมีไว้มาก พระวรกายก็จะดูใหญ่โตมาก แต่ความจริงถ้าหากว่าเราใช้คำว่า "พระวรกาย" นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่พระองค์ท่านแสดงให้เราเห็นเป็นพุทธนิมิตเท่านั้น ถ้าจะใช้คำว่า "กลุ่มพลังงาน" น่าจะเหมาะสมที่สุด

แต่ว่าพวกเราก็มักจะรับกันไม่ได้
เพราะว่าเราเอาอุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่นในโลกมนุษย์ของเราขึ้นไปด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราไปถึงก็จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่ตรงกลาง มีพระอัครสาวกซ้ายขวา มีพระมหาสาวก มีพระปกติสาวก นั่งกันลดหลั่นเป็นระเบียบเรียบร้อย ภาพที่เราเห็นนั้นเป็นไปตามกิเลสของเรา ก็คือถ้าไม่นั่งอย่างนั้น เราก็จะสงสัยอีกว่า "นี่กูเห็นจริงหรือเปล่า ?"

ดังนั้น..ในเมื่อเราเอากิเลสของปุถุชนขึ้นไป ท่านก็เลยต้องทำให้เราเห็นในรูปแบบที่เราคิดว่าใช่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เราเห็นจึงเป็นไปตามกำลังใจของเรา ไม่ใช่ความจริงแท้ ถ้าเป็นความจริงแท้ ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่ท่านว่าจะนั่งกันตรงไหน ระวัง..ขึ้นไปวันนี้อาจจะโดนหลอกอีก เพราะว่าโยมแบกเอาคำพูดของกระผม/อาตมภาพไป กลายเป็นอุปาทาน ยึดมั่นถือมั่นอีกแล้ว..!

ในเรื่องของโลกทิพย์ ถ้าหากว่าใครฝึกกรรมฐานสายมโนมยิทธิ จะมีอยู่อย่างหนึ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านย้ำอยู่เสมอ แต่พวกเรามักจะมองข้ามไปก็คือ "ขอให้รู้เห็นตามสภาพความเป็นจริง"

ในเมื่อเรามองข้ามไป แล้วเราก็ไปยึดอุปาทานของเราว่าควรจะเป็นเช่นนั้น ควรจะเป็นเช่นนี้ เราก็เลยไม่ได้รู้เห็นตามความเป็นจริง หากแต่ท่านแสดงให้รู้เห็นตามกิเลสในใจของเรา ที่คิดว่าควรที่จะเป็นเช่นนั้น คาดว่าควรที่จะเป็นเช่นนั้น

เรื่องพวกนี้พูดไปก็ปวดหัว
กระผม/อาตมภาพหาคนคุยด้วยยากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งพี่น้องที่ออกจากโบสถ์วัดท่าซุงมาด้วยกัน ส่วนใหญ่ก็ฝึกมโนมยิทธิเพื่อที่จะขอผ่านด่าน ก็คือให้ได้บวช พอบวชแล้วก็มักจะขาดการซักซ้อม ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ สนิมกินไปตาม ๆ กัน ในเมื่อหาคนคุยยากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีกระผม/อาตมภาพก็เก็บกด บางเรื่องรู้มาเป็นร้อย ให้บอกได้แค่หนึ่งแค่สอง อกจะแตกตาย..! แล้วให้รู้ทำไม ? ไปต่อว่ากันเอาเองนะจ๊ะ อาตมาไม่กล้าต่อว่า กลัวโดน "ตื้บ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2023 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-04-2023, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,900 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ถ้าหากว่าเป็นทางสายวัดป่า อย่างหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านสอนลูกศิษย์มา ก็คือให้ทิ้งนิมิตทุกอย่างเลย ไม่เอาเลย..แต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็แปลกมาก ยิ่งไม่เอายิ่งชัด นี่เป็นหลักการปฏิบัติเลย ว่าอะไรก็ตามถ้าเราไม่ใส่ใจจะชัดเจนมาก แต่ถ้าเราใส่ใจ เหมือนตั้งใจดูตั้งใจมอง ก็จะไม่ชัด แล้วอย่าถามนะว่า "แกล้งไม่ใส่ใจได้ไหม ?" แกล้งได้..แต่ขอโทษ..ก็กำลังใส่ใจนั่นแหละ..!

เรื่องพวกนี้ต้องฝึกฝนกันอย่างมาก แม้กระทั่งทุกวันนี้ กระผม/อาตมภาพก็ยังถือว่ายังอยู่ในระหว่างที่ฝึกอยู่ เพียงแต่ฝึกมานานเกิน ๔๐ ปีแล้ว ก็เลยมีอะไรที่รู้มากกว่าพวกเราอยู่หน่อยหนึ่ง
การฝึกมโนมยิทธิ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเชื่อว่าลูกศิษย์ท่านฉลาดพอ ฉลาดพอที่จะเลือกว่าอะไรถูก อะไรผิด ท่านถึงได้กล้าสอน แต่ปรากฏว่าร้อยละ ๙๙ เลือกผิด..!

ตอนสมัยวัยรุ่น กระผม/อาตมภาพสงสัยมากว่า พระที่มาสายวิสุทธิมรรค อย่างพระสายหลวงปู่มั่น มีอาการรู้เห็นเหล่านี้หรือไม่ จึงกราบเรียนถามกันตรง ๆ เลย โดยเฉพาะถามใครไม่ถาม ไปถามคนจริงอย่างหลวงตาบัว "หลวงพ่อครับ หวยงวดหน้าออกอะไรครับ ?" มีใครกล้าถามบ้างไหม ? รับประกัน..ได้กบาลแยกแน่นอน..!

แต่ปรากฏว่าท่านตอบว่า "น่าจะ ๘๑ นะ" คือท่านรู้ว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคนไม่เล่นหวย แล้วที่ถามเพราะอยากรู้ อยากรู้ว่าพระที่มาสายวิสุทธิมรรค ถ้าปฏิบัติถึงจริง ๆ แล้วรู้เห็นเรื่องพวกนี้ไหม ? อยากรู้แค่นั้น ไม่ได้อยากเล่นหวย ท่านก็เลยบอกให้ตรง ๆ ออกเป๊ะเลย ถ้าท่านยังอยู่ ลองไปถามดูสิ..จะได้อะไร อาจจะเป็นกระโถนทั้งใบก็ได้..!

แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพเฝ้าหน้าห้องหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ แล้วก็เปิดโทรทัศน์ดูมวย ดูฟุตบอล หลวงพ่อไม่เคยว่าสักคำ คนอื่นเปิดดูโดนด่าจมธรณีไปเลย..! แล้วคนเขาก็ว่ากระผม/อาตมภาพเป็น "เด็กเส้น" ทำอะไรไม่เคยผิด..! แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะว่าก่อนจะเปิดดูนี่
กระผม/อาตมภาพกำหนดใจแล้วว่า "คู่นี้แพ้ชนะกันอย่างไร ?" ต้องการดูคำตอบเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2023 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-04-2023, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,900 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เปิดเพลงฟัง สบายใจมาก ไม่เคยโดนด่า เพราะว่าอาตมภาพเองแพ้เสียงผู้หญิงอยู่สองคน รุ่นเก่าคือคุณวงจันทร์ ไพโรจน์ โดยเฉพาะเพลงกุหลาบเวียงพิงค์ รุ่นใหม่ก็คือคุณสุนทรี เวชานนท์ ใหม่สมัยโน้นนะ..ไม่ใช่สมัยนี้..! โดยเฉพาะเพลงสาวเชียงใหม่ ล่องแม่ปิง

เปิดฟังกันทุกวัน ๆ ละหลาย ๆ รอบ พี่น้องเพื่อนฝูงก็ลุ้นอยู่อย่างเดียว "เมื่อไรหลวงพ่อจะฟาดมันให้กบาลแยกสักที..!" แต่ไม่เคยโดน ไอ้คำว่า "เด็กเส้น" ก็เลยลือกันมากขึ้นไปทุกที แต่ความจริงก็คือฟังแล้วตั้งใจภาวนาสู้กิเลส ทำอย่างไรเมื่อเจอสิ่งที่เราชอบแล้วเราจะไม่ไหลตามไป ? เรื่องพวกนี้เผลอเมื่อไรพังทันทีเลยนะ..! เพราะว่าใจเราเคยชินกับสิ่งที่ไม่ดีมาก่อน

แบบเดียวกับที่
กระผม/อาตมภาพเคยบันทึกการเดินทางเอาไว้ เรื่องที่เข้าไปที่เมืองลับแล ๕ วัน ๕ คืนในนั้น ใจทรงตัวเป๊ะ..ไม่ต้องภาวนาเลย เพราะว่ากลัวอันตราย แต่คราวนี้พอขากลับออกมา เริ่มจำภูมิประเทศได้ว่า เดินจากตรงนี้อีกประมาณชั่วโมงเดียวก็เจอบ้านคนแล้ว พอจำทางได้ ไอ้ใจที่ทรง ๆ อยู่ หลุดไปตอนไหนก็ไม่รู้ ? เลิกภาวนาไปดูฟ้าดูดินแทน..!

ในป่าดงดิบต้นไม้มาก ทึบมาก แสงแดดมันส่องมาเป็นเส้น ๆ แล้วไอ้ความชื้นก็เป็นหมอกลอยขึ้นไปเป็นเกลียว ดูแล้วสวยมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเสียงเพลงดังขึ้นมาในหัวตอนไหน "ดวงตะวันลับทิวแมกไม้ ใจพี่ก็หาย..หายลับไปกับตะวัน ฯลฯ" ทั้ง ๆ ที่เพลงนี้เคยร้องตั้งแต่สมัยฆราวาสนะ นานมากแล้ว

ปรากฏว่าใครก็ไม่รู้เมตตา ถีบตูมเดียวลงไปอยู่ในลำห้วย สมน้ำหน้าตัวเอง..! แล้วคิดดูว่าปลายเดือนพฤศจิกายนนั้นหนาวตายชักขนาดไหน !? หัวถึงตีนเปียกหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย ข้าวของทั้งย่ามก็เปียกหมด เดินสั่นแหง็ก ๆ กว่าจะถึงหมู่บ้าน ตะคริวจะกินตาย..!

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ ถ้าเราจะสู้กับกิเลส ให้หาทางสู้กับสิ่งที่ไม่เป็นอันตรายกับเรามาก อย่างเช่นว่าชอบฟังเพลงก็สู้กับเพลง ชอบดูมวยก็สู้กับมวย ชอบดูฟุตบอลก็สู้กับฟุตบอล ชอบน้องลิซ่าก็เปิดทุกเพลงไปเลย แล้วดูว่าใจเราไหลไปตอนไหน ? ตอนที่ไม่ไหลตาม เรารักษากำลังใจอย่างไร ? ต้องหมั่นซักซ้อมบ่อย ๆ แบบนี้ ความก้าวหน้าถึงจะมีขึ้นมาได้ พูดไปพูดมา จากสงกรานต์กลายเป็นกรรมฐานไปได้เหมือนกัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2023 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว