เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ งานสำคัญก็คือกระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวัดประยุรวงศาวาส เพื่อกราบพบท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙) กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำปัจจัยจำนวน ๑ ล้านบาทไปตั้งกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา

เหตุที่ต้องกระทำดังนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อหลายเดือนก่อนที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ซึ่งมีการจัดอบรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอบรมฝึกซ้อมพระอุปัชฌาย์ก็ดี อบรมบาลีก่อนสอบก็ตาม กระผม/อาตมภาพได้พบกับบุคคลคุ้นเคย ก็คือท่านสหัส บรรจงเมือง ผู้อำนวยการกองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งท่านเคยเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีมาก่อน

ท่านสหัสมากราบ กระผม/อาตมภาพจึงได้ต่อว่าท่านไปว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดสรรงบประมาณมาช่วยงานอบรมที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท แต่ทางวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ต้องจ่ายในการอบรมไปเป็นล้านเลย จำนวนเงินไม่ได้สมควรกันแม้แต่นิดเดียว..!

ท่านผู้อำนวยการสหัสเรียนว่า "ท่านครับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีงบประมาณน้อยมาก โดยเฉพาะงบประมาณฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่กระผมดูแลอยู่ ช่วงนี้กระผมตั้งใจจะจัดอบรมปฏิบัติธรรมของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ และอบรมพระนักเผยแผ่ เพื่อให้สอดคล้องกับงานของกองเผยแผ่พระพุทธศาสนา และสอดคล้องกับงานของฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ไทย แต่ว่างบประมาณมีไม่เพียงพอ ยังไม่สามารถที่จะจัดงานได้"

เมื่อกระผม/อาตมภาพสอบถามแล้วได้ความว่า ทางกองเผยแผ่พระพุทธศาสนาสามารถที่จะเจียดงบประมาณมาได้มากที่สุด ๙ แสนบาท ถ้าหากว่าจะจัดสองงานดังที่ว่ามา ต้องใช้งบประมาณ ๑ ล้าน ๙ แสนบาท กระผม/อาตมภาพเห็นว่า ท่านผู้อำนวยการสหัสนั้นเป็นบุคคลที่ทำงานจริงจังมาก ตั้งแต่สมัยเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี จึงได้บอกไปว่า "ถ้าอย่างนั้น เงินที่ขาดอยู่ ๑ ล้านบาทนั้น กระผม/อาตมภาพจะมอบให้กับทางกองเผยแผ่พระพุทธศาสนาเอง" ซึ่งท่านผู้อำนวยการสหัสก็ดีใจมาก กราบขอบคุณแล้ว กราบขอบคุณอีก

[เถรี]

แต่ว่าหลังจากที่กลับไปพินิจพิจารณาแล้ว หรือว่าไปปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่แล้วก็ไม่ทราบ เมื่อพบกันในงานครั้งต่อไปที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ท่านผู้อำนวยการได้กราบเรียนว่า "หลวงพ่อถวายเงินก้อนนี้ให้กับพระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. ไปเลยดีกว่าครับ เพราะว่าท่านเป็นประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติอยู่แล้ว เมื่อเงินเข้าไปที่ท่าน ก็สามารถช่วยเหลือเรื่องการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วประเทศ ถ้าเงินก้อนนี้เข้าไปที่กองเผยแผ่พระพุทธศาสนาของกระผม ก็จะติดด้วยข้อระเบียบราชการต่าง ๆ ทำให้ใช้งานยากด้วย"

กระผม/อาตมภาพเมื่อได้รับคำแนะนำอย่างนั้น จึงได้ติดต่อผ่านท่านเจ้าคุณพระโสภณวชิรวาที (อาทิตย์ อตฺถเวที ป.ธ. ๓) หรือที่เรียกกันแบบคุ้นเคยว่า ท่านเจ้าคุณอาทิตย์ เลขานุการของท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. ซึ่งท่านจ้าคุณอาทิตย์กับกระผม/อาตมภาพนั้นคุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นพระครูโสภณปริยัตยานุกิจ

เหตุเพราะว่าท่านได้รับนิมนต์ไปที่วัดท่าซุงทุกปีเหมือนกัน เมื่อถึงเวลานั่งติดกัน ก็พูดคุยกันเป็นปกติ ก็ไม่ได้นึกว่าท่านจะมาเป็นใหญ่เป็นโต ถึงขนาดเป็นเลขานุการของท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. แล้วยังเลื่อนขึ้นมาเป็นเจ้าคุณ ซึ่งมีคำว่า วชิร หรือว่า วัชร อยู่ในสมณศักดิ์ที่พวกกระผม/อาตมภาพถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่งในยุคนี้สมัยนี้

ท่านเจ้าคุณอาทิตย์จึงได้แนะนำว่า พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. จะต้องไปเทศน์ที่วัดพยัคฆาราม จังหวัดสุพรรณบุรีในงานศพของอดีตเจ้าอาวาส แล้วกว่าจะกลับมาถึงวัดประยุรวงศาวาส ก็ตกประมาณ ๕ โมงเย็นของวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์นี้

กระผม/อาตมภาพจึงได้ติดต่อไปทางท่านผู้อำนวยการสหัสผู้เป็นต้นเรื่องว่า ท่านผู้อำนวยการจะร่วมไปถวายปัจจัยแก่ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. ในวันนี้หรือไม่ ซึ่งท่านผู้อำนวยการก็รับปากด้วยความยินดี ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุดของท่านเอง เมื่อนัดหมายกันเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ทางด้านกระผม/อาตมภาพก็มีพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยานติดตามไปด้วย

เมื่อไปถึงได้กราบท่านแล้วก็ระลึกถึงความหลังกัน ก็คือตั้งแต่ที่สมัยกระผม/อาตมภาพฝึกหัดนักเทศน์ แล้วพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. ท่านสอนการเทศน์ให้ เมื่อมาเรียนในระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรีสาขาพระพุทธศาสนา ปริญญาโทและปริญญาเอก สาขาการจัดการเชิงพุทธของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ดี ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการสั่งสอนจากพระเดชพระคุณท่านมาโดยตลอด

[เถรี]

เมื่อปรารภกันเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพได้ถวายปัจจัยให้กับท่าน ซึ่งท่านก็ได้สั่งการให้กับท่านผู้อำนวยการสหัสเลยว่า "จากแต่เดิมที่ทางคณะสงฆ์ธรรมยุตไม่ได้ของบประมาณในการเผยแผ่มา เราสามารถที่จะแบ่งปันไปให้คณะสงฆ์ได้ภาคละ ๕๐,๐๐๐ บาทในการจัดการอบรม แต่ว่าเมื่อคณะสงฆ์ธรรมยุตขอมา เราก็เหลือแค่ภาคละ ๒๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น ให้เอาเงินของท่านพระครูวิลาศกาญจนธรรมส่วนนี้สมทบเข้าไปในส่วนที่ตัดออก ให้คณะสงฆ์ทั้ง ๑๘ ภาคได้ไปภาคละ ๕๐,๐๐๐ บาทในเบื้องต้นก่อน ส่วนงานอื่น ๆ ถ้าหากว่าจะจัด แล้วค่อยจัดสรรเงินก้อนนี้ลงไป"

"แต่ว่าอันดับแรกเลย ให้ตั้งเป็นกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ แล้วร่างระเบียบในการใช้เงินขึ้นมาให้ทันกับการที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จะได้จัดอบรมปฏิบัติธรรมแก่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหมดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ในวันที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ นี้"

พูดง่าย ๆ ว่ารีบไปร่างระเบียบการใช้เงินมา เพื่อให้ทันกับการที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จัดการอบรมเป็นภาคแรกในคณะสงฆ์ ๑๘ ภาค แล้วเงินก้อนนี้จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาทแรก จะได้นำไปถวายที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ต่อไป

อีกส่วนหนึ่งที่ดีใจมากก็คือ ในตอนแรกพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ได้นิมนต์ให้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. ท่านไปเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการอบรม แต่ท่านบอกว่าติดงานเกี่ยวกับบาลีสนามหลวง แต่ในเมื่อกระผม/อาตมภาพมาถึงด้วยตนเองแล้ว ท่านก็จะเจียดเวลาไปเปิดงานให้ในวันที่ ๘ มีนาคมนี้ก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นท่านเองก็จะต้องไปบรรยายในวันที่ ๑๓ มีนาคมแทน

ในเมื่อแบ่งเวลาว่าทางด้านโน้นนิด ทางด้านนี้หน่อย ก็น่าจะเพียงพอในการที่ไปเป็นประธานเปิดการอบรมให้ ให้กระผม/อาตมภาพเรียนถวายพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. เจ้าคณะภาค ๑๔ ว่าวันที่ ๘ มีนาคมนี้ ท่านจะไปเป็นประธานเปิดงานให้ กระผม/อาตมภาพก็ไม่นึกว่าจะได้รับความเมตตาถึงขนาดนี้

[เถรี]

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย ท่านเจ้าคุณอาจารย์ก็ได้มอบเกียรติบัตรในฐานะผู้ตั้งกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นคนแรก แล้วขณะเดียวกันก็มอบหนังสือมาให้ตั้งใหญ่ ซึ่งการที่ได้หนังสือนั้น กระผม/อาตมภาพดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะว่าในทุกวันนี้กระผม/อาตมภาพอ่านหนังสือวันละ ๑ เล่ม จนหนังสือออกให้ไม่ทันอ่าน..! เมื่อได้รับหนังสือที่เกิดจากสมองอันสุดยอดของพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์มา ก็จะเป็นสิ่งที่จะมาเสริมความรู้เก่า สร้างความรู้ใหม่ให้กระผม/อาตมภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อถ่ายรูปกันเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบลา เพราะว่าวันนี้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ไปงานมาสองงานติดกันแล้ว น่าจะเหนื่อยมาก

เมื่อเดินออกมาทางด้านนอก ท่านเจ้าคุณอาทิตย์ เลขานุการของหลวงพ่อยังปรารภว่า "หลวงพ่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมได้สร้างบุญใหญ่ไว้ในพระพุทธศาสนา เพราะว่างานเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งประเทศก็คืองานธรรมทาน เท่ากับว่าได้ทำบุญกับคณะสงฆ์ทั้ง ๑๘ ภาคโดยครบถ้วนสมบูรณ์" ไม่เช่นนั้นแล้วกระผม/อาตมภาพเองส่วนใหญ่ก็แค่ทำบุญกับทางคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ต้นสังกัดของตนเอง แล้วก็คณะสงฆ์หนกลางที่เป็นต้นสังกัดเช่นกัน

ส่วนที่เหลือก็ลงในจังหวัดตนเองบ้าง จังหวัดข้างเคียงในภาคเดียวกันบ้าง เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่ได้ทำบุญครบถ้วนทั้ง ๑๘ ภาคทีเดียว เมื่อได้บอกลาท่านเจ้าคุณอาทิตย์และผู้อำนวยการสหัสแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางกลับยังที่พักที่วัดอุทยาน

การที่ได้สร้างกุศลใหญ่ในธรรมทานครั้งนี้ ก็ขอให้พระภิกษุ สามเณร แม่ชี ตลอดจนฆราวาสหญิงชายที่ได้ฟังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้ ได้อนุโมทนาและมีส่วนบุญโดยทั่วถึงกัน ขอให้ท่านทั้งหลายมีมรรค ๔ ผล ๔ และพระนิพพานเป็นที่ไปโดยทั่วกันทุกท่านทุกคนเทอญ

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)