กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-01-2023, 20:10
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,628
ได้ให้อนุโมทนา: 216,934
ได้รับอนุโมทนา 747,832 ครั้ง ใน 36,422 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-01-2023, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,397 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เรื่องงานของกระผม/อาตมภาพวันนี้คงไม่ต้องพูดถึง แต่อยากจะมาพูดถึงคณะผ้าป่าจากสถานีวิทยุทหารอากาศ ๐๑ มีนบุรีที่มาทอดที่วัดเราแทน

คณะนี้ตั้งแต่ยังออกอากาศที่สถานีวิทยุทหารอากาศ ๐๑ บางซื่อ ดำเนินการโดยคุณอาคม ทันนิเทศ ก็เดินทางไปแสวงบุญทั่วประเทศไทย ถ้าหากเห็นว่าวัดไหนมีสิ่งสำคัญที่ควรจะบูรณปฏิสังขรณ์ให้ดี ก็จะไปอาสาเป็นเจ้าภาพทำให้ อย่างเช่นการไปบูรณะวัดปงสนุก เป็นต้น

ในส่วนนั้นเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกล่าวถึง ส่วนที่กระผม/อาตมภาพอยากจะกล่าวถึงก็คือว่า วันนี้มีพระมาในขบวนผ้าป่า และอยู่ในลักษณะของผู้นำญาติโยมมาด้วย แต่คราวนี้พระที่ท่านมาเพิ่งบวชได้แค่ ๒ เดือน..!

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจนะครับว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พระนวกะศึกษาเรียนรู้จากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ๕ พรรษาเป็นอย่างน้อย เพื่อที่จะได้ไม่ไปกระทำสิ่งหนึ่งประการใดที่ผิดพลาดจากพระธรรมวินัย ซึ่งสถานเบาก็ทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธา สถานหนักอาจจะต้องอาบัติหนักอย่างสังฆาทิเสสหรือว่าปาราชิกไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2023 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-01-2023, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,397 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วเป็นที่นิยมของวัดวาอารามเป็นส่วนใหญ่ เขาใช้คำว่า "พาโยมไปเที่ยว" สมัยที่กระผม/อาตมภาพบวชไม่กี่พรรษาก็มี "พิชิตทัวร์" "ชัยวัฒน์ทัวร์" จนกระทั่งโดนหลวงพ่อวัดท่าซุงทุบเงียบไป หลังจากสิ้นท่านแล้วค่อยโผล่ขึ้นมาใหม่

เรื่องนี้พวกเราต้องระมัดระวังให้ดี เพราะว่าแม้แต่กระผม/อาตมภาพก็โดนคนทองผาภูมิถามว่า "ทำไมพระอาจารย์ไม่พาญาติโยมไปทำบุญที่โน่นที่นี่บ้าง ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า มี ๒ เหตุผลด้วยกัน

เหตุผลแรกก็คือ "โยมตามฉันไม่ทัน" คือ ตั้งแต่สมัยฆราวาสแล้ว ถ้าหากว่าไปไหนแล้วใครช้า ต่อให้สุดเหนือสุดใต้ กระผม/อาตมภาพก็ทิ้งเลย ให้หารถกลับกันเอง ก็เข็ดหลาบไปตาม ๆ กัน ถ้าหากว่าเป็นญาติโยมชาวทองผาภูมิในระยะก่อนหน้านี้ คาดว่าโดน
กระผม/อาตมภาพทิ้งทั้งคณะ..!

เหตุผลที่สองก็คือ "งานการหน้าที่มีมาก" ไม่มีเวลาที่จะพาโยมไปในลักษณะอย่างนั้น แต่ว่าวัดวาอารามอื่น ส่วนใหญ่แล้วเขานิยมทำกัน เพราะว่าอยู่ในลักษณะของการรักษาศรัทธาญาติโยมเอาไว้ ซึ่งตรงนี้ กระผม/อาตมภาพไม่เห็นมีความจำเป็นอย่างนั้น

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพไม่ชอบคลุกคลีกับหมู่คณะ โดยเฉพาะถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่าในทองผาภูมินี้ อันดับแรกเลย กระผม/อาตมภาพแทบจะไม่ไปเหยียบบ้านใครเลย ประการที่สองก็คือไม่บอกบุญ ไม่เรี่ยไร

ในเมื่อเป็นอย่างนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพาญาติโยมไปเที่ยวอย่างที่ทุกคนเขาทำกัน เพราะว่าบอกบุญก็ไม่บอกบุญ เรี่ยไรก็ไม่เรี่ยไร บ้านเขาก็ไม่ไปเหยียบ แล้วแถมโยมยังตามไม่ทันอีกต่างหาก โอกาสที่กระผม/อาตมภาพจะทำตัวเป็น "หัวหน้าทัวร์" บ้างจึงไม่มี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2023 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-01-2023, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,397 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ส่วนใหญ่แล้วพระภิกษุสามเณรสมัยนี้ มักจะคิดว่าตนเองมีความรู้ทางโลกมาก มั่นใจตัวเอง ทำให้ไม่ใส่ใจในพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าพระองค์ท่านบัญญัติเอาไว้อย่างไร ประมาณว่า "กูแน่พอ" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไปวัดโน้น วัดนี้ วัดนั้น บางทีก็ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือว่าตนเองศึกษากิจวัตร วิธีวัตร อาคันตุกะวัตรครบถ้วนสมบูรณ์หรือยัง? ไปแล้วทำผิด เขาก็ตำหนิมาถึงครูบาอาจารย์

ถ้าหากว่าผิดพลาดให้ญาติโยมเขาเห็น เขาก็เสื่อมศรัทธา แล้วการเสื่อมศรัทธาไม่ได้เสื่อมแต่ตัวเรา เสื่อมเสียมาถึงวัด เสียมาถึงครูบาอาจารย์ เสียถึงพระพุทธศาสนา พูดง่าย ๆ ว่าไปในลักษณะอย่างนั้น มีแต่เสมอตัวกับขาดทุน โอกาสกำไรนี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ใครที่คิดจะทำอย่างนั้นเพื่อรักษาญาติโยมเอาไว้ กระผม/อาตมภาพขอเตือนว่าอย่าได้เสียเวลาไปทำเลย

หลายท่านไม่ได้ไปแค่ในประเทศ ถึงขนาดไปต่างประเทศ แรก ๆ ก็ไปอยู่ในลักษณะพาโยมไป อย่างเช่นว่าไปไหว้สังเวชนียสถานทั้ง ๔ พอถึงเวลาเห็นช่องทางมากขึ้น แทนที่จะพาโยมไปแสวงบุญ ก็กลายเป็นจัดทัวร์เพื่อหาเงิน..!

เรื่องพวกนี้จะเป็นไปตามแต่กิเลสชักนำเรา ที่กระผม/อาตมภาพเคยพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า แรก ๆ ทุกคนบวชมาด้วยเจตนาดีทั้งนั้น อยากจะบวชปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ อยากจะช่วยเหลือจรรโลงพระพุทธศาสนา แต่พออยู่ไป ๆ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามา เจตนาก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่จะทำเพื่อพระพุทธศาสนา ทำเพื่อวัดวาอาราม ก็กลายเป็นว่าทำเพื่อความสุขส่วนตัว

อย่างที่เคยบอกว่า กุฏิแต่ละหลังหรูหราเสียจนกระทั่งกระผม/อาตมภาพแทบจะไม่กล้านั่ง ต้องมีรถยนต์ราคาแพง ๆ เอาไว้อวดบารมีกัน ต้องมีข้าวของเครื่องใช้แบรนด์เนม ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ไม่นานก็จะเจ๊ง แบบเดียวกับเณรคำ ยุคที่เณรคำเฟื่องฟู ท่านนั่งเครื่องบินส่วนตัวเป็นว่าเล่นเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2023 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-01-2023, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,397 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่ระวัง ถึงเวลาโดนกิเลสชักนำไปผิดทาง โอกาสที่จะรู้ตัวและย้อนกลับมานั้นยากมาก เพราะว่ากิเลสมีกำลังแรงกว่าแล้ว ถ้าไม่ใช่คนช่างสังเกต ก็จะไม่รู้ว่าตัวเองออกนอกลู่นอกทางไปตอนไหน

กระผม/อาตมภาพเอง ขนาดเป็นคนช่างสังเกต ยังมีบางวาระที่โดนกิเลสหลอก ทั้งที่กลัวมากว่าจะเดินผิดทาง พิจารณาแล้วก็รู้สึกว่าไปตรงทางดี ผ่านไปปีที่ ๑ ปีที่ ๒ ปีที่ ๓ มาทบทวนตัวเอง รู้ตัวอีกทีอยู่ก้นเหว..! ลักษณะเหมือนอย่างกับแผ่นดินลดลงทีละมิลลิเมตร เราไม่รู้ตัวเลย เดินไปเรื่อย เดินไปเรื่อย เห็นหนทางกว้างใหญ่ชัดเจน มารู้ตัวอยู่ก้นเหวก็ผ่านไปแล้ว ๓ ปีเต็ม ๆ ครับ

ไม่ทราบเหมือนกันว่าเลข ๓ มีอะไรเกี่ยวเนื่องกับกระผม/อาตมภาพ เพราะว่าเกือบทุกอย่างมักจะอาศัยเวลา ๓ ปี ลองดูว่าคนที่ระวังตัวอยู่ตลอดเวลายังโดนขนาดนี้ แล้วท่านทั้งหลายที่ประมาทอยู่ จะโดนอะไรบ้าง ?!!

กิเลสไม่เคยปราณีเรา ถึงเวลาก็เหยียบย่ำ กดขี่ บีบบังคับให้เราอยู่ใต้อำนาจ แต่พวกเราส่วนใหญ่ก็ไม่คิดที่จะต่อสู้อย่างจริง ๆ จัง ๆ เหมือนอย่างกับกลัวว่ากิเลสจะเศร้าหมองชอกช้ำ ก็กลายเป็นเป้าให้กิเลสซ้อมอยู่ตลอดเวลา..!

การที่เราดูจริยาคนอื่น ก็คือดูเพื่อตักเตือนตนเอง เพื่อเป็นบทเรียนของตนเอง เพื่อปรับปรุงแก้ไขตนเอง ไม่ใช่ดูเพื่อจับผิดคนอื่น สิ่งที่เขาทำ เท่ากับว่าเป็นกระจกให้เราได้เห็นว่า สิ่งไหนผิดพลาด สิ่งไหนถูกต้อง เราจะได้ละเว้นในส่วนที่ผิด ทำแต่ในส่วนที่ถูก

หน้าที่ของเราก็ไม่มีอะไร ใครมาเราก็ต้อนรับให้ดี ถึงเวลาเรื่องข้าวเรื่องน้ำอะไร ไม่ต้องไปหวง ไม่ต้องไปเสียดาย เขาจะทำบุญมาคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่าก็ตาม ถือว่าเราสร้างทานบารมี สนับสนุนให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้ไปสร้างบุญสร้างความดีกันต่อ ๆ ไป ส่วนเจตนาของเขาจะเป็นบุญเป็นกุศลเท่าไร เราไม่ต้องไปคิดถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2023 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 07-01-2023, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,397 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพทำใจว่า พระเถรานุเถระตลอดจนกระทั่งสามเณร จะติดตามหลวงปู่หลวงพ่อที่เรานิมนต์มาก็ดี หรือว่าจะมาเองโดยที่ไม่ได้นิมนต์ก็ตาม เมื่อมาแล้วก็ถือว่าเป็นเนื้อนาบุญใหญ่ของเรา ช่วยให้เราได้สร้างบุญสร้างกุศลเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ไปรังเกียจรังงอนว่าไม่ได้นิมนต์แล้วมากันเอง

มีหลายวัดที่ไปไหนมักจะนิยมขนสามเณรไปหมดวัดเลย ไปที่อื่นไม่ทราบเหมือนกันว่าโดนด่าไปกี่ยก..! แต่มาวัดท่าขนุนไม่เคยโดน แถมถวายปัจจัยไปแล้ว สามเณรยังไปขโมยเงินกันเองอีกต่างหาก..! ทางเจ้าอาวาสเคยมาบ่นกับผมว่า "อาจารย์ให้เงินไป สามเณรเลยไปขโมยเงินกัน" อ้าว..แทนที่จะบ่นว่าสามเณร มาบ่นคนให้เสียนี่..!

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงสำคัญตรงที่พวกเราต้องรู้จักระมัดระวัง สิ่งหนึ่งประการใด พระพุทธเจ้าสอนเรามาทั้งหมดแล้ว ถ้าสำรวมอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา โอกาสที่เราผิดจะไม่มี แต่ถ้าหากว่าปล่อยตาม รัก โลภ โกรธ หลง ไป โอกาสที่จะลงเหวมีมากถึงมากที่สุด..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2023 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:39



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว