กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-06-2022, 07:18
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,628
ได้ให้อนุโมทนา: 216,934
ได้รับอนุโมทนา 747,863 ครั้ง ใน 36,422 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-06-2022, 23:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,442 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเวลาประมาณตี ๒ ครึ่งของที่นี่ ณ โรงแรม Mayfair Hotels & Resorts เมืองกาลิมปง รัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย

วันนี้พวกเราแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าหากว่าตามโปรแกรมก็คือ พยายามเดินทางกลับไปให้ถึงเมืองบักโดกรา เพื่อที่จะได้เช็คอินขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทย ซึ่งระยะทางนั้นจะ โหด มัน ฮา ขนาดไหน ท่านทั้งหลายก็จะได้พบได้เห็นต่อไปในเว็บไซต์วัดท่าขนุน หรือว่าเฟซบุ๊กวัดท่าขนุน

เมื่อวานนี้พวกเราทั้งหลายเมื่อรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว โดยที่ก่อนจะได้รับประทาน ก็ต้องไปนั่งกดดันกันเป็นการใหญ่ เนื่องเพราะว่าทางด้านนี้นั้น ส่วนใหญ่แล้วเขารับประทานอาหารกันแค่ ๒ มื้อ ดังนั้น...มื้อเช้าของเขาจึงสายมาก ประมาณ ๘ โมงหรือ ๘ โมงครึ่งของทางนี้ ซึ่งก็ตกประมาณ ๙ โมงครึ่งหรือว่า ๑๐ โมงของบ้านเรา หลังจากนั้นมื้อกลางวันก็จะเป็นบ่าย ๒ โมงของที่นี่ ก็คือบ่าย ๓ โมงครึ่งของบ้านเรา

เมื่อพวกเราผิดเวลา ขอให้ห้องอาหารเปิดตอน ๗ โมงเช้า เพื่อที่เราจะได้ไปเที่ยวตามโปรแกรมของเราให้ครบถ้วน ทางด้านโรงแรมจึงไม่สามารถที่จะบังคับให้คนของเขาเข้ามาทำหน้าที่ก่อนเวลาได้ กว่าที่พวกเราจะได้รับประทานอาหาร ก็ต้องลงไปนั่งคุยกันที่ห้องอาหารอยู่พักใหญ่

คุณเอ (ฉัตตริน เพียรธรรม) หัวหน้าคณะทัวร์จากบริษัทเอ็นซีทัวร์นั้น เป็นคนให้คำแนะนำเองว่า ถ้าเราไม่ไปนั่งกดดัน เขาก็จะไม่ทำให้เรา ถ้าเราไปนั่งกดดัน อาหารต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ ทยอยมาเอง

เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ได้เดินทางออกจากเมืองกังต็อก เพื่อไปยังเมืองกาลิมปง ซึ่งเมืองกาลิมปงนั้นอยู่ในเขตรัฐเบงกอลตะวันตกของประเทศอินเดียแล้ว ไม่ใช่เมืองกังต็อก ซึ่งอยู่ในเขตนครรัฐสิกขิม

ตอนแรกกระผม/อาตมภาพยังเข้าใจว่าเมืองกาลิมปงนั้นอยู่ในเขตนครรัฐสิกขิมอยู่เลย จนกระทั่งคุณเอได้อธิบายขยายความให้ฟังว่า เราจำเป็นที่จะต้องเดินทางย้อนกลับไปขึ้นเครื่องบินที่เมืองบักโดกรา จึงพยายามหาเส้นทาง หาเมืองที่มาชดเชยโปรแกรมที่เมืองลาชุงซึ่งเราไม่ได้ไป ให้เส้นทางนั้นอยู่ในระยะของขากลับ หรือว่าใกล้เคียงขากลับให้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้วิ่งไปยังเมืองบักโดกรา ขึ้นเครื่องบินได้ทันตามเวลา

คราวนี้เส้นทางนั้น เมื่อวิ่งไประยะหนึ่ง
กระผม/อาตมภาพก็หันไปถามคุณเอว่า "นี่เรากำลังวิ่งกลับไปเมืองซิงตัมใช่ไหม ?" ซึ่งเมื่อเห็นพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. ทำหน้าสงสัย กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพสามารถจำทางได้ถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากว่าไปครั้งที่ ๒ ก็จำได้เกือบจะ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าจะเอาแน่นอนขอไปสัก ๓ ครั้ง ก็จะสามารถเป็นมัคคุเทศก์นำทางให้เลย พูดยังไม่ทันจะขาดคำ ป้ายชี้ทางว่า "เมืองซิงตัม" ก็ปรากฏขึ้นให้เห็น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2022 เมื่อ 04:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-06-2022, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,442 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้การเดินทางนั้นเป็นการเดินทางย้อนกลับ ซึ่งครั้งก่อนเรามาตอนกลางคืน และรถคันที่กระผม/อาตมภาพนั่งอยู่นั้น ต้องพยายามเร่งเครื่องหลบหินถล่ม ซึ่งเกือบจะไปเสียบตูดรถสิบล้อคันข้างหน้า..! ปรากฏว่ามาถึงวันนี้นั้นเขาก็ยังเคลียร์หินถล่มไม่หมด ทำให้รถยนต์ติดนิ่งอยู่นานมาก ๆ ซึ่งแต่ละช่วงเวลานั้นติดถึง ๑๐ กว่า ๒๐ นาที กว่าที่เราจะผ่านออกไปได้ ก็ใช้เวลาถึง ๔๐ นาทีเศษ แต่ว่ายังดีกว่ารถซึ่งวิ่งสวนเราไปนั้น ติดยาวหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว..!

เมื่อพวกเรามาเสียเวลาชักช้า จึงต้องเข้าไปรับประทานอาหารกันที่ในเมืองซิงตัม เข้าร้านกันตั้งแต่ประมาณ ๑๐ โมงครึ่งของที่นี่ เพื่อเปิดโอกาสให้นายสุเรศวร์ ซึ่งเป็นมัคคุเทศก์พื้นเมืองนั้น ไปประทับตราหนังสือเดินทางเพื่อกลับเข้าเมือง

ร้านที่เราเข้าไปนั่งนั้น ถ้าหากว่าดูจากทางเข้าแล้วก็ไม่น่าที่จะมีอะไรเลย เพราะว่าเป็นช่องทางแคบ ๆ เล็ก ๆ เตี้ย ๆ ให้มุดเข้าไปแบบทางหมาลอด ร้านนี้ชื่อว่า Green & Organic Sikkim แต่เมื่อเข้าไปภายในแล้ว ปรากฏว่าใหญ่โตกว้างขวางน่าดู มีกระทั่งห้องพิเศษสำหรับแขกที่นิยมความเป็นส่วนตัว มีกระทั่งเวทีดนตรี และที่แน่นอนที่สุดก็คือ ทางด้านหลังได้จัดเอาไว้เป็นที่สูบบุหรี่ของบรรดาสิงห์อมควันโดยเฉพาะด้วย

แม้ว่าพวกเราจะรออาหารกันอยู่นานหน่อย แต่กระผม/อาตมภาพก็ได้สำรวจสถานที่เรียบร้อยไปแล้ว แค่ที่ตาเห็นนั้น เขามีกล้องวงจรปิดอยู่ถึง ๔ ตัว โดยเฉพาะมีระบบเลเซอร์ที่สำหรับถ่ายภาพตอนกลางคืนด้วย

ส่วนห้องน้ำนั้นมีการแบ่งชนชั้น ด้านหนึ่งเขียนว่า Indian คือสำหรับคนอินเดีย อีกด้านหนึ่งเขียนว่า Western ประเทศตะวันตก เมื่อกระผม/อาตมภาพเปิดเข้าไปดูจึงเห็นความต่างว่า ห้องน้ำสำหรับคนอินเดียนั้นเป็นห้องแบบนั่งยอง ส่วนห้องน้ำของทางด้านชาติตะวันตกนั้นเป็นโถชักโครก

เมื่อพวกเรารับประทานอาหารกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ได้เดินทางข้ามสะพานใหญ่ ซึ่งเป็นเขตกั้นระหว่างนครรัฐสิกขิมกับเมืองกาลิมปงของประเทศอินเดีย โดยที่วิ่งไปแล้วเห็นถนนหนทางค่อนข้างดี เพราะว่าเรามาออกคนละเส้นทางกับทางด้านที่วิ่งมาแล้ว

แต่ด้วยความที่ว่าอยากจะให้ทุกคนทำใจล่วงหน้าว่าสถานที่นี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจึงดีใจได้พักเดียว ก็เจอหินถล่มบ้าง ทางที่เป็นโคลนเลนบ้าง เพียงแต่ว่าเส้นทางเส้นนี้นั้นวิ่งข้ามไปข้ามมาระหว่างแม่น้ำ ลักษณะเดียวกับที่คนโบราณไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็ต้องอยู่ใกล้น้ำ เพื่อที่จะไม่ให้ตนเองเดือดร้อนเพราะการขาดน้ำ

พวกเราวิ่งไปจนกระทั่งถึงเมืองกาลิมปง ซึ่งต้องบอกว่าหลังจากที่ออกห่างจากริมแม่น้ำแล้ว ก็ต้องวิ่งขึ้นที่สูงไปตลอดเวลา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2022 เมื่อ 04:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-06-2022, 23:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,442 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเราเข้าสู่ที่พักก่อน ตามคำแนะนำของมัคคุเทศก์ เพื่อที่ข้าวของจะได้ไม่พะรุงพะรังเวลาเราไปเที่ยวชมตามสถานที่ต่าง ๆ ปรากฏว่าเข้าไปแล้วต้องร้อง "โอ้โฮ..!" เนื่องเพราะว่าสถานที่ซึ่งจัดให้เป็นที่พักของเรานั้นงดงามสุด ๆ ต้องบอกว่าเป็นสถานที่ซึ่งทางด้านผู้เป็นบิดา คือ นายเดวิด แม็คโดนัลด์ ได้สร้างเอาไว้สำหรับลูกสาว คือ นางสาวแอนนี่ เพอรี่ ตั้งแต่ปี ๒๔๔๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ของเราโน่น..!

ลักษณะการสร้างนั้นก็เป็นเรือนแบบโคโลเนียลของยุคตะวันตกครองเมือง ปรากฏว่าเขาจัดได้งดงามเป็นพิเศษ โดยเฉพาะมุมชมวิวนั้น ทางด้านเจ้าหน้าที่เขาแจ้งว่า ถ้าอากาศดีก็สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยด้วย แต่ว่าตอนที่เรามาถึงนั้นอากาศปิด ไม่สามารถที่จะมองเห็นอะไรได้ เมื่อพวกเราออกจากสถานที่พักแล้ว ก็ตรงไปยังวัดแห่งแรก

ตรงนี้ขอให้ทุกคนทำใจว่า ที่คณะของเรามานั้น ประกอบไปด้วยพระภิกษุสงฆ์ ขณะเดียวกันก็ยังมีญาติโยมที่ส่วนใหญ่ไม่รับประทานอาหารเย็นเสียด้วย จึงทำให้ส่วนใหญ่แล้วเขาพาพวกเราไปแต่วัด แต่ว่าถ้าหากว่าเป็นอย่างวัดเอ็นเช่ ที่ได้ไปมาเมื่อวานนั้น ก็ถือว่าคุ้มค่าสุด ๆ เพราะว่าทุกสิ่งสวยงาม "เลิศเลอเพอร์เฟ็ค" มาก

เมื่อพวกเรามายังวัดแรกแล้ว ได้สอบถามนายสุเรศวร์ว่าวัดนี้ชื่ออะไร ? ปรากฏว่าพ่อเจ้าประคุณบอกว่าชื่อยาวมาก แล้วก็ได้กดให้ดูข้อมูลในกูเกิ้ล พร้อมกับค่อย ๆ บอกชื่อวัดทีละคำให้พวกเราสะกดเป็นภาษาอังกฤษแทน ทำให้ทราบว่าวัดนี้มีชื่อว่าวัดซางด็อก (Zang Dog Palri Fo - Brang Monastery) แต่ถ้าหากว่าเขียนแบบประเทศจีน ตัว D ก็จะออกเสียงเป็น ต.เต่า ดังนั้น...วัดนี้จึงอ่านตามแบบของพวกเราว่าวัดซางด็อก แต่ว่าถ้าหากว่าอ่านแบบตามภาษาจีน น่าจะชื่อว่าวัดซางต็อก ปารี โพปรัง ซึ่งเรียกง่าย ๆ ว่าวัดซางด็อกก็แล้วกัน

ในสถานที่นี้นั้น ต้องขอทางด้านเจ้าหน้าที่มาเปิดให้เราดู เพราะว่าวิหารใหญ่ได้ปิดอยู่ ภายในนั้นจะมีรูปของลามะดุดจอม รินโปเช ซึ่งเป็นลามะที่มีชื่อเสียงอย่างมากของสถานที่นี้ พวกเราเข้าไปถ่ายรูปกันจนทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงเดินมาถ่ายรูปป้าย "ห้ามถ่ายรูป" ของเขา เพื่อเป็นการแสดงให้เราได้รู้ว่า การเห็นป้ายนั้นเป็นการเห็นทีหลัง จึงไม่ได้กระทำตามกฎเกณฑ์กติกาของเขา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2022 เมื่อ 04:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-06-2022, 23:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,442 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อออกจากสถานที่นั้น ทางด้านไกด์พื้นเมืองก็ได้พาวิ่งไปที่ Pine View Nursery ซึ่งเป็นสถานที่เพาะปลูกพันธุ์ไม้ต่าง ๆ โดยเฉพาะเขาเน้นไม้ทะเลทรายตระกูลกระบองเพชร เพื่อให้พวกเราได้เข้าไปชม แต่ว่าภายในเรือนเพาะปลูกของเขานั้น เป็นเรือนควบคุมอุณหภูมิ จึงค่อนข้างที่จะร้อนมาก

พวกเราใช้เวลาที่นี่ไม่มากนัก จึงทำให้มัคคุเทศก์พาเราไปยังวัด Tongsa Gumba ซึ่งเป็นวัดที่ชาวภูฏานมาสร้างเอาไว้ เป็นการแถมเพิ่มให้ เพราะว่าเวลายังเหลืออยู่มาก เมื่อเข้าไปภายในวิหารหลัก ซึ่งบรรดาพระกำลังสวดมนต์กันอยู่นั้น สิ่งแรกที่เห็นเลยก็คือองค์พระประธานนั้น ได้แก่ พระพุทธชินราชของประเทศไทยเราเอง คาดว่าจะต้องมีผู้ที่เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างภูฏานกับประเทศไทยถวายมาให้

เพียงแต่ว่าในวัดนี้นอกจากไม่ห้ามถ่ายรูปแล้ว บรรดาพระภิกษุสามเณรทั้งหลายยังไว้หนวด ไว้เครา ไว้ผมกันดูเท่มาก ซึ่งเมื่อกระผม/อาตมภาพพยายามทบทวนข้อมูลแล้ว ในหัวสมองบอกไว้ว่า ทางด้านมหายานนั้นจะมีการนิยมไว้ผมอยู่เช่นกัน เขาเรียกกันว่าพระธุดงค์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพยังไม่เข้าใจดีนัก เพราะว่าไม่ได้ศึกษาลึกซึ้งไปมากกว่านี้

เมื่อพวกเราทำบุญกันเรียบร้อยแล้ว ทางด้านมัคคุเทศก์ก็ได้พาเข้าไปในตลาด โดยให้เวลา ๑ ชั่วโมงในการเดินซื้อหาสิ่งของ แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพพยายามเดินดูสิ่งของต่าง ๆ แล้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย พยายามแบ่งสิ่งของออกเป็นหมวดใหญ่ ๆ ก็ได้แค่อุปโภค คือเครื่องใช้ และบริโภค คือของกิน

แต่ถ้าจะแยกให้ชัดเจนกว่านั้น ก็คือเครื่องอุปโภคนั้น ประกอบไปด้วยบรรดาเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน ส่วนเครื่องบริโภคนั้นก็คือบรรดาข้าวปลาอาหารต่าง ๆ แต่ว่าส่วนใหญ่ก็เน้นแค่บริโภคประจำวันเท่านั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจึงเดินกลับมายังจุดนัดพบซึ่งเป็นหอนาฬิกาที่มีจราจรหญิงทำหน้าที่อยู่ ตรงจุดนี้มีร้านขายใบชา ซึ่งดร.พระครูโรจน์และพวกเราก็ไปรุมตอมกันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะจ่ายสตางค์แล้วก็เดินกลับไปยังที่พัก ซึ่งใช้เวลาประมาณ ๑๐ กว่านาทีเท่านั้น

เมื่อกลับเข้าสู่ที่พักแล้ว ทางด้านคุณเอก็ได้นัดแนะพวกเราว่า พรุ่งนี้ให้เก็บข้าวของให้เรียบร้อย โดยเฉพาะสิ่งหนึ่งประการใดที่พวกเราซื้อหามา ต้องแพ็คให้เรียบร้อยไปเลย เนื่องจากว่าเราต้องวิ่งย้อนกลับไปเมืองบักโดกราเพื่อทำการเช็คอินทีเดียว เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ได้เข้าสู่ที่พัก

สำหรับวันนี้การเดินทางจะออกมาในสภาพไหน ก็ขอให้บรรดาท่านที่รอชมรอฟังอยู่ทั้งหลาย ทั้งพระภิกษุสงฆ์สามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมได้รอชมรอฟังกันต่อไป


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2022 เมื่อ 04:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว