กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-12-2009, 10:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default อยากบรรลุมรรคผลเร็ว ๆ

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราใจร้อน อยากได้ดีเร็ว บางทีเราอาจจะไปอ่านในพระไตรปิฎก ไม่ว่าจะในพระสูตรบ้าง ธรรมบทบ้างว่า ท่านฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้าจบ ก็บรรลุอรหัตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ แล้วเราก็อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง โดยไม่ได้คำนึงว่า ตัวอย่างเช่นนั้นกลายเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เราไม่ได้อะไร

ถ้าเราจะดูอย่างพระพาหิยะ ท่านฟังเทศน์พระพุทธเจ้าสั้น ๆ ก็บรรลุมรรคผล พระพุทธเจ้าตั้งให้เป็นเอตทัคคะบุคคล คือ บุคคลผู้เป็นเลิศในการบรรลุธรรมเร็ว ที่เราเห็นว่าเร็วคือชาตินี้ เราไม่ได้เห็นชาติก่อน ๆ ว่าท่านลำบากมาขนาดไหน ? ต้องทุกข์ยากฝ่าฟันมาขนาดไหน ? พระพาหิยะชาติก่อนท่านปฏิบัติธรรมจนอดตายคาถ้ำเลย พอมาชาตินี้เราก็ว่าท่านบรรลุเร็ว เพราะฉะนั้นถ้าชาตินี้เราอยากบรรลุเร็ว ก็ปฏิบัติให้ตายคาที่ไปเลย..! เดี๋ยวชาติหน้าเราก็จะบรรลุเร็วบ้าง เราเห็นแต่ตอนที่ท่านสบาย แต่ไม่ได้เห็นตอนที่ท่านลำบาก

เรื่องของการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา อุปสรรคต่าง ๆ จะมีเป็นปกติและมีมากเป็นปกติ ฉะนั้น..ถ้าหากเจออุปสรรคแล้วหวั่นไหวท้อถอย โอกาสที่จะบรรลุมรรคผลก็น้อย เพราะฉะนั้น..ถ้าไปหวังให้บรรลุเร็วอย่างใจของเรา ยิ่งอยากมากเท่าไร ยิ่งห่างไกลมรรคผลเท่านั้น เพราะตัวอยากเป็นตัณหา ตัวอยากเป็นกิเลสมาขวางกั้น

หลายรายมาในลักษณะที่ว่าจะให้อาตมาเสก เป่า สวดให้กลายเป็นพระอรหันต์เดี๋ยวนั้นไปเลย ซึ่งความจริงก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่คราวนี้ต้องบอกว่าภาชนะของพวกเราเล็กเกินไป ไม่สามารถที่จะรองรับธรรมที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้ ก็เลยไม่ปรากฏผลสำเร็จเสียที ถ้าเป็นสมัยนี้ก็บอกว่าแรงน้อยไป ไม่พอแก่การใช้งาน ฉะนั้น..เรื่องของการปฏิบัติต้องค่อย ๆ สั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย อย่าท้อถอยเสียก่อน พระพุทธเจ้าจึงได้ยกขันติบารมีขึ้นมาเป็นข้อแรกในโอวาทปาฏิโมกข์เลย ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา ขันติคือความอดกลั้น เป็นตบะ (เครื่องเผากิเลส) อย่างยิ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือจะดีกว่าคนอื่นเขาได้ ต้องมีความเข้มแข็ง ต้องมีความอดทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2014 เมื่อ 11:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-12-2009, 10:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรายิ่งอยากได้ดีมากเท่าไร กำลังใจก็ยิ่งฟุ้งซ่านมากเท่านั้น ทำให้เราห่างไกลความดีมากเท่านั้น ถ้าเราใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ปฏิบัติ ค่อย ๆ ทำไป โดยวางกำลังใจว่า เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลจะเกิดอย่างไรก็ช่าง ถ้าวางกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ จิตจะเกิดอุเบกขาธรรมขึ้น จะทำให้เราปฏิบัติแล้วได้ผลเร็วขึ้น เพราะว่าการปฏิบัติทุกระดับชั้น ถ้าไม่มีอุเบกขา กำลังใจจะไม่ทรงตัวสักระดับหนึ่ง

ดังนั้น..ขอให้ทุกท่านที่ใจร้อน อยากได้ดีเร็ว เบื่อกิเลสเต็มทีแล้ว อยากจะบรรลุมรรคผล ให้ทราบไว้ว่า อยากนั้นดี เพียงแต่ว่าอย่าให้เป็นความอยากให้กิเลสตัณหา แต่ให้อยากแบบธรรมฉันทะ ในเมื่อพอใจต้องการจะดีแล้ว ก็ให้เร่งตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อให้ไปสู่จุดหมายที่เราต้องการ ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะพาเราเดินผิดทาง รู้สึกว่าปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ท่านนี้แล้วไม่บรรลุสักทีอย่างที่เราต้องการ..ก็ย้ายที่ไป ปฏิบัติกับสำนักนั้นแล้วไม่บรรลุอย่างที่ต้องการ...ก็ย้ายที่ไป ตกลงว่าย้ายที่ไปเรื่อย เหมือนกับที่เคยเปรียบไว้ว่า เราขุดบ่อต้องการน้ำ ขุดลงไปสองวา...สามวา...ไม่ถึงน้ำเสียที เราก็ย้ายที่ขุดใหม่ ชาติหน้าบ่าย ๆ ก็ไม่ได้น้ำเสียที เพราะว่าย้ายที่ขุดอยู่เรื่อย

ฉะนั้น..ถ้าหากจะเอาดีก็ลุยที่เดียวไปเลย ให้เห็นหน้าเห็นหลังไปเลย ถ้าเก่งเกินครูบาอาจารย์แล้วไม่สามารถจะบรรลุได้เราค่อยย้ายสำนัก แบบพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร ท่านปฏิบัติจนหมดความรู้ของอาจารย์แล้ว ท่านจึงได้ขอย้ายสำนักไปอยู่กับพระพุทธเจ้า


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2014 เมื่อ 11:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
บรรลุมรรคผล


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว