กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-05-2019, 23:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,548 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ กรุงสุโขทัยของเรามีพระเจ้าแผ่นดิน ๖ พระองค์ กรุงศรีอยุธยามี ๓๓ พระองค์ กรุงธนบุรีมี ๑ พระองค์ กรุงรัตนโกสินทร์มี ๑๐ พระองค์แล้ว

เราจะเห็นว่าบุคคลที่มากด้วยบุญญาบารมีเช่นพระมหากษัตริย์ เมื่อถึงเวลาก็ยังประสบกับภาวะปกติ ก็คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ดังนั้น...สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นกับพวกเรา สิ่งหนึ่งที่ควรจะทำก็คือ วางกำลังใจให้เห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งทั้งหลาย ดังที่บาลีกล่าวว่า สัพเพ สังขารา อนิจจาติ สังขารทั้งหลายนั้นไม่เที่ยง เกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายไปในที่สุด

ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นที่รักที่ปกป้องของคนสักเท่าไรก็ตาม ต่อให้มีกองทัพห้อมล้อมอยู่รอบกายก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะป้องกันการแก่ การเจ็บ การตายได้ เพราะว่าธรรมดาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีประจํา สังขารรูปนามตกอยู่ใต้อำนาจของไตรลักษณ์ ก็คืออนิจจัง มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ ทุกขัง ประกอบไปด้วยความทุกข์เป็นปกติ อนัตตา ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้

เพียงแต่ว่าปัญญาของเราไม่พอ เราก็จะมองเห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เที่ยง แต่ความจริงเป็นการเข้าใจผิด เป็นความเมาในชีวิต ความเมาในการไม่มีโรค ความเมาว่ายังอยู่ในวัยหนุ่มวัยสาว เป็นต้น ทั้งยังจัดเป็นมิจฉาทิฐิ ก็คือความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง บาลีเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวิปลาส ก็คือความคลาดเคลื่อนไปจากปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-05-2019 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-05-2019, 21:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,548 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นว่าสภาพร่างกายนี้มีความไม่สวยไม่งามเป็นปกติ เราก็ไปเห็นว่ามีความสวยงามเป็นปกติ สภาพร่างกายมีความไม่เที่ยงเป็นปกติ เราก็เห็นว่าเที่ยง มีความทุกข์เป็นปกติ เราก็เห็นว่าสุข ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา เราก็เห็นว่าเป็นของเรา ก็แปลว่าสติปัญญาของเรายังไม่เพียงพอ

ดังนั้น...ในการปฏิบัติธรรมแต่ละครั้ง ไม่ใช่เรานั่งสมาธิอย่างเดียวแล้วเรียกว่าปฏิบัติธรรม เพราะว่าการปฏิบัติธรรมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าภาวนา ก็คือทำแล้วต้องเจริญขึ้น หมายความว่าเราปฏิบัติธรรมแล้ว กาย วาจา ใจ ของเราต้องดีขึ้น เจริญขึ้น ก้าวไปสู่ความละเอียดมากขึ้น ไม่ใช่ว่าการปฏิบัติธรรมคือหลับตาทำสมาธิอย่างเดียว

หลังจากที่เราทำสมาธิจนทรงตัวเต็มที่แล้ว สภาพจิตค่อย ๆ คลายเคลื่อนจากองค์สมาธิออกมา เราก็ต้องหาวิปัสสนาญาณให้จิตได้ขบคิด โดยอาศัยกำลังสมาธินั่นแหละช่วยในการคิด เพราะว่าเมื่อสมาธิทรงตัวนิ่งสงบ ปัญญาจะเกิด มองเห็นความเป็นจริงได้ง่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-05-2019 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-05-2019, 21:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,548 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราก็จะได้เห็นว่าร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้เป็นปกติ เมื่อเห็นแล้วไม่ใช่สักแต่ว่าเห็น สภาพจิตของเราต้องยอมรับด้วยว่าเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่ยอมรับก็แปลว่า สติ สมาธิ ปัญญา ของเรายังไม่เพียงพอ ก็ต้องเริ่มต้นปฏิบัติกันใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก เบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ เพื่อให้การยอมรับความเป็นจริงนี้เกิดขึ้นกับเราให้ได้

ถ้าสภาพจิตไม่ยอมรับ สิ่งนั้นก็เป็นเพียงแต่เรามองเห็น ถ้าสภาพจิตยอมรับ สิ่งนั้นจะเป็นของเรา การเข้าถึงมรรคถึงผลต่างกันแค่นี้เอง รู้เห็นนับเป็นมรรค ทำได้นับเป็นผล ดังนั้น..ในส่วนที่ทำได้คือมองเห็นชัดเจน แล้วสภาพจิตยอมรับตามความเป็นจริงตามนั้น

ดังนั้นการปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่ทรงสมาธิ แต่การอาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา ที่คาบเกี่ยวกัน มองให้เห็นความเป็นจริงของโลกนี้ มองให้เห็นความจริงในร่างกายนี้ แล้วยอมรับว่าสภาพความเป็นจริงเป็นเช่นนั้นเอง

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-05-2019 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว