กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-11-2013, 19:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖

ให้ทุกท่านตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า คืออยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะกำหนดการรู้ลมกี่ฐานก็แล้วแต่เรามีความถนัด และให้ใช้คำภาวนาที่เราชอบใจ

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานต้นเดือนตุลาคมวันสุดท้าย ระยะนี้ตรงกับเทศกาลกินเจ การกินเจนั้นมีคติมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งถือคตินี้จากศาสดามหาวีระ

เนื่องจากว่าทางด้านศาสดามหาวีระเจ้าของศาสนาเชนนั้นมีความเห็นสุดโต่ง ถึงขนาดว่าการหายใจของเราก็ยังเอาจุลชีวะเข้าไปในร่างกาย ทำให้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นถึงแก่ความตาย ดังนั้น..นักบวชของศาสนานี้จึงไปไหนแล้วต้องมีผ้าคาดจมูกไปด้วย เพื่อป้องกันการหายใจเอาบรรดาเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าไป

ในเมื่อการปฏิบัติเฉพาะเรื่องนี้ยังเคร่งครัดขนาดนั้น เรื่องของอาหารการกินจึงไปเน้นเรื่องของมังสวิรัติ คืองดเว้นจากอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ทุกชนิด เมื่อศาสนาพุทธแพร่เข้าไปในประเทศจีน ก็มีลัทธิของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูนี้ปะปนเข้าไปด้วย จึงกลายเป็นว่าทางด้านมหายานนั้นจะนิยมการกินอาหารที่เป็นมังสวิรัติไปด้วย เนื่องจากว่าทางสายมหายานปฏิบัติในลักษณะของผู้ปรารถนาซึ่งพุทธภูมิ ก็คือตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า ทำให้เกิดความเมตตาสงสารต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย สามารถละเว้นการเบียดเบียนได้ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าโมทนา

แต่ว่าในบ้านของเรานั้น การกินเจก็มีจำนวนมากที่กินเจด้วยความเมตตา ไม่อยากจะเบียดเบียนต่อสัตว์อื่น แต่ในส่วนที่ต้องระมัดระวังก็คือว่า การกินเจนั้นกลับสร้างกิเลสให้เรามากขึ้น อย่างเช่นในเรื่องอาหารเจก็มีการปรุงแต่งให้หน้าตาเหมือนกับเนื้อสัตว์ ถ้าลักษณะนั้นก็เท่ากับเป็นการหลอกลวงตัวเอง ก็คือยังปรารถนาในการกินอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์อยู่ แต่ว่าหลอกตนเองด้วยการนำเอาอาหารเจมาทำให้หน้าตาดูเหมือนกับที่เป็นเนื้อสัตว์ จึงเป็นการโดนกิเลสปรุงแต่งหลอกลวงถึง ๒ ชั้นด้วยกัน

ประการต่อไปก็คือ ถ้าเรากินเจแล้วคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น เราไม่เบียดเบียนชีวิตของคนอื่น ขณะที่คนอื่นยังกินเลือดกินเนื้ออยู่ เราดีกว่าเขา ถ้าอย่างนี้ก็จะเป็นการมานะ ถือตัวถือตน เป็นสักกายทิฐิ เอาตัวกูเป็นใหญ่ ในขณะเดียวกันก็เป็นสีลัพพตุปาทาน คือการยึดมั่นในศีลพรตหลักปฏิบัติของตนเอง ว่าดีกว่าคนอื่นเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2013 เมื่อ 19:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-11-2013, 05:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราจึงต้องตั้งกำลังใจให้ถูกว่า ถ้ารักที่จะกินอาหารมังสวิรัติหรืออาหารเจจริง ๆ ก็ให้กินในลักษณะที่ว่าเป็นไปด้วยดวงจิตที่หวังดี ปรารถนาดี ไม่ต้องการเบียดเบียนผู้อื่นจริง ๆ เกิดจากความเมตตากรุณาต่อชีวิตอื่นจริง ๆ ไม่ใช่กินเพื่อจะโอ้อวดว่าเรามีการปฏิบัติที่เคร่งครัดกว่าผู้อื่น

เนื่องจากว่าแม้กระทั่งพระภิกษุสามเณร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังอนุญาตให้ฉันอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ได้ โดยที่ละเว้นจากการ ๑.รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ๒.เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ๓.รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ถ้าเว้นจาก ๓ ข้อนี้แล้ว ให้สามารถรับอาหารที่ประกอบขึ้นมาจากเนื้อสัตว์ได้ เนื่องจากว่าพระเราต้องขออาหารจากชาวบ้านเขา ถ้าไปจำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นอาหารเจ ต้องเป็นอาหารไม่เจ ก็จะทำให้ชาวบ้านซึ่งกินอาหารต่างจากเรา ต้องลำบากเดือดร้อน ที่จะไปสรรหาอาหารที่เราต้องการมาถวาย

ดังนั้น..ในส่วนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ จึงเป็นทางสายกลางที่เหมาะและสะดวกที่สุด แต่ว่าถ้าใครสามารถที่จะถือศีลกินเจโดยละเว้นได้จริง ๆ ด้วยเห็นประโยชน์ เนื่องจากว่ามีสภาพจิตที่อ่อนโยน ประกอบด้วยเมตตา ไม่ตั้งใจที่จะเบียดเบียนสัตว์อื่นจริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าโมทนาด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่ขอให้ทราบว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ใช่คติของชาวพุทธเราตั้งแต่แรก หากแต่เป็นคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แล้วก็กระจายเข้าไปในประเทศจีน จนกระทั่งทางพุทธศาสนามหายานรับเอาไปปฏิบัติด้วย

ในการที่เราปฏิบัติธรรมนั้น การที่เราตั้งความคิด ตั้งความปรารถนาในการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จำเป็นต้องระมัดระวังอยู่เสมอ ว่าเป็นการที่ออกนอกลู่นอกทางไปไกลหรือไม่ ? ทำแล้วกาย วาจา ใจของเราเจริญขึ้นหรือไม่ ? หรือว่าทำไปแล้วกาย วาจา ใจ ของเราเสื่อมทรามลง ? หรือทำให้เราห่างไกลจากความดี คือห่างจากทาน ศีล ภาวนาไป ? กลายเป็นยิ่งทำกิเลสก็ยิ่งมาก ถ้าเป็นดังนั้นก็ให้ทราบว่า เราได้กระทำมาผิดทางแล้ว ให้รีบแก้ไขโดยอาศัยศีล สมาธิ ปัญญาเป็นกรอบ ถ้าเราตีกรอบด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ถึงแม้ว่าจะหลงทางก็ไปไม่ไกล แต่ถ้าเราไม่มีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นกรอบ การหลงทางของเราก็จะเตลิดเปิดเปิง หาทางกลับไม่เจอ

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2013 เมื่อ 09:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-02-2014, 18:12
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 261
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,689 ครั้ง ใน 1,293 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2556-10-06

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว