กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-12-2022, 21:16
ลูกแม่แดง ลูกแม่แดง is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2019
ข้อความ: 130
ได้ให้อนุโมทนา: 2
ได้รับอนุโมทนา 3,888 ครั้ง ใน 249 โพสต์
ลูกแม่แดง is on a distinguished road
Default ใช่อรูปฌานหรือไม่

๑๐ กว่าปีก่อนเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะเล่มหนึ่งผ่านตา หนังสือเล่มดังกล่าวได้กล่าวถึงข้อความจากหลายพระสูตรแต่จำบางท่อนได้แต่อาจเข้าใจไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะแม้แต่จำก็ไม่ได้ทุกข้อความในพระสูตรเหล่านั้น

ผมจำได้ประมาณว่า วิญญาณคือการรับรู้ทั้ง ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และใจ อีกประการหนึ่งคือ นามรูปดับเพราะความดับแห่งวิญญาณ

คลับคล้ายคลับคลาว่า ผมเองก็เข้าใจว่านิพพานคือสภาวะที่นามรูปดับไปดังกล่าว

อีกอย่างผมชื่นชอบพวกหนังจีน เช่น ไซอิ๋ว ที่ได้มีการกล่าวถึงปรัชญามหายานรวมไปถึงเทพเซียนของจีน เลยไปศึกษาต่อได้พบกับคำว่า สุญญตา ที่แปลว่า ความว่าง ในพระพุทธศาสนามหายานของทางจีน

ผมก็เข้าใจว่า สุญญตา และนามรูปดับ คือสิ่งเดียวกัน ถ้าทำได้ถาวรคือสภาวะหมดกิเลสที่เรียกว่า นิพพาน

โดยที่สุญญตาที่ว่ามาจากความดับแห่งวิญญาณ คือ ความรับรู้ทางตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และใจ

ในตอนนั้นผมเข้าใจว่า ผมดึงความสนใจทางอายตนะทั้ง ๕ มาไว้ในใจก็คือการดับวิญญาณไป ๕ ส่วน ส่วนในใจหรืออาจจะเรียกว่า มโนวิญญาณ (ไม่ทราบว่าผมเรียกถูกหลักวิชาการหรือไม่) ในตอนนั้นผมเข้าใจว่าหมายถึงความคิด

วิธีดับมโนวิญญาณคือไม่คิดอะไรในแบบที่เราไตร่ตรองรำพึงรำพันอะไรในใจของตนเองตามปกติ หรือเห็นนึกอะไรเป็นภาพในจินตนาการ ผมสังเกตว่าไม่ว่าทั้งคิดไตร่ตรองรำพึงรำพันในใจหรือนึกภาพสิ่งใดก็ตาม จะคิดไปไม่ได้ตลอด จะมีช่วงหยุดคิดก่อนที่จะขึ้นเรื่องใหม่เสมอ ช่วงดังกล่าวจะยาวสั้นก็ว่ากันไป ผมก็เลยพยายามตั้งอารมณ์จับเอาช่วงที่ไม่ได้คิดอะไรดังกล่าวนั้น

โดยถ้าหลุดจากสภาวะช่วงไม่คิดอะไรดังกล่าวหมั่นบอกตัวเองว่า ตาไม่เห็น, หูไม่ได้ยิน, จมูกไม่ได้กลิ่น, ลิ้นไม่รู้รส, กายไม่รู้สึก, ใจไม่คิด จับภาวะนั้นใหม่ประมาณ ๑ หรือ ๒ รอบก็ตั้งสมาธิได้ให้อยู่ในสภาวะว่างจากความคิดที่ว่านั้นพักหนึ่งต่อเนื่องน่าจะเป็นนาที ๆ จนกระทั่งผมเกิดเห็นตัวเลขขึ้น จึงหลุดออกจากสมาธิดังกล่าว แล้วรู้สึกว่าเสียดายอยากอยู่ในภาวะนั้นมากกว่าเห็นตัวเลข ผลปรากฏว่าตั้งอีกไม่ได้เลยในวันนั้น ผมอยากจะทราบว่า

๑.ผมบังเอิญไปจับอรูปฌานระดับใดระดับหนึ่งเข้าหรือไม่ ถ้าใช่อยากทราบว่าเป็นอรูปฌานระดับใดครับ

๒.ถ้าใช่ตามข้อ ๑ สาเหตุที่ตั้งได้ไม่นานเพราะผมไม่ได้เข้ากสิณและเพิกกสิณตามแบบก่อนเข้าอรูปฌานใช่หรือไม่ครับ

๓.ถ้าใช่ตามข้อ ๑. หากในอนาคตผมอยากเข้าอรูปฌานนี้อีกครั้ง หลังจากผมเตรียมตัวถึงขั้นเพิกกสิณตามแบบที่พร้อมจะภาวนาอรูปฌานได้แล้ว ผมควรภาวนาเข้าอรูปฌานในระดับตามข้อ ๑. นั้นแบบที่ผมได้ทำไปแล้วเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน หรือควรภาวนาแบบในวิสุทธิมรรคจะได้ผลดีกว่ากันครับ

๔.เลขที่ว่านั้น ผมบอกพ่อแม่ พ่อแม่ได้นำไปซื้อหวยบนดิน ที่ตอนนั้นยังมีขายและถูกกฎหมายแล้วถูกรางวัล ถ้าเป็นอรูปฌานจะทำให้ได้ลาภผลเร็วกว่าภาวนาด้วยกรรมฐานกองอื่นที่เป็นรูปฌานหรือไม่ครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลูกแม่แดง : 29-12-2022 เมื่อ 05:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลูกแม่แดง ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-01-2023, 04:46
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,796
ได้ให้อนุโมทนา: 270,273
ได้รับอนุโมทนา 840,381 ครั้ง ใน 12,820 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : ๑๐ กว่าปีก่อนเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะเล่มหนึ่งผ่านตา หนังสือเล่มดังกล่าวได้กล่าวถึงข้อความจากหลายพระสูตรแต่จำบางท่อนได้แต่อาจเข้าใจไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะแม้แต่จำก็ไม่ได้ทุกข้อความในพระสูตรเหล่านั้น

ผมจำได้ประมาณว่า วิญญาณคือการรับรู้ทั้ง ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และใจ อีกประการหนึ่งคือ นามรูปดับเพราะความดับแห่งวิญญาณ

คลับคล้ายคลับคลาว่า ผมเองก็เข้าใจว่านิพพานคือสภาวะที่นามรูปดับไปดังกล่าว

อีกอย่างผมชื่นชอบพวกหนังจีน เช่น ไซอิ๋ว ที่ได้มีการกล่าวถึงปรัชญามหายานรวมไปถึงเทพเซียนของจีน เลยไปศึกษาต่อได้พบกับคำว่า สุญญตา ที่แปลว่า ความว่าง ในพระพุทธศาสนามหายานของทางจีน

ผมก็เข้าใจว่า สุญญตา และนามรูปดับ คือสิ่งเดียวกัน ถ้าทำได้ถาวรคือสภาวะหมดกิเลสที่เรียกว่า นิพพาน

โดยที่สุญญตาที่ว่ามาจากความดับแห่งวิญญาณ คือ ความรับรู้ทางตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และใจ

ในตอนนั้นผมเข้าใจว่า ผมดึงความสนใจทางอายตนะทั้ง ๕ มาไว้ในใจก็คือการดับวิญญาณไป ๕ ส่วน ส่วนในใจหรืออาจจะเรียกว่า มโนวิญญาณ (ไม่ทราบว่าผมเรียกถูกหลักวิชาการหรือไม่) ในตอนนั้นผมเข้าใจว่าหมายถึงความคิด

วิธีดับมโนวิญญาณคือไม่คิดอะไรในแบบที่เราไตร่ตรองรำพึงรำพันอะไรในใจของตนเองตามปกติ หรือเห็นนึกอะไรเป็นภาพในจินตนาการ ผมสังเกตว่าไม่ว่าทั้งคิดไตร่ตรองรำพึงรำพันในใจหรือนึกภาพสิ่งใดก็ตาม จะคิดไปไม่ได้ตลอด จะมีช่วงหยุดคิดก่อนที่จะขึ้นเรื่องใหม่เสมอ ช่วงดังกล่าวจะยาวสั้นก็ว่ากันไป ผมก็เลยพยายามตั้งอารมณ์จับเอาช่วงที่ไม่ได้คิดอะไรดังกล่าวนั้น

โดยถ้าหลุดจากสภาวะช่วงไม่คิดอะไรดังกล่าวหมั่นบอกตัวเองว่า ตาไม่เห็น, หูไม่ได้ยิน, จมูกไม่ได้กลิ่น, ลิ้นไม่รู้รส, กายไม่รู้สึก, ใจไม่คิด จับภาวะนั้นใหม่ประมาณ ๑ หรือ ๒ รอบก็ตั้งสมาธิได้ให้อยู่ในสภาวะว่างจากความคิดที่ว่านั้นพักหนึ่งต่อเนื่องน่าจะเป็นนาที ๆ จนกระทั่งผมเกิดเห็นตัวเลขขึ้น จึงหลุดออกจากสมาธิดังกล่าว แล้วรู้สึกว่าเสียดายอยากอยู่ในภาวะนั้นมากกว่าเห็นตัวเลข ผลปรากฏว่าตั้งอีกไม่ได้เลยในวันนั้น ผมอยากจะทราบว่า


ผมบังเอิญไปจับอรูปฌานระดับใดระดับหนึ่งเข้าหรือไม่ ถ้าใช่อยากทราบว่าเป็นอรูปฌานระดับใดครับ ?
ตอบ : แค่สมาธิเริ่มทรงตัวระดับอุปจารสมาธิตอนปลายเท่านั้น ไม่ใช่อรูปฌาน

ถาม : ถ้าใช่ตามข้อ ๑ สาเหตุที่ตั้งได้ไม่นานเพราะผมไม่ได้เข้ากสิณและเพิกกสิณตามแบบก่อนเข้าอรูปฌานใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เพราะไปสนใจเรื่องอื่นจนหลุดออกจากสมาธิ

ถาม : ถ้าใช่หากในอนาคตผมอยากเข้าอรูปฌานนี้อีกครั้ง หลังจากผมเตรียมตัวถึงขั้นเพิกกสิณตามแบบที่พร้อมจะภาวนาอรูปฌานได้แล้ว ผมควรภาวนาเข้าอรูปฌานในระดับตามข้อ ๑. นั้นแบบที่ผมได้ทำไปแล้วเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน หรือควรภาวนาแบบในวิสุทธิมรรคจะได้ผลดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : ดูคำตอบข้างบน

ถาม : เลขที่ว่านั้น ผมบอกพ่อแม่ พ่อแม่ได้นำไปซื้อหวยบนดิน ที่ตอนนั้นยังมีขายและถูกกฎหมายแล้วถูกรางวัล ถ้าเป็นอรูปฌานจะทำให้ได้ลาภผลเร็วกว่าภาวนาด้วยกรรมฐานกองอื่นที่เป็นรูปฌานหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นบุญของคนซื้อ ไม่ใช่บุญของคุณเอง..!
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว