#1
|
||||
|
||||
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ให้ทุกคนนั่งในท่าสบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๖ ญาติโยมมาปฏิบัติกรรมฐานกันน้อย เพราะว่ามี "ม็อบนกหวีด" กำลังตามยึดสถานที่ราชการต่าง ๆ กันอยู่ ซึ่งความจริงแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราให้ความสนใจ ก็จะสร้างความเครียดให้เกิดขึ้น เนื่องจากว่าข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามานั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นมุมมองของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่างคนก็ต่างเห็นว่าตนเองถูก ถ้าเราให้ความสนใจ ไปมีอารมณ์ร่วมด้วย ก็จะทำให้รัก โลภ โกรธ หลง งอกงามขึ้นมาอย่างน่ากลัว วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ อยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้าของเรา ตาเห็นก็สักแต่ว่าเห็น หูได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน จมูกได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้นได้รสก็สักแต่ว่าได้รส กายสัมผัสก็สักแต่ว่าสัมผัส หยุดการครุ่นคิดของใจลง อยู่ที่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ถ้าเป็นดังนี้ เรื่องอื่นก็จะเป็นเรื่องไกลตัว เนื่องจากสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนี้อย่างไม่รู้จบ ทนทุกข์ทรมานแบบไม่เห็นต้นเห็นปลาย ดังนั้น..งานใหญ่ที่สุดของเราก็คือ ทำอย่างไรจะให้ก้าวล่วงออกจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ ก็แปลว่าเราต้องมาเร่งปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งย่อลงแล้วก็คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ทุกคนก็จำเป็นที่จะต้องทบทวนว่า ศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์ดีหรือไม่ ? ถ้าเรารักษาศีลบริสุทธิ์แล้ว เรายังยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีลหรือไม่ ? เมื่อเรารักษาศีลบริสุทธิ์ ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล เมื่อได้เห็นว่าผู้อื่นละเมิดศีล เรามีความยินดีด้วยหรือไม่ ? ถ้าเราระมัดระวังรักษาสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ สภาพจิตที่ประกอบไปด้วยสติสัมปชัญญะ ก็ย่อมทำให้สมาธิทรงตัวได้ง่าย เมื่อสมาธิทรงตัวแล้ว หน้าที่ของเราก็คือ นำเอากำลังสมาธินั้น ไปพิจารณาตัดกิเลส เนื่องจากว่า ถ้าเราไม่นำกำลังสมาธิไปตัดกิเลส กิเลสคือรัก โลภ โกรธ หลง ก็จะขโมยกำลังสมาธินั้นไปใช้ ทำให้เราฟุ้งซ่านไปใหญ่โต ชนิดรั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ เพราะกิเลสได้กำลังไปแล้วจะแข็งแรงมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-12-2013 เมื่อ 15:35 |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ดังนั้น..พวกเราทุกคนควรจะเข็ด ควรจะกลัว ควรจะเบื่อหน่าย ในสภาพของบ้านเราเมืองของเรา ที่วุ่นวายหาที่สิ้นสุดไม่ได้ มีแต่จะทำให้ประเทศชาติถดถอย มีแต่จะทำให้ต้องลำบากในการทำมาหากินมากขึ้นอีกหลายเท่า เมื่อเรารู้จักเข็ด รู้จักกลัว รู้จักเบื่อ เราก็ควรที่จะแสวงหาทางหลุดพ้น ซึ่งก็คือเราจะต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังที่กล่าวมาแล้ว โดยตั้งกำลังใจเอาไว้ตอนท้ายว่า ถ้าเราตายลงไปเมื่อไร ขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานเท่านั้น
เมื่อกำลังใจของเราแน่วแน่มั่นคงต่อเป้าหมายแล้ว ก็มาดูลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก ถ้ามีลมหายใจอยู่ กำหนดรู้ตามลมหายใจไป จะเป็น ๓ ฐาน ๕ ฐาน ๗ ฐาน หรือไม่เอาฐานเลยก็ได้ ถ้ามีคำภาวนาอยู่ กำหนดคำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจขาดหายไป คำภาวนาขาดหายไป ก็กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ ว่าตอนนี้ลมหายใจไม่มี คำภาวนาไม่มี อย่าไปดิ้นรนหาลมหายใจใหม่ แล้วในขณะเดียวกัน ก็อย่าอยากให้เข้าไปถึงสภาพอย่างนั้น ให้ทำใจสบาย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนกำลังใจจะได้แค่ไหนก็ไม่เป็นไร ได้มากก็เอามาก ได้น้อยก็เอาน้อย เป็นต้น ขอให้ทุกคนรักษาสภาพกำลังใจของตน เกาะพระนิพพาน เกาะภาพพระไว้เป็นปกติ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2013 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
สามารถรับชมได้ที่
http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2556-11-29 ป.ล. - สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้ - ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด ! |
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|