#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล หรือวันวิสาขบูชา
อีกสักครู่หนึ่ง หลังจากเจริญพระกรรมฐานเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นการทำวัตรเช้า หลังจากนั้นแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะจัดสถานที่เพื่อเตรียมมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนทั้ง ๓๐ โรงเรียน แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เมื่อฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพจะเข้าสู่อุโบสถ เพื่อทำการปลุกเสกพระยอดขุนพลกาญจนบุรี ที่ท่านทั้งหลายได้ทำการจองบูชาไปแล้ว ๒ เนื้อ ก็คือ พิมพ์ใหญ่ เนื้อสีขาว แก่ผงพุทธคุณ กับ พิมพ์ใหญ่ เนื้อสีดำ แก่ผงดินกากยายักษ์ ซึ่งท่านทั้งหลายที่จับจองไว้ ก็จะได้รับการส่งให้ตั้งแต่พิธีเสร็จเรียบร้อยเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ว่าสามารถบรรจุกล่องให้กับพวกท่านได้เร็วช้าเท่าไร อีกส่วนหนึ่งก็จะมอบหมายให้กับเจ้าหน้าที่จัดจำหน่ายบริเวณวัดนี้เลย ก็คือพิมพ์ใหญ่ แก่ผงดินกากยายักษ์ ฝังตะกรุดทองคำ หรือที่บางคนเรียกว่าพิมพ์กรรมการ ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้รับอนุญาตให้สร้างแค่ ๕๐๐ องค์เท่านั้น แม้ว่าทางโรงงานจะสร้างเกิน เผื่อเอาไว้ว่าถ้าตรวจประเมินแล้วมีชำรุด จะได้ทดแทนกันได้ แต่ปรากฏว่าทุกองค์ที่เกินมานั้นแตกร้าวหมด..! ดังนั้น...สิ่งหนึ่งประการใดที่พระหรือว่าครูบาอาจารย์ท่านบอกท่านกล่าวเอาไว้ อนุญาตให้แค่ไหนก็ควรที่จะกระทำกันแค่นั้น แต่เจ้าของโรงงานจำเป็นต้องทำเผื่อ เนื่องจากว่ามีประสบการณ์ในงานมามาก แต่ไม่คิดว่าวัตถุมงคลของวัดท่าขนุนนั้น สั่งเท่าไรก็ต้องทำแค่นั้น ไม่สามารถที่จะทำเกินได้ ส่วนที่ชำรุดเสียหาย มีรอยแตกนั้น ถ้ากระผม/อาตมภาพมีเวลาว่างก็จะทำการเชื่อมประสานรอยแตก และอาจจะมีการจารเพิ่มเติมให้ ขอบอกว่าจะจำหน่ายในราคาที่แพงกว่าปกติด้วย..! อีกพิมพ์หนึ่งก็คือ พิมพ์เล็ก แก่ผงดินแก่กากยายักษ์ ซึ่งสร้างเอาไว้จำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์ ก็จะเปิดจำหน่ายในทันทีทันใดที่ทำพิธีปลุกเสกเสร็จสิ้นเช่นกัน รายได้จากการจำหน่ายพระยอดขุนพลกาญจนบุรี ทุกเนื้อ ทุกพิมพ์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะนำลงร่วมในการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งทางผู้รับเหมาได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นต้นมา สิ้นเดือนนี้ก็จะต้องจ่ายเงินงวดแรกให้กับทางผู้รับเหมาเป็นจำนวน ๘ ล้านบาท
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-05-2022 เมื่อ 23:34 |
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
อีกสิ่งหนึ่งที่จะกระทำในช่วงก่อนพุทธาภิเษกก็คือ การบวงสรวงไหว้ครูประจำปี พระภิกษุสามเณรของเรา จนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ครูนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในชีวิตของเรา ครูคนแรกคือแม่ ครูคนที่สองคือพ่อ ครูบาอาจารย์ที่อบรมให้การศึกษาของเรานั้น ถือว่าเป็นครูคนที่สาม
ดังนั้น...จึงมีบุคคลกล่าวถึงคุณครูทั้งหลายว่า เป็นผู้มีพระคุณที่สาม บางท่านอาจจะไม่รู้ว่า "พระคุณที่สาม" นั้นมาจากอะไร ก็ขอให้เข้าใจไว้ตามที่กระผม/อาตมภาพได้บอกกล่าวไปแล้ว คราวนี้การไหว้ครูตามสายกรรมฐานตั้งแต่ยุคหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มาจนถึงยุคของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง พระท่านให้ใช้วันเสาร์ที่ตรงกับขึ้น ๕ ค่ำ จะเป็นเดือนใดก็ได้ ถ้าหากว่าตรงกับเดือน ๕ ได้ก็ยิ่งดี เขาเรียกกันว่ากระทิงวัน เป็นวันที่แรงขึ้นเป็น ๒ เท่า หรือว่าถ้าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง ก็ยิ่งดีหนักเข้าไปอีก เรียกว่าตรีวัน คือวัน เดือน ปี ตรงกันทั้งหมด ก็ถือว่าจะเป็นวันที่แรงขึ้นเป็น ๓ เท่าของวันเสาร์ ๕ ปกติ ถ้าหากว่าในวันเสาร์ ๕ นั้น เราติดภารกิจสำคัญจริง ๆ ไม่สามารถจะทำการไหว้ครูประจำปีได้ ท่านให้จัดงานไหว้ครูในวันวิสาขบูชา ถ้าวันเสาร์ ๕ หรือว่าวันวิสาขบูชาเราติดภารกิจสำคัญจริง ๆ พระท่านให้จัดงานไหว้ครูประจำปีในวันมาฆบูชา ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบว่า ตามสายกรรมฐานของเราที่พอจะสืบสาวไปได้ชัดเจน ตั้งแต่ยุคหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มาจนถึงยุคหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เราได้รับอนุญาตให้ไหว้ครูภายใน ๓ วันนี้เท่านั้น ถ้านอกเหนือจากนี้ แปลว่านอกสายกรรมฐาน นอกสายครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้สืบ ๆ กันมา ส่วนบางท่านอาจจะมีครูหลายสาย หลายสาขาวิชา ส่วนอื่นก็ไหว้ครูไปตามสายวิชาที่ได้กำหนดเอาไว้ เหตุที่ปีนี้กระผม/อาตมภาพไม่ได้จัดงานไหว้ครูในวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ ทั้ง ๆ ที่มีอยู่ถึง ๒ วัน ก็ด้วยสาเหตุที่ว่า เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ นั้นยังแพร่ระบาดรุนแรงอยู่ การไหว้ครูที่ไม่ได้จัดอย่างเป็นทางการมาหลายปี ถ้าจัดขึ้นมาเมื่อไร ญาติโยมจำนวนเป็นหมื่นก็จะแห่มารวมกันอยู่ที่เดียว ถ้าเกิดการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ที่เรียกกันว่า "คลัสเตอร์" ถ้าอย่างนั้นก็จะทำให้กลายเป็นจุดตำหนิของสังคมขึ้นมาทันที หรือว่าหลายท่านที่ขาดสติสัมปชัญญะ ก็อาจจะก่อมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ด้วยการคิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย ต่อสิ่งที่ตนเองก็นึกไม่ถึงว่าจะก่อให้เกิดทุกข์เกิดโทษแก่ตนในภายหลังอย่างไรบ้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2022 เมื่อ 02:35 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงได้ตัดสินใจว่า ในเมื่อพระยอดขุนพลกาญจนบุรีของทางวัดท่าขนุน สำเร็จเสร็จสิ้นลงทันกับงานวิสาขบูชา ก็จะทำการบวงสรวงปลุกเสกในวันวิสาขบูชานี้ ในเมื่อมีเครื่องบวงสรวงครบถ้วน พร้อมสมบูรณ์อยู่แล้ว ก็ควรที่จะทำการไหว้ครูไปด้วยกันเสียทีเดียว เพื่อไม่ให้เกิดการห่วงหน้าพะวงหลัง เมื่อไหว้ครูไปแล้ว ก็แปลว่าปีนี้เราได้กระทำหน้าที่ครบถ้วนตามคำสั่งครูบาอาจารย์แล้ว ส่วนหลังจากนี้ท่านจะสั่งอย่างไรต่อไป ก็ต้องแล้วแต่ความเมตตา
สำหรับภาวะสงครามที่เกิดขึ้นและจะลุกลามใหญ่โตต่อไปในภายภาคหน้า ส่งผลกระทบให้เดือดร้อนกันไปทั้งโลก กระผม/อาตมภาพจึงได้ตั้งใจกราบขอบารมีพระ ให้อนุเคราะห์สงเคราะห์ในการปลุกเสกวัตถุมงคล คือพระยอดขุนพลกาญจนบุรีทุกเนื้อทุกพิมพ์ที่เข้าพิธีอยู่ โดยไม่มีวัตถุมงคลอื่นแทรกแซงอยู่เลย นอกจากไม้เท้าประจำตัวที่แกะสลักจากงาช้าง ด้านบนเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณประทับยืน ซึ่งมีผู้เมตตาสร้างถวาย เพราะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพแก่ได้ที่แล้ว ก็จะเป็นสิ่งเดียวที่เกินมาในพิธีครั้งนี้ ส่วนอื่นนั้น ก็คือวัตถุมงคลรุ่นนี้ทุกเนื้อทุกพิมพ์ซึ่งไม่ได้มีมากมาย ก็คือจะประกอบไปด้วย พิมพ์ใหญ่ เนื้อแก่ผงดินกากยายักษ์ ฝังตะกรุดทองคำ จำนวน ๕๐๐ องค์ พิมพ์ใหญ่ เนื้อแก่ผงพุทธคุณสีขาว จำนวน ๓,๐๐๐ องค์ พิมพ์ใหญ่ เนื้อแก่ผงดินกากยายักษ์สีดำ จำนวน ๓,๐๐๐ องค์ พิมพ์เล็กสีดำ เนื้อแก่ผงดินกากยายักษ์ จำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์ ส่วนเกินที่เป็นพิมพ์นำฤกษ์ เป็นการทดสอบแม่พิมพ์และเป็นส่วนที่ชำรุดอีกไม่กี่องค์เท่านั้น ผู้ใดที่ต้องการวัตถุมงคลซึ่งตรงกับสถานการณ์โลก ก็คือรับกับภาวะสงครามอย่างหนึ่ง รับการความเดือดร้อนวุ่นวายของโลกในด้านต่าง ๆ อีกอย่างหนึ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-05-2022 เมื่อ 23:34 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ถ้าหากว่ายังมีเงิน มีปัจจัยเหลือเพียงพอ ต้องการที่จะร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต ไม่ว่าจะในส่วนของ ๓๑ ภพภูมิบวกพระนิพพาน หรือในส่วนของหลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน หรือว่าในส่วนพระราชประวัติของในหลวงรัชกาลที่ ๙ พร้อมกับผลงานตลอด ๗๐ ปีครองราชย์ หรือว่าในส่วนของเครื่องรางของขลังที่มีเอาไว้ให้พวกเราได้ศึกษากัน ก็สามารถที่จะร่วมในกองบุญการกุศลนี้ได้
ถ้าหากว่าเป็น พิมพ์ใหญ่ เนื้อแก่ผงดินกากยายักษ์ ฝังตะกรุดทองคำ ออกให้ทำบุญ ๕,๐๐๐ บาทต่อ ๑ องค์ ส่วน พิมพ์ใหญ่ แก่ผงพุทธคุณ และ แก่ผงดินกากยายักษ์ ยังจะให้บูชาในราคาเดิมที่ท่านทั้งหลายได้เคยจองบูชาไปแล้ว ส่วน พิมพ์เล็ก แก่ผงดินกากยายักษ์ จำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์นั้น จะให้บูชาองค์ละ ๕๐๐ บาท ซึ่งต่อให้สามารถออกได้ครบถ้วนทุกองค์ ไม่มีหลงเหลือเลย ก็ได้เพียงเศษเสี้ยวของพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งเซ็นสัญญาดำเนินการสร้างในระยะแรกเริ่มไป ๑๕๕ ล้านบาท ในส่วนอื่นที่ต้องสร้างเพิ่มเติมขึ้นมายังมีอยู่อีกมาก จึงแล้วแต่จิตศรัทธาของญาติโยมทั้งหลายว่าจะร่วมบุญด้วยมากน้อยประการใด สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2022 เมื่อ 02:39 |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|